สำหรับชายทั้งสองคนนี้ ปัจจุบันไป๋ชิงชางยังไม่สามารถหาวิธีต่อกรได้ จึงได้แต่เป็นเพียงหุ่นเชิดอยู่ในมือของพวกเขาหลังจากที่หวังหยวนจากไป เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบมาพากลเขาต้องรีบช่วยไป๋เฟยเฟยออกมาให้ได้ แต่การจะช่วยไป๋เฟยเฟยไม่ใช่เรื่องง่ายดายเขาเข้าใจดีว่าในวังหลวงขณะนี้มีจอมยุทธ์มากมายคอยเฝ้าอยู่สิ่งสำคัญที่สุดคือตอนนี้เขาไม่รู้ว่าไป๋เฟยเฟยอยู่ที่ใด หากลงมือโดยไม่คิดหน้าคิดหลังก็เท่ากับเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหวังหยวนกลับไปที่โรงเตี๊ยม แล้วสั่งการให้องครักษ์ที่ติดตามตนไปแจ้งสถานการณ์ให้เสวี่ยเชียนหลงทราบโดยเร็วและให้นางส่งข่าวไปยังเทียนไว่เทียน เพื่อถามชิงอีว่ามีผู้ใดจากเทียนไว่เทียนเข้ามาแทรกแซงอำนาจในราชสำนักหรือไม่ระหว่างที่รอคอย หวังหยวนก็พยายามสืบหาว่าองค์หญิงถูกคุมขังอยู่ที่ใดแต่ไม่ว่าเขาจะสืบหาอย่างไรก็ไม่มีข่าวคราวใด ๆ เลยหลังจากที่เสวี่ยเชียนหลงได้รับข่าวที่หวังหยวนส่งมา นางก็รีบนำจดหมายไปให้นักพรตชิงอีด้วยนกพิราบสื่อสารเมื่อนักพรตชิงอีเห็นจดหมายที่เสวี่ยเชียนหลงส่งมาก็ขมวดคิ้วมุ่นเทียนไว่เทียนและซานไว่ซานมีกฎห้ามไม่ให้เข้าไปแทรกแซงอำนาจในราชสำนักเด็ดขา
“คุณชาย พวกเราแพร่ข่าวที่ท่านสั่งไปแล้ว ตอนนี้ทั้งเมืองหลวงน่าจะรู้ข่าวนี้แล้วขอรับ”“ดีมาก! ข้าจะไปดูสักหน่อยว่าตอนนี้เมืองหลวงวุ่นวายแค่ไหน!”หวังหยวนตบโต๊ะเบา ๆ จากนั้นก็สั่งให้องครักษ์ติดตามตนไป พวกเขาจะออกไปดูความวุ่นวายด้วยกันเพิ่งลงมาที่ชั้นล่างก็ได้ยินเสียงชาวบ้านที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยมพูดคุยกันถึงข่าวการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิง“พวกเจ้าได้ยินหรือไม่? องค์หญิงของเราสิ้นพระชนม์แล้ว และสิ้นพระชนม์อย่างอนาถมากด้วย!”“ข่าวนี้จริงหรือเปล่า? เจ้าได้ยินมาจากไหน?”“จริงแน่นอน ตอนนี้ทั้งเมืองหลวงรู้กันหมดแล้ว เจ้ายังไม่รู้หรือ? เจ้านี่ตกข่าวเสียแล้วนะ!”“แล้วองค์หญิงสิ้นพระชนม์ได้อย่างไร?”“ได้ยินว่าองค์หญิงสิ้นพระชนม์เพราะความโศกเศร้าจากการสิ้นพระชนม์ของฮ่องเต้พระองค์ก่อน สุดท้ายก็สิ้นพระชนม์เพราะตรอมใจ” “ไม่จริงไม่จริง ข่าวที่เจ้าได้ยินมาจากไหนกัน? องค์หญิงถูกฮ่องเต้สังหารต่างหาก แม้ว่าท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์จะเป็นน้องสาว แต่ก็เป็นธิดาของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ได้ยินว่าฮ่องเต้ของเราตอนนี้ฆ่าบิดาเพื่อแย่งชิงบัลลังก์!”เมื่อได้ยินข่าวลือเหล่านี้ หวังหยวนก็ตกใจไม่คิดว่
“พวกเจ้าพูดเรื่องไร้สาระกันอยู่หรือ? ขณะนี้องค์หญิงทรงพักผ่อนอยู่ในตำหนักดีอยู่แล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่ฝ่าบาทจะทรงประหารพระองค์?”นางกำนัลขององค์หญิงก้าวเข้ามาตะโกนเสียงดัง ทุกคนจึงคุกเข่าลงกับพื้นแม้ว่านางกำนัลผู้นี้จะมีฐานะเทียบเท่ากับพวกเขา แต่ก็เป็นผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดองค์หญิง จึงสูงส่งกว่าพวกเขาอยู่ขั้นหนึ่งเหล่าข้าทาสเหล่านี้ต่างตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้จะอธิบายเรื่องราวเหล่านี้อย่างไร พวกเขาเพียงได้ยินมาเท่านั้น ไม่ทราบว่าเป็นความจริงหรือไม่“พี่เสี่ยวฮวา โปรดอย่าโกรธไปเลย พวกเราเพียงพูดคุยกันเล่น ๆ ในยามว่างเท่านั้น พวกเราไม่ทราบว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นจริงหรือไม่!”“ในเมื่อไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือไม่ก็อย่าได้กระจายข่าวลือในวังหลวงเช่นนี้! ที่นี่คือวังหลวง ไม่ใช่ข้างนอก ระวังหัวของพวกเจ้าไว้ให้ดี หากข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้อีก ข้าจะนำไปฟ้ององค์หญิง!”เมื่อนางกำนัลขององค์หญิงกล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อแล้วจากไปนางต้องรีบกลับไปเล่าเรื่องนี้ให้องค์หญิงทราบ พวกเขากระทำการอุกอาจไร้ขอบเขต และข่าวลือจากภายนอกช่างเหลือเชื่อยิ่งนัก!นางต้องให้องค์หญิงและฝ่าบาทปรึกษาหารือกันเพื่อห
องค์หญิงตรัสเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เหตุใดจึงถามว่านางออกจากวังหลวงได้หรือไม่?“ข้าถามเจ้าว่าเจ้าออกจากวังหลวงได้หรือไม่?”เรื่องนี้สำคัญยิ่งสำหรับไป๋เฟยเฟย นางต้องหาคนที่ออกจากวังหลวงได้และไว้ใจได้!“บ่าวต้องอยู่เคียงข้างองค์หญิงตลอดเวลา ไม่สามารถออกจากวังหลวงได้เพคะ”เมื่อนางกำนัลตั้งสติได้แล้วก็ก้มหน้าตอบไป๋เฟยเฟยไป๋เฟยเฟยลังเลอีกครั้ง เรื่องนี้ยากยิ่งนักผู้ที่อยู่เคียงข้างนางไม่เหลือมากนัก และผู้ที่สามารถอยู่ใกล้ชิดนางได้ก็มีเพียงเสี่ยวฮวาคนนี้เท่านั้นหลังจากเงียบไปหลายนาที นางก็เงยหน้าขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วมองไปที่เสี่ยวฮวาข้าง ๆเสี่ยวฮวารู้สึกงุนงงกับการกระทำขององค์หญิงไป๋เฟยเฟยลุกจากเตียง แล้วเดินไปหาเสี่ยวฮวา จากนั้นก็จับมือของนางแล้วค่อย ๆ ประคองนางให้ลุกขึ้น“เสี่ยวฮวา เจ้าติดตามข้ามาตั้งแต่เยาว์วัย ข้าปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร?”“องค์หญิงตรัสเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรเพคะ? องค์หญิงทรงปฏิบัติต่อเสี่ยวฮวาดุจพี่สาวแท้ ๆ เสี่ยวฮวาซาบซึ้งยิ่งนักเพคะ!”หากไม่มีไป๋เฟยเฟย เสี่ยวฮวาคงตายไปนานแล้ว ดังนั้นนางจึงรู้สึกขอบคุณยิ่งนัก และไป๋เฟยเฟยก็เป็นเจ้านายที่มีเมตตาเ
เช้าวันรุ่งขึ้น เสี่ยวฮวาได้มาเฝ้าอยู่ที่ข้างเตียงขององค์หญิง“องค์หญิง เมื่อคืนบ่าวคิดทั้งคืนจนได้หนทางอันพอใช้ได้แล้ว ขอองค์หญิงโปรดร่วมมือด้วยเถิดเพคะ!”เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋เฟยเฟยจึงรีบเปิดม่านเตียงออก แล้วบอกให้เสี่ยวฮวารายงานโดยละเอียดขณะเดียวกันนั้น หวังหยวนยังคงเฝ้าคอยข่าวคราวของไป๋เฟยเฟยอย่างใจจดใจจ่อ ไม่รู้ว่านางเข้าใจเจตนาของเขาหรือไม่ ไม่รู้ว่านางจะส่งข่าวออกมาได้หรือไม่“ช่วงนี้ไป๋ชิงชางคงฆ่าคนไปไม่น้อย แต่ผลลัพธ์กลับค่อนข้างดี หลังจากที่สังหารคนไปหลายคน ข่าวลือก็เงียบหายไป ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวถึงเรื่องที่องค์หญิงสิ้นพระชนม์อีกต่อไป”หวังหยวนรำพึงกับตนเองในโรงเตี๊ยมเขากังวลนักว่าไป๋เฟยเฟยจะไม่เข้าใจเจตนาของเขา หากเป็นเช่นนั้น เขาก็จะไม่รู้ที่อยู่ปัจจุบันของนางแล้วก็จะไม่สามารถช่วยเหลือนางได้ รวมถึงไม่รู้ว่าเกิดเหตุใดขึ้นกับตระกูลไป๋กันแน่โลกนี้ช่างลี้ลับเหลือเกิน เขาเพิ่งจากไปเพียงไม่กี่เดือน แต่กลับเกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ แม้แต่ฮ่องเต้ยังเปลี่ยนไปแล้วเขาชกกำปั้นลงบนโต๊ะด้วยความโกรธไป๋ชิงชางกำลังทำสิ่งใดกันอยู่กันแน่?แม้ว่าเขาจะมีเหตุผลจำเป็น ห
แต่ผู้ฝึกยุทธชั้นสูงกลับใช้โอกาสนี้เหยียบมือของเขา แล้วเตะเข้าที่ศีรษะของเขาอย่างแรงพละกำลังของคนผู้นี้ช่างมากมายนัก หวังหยวนเกือบจะทรงตัวไม่ได้แต่หวังหยวนก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็วและกลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้เขาฟาดกระบองลงไปอย่างแรงที่แขนขวาของผู้ฝึกยุทธชั้นสูงผู้ฝึกยุทธชั้นสูงไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บเล็กน้อยนี้ แต่กลับเลือกที่จะโจมตีต่อไป วิธีการโจมตีของเขาคล้ายคลึงกับคนก่อนหน้าทั้งสองคนนี้คงมาจากสำนักเดียวกัน“หรือว่าเจ้ามีฝีมือเพียงแค่นี้? หากมีเพียงแค่นี้ ข้าขอแนะนำให้เจ้ารีบหนีไปเถิด ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องตายอย่างน่าอนาถ!”ผู้ฝึกยุทธชั้นสูงเยาะเย้ยหวังหยวน หวังหยวนไม่ได้สนใจ แต่ยังคงมุ่งมั่นในการโจมตีต่อไปเขายังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชากระบองสัปดนของเขาเลย แล้วจะให้หนีไปได้อย่างไร?หลังจากโจมตีไปหลายครั้ง หวังหยวนก็พบว่าคู่ต่อสู้มีฝีมือดีจริง จึงต้องต่อสู้ด้วยความจริงจัง จากนั้นจึงเปลี่ยนวิธีการถือกระบอง“โอ้โห ท่าทางการถือกระบองของเจ้าช่างสัปดนยิ่งนัก หรือว่านี่เป็นวิทยายุทธ์ที่เจ้าคิดค้นขึ้นเอง?”เมื่อเห็นท่าทางการถือกระบองสัปดนของหวังหยวน ผู้ฝึกยุทธชั้นสูงก็หัวเราะอย่างบ้าค
เมื่อหวังหยวนกลับออกมาจากวังหลวงแล้ว จึงได้สอบถามข่าวคราวของไป๋เฟยเฟยจากลูกน้อง แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ แม้แต่น้อยในอีกด้านหนึ่ง สาวใช้ได้แจ้งแผนการของตนให้กับองค์หญิงทราบแล้ว ไป๋เฟยเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่แน่ใจว่าแผนการนี้จะสำเร็จหรือไม่ แต่ในเวลานี้พวกนางก็ไม่มีหนทางอื่นใดอีกแล้ว จึงทำได้เพียงแต่ลองดูเท่านั้นจากนั้นทั้งสองก็เดินมาที่ห้องโถง แล้วไป๋เฟยเฟยก็เริ่มร้องครวญครางพร้อมกับกุมท้อง แสร้งทำเป็นว่าเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ส่วนเสี่ยวฮวาแสร้งทำท่าทางราวกับกังวลใจเป็นอย่างมาก“องค์หญิง องค์หญิงเป็นอะไรไปเพคะ องค์หญิง! มานี่เร็วเข้า มาช่วยเร็ว!”เสี่ยวฮวาแบกองค์หญิงไว้ แล้วตะโกนออกไปนอกประตู เมื่อคนข้างนอกได้ยินเสียงก็รีบวิ่งเข้ามาในทันที“เกิดอะไรขึ้น?”“ไม่รู้ว่าองค์หญิงเป็นอะไร จู่ ๆ ก็เอามือกุมท้องแล้วบอกว่าเจ็บปวดมากจนแทบจะสิ้นสติ ท่านใต้เท้าโปรดเมตตา อนุญาตให้บ่าวออกไปตามหมอเถิดเจ้าค่ะ!”การแสดงของเสี่ยวฮวาและไป๋เฟยเฟยนั้นเรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียวเสี่ยวฮวาร้องไห้เสียงดังมาก ส่วนไป๋เฟยเฟยก็ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดนั้นดังไม่แพ้กันคนที่อยู่ข้างนอกเริ่มลังเลอยู่บ
เสี่ยวฮวาเปิดผ้าคลุมแล้วจึงมุดออกมา คนเหล่านั้นไม่มีใครสังเกตเห็นนางนางสอบถามชาวบ้านไปตลอดทาง จึงได้รู้ว่าร้านหม้อไฟตั้งอยู่ที่ใด แล้วนางก็รีบมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที!เมื่อมาถึงร้านหม้อไฟแล้วก็พบว่ามีผู้คนมาที่นี่มากมายจริง ๆชาวบ้านชอบมารับประทานอาหารที่นี่เป็นอย่างมาก และยังมีขุนนางและเศรษฐีอีกมากมายที่มารับประทานที่นี่เช่นเดียวกันหลังจากนางเดินเข้าในร้าน นางจึงตะโกนเรียกเจ้าของร้าน“เจ้าของร้าน เจ้าของร้าน ท่านอยู่หรือไม่? ข้ามีเรื่องจะแจ้งให้ท่านทราบ!” ในที่สุดเสียงตะโกนของเสี่ยวฮวาก็ดึงดูดความสนใจของเจ้าของร้าน เจ้าของร้านเพียงแค่เหลือบมองนางแวบเดียว ก่นจะพานางไปยังที่อื่น“แม่นาง เกิดอะไรขึ้นหรือไม่? ค่อย ๆ เล่ามาอย่างละเอียด”“องค์หญิงใช้ให้ข้าออกมาแจ้งว่าขณะนี้ถูกจองจำอยู่ในวังหลวง ทางทิศใต้ของวังหลวงในคฤหาสน์ที่อยู่ห่างไกลแห่งหนึ่ง ผูกเชือกสีแดงไว้ที่ต้นไม้ใหญ่หน้าประตู ขอให้เจ้าของร้านช่วยนำคำพูดเหล่านี้ไปแจ้งให้ท่านหวังหยวนทราบด้วยเจ้าค่ะ!”หลังจากพูดจบ เสี่ยวฮวาก็คุกเข่าลงทันที ขอร้องให้เจ้าของร้านนำคำพูดเหล่านี้ไปส่งให้ครบถ้วนเจ้าของร้านเป็นคนใกล้ชิดของหวังหยว
“แต่น่าเสียดายที่วีรบุรุษเช่นเจ้ากลับติดตามเจ้านายที่ไม่คู่ควร จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้!”“ข้าขอเตือนอีกครั้ง หากเจ้ายินดีมาอยู่กับข้าหรือบอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ ข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้าอีก!”หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใดแค่นี้ก็สาสมแล้วลั่วเฉินน่าสงสารยิ่งกว่าโอวหยางอวี่ อย่างน้อยโอวหยางอวี่ยังได้ตายอย่างรวดเร็ว!แต่ลั่วเฉินเล่า?ตอนนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด สภาพของเขาย่ำแย่มาก มีลมหายใจอยู่ก็เหมือนรอวันตายการมีชีวิตอยู่ยังทรมานยิ่งกว่าการตาย!“เลิกคิดเถิด!”“ข้าจะไม่ยอมแพ้!”ลั่วเฉินใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะโกนด้วยความโกรธ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ตามใจเจ้า”“ข้าอยากรู้ว่ากระดูกเจ้าจะแข็งได้สักกี่น้ำ”พูดจบหวังหยวนก็ไม่เสียเวลากับลั่วเฉิน พาหลิ่วหรูเยียนเดินออกจากคุกระหว่างทาง ทั้งสองไม่ได้หันไปมองตานสยงเฟยต่อไปแค่เค้นถามลั่วเฉินก็พอแล้ว หากไม่ได้ผลค่อยไปหาตานสยงเฟย!เพราะตานสยงเฟยจัดการยากกว่าลั่วเฉินมาก!ตานสยงเฟยรู้ดีว่าที่ซ่อนทรัพย์สมบัติคือเครื่องช่วยชีวิตของเขา ตราบใดที่เขายังปากแข็ง หวังหยวนก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้!นี่คือประโยชน์อย่างเดียวของเขา!เขาต้องเก็บไพ่ตายใบนี้ไว้ ไม
“อะแฮ่ม”หวังหยวนกระแอม แล้วรีบแต่งตัว ไม่ได้ตอบคำถามของหลิ่วหรูเยียนจะให้เขาตอบเช่นไร?หรือว่าเขาเป็นคนไร้หัวใจ?แต่เมื่อนึกถึงภรรยาหลายคนที่บ้านก็รู้สึกหนักใจ เพิ่งจะแต่งงานกับเสวี่ยเชียนหลงยังไม่ถึงปี ก็มีหญิงงามมาเพิ่มอีกคน แล้วจะอธิบายกับภรรยาอย่างไร!แต่จะเดินจากไปง่าย ๆ เลยก็คงไม่ดีหรือไม่?หวังหยวนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คงต้องตัดสินใจในภายหลัง“จริงสิ”“ข้าต้องไปที่คุก เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่?”หวังหยวนมองหลิ่วหรูเยียน แล้วเอ่ยถาม“แน่นอน!”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าอยากเห็นลั่วเฉินถูกทรมานเพื่อระบายความแค้น!”ไม่นานทั้งสองก็มาถึงคุกต่งอวี่รีบเข้ามาต้อนรับ เมื่อเห็นหวังหยวนก็โค้งคำนับ แล้วกล่าวว่า“ท่านผู้นำ!”“เมื่อคืนข้าอยู่ที่นี่ตลอด ใช้บทลงโทษต่าง ๆ นานากับลั่วเฉินจนเขาบาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับปากแข็งไม่ยอมปริปากเลยขอรับ!”“หากไม่ใช่เพราะเขาใกล้จะตายเต็มทน เราคงไม่ปล่อยให้เขาพักหรอกขอรับ”ต่งอวี่กล่าวด้วยความโกรธช่างน่าโมโหนัก!เขาใช้ความอำมหิตไปเกือบหมดแล้ว แต่ลั่วเฉินก็ยังปากแข็ง!ปากอย่างกับแม่กุญแจ!ยากที่จะแงะออกจริงๆ!เขารู้สึกหนัก
ต่งอวี่รับคำแล้วพาลั่วเฉินไปที่คุกก็แค่พวกกระดูกแข็งเท่านั้น!หากใช้การทรมานเข้าช่วยก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครทนได้ กระดูกจะแข็งเพียงใดกัน?หากทนได้ แสดงว่าแค่ทรมานไม่มากพอ!“ข้าคิดว่าเขาคงไม่ยอมเปิดปาก”“แม้ว่าท่านจะฆ่าเขา เขาก็คงไม่บอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ”หลิ่วหรูเยียนเดินไปข้างหวังหยวน มองคนพาตัวลั่วเฉินออกไป แล้วกล่าวต่อว่า “เขาไม่ใช่คนอย่างโอวหยางอวี่ นับว่าเป็นขุนพลที่กล้าหาญและซื่อสัตย์“หวังหยวนพยักหน้า เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?แต่จำต้องลองดูสักครั้ง“เจ้าจัดการโอวหยางอวี่ไปแล้วหรือ?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามด้วยรอยยิ้ม“ใช่แล้ว”“เขายังหวังจะให้นึกถึงความสัมพันธ์ในอดีต ใช้คำพูดโน้มน้าวข้า แต่น่าเสียดายตอนนี้ใจข้าแข็งดั่งหิน ต้องการแค่ล้างแค้นให้บิดามารดา ทวงความยุติธรรมให้พวกท่านเท่านั้น!”“ในสายตาข้า ชีวิตคนของพรรคทมิฬไร้ค่า!”“ไม่ต้องพูดถึงโอวหยางอวี่ แม้แต่ตานสยงเฟย ข้าก็จะฆ่าเขา!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่นความแค้นในการฆ่าบิดาไม่อาจลืมเลือน จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?หวังหยวนยกยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี”“แต่หล
“เพียะ เพียะ เพียะ!”หลิ่วหรูเยียนไม่พูด เพียงแค่ยกมือขึ้นตบหน้าโอวหยางอวี่หลายครั้งจนหน้าบวมปูด!ทหารหลายคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างมองโอวหยางอวี่ด้วยสายตาเย็นชาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะตัวเขาเอง!แต่ต้องยอมรับว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นสตรีที่แข็งแกร่ง ไม่ควรไปยั่วยุนาง!“เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ข้าจึงจะให้เจ้าตายอย่างสงบ!”“ไม่เช่นนั้นข้าจะทรมานเจ้าให้การมีชีวิตยังดีกว่าตาย!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยความโกรธแค้นคนของพรรคทมิฬล้วนไม่ใช่คนดีสักคน ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง!ตอนนี้นางแค่อยากฆ่าคนระดับสูงของพรรคทมิฬให้หมด!“น้องหรูเยียน...”โอวหยางอวี่ตะโกนอีกครั้ง แต่หลิ่วหรูเยียนลงดาบตัดหัวเขาขาดในดาบเดียว!คนชั่วช้าคนหนึ่งจบชีวิตลง!“หัวหน้าองครักษ์คนหนึ่งจากในสี่คน! ก็แค่นี้!”หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจ ไม่เอ่ยคำใด นางโยนดาบทิ้ง แล้วเดินไปหาหวังหยวนตอนนี้หวังหยวนกำลังเผชิญหน้ากับลั่วเฉิน“หรูเยียนกลับมาแล้ว โอวหยางอวี่คงตายแล้ว”“คนเช่นนั้น ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย”หวังหยวนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มลั่วเฉินหัวเราะลั่น แล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว! คนทรยศ ขี้ขลาดเช่นนั้น ไม่ฆ่าเขา แล้วจะฆ่าใคร?”“เ
“เท่าที่ข้ารู้ พรรคทมิฬมีทรัพย์สมบัติมากมาย!”“วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อถามว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”“ก่อนที่ข้าจะบุกหน้าผา ได้ยินว่าของพวกนั้นถูกขนย้ายไปแล้วจริงหรือไม่?”หวังหยวนมองไปที่โอวหยางอวี่ แล้วถามตรงประเด็นโอวหยางอวี่พูดไม่ออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เอ่ยคำใด“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น“โอวหยางอวี่!”“เจ้าคิดว่าท่านประมุขไม่รู้ความทะเยอทะยานของเจ้าหรือ?”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ จะบอกคนชั่วเช่นเจ้าได้อย่างไร?”“ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะประจบสอพลอก็คงไม่มีโอกาสแล้วกระมัง?”นี่...โอวหยางอวี่รู้สึกจนใจ หน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้ที่ซ่อนทรัพย์สมบัติจริง ๆ!ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกหวังหยวนไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด!หวังหยวนจะมองความคิดของโอวหยางอวี่ไม่ออกได้อย่างไร?เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเตะโอวหยางอวี่ แล้วหันไปพยักหน้าให้หลิ่วหรูเยียน เขาชี้ไปที่โอวหยางอวี่ แล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้ประโยชน์ เจ้าจัดการเขาเถิด!”“จะปล่อยเขาไปหรือจะฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้า ไม่ต้องถามข้า!”หลิ่วหรูเยียนดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจมากส่วนโอวหยางอวี่กลับมีสีหน้าหวาดกลัว รีบ
“ได้เลย!”หวังหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงพาหลิ่วหรูเยียนไปยังสวนหลังบ้านเนื่องจากงานเลี้ยงยังไม่เลิก ทุกคนยังคงดื่มกินอย่างสนุกสนาน หวังหยวนจึงใช้สวนหลังบ้านเป็นสถานที่สอบสวนไม่นานต่งอวี่ก็พาโอวหยางอวี่และลั่วเฉินมา ข้างหลังพวกเขามีทหารหลายคน“ท่านหวัง!”“ท่านโปรดอย่าทำร้ายข้าเลย!”“ก่อนหน้านี้ข้าตาบอด จึงได้ไปอยู่กับตานสยงเฟย แต่ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว หากท่านให้โอกาสข้า ต่อไปข้ายินดีรับใช้ท่านให้ดีที่สุดขอรับ!”“หากท่านไม่ต้องการใช้ข้าก็ปล่อยข้าไปเถิด ข้าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่าน และจะไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้ท่านแน่นอนขอรับ!”โอวหยางอวี่รีบคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตา!ครั้งก่อน แม้แต่ตอนอยู่บนหน้าผา เขาก็หมดอำนาจแล้ว ได้แต่ถูกขังอยู่ในห้องทุกวันแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพราะหวังหยวน แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาเป็นนักโทษ หากไม่สามารถพูดโน้มน้าวหวังหยวนได้ ต่อไปเขาก็คงมีแต่ต้องตายเท่านั้น!วันชื่นคืนสุขผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว!หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ ช่างเป็นคนขี้ขลาดนัก!เพิ่งจะพบหน้ากันก็คุกเข่าขอความเมตตาแล้วหรือ?ครั้งก
หวังหยวนเดินไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม“ข้าจำได้”“เพียงแต่...”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีลังเล ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างจากตอนนั้น ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลและรู้จักกาลเทศะ!”“ในเมื่อตานสยงเฟยมีประโยชน์ต่อท่าน ข้าจะฆ่าเขาเพื่อความสาแก่ใจเพียงครู่เดียวได้อย่างไร?”สุดท้ายหลิ่วหรูเยียนก็รีบวิ่งออกไป ไม่อยากเห็นหน้าตานสยงเฟยอีก!ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าตนเองจะอดใจไม่ไหว ลงมือฆ่าเขาจนทำลายแผนการของหวังหยวน!“เจ้าช่างโชคดี”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังรักษาหัวไว้บนบ่าได้”หวังหยวนมองตานสยงเฟยด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใด แล้วเดินออกไปข้างหลังมีเพียงเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของตานสยงเฟยในเมื่อเขามีไพ่ตายอยู่ในมือก็ไม่ต้องกลัวตาย!สักวันหนึ่ง เขาจะต้องเป็นอิสระ!...“ช้าก่อน!”หลังจากออกจากคุกแล้ว หวังหยวนก็รีบวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปหลิ่วหรูเยียนหันกลับมามองหวังหยวน แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “มีเรื่องอะไรอีกหรือ?”“ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า ในบรรดาคนของพรรคทมิฬที่พวกเราจับมาได้มีคนระดับสูงคนอื่น ๆ อีกหรือไม่?”พรรคทมิฬมีรากฐานที่แข็งแกร่ง มีสาวกมากมาย แสดงว่าคงคนม
ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็หัวเราะลั่น ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้เอง!“ดูเหมือนว่าข้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง สิ่งที่เจ้าต้องการคือทรัพย์สมบัติของข้างั้นหรือ?”“แต่ก็ดี พวกเรามาทำข้อตกลงกัน!”“หากเจ้าปล่อยข้าไป ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรทั้งหมดของข้าจะเป็นของเจ้า แต่หากเจ้าไม่ยอมรับข้อเสนอ เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งเหล่านั้น!”ตานสยงเฟยกล่าว พร้อมกับจ้องหน้าหวังหยวน“จริงสิ”“หลิ่วหรูเยียนกลายเป็นคนของเจ้าแล้ว หากเจ้าไม่เชื่อคำพูดข้าก็ลองถามนางดู ว่าทรัพย์สมบัติของข้ามากมายมหาศาลจริงหรือไม่!”“ถามดูก็รู้ผล!”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างมั่นใจเหตุผลที่เขาสามารถสร้างพรรคทมิฬและรวบรวมสาวกมากมายจนมีอิทธิพลในดินแดนทั้งเก้าได้ ก็เพราะเขามีทรัพย์สมบัติมหาศาล!แม้ว่าจะเทียบกับหวังหยวนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน!อย่างน้อยในดินแดนทั้งเก้าก็ยังมีที่ให้เขายืนหยัดในฐานะผู้นำ!หลิ่วหรูเยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังหยวนกำหมัดแน่น ไม่เอ่ยคำใด แต่ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความโกรธของนาง!ความแค้นเพราะบิดาถูกสังหารนั้นไม่อาจลืมเลือน!ศัตรูอยู่ตรงหน้า แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ ช่างไร้ความสามารถ!“เขาพูดจริงหรือ?”
หลายปีมานี้นางเชื่อคำพูดของตานสยงเฟยมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม้กระทั่งเกลียดชังบิดามารดาของตนเองด้วยซ้ำ!เหตุใดพวกเขาจึงทอดทิ้งนาง?ทำให้นางต้องระหกระเหินมานานหลายปี!แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นคำโกหกของตานสยงเฟย บิดามารดาของนางไม่ได้ทอดทิ้งนาง แต่ถูกตานสยงเฟยฆ่าตายต่างหาก!บัดนี้เมื่อความจริงปรากฏ นางจึงอยากไปเคารพหลุมศพของพวกเขา!เป็นการแสดงความกตัญญูและทำให้หมดห่วง“เป็นเช่นนี้เอง”หวังหยวนพยักหน้า“ได้!”“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าไปที่คุกเอง”“เพื่อป้องกันไม่ให้ตานสยงเฟยใช้อุบายอันใด”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีแปลกไป อาจจะถูกตานสยงเฟยชักจูงได้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า หวังหยวนจึงพานางไปที่คุกที่จวน ทุกคนยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน!ภายในคุกเนื่องจากตานสยงเฟยและพรรคพวกล้วนเป็นคนชั่ว หวังหยวนจึงสั่งให้ขังพวกเขาไว้ที่ชั้นใต้ดินของคุกที่นี่มักจะใช้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ยิ่งไปกว่านั้น การจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ช่างยากเย็นพอ ๆ กับการปีนสู่สวรรค์!“หวังหยวน!”“ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านปล่อยข้าไปเถิด!”“ต่อไปนี้ข้ายินดีอยู่เคียงข้างรับใช้ท่าน!”“