เมื่อได้ยินเสียงวุ่นวายจากด้านนอก ไป๋ชิงชางก็คาดเดาได้ทันทีว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นเพียงแต่เขาไม่คิดว่ายอดฝีมือในยุทธภพจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเช่นนี้เมื่อพวกผู้คุ้มกันของหวังหยวนมาถึง พวกเขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย รีบตรงเข้าไปต่อสู้ในทันทีทำให้องครักษ์เฝ้าหน้าห้องไป๋เฟยเฟยลดจำนวนลงไปไม่น้อย“ช่างไร้ประโยชน์นัก พวกเจ้าไร้สมองกันหรือไง? ทหารเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างน่าสงสัย แน่นอนว่าต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง พวกเจ้าบุ่มบ่ามเข้าไปเช่นนั้นแล้วทางด้านไป๋เฟยเฟยจะทำอย่างไร? หวังหยวนคงจะไปถึงที่นั่นแล้ว!”แท้จริงแล้วตั้งแต่เกิดข่าวลือแพร่สะพัดในครั้งก่อน เขาก็รู้แล้วว่าหวังหยวนจะไม่มีทางละทิ้งไป๋เฟยเฟย และในครั้งนั้นก็เป็นแผนการที่เขาสร้างขึ้นเพื่อให้ไป๋เฟยเฟยรู้ว่าเขากลับมาแล้วและยังคงตามหานางอยู่!ไป๋ชิงชางนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ข้างกายเขามีชายชุดดำเดินออกมาสองสามคน“พวกเจ้าจงไปตรวจสอบที่ห้องขององค์หญิงบัดเดี๋ยวนี้ หากองค์หญิงหลบหนีไปแล้ว จงรีบติดตามไปทันที ต้องนำองค์หญิงกลับมาให้ข้าให้ได้ ส่วนคนข้างกายนาง อย่าได้ทำร้ายพวกเขาเด็ดขาด!”เดิมทีไป๋ชิงชางคิดว่าครั้งนี้เขาคงได้ตัดความสัมพันธ์ก
นักพรตหัวโล้นไม่เข้าใจว่าหวังหยวนไปร่ำเรียนเคล็ดวิชาเหล่านี้มาจากที่ใด ทั้ง ๆ ที่ระดับการฝึกฝนเหมือนกับเขา แต่กลับสามารถต่อสู้กับคนสิบคนได้เพียงลำพัง!คนเช่นนี้ไม่ควรมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ไม่เช่นนั้นหากปล่อยให้เขาเติบโตขึ้น ก็จะกลายเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่สำหรับชาวซานไว่ซานอย่างพวกเขา!เมื่อคิดได้ดังนั้น สายตาของนักพรตหัวโล้นก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาหยิบกระบองของตัวเองขึ้นมาฟาดไปที่หวังหยวนโชคดีที่หวังหยวนสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากด้านหลังจึงหลบหลีกได้ทันมีคนมากมายเหลือเกิน หวังหยวนไม่สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้มากเกินไป ไม่เช่นนั้น หากไป๋ชิงชางมาถึงที่นี่ในอีกสักพัก ก็คงจะหนีออกไปไม่ได้อีกแล้วหวังหยวนมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นหยิบปืนออกมาจากเอวของตัวเองพวกเขาเคยได้ยินเรื่องนี้มานานแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดวิธีรับมือไม่ออก“อาวุธลับนี้ชั่วร้ายมาก พวกเจ้าทุกคนต้องระวัง จงล้อมหวังหยวนเอาไว้ แล้วเข้าโจมตีทีละคน!”เมื่อนักพรตหัวโล้นเห็นว่าหวังหยวนนำอาวุธลับออกมาก็ตกใจมาก รีบตะโกนสั่งให้คนรอบข้างทราบ เพื่อให้พวกเขาระมัดระวังอย่างยิ่งคนเหล่านั้นไม่ได้สนใจอาวุธลับของหวังหยวนเพร
ไป๋เฟยเฟยที่ยืนอยู่ด้านข้างทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว นางวิ่งเข้าไปกอดเอวของหวังหยวน แล้วบอกให้หวังหยวนไว้ชีวิตนักพรตหัวโล้นผู้นี้ แล้วรีบหนีไปให้เร็วที่สุดหวังหยวนเหลือบมองไป๋เฟยเฟยที่กอดเอวของตนอยู่ เขายกมือของนางออกอย่างระมัดระวัง แล้วจับแขนของนางก่อนพาวิ่งออกไปเมื่อทั้งสองจากไปแล้ว นักพรตหัวโล้นก็ล้มลงกับพื้นทันที เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก...ชายผู้นั้นราวกับยมทูตมาทวงชีวิต เป็นดั่งเทพแห่งความตาย!เสี่ยวฮวาเฝ้ามององค์หญิงจากไป ในใจของนางจึงค่อยคลายกังวลลงเรื่อย ๆหวังว่าคุณชายคนนั้นจะพาองค์หญิงหนีออกจากสถานที่แห่งความวุ่นวายนี้ไปได้ และจะไม่กลับมาอีกส่วนตัวนางเองนั้นอยู่กับไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางมาตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นฮ่องเต้คงไม่ทำอะไรนางมากนัก อาจลงโทษเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหวังหยวนพาไป๋เฟยเฟยวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง แต่ทหารในวังหลวงก็ยิ่งรุมล้อมพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆจากสถานการณ์นี้ หวังหยวนรู้ว่าไป๋ชิงชางคงรู้แล้วว่าเขามาช่วยเหลือไป๋เฟยเฟย ดังนั้นจึงส่งทหารจำนวนมากมาคอยจัดการกับเขาโดยเฉพาะ!“คุณชายหวัง ฮ่องเต้ของเราให้เชิญท่านไปพบสักครู่ ส่วนองค์หญิงนั้นยังถูกกัก
พวกเขาสวมเกราะ ถือโล่และหอกในมือ ดูสง่างามยิ่งนักในขณะที่หวังหยวนสวมเสื้อคลุมยาวบาง ๆ ตัวเดียว และมีเพียงอาวุธและเพียงชิ้นเดียวในมือ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่าด่านกองทหารรักษาพระองค์ร้อยนายนี้ไปได้ขณะที่หวังหยวนต่อสู้กับกองทหารรักษาพระองค์เหล่านี้ สายตาของเขาก็คอยมองไปทางอื่นตลอดเวลาเพราะเขาต้องหาทางอื่น เพื่อพาไป๋เฟยเฟยออกจากที่นี่ไปแต่กองทหารรักษาพระองค์ได้ปิดล้อมทางออกทั้งสี่ทางไว้หมดแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องหาทางออกจากทางหลังคาแต่ไป๋เฟยเฟยไม่มีวิชาตัวเบา หวังหยวนจึงต้องอุ้มนางขึ้นไป ซึ่งจะทำให้การเคลื่อนไหวของหวังหยวนช้าลงเป็นอย่างมากทั้งสองฝ่ายเข้าห้ำหั่นกันอย่างสุดความสามารถ ปืนของหวังหยวนนั้นทรงพลังยิ่งนัก ยิงนัดเดียวตายหนึ่งคนพวกเขาไม่รู้ว่าหวังหยวนมีกระสุนเหลืออยู่ในมือเท่าใด จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปเสี่ยงชีวิตขันทีไม่คิดว่าหวังหยวนจะเก่งกาจถึงเพียงนี้“คุณชายหวัง ข้าขอแนะนำให้ท่านยอมจำนนเถิด เมื่อฮ่องเต้จะเสด็จมา ท่านอาจไม่มีโอกาสรอดชีวิตอีกเลย”ขันทีเริ่มพูดเกลี้ยกล่อมหวังหยวน หวังหยวนเพียงแค่เหลือบมองเขาอย่างเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใดขณะที่ขันที
เวลาผ่านไปไม่กี่สิบนาที ทหารองครักษ์เหล่านั้นก็ถูกพวกเขาสังหารจนหมดสิ้น เหลือเพียงขันทีคนหนึ่งที่ยืนตะลึงอยู่ที่เดิม“พวกเราจัดการพวกเขาเรียบร้อยแล้ว”ต้าหู่กล่าวกับหวังหยวนอย่างปลาบปลื้มใจ “ดีมาก เช่นนั้นเราออกจากที่นี่กันเถิด!”หวังหยวนดึงตัวไป๋เฟยเฟยเข้ามาอยู่ข้างกาย แล้วพาคนอื่น ๆ ออกจากวังหลวงไปพร้อมกันวันนี้พวกเขาประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือไป๋เฟยเฟยออกมา แต่เรื่องราวหลังจากนี้ยังต้องคิดวางแผนกันต่อไปศัตรูตามทางได้ถูกเสวี่ยเชียนหลงและคนอื่น ๆ กำจัดไปจนหมดสิ้น ดังนั้นเมื่อพวกเขาออกมาจึงไม่มีสิ่งใดขัดขวางและสามารถออกจากวังหลวงได้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าตนเองอยู่ห่างจากประตูวังหลวงมากขึ้นเรื่อย ๆ ใจของไป๋เฟยเฟยก็ปั่นป่วนไปด้วยความรู้สึกมากมาย ไม่เพียงแต่หวังหยวนที่ไม่เข้าใจ แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเรื่องราวจึงกลายมาเป็นเช่นนี้ ต่อไปนางและพี่ชายของนางจะต้องหันมาต่อสู้กันเองจริงหรือ?“คุณชาย เราจะไปที่ใดกัน?”หลังจากออกมา สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือมุ่งหน้าไปยังร้านหม้อไฟ พวกเขาสามารถหลบซ่อนตัวได้ชั่วคราว หากมีทหารไล่ตามมา พวกเขาก็สามารถหลบหนีออกทางประตูหลังได้ใ
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากภายนอก จิตใจของไป๋ชิงชางก็ไม่รู้สึกสะเทือนใจใด ๆ ตอนนี้เขาเพียงต้องการตามหาไป๋เฟยเฟยกลับมาให้เร็วที่สุดหลังจากที่ขันทีถูกพาออกไป ก็เหลือเพียงไป๋ชิงชางคนเดียวในห้องโถงใหญ่จากนั้นก็มีชายชราสวมชุดคลุมสีดำสองคนเดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้นห้อง“ฝ่าบาท เรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว ท่านไม่สามารถใจอ่อนได้อีกแล้ว ความเมตตาของท่านคือความโหดร้ายต่อตัวท่านเอง หากเรื่องราวความร่วมมือระหว่างพวกกระหม่อมกับราชวงศ์ถูกเปิดเผย แม้แต่ท่านก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงความผิดได้”ชายชราสวมชุดคลุมสีดำทั้งสองนี้พูดจาราวกับให้เกียรติไป๋ชิงชา แต่ความจริงแล้วพวกเขากำลังใช้ไป๋ชิงชางเป็นเครื่องมือเมื่อไป๋ชิงชางได้ยินว่าพวกเขาจะลงมือกับหวังหยวน เขาก็ปฏิเสธโดยไม่คิดเพราะหวังหยวนกับเขาเป็นพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา พวกเขาเคยผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาด้วยกันมากมาย เขาไม่สามารถฆ่าหวังหยวนได้เพราะเหตุผลเหล่านี้“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่อาจลงมือกับเขาได้ เขาสำคัญกับข้ามากและเคยช่วยเหลือตระกูลไป๋ไว้มากมาย หากตอนนี้ข้าได้เป็นฮ่องเต้แล้ว แต่กลับหักหลังเขาและประหารชีวิตเขา คนในแผ่นดินจะกล
“พวกที่อยู่ข้างในฟังให้ดี พวกเจ้าถูกล้อมไว้หมดแล้ว รีบออกมาบัดเดี๋ยวนี้!”“รีบออกมา อย่าให้พวกเราต้องพังที่นี่ พวกเราลงมือเมื่อไหร่ไม่รู้จักหนักเบาหรอก”“แดนโลกมนุษย์ช่างเรียบง่ายเสียจริง”เหล่าจอมยุทธ์ทั้งหลายตะโกนอยู่ข้างนอก หวังหยวนได้ยินคำพูดของพวกเขาอย่างชัดเจนต้าหู่และเอ้อหู่โกรธจนแทบทนไม่ไหว อยากจะพุ่งออกไปต่อสู้กับพวกเขา แต่หวังหยวนกลับห้ามทั้งสองไว้“อย่าเพิ่งใจร้อน พวกเจ้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะออกไปพบพวกเขาเอง ดูจากท่าทางแล้วพวกเขาน่าจะมีฝีมือไม่ธรรมดา พวกเจ้าอาจไม่แข็งแกร่งพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา”ต้าหู่ เอ้อหู่ และเสวี่ยเชียนหลงได้ช่วยเหลือเขามามากแล้ว ดังนั้นหวังหยวนจึงไม่อยากให้พวกเขาเสี่ยงอันตราย และตั้งใจจะออกไปรับมือกับคนเหล่านี้เพียงลำพังในตอนแรกต้าหู่และเอ้อหู่ไม่เห็นด้วย แต่เมื่อเห็นว่าพวกคนข้างนอกยิ่งส่งเสียงโหวกเหวกมากขึ้น จนกระทบถึงกิจการของร้านหม้อไฟ แต่สุดท้ายพวกเขาก็โต้แย้งหวังหยวนไม่สำเร็จ จึงจำต้องปล่อยให้หวังหยวนออกไปคนเดียว หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ให้รีบบอกพวกเขาเพื่อให้ออกไปช่วยหวังหยวนลงมาจากชั้นบนแล้วมองดูจอมยุทธ์ทั้งหลายที่อยู่ตรง
หลังจากพูดจบ เสวี่ยเชียนหลงก็กระโดดลงจากหน้าต่างไปในทันที นางใช้แรงเหวี่ยงกระเป๋าข้างกายร่อนลงสู่พื้นอย่างมั่นคง“คุณชาย ข้ามาช่วยท่านแล้ว”ตอนนี้เสวี่ยเชียนหลงมีฝีมือเท่ากับหวังหยวนแล้ว ดังนั้นเมื่อทั้งสองคนร่วมมือกันก็จะมีพลังมากขึ้นแม้ว่าหวังหยวนจะไม่อยากให้เชียนหลงเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่น“เจ้าคงจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งเทียนไว่เทียนสินะ ไม่คิดเลยว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งเทียนไว่เทียนจะแต่งงานกับชายจากแดนโลกมนุษย์”“ข้ายังนึกอยู่เลยว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งเทียนไว่เทียนจะสูงส่งขนาดไหน ที่แท้ก็ไม่เห็นจะวิเศษวิโสอะไร แต่งงานกับผู้ชายคนไหนก็ได้ โรคหนาวเย็นของเจ้าหายแล้วหรือยัง? เข้าห้องหอคืนแรกเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”คนเหล่านี้รู้ได้อย่างไรว่าเสวี่ยเชียนหลงคือสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งเทียนไว่เทียน เพราะเรื่องนี้นอกจากพวกหวังหยวนแล้วก็ไม่มีใครรู้พวกเขาเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกหรือว่าไป๋ชิงชางบอกเรื่องนี้กับพวกเขาหรือไม่?เมื่อได้ยินคำดูถูกเยาะเย้ยของพวกเขา สายตาของหวังหยวนก็เริ่มฉายแววอันตราย คนพวกนี้ช่างไม่รู้จักดีชั่วเขาเพิ่งเติมกระสุนปืนเสร็จพอดี ตอนนี