ทั้งสามสนทนากันอย่างเพลิดเพลิน แต่หวังหยวนกลับรู้สึกได้ถึงสายตาแปลก ๆ อยู่เสมอสายตานี้ราวกับดวงตาของงูในความมืด เย็นชาและโหดเหี้ยม“พวกเจ้ารู้สึกเหมือนมีคนแอบมองอยู่หรือไม่?”“ก็พวกเขาทั้งสามนั่นไม่ใช่หรือ?”หลังจากได้ยินคำพูดของหวังหยวน นายน้อยเจิ้งก็ส่งสัญญาณให้เขามองไปทางด้านข้างหวังหยวนมองตามสายตาของเขาไปก็เห็นชายสามคนจ้องพวกเขานิ่งอยู่แววตาที่เผยออกมาเต็มไปด้วยความดูถูกและท้าทาย“เจ้าคือหวังหยวนสินะ ดูแล้วก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย ดูเหมือนว่าการทดสอบสามอย่างที่ผู้นำตระกูลแปดตระกูลใหญ่และเสวี่ยโส่วจุนได้กำหนดไว้ให้เจ้าน่าจะผ่านได้ง่ายดาย”“ข้าเคยได้ยินชื่อของเจ้ามาก่อน วันนี้ได้พบตัวจริงแล้วก็เห็นว่าธรรมดามาก”เมื่อเห็นว่าหวังหยวนกำลังมองมาที่พวกตน ชายทั้งสามก็เดินตรงเข้ามาทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งมาก“หวังหยวน เจ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะต่อสู้กับพวกเราชาวเทียนไว่เทียนหรือ เจ้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ขั้นกลางเท่านั้น คิดว่าตัวเองเก่งกล้าสามารถแล้วจริงหรือ?”หวังเฉียงเซิ่งยืนอยู่ตรงหน้าหวังหยวน ส่วนสูงของเขาสูงกว่าหวังหยวนสิบเซนติเมตร เขาเป็นช
ผลลัพธ์คือถูกเตะกระเด็นออกมาในพริบตาภาพนี้ช่างน่าสลดใจจนหวังหยวนแทบไม่อยากมองหากคนเหล่านี้รู้จักใช้สมองคิดแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะรู้ว่าไม่ควรเผชิญหน้ากับผู้ที่มีระดับปรมาจารย์ขั้นสูงครั้งแล้วครั้งเล่าที่หลายคนก็โกรธแต่ไม่กล้าพูด ได้แต่รอคอยอย่างเงียบ ๆ อยู่ข้างกายพวกผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ หากมีโอกาสได้ฉกฉวยก็ถือว่าดีไปนายน้อยเจิ้งและหลิวอวี่ก็หาที่นั่งลงเตรียมพักผ่อนแต่หวังหยวนกลับเดินวนเวียนอยู่รอบต้นผลไม้วิเศษ เขาคิดว่ากฎนี้มีอะไรผิดแปลกเพราะผลไม้ที่ออกลูกห้าปีครั้งนั้นหายากมาก เหตุใดจึงต้องมอบให้กับงูยักษ์ด้วย? คิดอย่างไรก็ไม่สมเหตุสมผล!เหตุใดไม่ให้พวกเขากินเอง หรือมอบให้กับผู้นำตระกูลแปดตระกูลใหญ่และเสวี่ยโส่วจุนก็ยังจะดีกว่าเหตุใดจึงต้องมอบให้กับงูยักษ์ด้วย?ในเรื่องนี้ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่พวกเขาคิดไม่ถึงหวังหยวนบังคับให้ตนเองขบคิด ต้องคิดหาเหตุและผลให้ได้!ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถหาหนทางอื่นได้อย่างแยบยลไม่สามารถนั่งรอความตายต่อไปได้แล้ว ต้องรีบลงมือทำหวังหยวนเดินไปหานายน้อยเจิ้งและหลิวอวี่ ก่อนบอกพวกเขาว่าตนจะไปเดินสำรวจรอบ ๆเพราะรออยู่ที่นี่ก็ไม่มีห
“หวังหยวน เจ้าไปที่ใดมา? ค้นพบอะไรบ้างหรือไม่?”หลังจากหวังหยวนเข้ามาใกล้ พวกเขาจึงถามขึ้นหวังหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าในที่สุดหวังหยวนรู้สึกผิดกับพวกเขามาก แต่ผู้ชนะมีเพียงคนเดียว เขาไม่ต้องการยกเสวี่ยเชียนหลงให้ผู้อื่น จึงต้องใช้วิธีการนี้“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าคงไม่ค้นพบสิ่งใด เพราะต้นผลไม้วิเศษอยู่ตรงหน้าเราแล้ว จะมีต้นอื่นอีกได้อย่างไร เราจงรออยู่ที่นี่อย่างสงบ แล้วดูว่าจะหาทางเก็บมาได้หรือไม่”หลิวอวี่รู้สึกว่าคงไม่มีหนทางอื่นใดแล้ว เพราะเสวี่ยโส่วจุนก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพียงแต่บอกให้พวกเขาค้นหาผลไม้วิเศษขณะนี้มีต้นผลไม้วิเศษขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว และเกาะแห่งนี้ก็เล็กมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีต้นผลไม้วิเศษต้นอื่นอีกหลังจากได้ยินคำพูดของหลิวอวี่ หวังหยวนก็พยักหน้าแต่นายน้อยเจิ้งกลับจ้องมองหวังหยวนตลอดเวลา ทำให้หวังหยวนรู้สึกใจคอไม่ดีชายผู้นี้คงไม่รู้ว่าเขากำลังโกหกใช่หรือไม่ อาจเป็นเพราะหวังหยวนรู้สึกผิดต่อพวกเขา จึงทำให้สายตาของเขาเหม่อลอยสุดท้ายนายน้อยเจิ้งก็ถอนหายใจ“หวังหยวน ตอนแรกข้ายังคิดว่าเจ้าหลอกพวกเรา แต่หลังจากมองเจ้าอยู่นาน ก็พ
ส่วนเขาจะไปดูว่าพวกเขาไปทำอะไร จะมีแผนการอื่นหรือไม่ หรือค้นพบสิ่งใดหรือเปล่าหวังเฉียงเซิ่งแอบตามไปอย่างระมัดระวังมาก คอยรักษาระยะห่างที่เหมาะสมที่สุดกับพวกเขาสามคนเสมอ เพราะกลัวว่าพวกเขาจะพบตนส่วนหวังหยวนพาเด็กน้อยอีกสองคนไปที่ป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากต้นผลไม้วิเศษ“ทิวทัศน์ที่นี่สวยงามมาก แต่พวกเจ้าลองดมดูสิว่าได้กลิ่นผลไม้จาง ๆ หรือไม่?”หวังหยวนกำลังสอนพวกเขาสองคนเกี่ยวกับทักษะการเอาตัวรอดในป่า ถือเป็นการชดเชยที่หวังหยวนปกปิดเรื่องป่าผลไม้วิเศษไว้หลังจากได้ยินคำพูดของหวังหยวนแล้ว หลิวอวี่และนายน้อยเจิ้งก็หลับตาลงและใช้ใจสัมผัสธรรมชาติและแล้วพวกเขาก็ได้กลิ่นหอมของผลไม้จาง ๆ จริง ๆ กลิ่นเหมือนแอปเปิล!“ตามข้ามาต่อเถิด ข้างหน้ายังมีของอร่อยอีกมากมาย”แม้ว่าเกาะเล็กแห่งนี้จะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ แต่ศิษย์ภายนอกก็เข้ามาทำความสะอาดเสมอ และยังมีการปลูกต้นผลไม้หลากหลายชนิดไว้เพื่อรับประทานหลังจากเดินไปอีกไม่กี่ก้าว สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาก็คือสวนผลไม้ขนาดใหญ่ทั้งสองกลืนน้ำลาย อยากจะเข้าไปกินให้เร็วที่สุด แต่หวังหยวนกลับห้ามพวกเขาไว้แล้วบอกให้พวกเขาดูอย่างระมัดระวังว่ามีสิ่
จากนั้นเขาก็ปักไม้ที่เหลาไว้แล้วลงไปในดินเป็นแถวยาวเหยียดแล้วก็ใช้เถาวัลย์สีเขียวถักเป็นเชือก ตอนนี้ทุกอย่างได้ตระเตรียมไว้พร้อมแล้ว ขาดเพียงสิ่งสำคัญอย่างเดียว!“เห็นสิ่งเหล่านี้หรือไม่ มันคือสิ่งของจำเป็นสำหรับการวางกับดัก เพราะไม่มีของที่เหมาะสมกว่านี้แล้ว ข้าจึงใช้สิ่งเหล่านี้แทน พวกเจ้าลองดูให้ดี”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบก็เดินตรงเข้าไปทันทีทั้งสองคนคิดว่าเขาต้องตายแน่แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าหวังหยวนจะปลุกสัตว์ดุร้ายเพียงตัวเดียว“โฮก!”สัตว์ดุร้ายตัวนี้ยืดตัวพลางมองหวังหยวนตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยาม ในสายตาของมัน มนุษย์เป็นเพียงอาหารเท่านั้นแต่ว่ามนุษย์จะนำอาหารอร่อย ๆ มาให้มันมากมาย และยังให้มันเฝ้าอยู่ที่นี่อีกด้วยรูปร่างของสัตว์ดุร้ายตัวนี้คล้ายเสือดาว แต่ตัวใหญ่กว่าเสือดาวมาก“เจ้าเพิ่งตื่นมา ท้องคงหิวแย่แล้วสินะ ที่นี่ไม่มีเนื้อให้เจ้ากินหรอก ถ้าเจ้าอยากกินตัวข้าก็ตามข้ามาเถิด!”หวังหยวนจ้องมองเสือดาวตรงหน้าด้วยสายตาท้าทาย เสือดาวก็ไม่รอช้า เริ่มวิ่งไล่ตามหวังหยวนจากนั้นก็เดินเข้าไปในกับดักเถาวัลย์ที่หวังหยวนเตรียมไว้แล้วหวังหยวนกระตุกเชือกอย่างแรง ส่งผลให้เสือด
“หลังจากที่ท่านไปกับพวกเขาแล้ว เห็นหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง? มันเป็นไปได้อย่างไร?”“ใช่แล้ว ท่านเล่าให้เราฟังหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”อีกสองคนถามด้วยความร้อนใจ อยากรู้ว่าหลังจากที่เขาและหวังหยวนจากไปแล้วเกิดอะไรขึ้นอีก?หวังเฉียงเซิ่งไม่ได้ปิดบัง เล่าทุกอย่างที่ตัวเองเห็นให้พวกเขาสองคนฟัง จากนั้นทั้งสองก็อ้าปากค้างจนคางแทบจะหลุด“หวังหยวนคนเดียวก็จัดการเสือดาวทมิฬได้แล้วหรือ? เขาเป็นเพียงปรมาจารย์ขั้นกลางเท่านั้นไม่ใช่หรือ? เหตุใดข้ารู้สึกว่าฝีมือของเขาไม่น่าจะแข็งแกร่งเท่านี้? เขาได้ใช้อาวุธลับของเขาหรือไม่?”ตอนนี้ทุกคนรู้กันดีว่าหวังหยวนมีอาวุธลับชิ้นหนึ่ง ซึ่งเก่งกาจมาก ไม่ว่าจะต่อสู้ระยะประชิดหรือระยะไกล อาวุธลับชิ้นนั้นก็สามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว“ไม่ได้ใช้ ขณะนั้นข้าอยู่ข้าง ๆ เขา เขาใช้เพียงกับดักก็จัดการเสือดาวทมิฬได้แล้ว เจ้าคนนี้ฉลาดมาก ถ้าเราคิดจะชักชวนเขามาเข้าพวก หรือวางแผนเล่นงานเขาก็คงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”ตอนแรกหวังเฉียงเซิ่งไม่ได้สนใจหวังหยวน แต่ครั้งนี้เมื่อได้เห็นฝีมือที่แท้จริงของเขาแล้ว เขาก็รู้สึกว่าควรจะใส่ใจหวังหยวนอย่างจริงจังเสียแล้วอีกด
เมื่อหวังหยวนได้ยินเสียงท้องร้องของพวกเขาจึงหันไปมอง ทว่าทั้งสามกลับแข็งใจหันหน้าหนีไปเสียเมื่อพวกเขาไม่มีทีท่าจะเข้ามาหา หวังหยวนก็คงไม่เข้าไปทักทายก่อน เพราะมีความจำเป็นอย่างไรที่ต้องไปหาเรื่องให้ตัวเอง?หลังจากนั้นไม่นาน เสือดาวตัวใหญ่ก็ถูกพวกเขาแบ่งกันกินจนหมด เหลือเพียงเศษเนื้อนิดหน่อย หวังหยวนจึงเก็บเศษเนื้อเหล่านั้นไว้“ไม่คิดเลยนะพี่หวัง ดูเหมือนว่าหลังจากนี้เราคงต้องกอดขาพี่แล้วล่ะ ไม่คิดเลยว่าในยามคับขันเช่นนี้ ทักษะการเอาตัวรอดในป่าของพี่จะเก่งกาจถึงเพียงนี้!”หลิวอวี่กล่าวพร้อมกับลูบท้องที่ป่องเพราะความอิ่มหนำสำราญ สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชมหวังหยวนนายน้อยเจิ้งเองก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน แต่เดิมนั้นเขาไม่ค่อยชอบหวังหยวน แต่ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว เขาก็ไม่เหมาะกับการเป็นคู่ต่อสู้ของหวังหยวนจริง ๆแม้ว่าก่อนหน้านี้ระดับการบ่มเพาะของเขาอาจจะสูงกว่าหวังหยวนเล็กน้อย แต่ตอนนี้หวังหยวนก็ตามทันแล้วเมื่อคิดถึงเรื่องอื่น ๆ ก็คงไม่มีอะไรที่เขาเทียบหวังหยวนได้เลยไม่แปลกใจเลยที่สตรีศักดิ์สิทธิ์จะมองเขาด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป หากเป็นหญิงอื่นก็คงจะเลือกหวังหยวนแทนที่จะเลือกเขาเมื่อ
เพราะเมื่อมาถึงเกาะสวรรค์น้อยแล้ว ตระกูลของทุกคนก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นที่สำคัญนายน้อยเจิ้งจ้องมองหวังเฉียงเซิ่ง แต่ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างบุ่มบ่ามเขารีบวิ่งไปข้างหลิวอวี่และประคองเขาขึ้นมา จากนั้นตรวจสอบบาดแผลของหลิวอวี่คร่าว ๆโชคดีที่เป็นเพียงบาดแผลเล็กน้อย ไม่ได้ร้ายแรงอะไรหวังเฉียงเซิ่งเห็นว่าหวังหยวนไม่ได้ตอบ จึงเดินเข้าไปอีกสองก้าวและยืนจ้องอยู่ตรงหน้าหวังหยวน หวังเฉียงเซิ่งตัวสูงกว่าหวังหยวนเล็กน้อย เมื่อหวังหยวนมองเขาก็ต้องเงยหน้าขึ้นในเวลานี้เอง หวังเฉียงเซิ่งจึงสังเกตเห็นว่าสายตาที่หวังหยวนมองเขานั้นไม่เป็นมิตรนัก แถมยังแฝงไปด้วยความเย็นชาอีกด้วย“เจ้าโกรธหรือ? หวังหยวน?”“เพราะพวกสวะสองคนนี้หรือ? พวกเขาไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับเจ้า หากเจ้าต้องการอยู่รอดจนถึงที่สุดก็ควรจะเข้าร่วมกลุ่มกับพวกข้าจะดีกว่า แม้ว่าเจ้าคงเข้าใจความคิดของพวกข้าดี แต่พวกข้าสามารถรับรองได้ว่าเจ้าจะได้ไปจนถึงที่สุด เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราจะแข่งขันกันอย่างยุติธรรม นับว่าสมเหตุสมผลหรือไม่?”ในแววตาของหวังเฉียงเซิ่งแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งเพราะคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่ห