“เมื่อครู่ข้าคิดจริง ๆ ว่าท่านกับพี่เสี่ยวอวี๋เอ้อร์มีอะไรกัน เพราะเมื่อคืนข้าเห็นท่านกลับมาพร้อมกลิ่นสุราเต็มตัว แล้ววันนี้พี่เสี่ยวอวี๋เอ้อร์ก็มาอาละวาด ดังนั้น...”เสวี่ยเชียนหลงไม่ได้พูดจบ แต่ความหมายของนางชัดเจนแล้ว นางหึงหวง“เมื่อคืนข้ารู้ทันแผนการของพวกเขา จึงใช้แผนตบตา โยนหลงชิงเข้าไป แม้ว่าข้าจะถูกหลอกจริง ๆ ข้าก็ไม่มีทางแตะต้องพี่เสี่ยวอวี๋เอ้อร์อยู่แล้ว เพราะข้าไม่เคยเห็นหน้านางมาก่อนด้วยซ้ำ”หวังหยวนลูบศีรษะเสวี่ยเชียนหลงเบา ๆ คำพูดเหล่านี้ก็เป็นการอธิบายให้เสวี่ยเชียนหลงฟังเสวี่ยเชียนหลงพอใจกับคำตอบนี้เป็นอย่างมากทั้งสองยืนอยู่ในห้องโถงเช่นนั้นพลางสบตากันอย่างอ่อนโยนขณะที่อีกด้านหนึ่งในลานสำนักชั้นในกลับมีเสียงร้องโหยหวนแปลก ๆ ดังขึ้นตลอดทั้งวันวันต่อมาร่างของหลงชิงก็ถูกโยนออกมา ไม่มีผู้ใดสนใจเขาเลย เพราะเป็นสิ่งที่นักพรตชิงอีได้ตักเตือนไว้ก่อนแล้วอีกด้านหนึ่งในตระกูลเจิ้งมีผู้คนหลายคนนั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังปรึกษาหารือกันว่าจะจัดการกับหวังหยวนอย่างไร“ไม่คิดเลยว่าหวังหยวนจะรู้ทันแผนการของเรา และยังทำให้เราเสียหมากไปเสียเปล่าอีกด้วย!”“เด็กคนนั้นฉลาดใช้ได้ เรา
จากนั้นก็มีผู้คนเข้ามาในสถานที่จัดงานเยอะขึ้นเรื่อย ๆ“ดูสิ คนนั้นน่าจะเป็นศิษย์พี่หวังที่ตอนนี้ก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ขั้นสูงแล้ว หวังเฉียงเซิ่งใช่หรือไม่!”“น่าจะใช่เขาจริง ๆ ยังมีศิษย์พี่ระดับปรมาจารย์ขั้นสูงคนอื่นอีกสองคน! ฮั่วไคเหลี่ยงกับเซี่ยหลาน! ไม่คิดว่าเขาจะมาด้วย!”“ศิษย์พี่เซี่ยดูเหมือนจะหมายปองสตรีศักดิ์สิทธิ์ไว้ตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ลงมือทำอะไรเลย เหตุผลหลักก็เพราะสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้สนใจเขา ครั้งนี้มาเข้าร่วมการประลองหาคู่ คาดว่าเตรียมตัวมานานแล้วเป็นแน่!”“พี่ใหญ่เหอก็เป็นผู้มีความสามารถคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่ในครั้งนี้จะน่าสนใจมาก”“ไม่รู้ว่าพวกเราเหล่านี้มาเพื่ออะไรกัน หรือว่าแค่มาเป็นตัวประกอบ?”เหล่าตัวประกอบพูดคุยกันอย่างโจ่งแจ้งจากนั้นเสวี่ยโส่วจุนและผู้นำตระกูลทั้งแปดของตระกูลใหญ่ก็มาถึงที่นี่“ยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงานประลองหาคู่ของบุตรสาวของข้า กติกาของการประลองหาคู่ในครั้งนี้ก็ง่ายมาก ทุกคนต้องอยู่ในเกาะสวรรค์น้อยให้ได้เจ็ดวัน และในเจ็ดวันนี้จะมีผลไม้วิเศษเกิดขึ้น โดยเวลาที่ผลไม้วิเศษสุกนั้นไม่แน่นอน”“ทุกคนสามารถใช้วิธีการใด
“นายน้อยเจิ้ง เจ้าตั้งใจจะไปเอาผลไม้วิเศษอย่างไร? คนระดับปรมาจารย์ขั้นสูงเหล่านั้นจะต้องรีบไปยังตำแหน่งที่ดีที่สุดก่อนอย่างแน่นอน”หวังหยวนยืนอยู่ข้างนายน้อยเจิ้งนายน้อยเจิ้งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดว่าหวังหยวนจะสงสัยว่าเขาจะเป็นสายลับหรือมีแผนร้าย และน่าจะอยู่ให้ห่างจากเขาแต่ไม่คิดว่าหวังหยวนจะยืนอยู่ข้างเขาจริง ๆ และยังปรึกษากับเขาด้วยว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร“หวังหยวน เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าก่อนหน้านี้เราเคยมีความขัดแย้งกัน เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนั้นแล้ว ในระหว่างการแข่งขัน เจ้ายังไว้ใจข้าอีกหรือ หากข้าแทงข้างหลังเจ้าขึ้นมา เจ้าจะทำอย่างไร?”นายน้อยเจิ้งเลิกคิ้วมองหวังหยวน ความยั่วยุฉายชัดในดวงตาเขา“หากนายน้อยเจิ้งตั้งใจจะทำเช่นนั้นจริง ๆ ข้าก็ไม่มีความคิดเห็นใดหรอก”แววตาของหวังหยวนเย็นชา ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา นายน้อยเจิ้งก็ไม่แน่ใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร“หวังหยวน นายน้อยเจิ้ง ไม่คิดว่าพวกเจ้าทั้งสองจะอยู่ที่นี่ด้วย ไปด้วยกันเถิด!”เสียงใสดังมาจากด้านหลัง พวกเขาทั้งสองหันกลับไปพร้อมกันแล้วเห็นเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาพวกเขาเหตุใดจึงเรียกว่าเด็ก? ก็เพราะเขาตัวเล็
ทั้งสามสนทนากันอย่างเพลิดเพลิน แต่หวังหยวนกลับรู้สึกได้ถึงสายตาแปลก ๆ อยู่เสมอสายตานี้ราวกับดวงตาของงูในความมืด เย็นชาและโหดเหี้ยม“พวกเจ้ารู้สึกเหมือนมีคนแอบมองอยู่หรือไม่?”“ก็พวกเขาทั้งสามนั่นไม่ใช่หรือ?”หลังจากได้ยินคำพูดของหวังหยวน นายน้อยเจิ้งก็ส่งสัญญาณให้เขามองไปทางด้านข้างหวังหยวนมองตามสายตาของเขาไปก็เห็นชายสามคนจ้องพวกเขานิ่งอยู่แววตาที่เผยออกมาเต็มไปด้วยความดูถูกและท้าทาย“เจ้าคือหวังหยวนสินะ ดูแล้วก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย ดูเหมือนว่าการทดสอบสามอย่างที่ผู้นำตระกูลแปดตระกูลใหญ่และเสวี่ยโส่วจุนได้กำหนดไว้ให้เจ้าน่าจะผ่านได้ง่ายดาย”“ข้าเคยได้ยินชื่อของเจ้ามาก่อน วันนี้ได้พบตัวจริงแล้วก็เห็นว่าธรรมดามาก”เมื่อเห็นว่าหวังหยวนกำลังมองมาที่พวกตน ชายทั้งสามก็เดินตรงเข้ามาทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งมาก“หวังหยวน เจ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะต่อสู้กับพวกเราชาวเทียนไว่เทียนหรือ เจ้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ขั้นกลางเท่านั้น คิดว่าตัวเองเก่งกล้าสามารถแล้วจริงหรือ?”หวังเฉียงเซิ่งยืนอยู่ตรงหน้าหวังหยวน ส่วนสูงของเขาสูงกว่าหวังหยวนสิบเซนติเมตร เขาเป็นช
ผลลัพธ์คือถูกเตะกระเด็นออกมาในพริบตาภาพนี้ช่างน่าสลดใจจนหวังหยวนแทบไม่อยากมองหากคนเหล่านี้รู้จักใช้สมองคิดแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะรู้ว่าไม่ควรเผชิญหน้ากับผู้ที่มีระดับปรมาจารย์ขั้นสูงครั้งแล้วครั้งเล่าที่หลายคนก็โกรธแต่ไม่กล้าพูด ได้แต่รอคอยอย่างเงียบ ๆ อยู่ข้างกายพวกผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ หากมีโอกาสได้ฉกฉวยก็ถือว่าดีไปนายน้อยเจิ้งและหลิวอวี่ก็หาที่นั่งลงเตรียมพักผ่อนแต่หวังหยวนกลับเดินวนเวียนอยู่รอบต้นผลไม้วิเศษ เขาคิดว่ากฎนี้มีอะไรผิดแปลกเพราะผลไม้ที่ออกลูกห้าปีครั้งนั้นหายากมาก เหตุใดจึงต้องมอบให้กับงูยักษ์ด้วย? คิดอย่างไรก็ไม่สมเหตุสมผล!เหตุใดไม่ให้พวกเขากินเอง หรือมอบให้กับผู้นำตระกูลแปดตระกูลใหญ่และเสวี่ยโส่วจุนก็ยังจะดีกว่าเหตุใดจึงต้องมอบให้กับงูยักษ์ด้วย?ในเรื่องนี้ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่พวกเขาคิดไม่ถึงหวังหยวนบังคับให้ตนเองขบคิด ต้องคิดหาเหตุและผลให้ได้!ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถหาหนทางอื่นได้อย่างแยบยลไม่สามารถนั่งรอความตายต่อไปได้แล้ว ต้องรีบลงมือทำหวังหยวนเดินไปหานายน้อยเจิ้งและหลิวอวี่ ก่อนบอกพวกเขาว่าตนจะไปเดินสำรวจรอบ ๆเพราะรออยู่ที่นี่ก็ไม่มีห
“หวังหยวน เจ้าไปที่ใดมา? ค้นพบอะไรบ้างหรือไม่?”หลังจากหวังหยวนเข้ามาใกล้ พวกเขาจึงถามขึ้นหวังหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าในที่สุดหวังหยวนรู้สึกผิดกับพวกเขามาก แต่ผู้ชนะมีเพียงคนเดียว เขาไม่ต้องการยกเสวี่ยเชียนหลงให้ผู้อื่น จึงต้องใช้วิธีการนี้“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าคงไม่ค้นพบสิ่งใด เพราะต้นผลไม้วิเศษอยู่ตรงหน้าเราแล้ว จะมีต้นอื่นอีกได้อย่างไร เราจงรออยู่ที่นี่อย่างสงบ แล้วดูว่าจะหาทางเก็บมาได้หรือไม่”หลิวอวี่รู้สึกว่าคงไม่มีหนทางอื่นใดแล้ว เพราะเสวี่ยโส่วจุนก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพียงแต่บอกให้พวกเขาค้นหาผลไม้วิเศษขณะนี้มีต้นผลไม้วิเศษขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว และเกาะแห่งนี้ก็เล็กมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีต้นผลไม้วิเศษต้นอื่นอีกหลังจากได้ยินคำพูดของหลิวอวี่ หวังหยวนก็พยักหน้าแต่นายน้อยเจิ้งกลับจ้องมองหวังหยวนตลอดเวลา ทำให้หวังหยวนรู้สึกใจคอไม่ดีชายผู้นี้คงไม่รู้ว่าเขากำลังโกหกใช่หรือไม่ อาจเป็นเพราะหวังหยวนรู้สึกผิดต่อพวกเขา จึงทำให้สายตาของเขาเหม่อลอยสุดท้ายนายน้อยเจิ้งก็ถอนหายใจ“หวังหยวน ตอนแรกข้ายังคิดว่าเจ้าหลอกพวกเรา แต่หลังจากมองเจ้าอยู่นาน ก็พ
ส่วนเขาจะไปดูว่าพวกเขาไปทำอะไร จะมีแผนการอื่นหรือไม่ หรือค้นพบสิ่งใดหรือเปล่าหวังเฉียงเซิ่งแอบตามไปอย่างระมัดระวังมาก คอยรักษาระยะห่างที่เหมาะสมที่สุดกับพวกเขาสามคนเสมอ เพราะกลัวว่าพวกเขาจะพบตนส่วนหวังหยวนพาเด็กน้อยอีกสองคนไปที่ป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากต้นผลไม้วิเศษ“ทิวทัศน์ที่นี่สวยงามมาก แต่พวกเจ้าลองดมดูสิว่าได้กลิ่นผลไม้จาง ๆ หรือไม่?”หวังหยวนกำลังสอนพวกเขาสองคนเกี่ยวกับทักษะการเอาตัวรอดในป่า ถือเป็นการชดเชยที่หวังหยวนปกปิดเรื่องป่าผลไม้วิเศษไว้หลังจากได้ยินคำพูดของหวังหยวนแล้ว หลิวอวี่และนายน้อยเจิ้งก็หลับตาลงและใช้ใจสัมผัสธรรมชาติและแล้วพวกเขาก็ได้กลิ่นหอมของผลไม้จาง ๆ จริง ๆ กลิ่นเหมือนแอปเปิล!“ตามข้ามาต่อเถิด ข้างหน้ายังมีของอร่อยอีกมากมาย”แม้ว่าเกาะเล็กแห่งนี้จะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ แต่ศิษย์ภายนอกก็เข้ามาทำความสะอาดเสมอ และยังมีการปลูกต้นผลไม้หลากหลายชนิดไว้เพื่อรับประทานหลังจากเดินไปอีกไม่กี่ก้าว สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาก็คือสวนผลไม้ขนาดใหญ่ทั้งสองกลืนน้ำลาย อยากจะเข้าไปกินให้เร็วที่สุด แต่หวังหยวนกลับห้ามพวกเขาไว้แล้วบอกให้พวกเขาดูอย่างระมัดระวังว่ามีสิ่
จากนั้นเขาก็ปักไม้ที่เหลาไว้แล้วลงไปในดินเป็นแถวยาวเหยียดแล้วก็ใช้เถาวัลย์สีเขียวถักเป็นเชือก ตอนนี้ทุกอย่างได้ตระเตรียมไว้พร้อมแล้ว ขาดเพียงสิ่งสำคัญอย่างเดียว!“เห็นสิ่งเหล่านี้หรือไม่ มันคือสิ่งของจำเป็นสำหรับการวางกับดัก เพราะไม่มีของที่เหมาะสมกว่านี้แล้ว ข้าจึงใช้สิ่งเหล่านี้แทน พวกเจ้าลองดูให้ดี”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบก็เดินตรงเข้าไปทันทีทั้งสองคนคิดว่าเขาต้องตายแน่แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าหวังหยวนจะปลุกสัตว์ดุร้ายเพียงตัวเดียว“โฮก!”สัตว์ดุร้ายตัวนี้ยืดตัวพลางมองหวังหยวนตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยาม ในสายตาของมัน มนุษย์เป็นเพียงอาหารเท่านั้นแต่ว่ามนุษย์จะนำอาหารอร่อย ๆ มาให้มันมากมาย และยังให้มันเฝ้าอยู่ที่นี่อีกด้วยรูปร่างของสัตว์ดุร้ายตัวนี้คล้ายเสือดาว แต่ตัวใหญ่กว่าเสือดาวมาก“เจ้าเพิ่งตื่นมา ท้องคงหิวแย่แล้วสินะ ที่นี่ไม่มีเนื้อให้เจ้ากินหรอก ถ้าเจ้าอยากกินตัวข้าก็ตามข้ามาเถิด!”หวังหยวนจ้องมองเสือดาวตรงหน้าด้วยสายตาท้าทาย เสือดาวก็ไม่รอช้า เริ่มวิ่งไล่ตามหวังหยวนจากนั้นก็เดินเข้าไปในกับดักเถาวัลย์ที่หวังหยวนเตรียมไว้แล้วหวังหยวนกระตุกเชือกอย่างแรง ส่งผลให้เสือด
ดูเหมือนว่าเมืองหลิงจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในดินแดนทั้งเก้า!ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เป็นที่หมายปองของทุกคน!เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านของหวังหยวน พวกหลี่ซื่อหานได้สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้แล้ว เมื่อทุกคนนั่งลงที่โต๊ะแล้ว หวังหยวนจึงแนะนำหลิ่วหรูเยียนให้เหล่าภรรยารู้จักพวกนางชินกับเรื่องแบบนี้แล้วบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ไม่นานพวกนางก็สนิทสนมกันดั่งพี่สาวน้องสาวเนื่องจากไป๋ลั่วหลีอยู่ที่นี่ด้วย หวังหยวนจึงไม่อาจอยู่พูดคุยกับภรรยาได้ เพราะต้องไปดูแลไป๋ลั่วหลีก่อนเพื่อไม่ให้เสียมารยาทหวังหยวนกลับมานั่งที่โต๊ะ หลังจากดื่มกับไป๋ลั่วหลีสองสามจอกแล้วจึงกล่าวว่า “คุณหนูไป๋เดินทางมาไกล คงไม่ใช่แค่มาขอบคุณข้ากระมัง?”“ตอนนี้เราเป็นสหายกันแล้ว หากเจ้ามีเรื่องอยากปรึกษาก็บอกมาตามตรงเถิด ไม่ต้องอ้อมค้อม! ข้าไม่ใช่คนใจแคบ! หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วย ข้าก็ยินดี”หวังหยวนเป็นคนใจกว้างไป๋ลั่วหลีได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเป็นเช่นที่ร่ำลือกันจริง ๆ!หวังหยวนมีสายตาเฉียบแหลม แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มองคนได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่มีความคิดใดหลบเลี่ยงสายตาเขาไปได้!“ในเมื่อท
“ทุกท่านดื่มกันเถิด!”“ไม่ต้องสนใจข้า!”“ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ปราบพรรคทมิฬได้เท่านั้น แต่ยังทำให้เมืองอู่เจียงเจริญรุ่งเรือง เส้นทางคมนาคมทางน้ำก็เปิดใช้งานแล้วทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะความร่วมมือของพวกท่าน!”หวังหยวนยกจอกสุราขึ้นดื่มกับทุกคนวันนี้มีสุรา วันนี้ก็เมามาย ช่างรื่นรมย์ยิ่งนัก!เมื่อฟ้าสาง ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับ เช้าวันรุ่งขึ้น หวังหยวนออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านต้าหวังภายในค่ำวันนั้น หวังหยวนก็กลับมาถึงหมู่บ้านต้าหวัง“ท่านหวัง! ไม่ได้พบกันนานเลยนะเจ้าคะ!”“กำลังนึกถึงท่านพอดีเลยเจ้าค่ะ!”เมื่อหวังหยวนเข้าเมืองหลิงก็เห็นไป๋ลั่วหลีเดินเข้ามาหาได้พบเพื่อนเก่า หวังหยวนรู้สึกยินดี รีบลงจากม้าเดินไปหาไป๋ลั่วหลี แล้วถามว่า “คุณหนูไป๋มาที่นี่ได้อย่างไร?”“ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อขอบคุณท่าน!”“หากไม่ใช่เพราะว่าท่านมอบปืนไรเฟิลซุ่มยิงให้ ข้าจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้อย่างไร?”“ยิ่งกว่านั้น ครั้งก่อนที่เมืองอู่เจียง ท่านยังช่วยชีวิตข้าด้วย บัดนี้ข้าหายดีแล้ว จึงต้องมาขอบคุณท่านด้วยตัวเองเจ้าค่ะ!”พี่น้องต้าหู่และเอ้อหู่ได้รออยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองยืนต้อนรับอยู่ข้าง ๆ ด
ทุกคนต่างพยักหน้าแต่ในใจก็รู้สึกอาลัยการได้อยู่เคียงข้างหวังหยวนนับเป็นโชคดี ใครบ้างอยากจากเขาไป?เพราะการได้อยู่ใกล้ชิดหวังหยวนย่อมมีโอกาสก้าวหน้า!แต่น่าเสียดาย ในเมื่อหวังหยวนตัดสินใจเช่นนี้แล้ว พวกเขาได้แต่ทำตาม“ข้าจะไปล่องเรือต่อ!”“พวกท่านกลับเข้าเมืองกันก่อนเถิด!”“งานเลี้ยงเตรียมพร้อมแล้ว เมื่อขึ้นฝั่งก็ไปที่วังของข้า แล้วข้าจะรีบตามไป ไม่ต้องรอพิธีรีตอง!”ทุกคนรับคำ แล้วลงเรือเล็กมุ่งหน้ากลับเมืองอู่เจียง!ทางด้านหวังหยวนก็พาหลิ่วหรูเยียนและต่งอวี่ล่องเรือชมแม่น้ำต่อ“ลั่วเฉินเป็นอย่างไรบ้าง?”“ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ได้ยินว่าเขายังคงปากแข็งได้อีกหรือ?”หวังหยวนมองไปที่ต่งอวี่แล้วถามขึ้นดูเหมือนว่าเขาคงไม่มีวาสนาได้ทรัพย์สมบัติของพรรคทมิฬ จึงเสียเวลามากมายไปโดยเปล่าประโยชน์!“ข้าละอายใจนักขอรับ!”“ข้าตัดนิ้วเขาไปหลายนิ้ว ใช้วิธีทรมานไปมากมาย แต่เขาก็ยังไม่ยอมปริปากพูด เหมือนกับปากทำด้วยเหล็กเลยขอรับ!”“ข้าคิดว่าแม้จะให้เวลาข้าอีกหนึ่งสัปดาห์ ข้าก็คงเปิดปากเขาไม่ได้...”“คนผู้นี้ช่างดื้อรั้นนัก!”ต่งอวี่ถอนหายใจ แต่ก็อดชื่นชมไม่ได้!แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู
“ไม่ใช่เช่นนั้น!”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้า ในเมื่อหวังหยวนซื่อสัตย์กับนาง นางก็ไม่ควรปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองนางจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้ามีใจให้ท่านมานานแล้ว แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ข้าเริ่มหลงรักท่าน!”“ข้าแค่กลัวว่าคนรอบข้างท่านจะรับข้าไม่ได้!”“เพราะก่อนหน้านี้ข้าทำเรื่องไม่ดีกับท่านไว้มากมาย...”“ซ้ำยังเกือบฆ่าท่านด้วย!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวจากใจจริง นี่คือสิ่งที่นางกังวลหวังหยวนหัวเราะ ก่อนส่ายหน้ากล่าวว่า “เจ้าพูดผิดแล้ว! คนรอบข้างข้าล้วนเชื่อฟังข้า จะน่ากลัวอย่างที่เจ้าคิดได้อย่างไร?”“ส่วนภรรยาของข้าไม่ใช่คนชอบสร้างปัญหา ไม่เช่นนั้นข้าจะวางใจปล่อยให้พวกนางอยู่ข้างหลังได้อย่างไร?”“บ้านของข้าจะสงบสุขได้อย่างไร?”หลิ่วหรูเยียนตกตะลึง แต่ก็เป็นเช่นนั้นจริง!หวังหยวนเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มาก การมีสตรีอยู่รอบกายหลายคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก!ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าหวังหยวนจะไม่ได้เป็นฮ่องเต้ แต่เขาก็มีคุณสมบัติของผู้นำเทียบเท่าฮ่องเต้ทั้งสาม!การมีภรรยาหลายคนจะเป็นอะไรไป?“ในเมื่อท่านไม่รังเกียจ ข้าก็ยินดีอยู่เคียงข้างท่าน!”“เป็นผู้หญิงของท่าน!”หลิ่วหรูเยียนกล่า
“แต่น่าเสียดายที่วีรบุรุษเช่นเจ้ากลับติดตามเจ้านายที่ไม่คู่ควร จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้!”“ข้าขอเตือนอีกครั้ง หากเจ้ายินดีมาอยู่กับข้าหรือบอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ ข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้าอีก!”หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใดแค่นี้ก็สาสมแล้วลั่วเฉินน่าสงสารยิ่งกว่าโอวหยางอวี่ อย่างน้อยโอวหยางอวี่ยังได้ตายอย่างรวดเร็ว!แต่ลั่วเฉินเล่า?ตอนนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด สภาพของเขาย่ำแย่มาก มีลมหายใจอยู่ก็เหมือนรอวันตายการมีชีวิตอยู่ยังทรมานยิ่งกว่าการตาย!“เลิกคิดเถิด!”“ข้าจะไม่ยอมแพ้!”ลั่วเฉินใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะโกนด้วยความโกรธ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ตามใจเจ้า”“ข้าอยากรู้ว่ากระดูกเจ้าจะแข็งได้สักกี่น้ำ”พูดจบหวังหยวนก็ไม่เสียเวลากับลั่วเฉิน พาหลิ่วหรูเยียนเดินออกจากคุกระหว่างทาง ทั้งสองไม่ได้หันไปมองตานสยงเฟยต่อไปแค่เค้นถามลั่วเฉินก็พอแล้ว หากไม่ได้ผลค่อยไปหาตานสยงเฟย!เพราะตานสยงเฟยจัดการยากกว่าลั่วเฉินมาก!ตานสยงเฟยรู้ดีว่าที่ซ่อนทรัพย์สมบัติคือเครื่องช่วยชีวิตของเขา ตราบใดที่เขายังปากแข็ง หวังหยวนก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้!นี่คือประโยชน์อย่างเดียวของเขา!เขาต้องเก็บไพ่ตายใบนี้ไว้ ไม
“อะแฮ่ม”หวังหยวนกระแอม แล้วรีบแต่งตัว ไม่ได้ตอบคำถามของหลิ่วหรูเยียนจะให้เขาตอบเช่นไร?หรือว่าเขาเป็นคนไร้หัวใจ?แต่เมื่อนึกถึงภรรยาหลายคนที่บ้านก็รู้สึกหนักใจ เพิ่งจะแต่งงานกับเสวี่ยเชียนหลงยังไม่ถึงปี ก็มีหญิงงามมาเพิ่มอีกคน แล้วจะอธิบายกับภรรยาอย่างไร!แต่จะเดินจากไปง่าย ๆ เลยก็คงไม่ดีหรือไม่?หวังหยวนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คงต้องตัดสินใจในภายหลัง“จริงสิ”“ข้าต้องไปที่คุก เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่?”หวังหยวนมองหลิ่วหรูเยียน แล้วเอ่ยถาม“แน่นอน!”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าอยากเห็นลั่วเฉินถูกทรมานเพื่อระบายความแค้น!”ไม่นานทั้งสองก็มาถึงคุกต่งอวี่รีบเข้ามาต้อนรับ เมื่อเห็นหวังหยวนก็โค้งคำนับ แล้วกล่าวว่า“ท่านผู้นำ!”“เมื่อคืนข้าอยู่ที่นี่ตลอด ใช้บทลงโทษต่าง ๆ นานากับลั่วเฉินจนเขาบาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับปากแข็งไม่ยอมปริปากเลยขอรับ!”“หากไม่ใช่เพราะเขาใกล้จะตายเต็มทน เราคงไม่ปล่อยให้เขาพักหรอกขอรับ”ต่งอวี่กล่าวด้วยความโกรธช่างน่าโมโหนัก!เขาใช้ความอำมหิตไปเกือบหมดแล้ว แต่ลั่วเฉินก็ยังปากแข็ง!ปากอย่างกับแม่กุญแจ!ยากที่จะแงะออกจริงๆ!เขารู้สึกหนัก
ต่งอวี่รับคำแล้วพาลั่วเฉินไปที่คุกก็แค่พวกกระดูกแข็งเท่านั้น!หากใช้การทรมานเข้าช่วยก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครทนได้ กระดูกจะแข็งเพียงใดกัน?หากทนได้ แสดงว่าแค่ทรมานไม่มากพอ!“ข้าคิดว่าเขาคงไม่ยอมเปิดปาก”“แม้ว่าท่านจะฆ่าเขา เขาก็คงไม่บอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ”หลิ่วหรูเยียนเดินไปข้างหวังหยวน มองคนพาตัวลั่วเฉินออกไป แล้วกล่าวต่อว่า “เขาไม่ใช่คนอย่างโอวหยางอวี่ นับว่าเป็นขุนพลที่กล้าหาญและซื่อสัตย์“หวังหยวนพยักหน้า เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?แต่จำต้องลองดูสักครั้ง“เจ้าจัดการโอวหยางอวี่ไปแล้วหรือ?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามด้วยรอยยิ้ม“ใช่แล้ว”“เขายังหวังจะให้นึกถึงความสัมพันธ์ในอดีต ใช้คำพูดโน้มน้าวข้า แต่น่าเสียดายตอนนี้ใจข้าแข็งดั่งหิน ต้องการแค่ล้างแค้นให้บิดามารดา ทวงความยุติธรรมให้พวกท่านเท่านั้น!”“ในสายตาข้า ชีวิตคนของพรรคทมิฬไร้ค่า!”“ไม่ต้องพูดถึงโอวหยางอวี่ แม้แต่ตานสยงเฟย ข้าก็จะฆ่าเขา!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่นความแค้นในการฆ่าบิดาไม่อาจลืมเลือน จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?หวังหยวนยกยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี”“แต่หล
“เพียะ เพียะ เพียะ!”หลิ่วหรูเยียนไม่พูด เพียงแค่ยกมือขึ้นตบหน้าโอวหยางอวี่หลายครั้งจนหน้าบวมปูด!ทหารหลายคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างมองโอวหยางอวี่ด้วยสายตาเย็นชาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะตัวเขาเอง!แต่ต้องยอมรับว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นสตรีที่แข็งแกร่ง ไม่ควรไปยั่วยุนาง!“เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ข้าจึงจะให้เจ้าตายอย่างสงบ!”“ไม่เช่นนั้นข้าจะทรมานเจ้าให้การมีชีวิตยังดีกว่าตาย!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยความโกรธแค้นคนของพรรคทมิฬล้วนไม่ใช่คนดีสักคน ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง!ตอนนี้นางแค่อยากฆ่าคนระดับสูงของพรรคทมิฬให้หมด!“น้องหรูเยียน...”โอวหยางอวี่ตะโกนอีกครั้ง แต่หลิ่วหรูเยียนลงดาบตัดหัวเขาขาดในดาบเดียว!คนชั่วช้าคนหนึ่งจบชีวิตลง!“หัวหน้าองครักษ์คนหนึ่งจากในสี่คน! ก็แค่นี้!”หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจ ไม่เอ่ยคำใด นางโยนดาบทิ้ง แล้วเดินไปหาหวังหยวนตอนนี้หวังหยวนกำลังเผชิญหน้ากับลั่วเฉิน“หรูเยียนกลับมาแล้ว โอวหยางอวี่คงตายแล้ว”“คนเช่นนั้น ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย”หวังหยวนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มลั่วเฉินหัวเราะลั่น แล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว! คนทรยศ ขี้ขลาดเช่นนั้น ไม่ฆ่าเขา แล้วจะฆ่าใคร?”“เ
“เท่าที่ข้ารู้ พรรคทมิฬมีทรัพย์สมบัติมากมาย!”“วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อถามว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”“ก่อนที่ข้าจะบุกหน้าผา ได้ยินว่าของพวกนั้นถูกขนย้ายไปแล้วจริงหรือไม่?”หวังหยวนมองไปที่โอวหยางอวี่ แล้วถามตรงประเด็นโอวหยางอวี่พูดไม่ออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เอ่ยคำใด“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น“โอวหยางอวี่!”“เจ้าคิดว่าท่านประมุขไม่รู้ความทะเยอทะยานของเจ้าหรือ?”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ จะบอกคนชั่วเช่นเจ้าได้อย่างไร?”“ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะประจบสอพลอก็คงไม่มีโอกาสแล้วกระมัง?”นี่...โอวหยางอวี่รู้สึกจนใจ หน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้ที่ซ่อนทรัพย์สมบัติจริง ๆ!ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกหวังหยวนไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด!หวังหยวนจะมองความคิดของโอวหยางอวี่ไม่ออกได้อย่างไร?เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเตะโอวหยางอวี่ แล้วหันไปพยักหน้าให้หลิ่วหรูเยียน เขาชี้ไปที่โอวหยางอวี่ แล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้ประโยชน์ เจ้าจัดการเขาเถิด!”“จะปล่อยเขาไปหรือจะฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้า ไม่ต้องถามข้า!”หลิ่วหรูเยียนดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจมากส่วนโอวหยางอวี่กลับมีสีหน้าหวาดกลัว รีบ