“เมื่อครู่ข้าคิดจริง ๆ ว่าท่านกับพี่เสี่ยวอวี๋เอ้อร์มีอะไรกัน เพราะเมื่อคืนข้าเห็นท่านกลับมาพร้อมกลิ่นสุราเต็มตัว แล้ววันนี้พี่เสี่ยวอวี๋เอ้อร์ก็มาอาละวาด ดังนั้น...”เสวี่ยเชียนหลงไม่ได้พูดจบ แต่ความหมายของนางชัดเจนแล้ว นางหึงหวง“เมื่อคืนข้ารู้ทันแผนการของพวกเขา จึงใช้แผนตบตา โยนหลงชิงเข้าไป แม้ว่าข้าจะถูกหลอกจริง ๆ ข้าก็ไม่มีทางแตะต้องพี่เสี่ยวอวี๋เอ้อร์อยู่แล้ว เพราะข้าไม่เคยเห็นหน้านางมาก่อนด้วยซ้ำ”หวังหยวนลูบศีรษะเสวี่ยเชียนหลงเบา ๆ คำพูดเหล่านี้ก็เป็นการอธิบายให้เสวี่ยเชียนหลงฟังเสวี่ยเชียนหลงพอใจกับคำตอบนี้เป็นอย่างมากทั้งสองยืนอยู่ในห้องโถงเช่นนั้นพลางสบตากันอย่างอ่อนโยนขณะที่อีกด้านหนึ่งในลานสำนักชั้นในกลับมีเสียงร้องโหยหวนแปลก ๆ ดังขึ้นตลอดทั้งวันวันต่อมาร่างของหลงชิงก็ถูกโยนออกมา ไม่มีผู้ใดสนใจเขาเลย เพราะเป็นสิ่งที่นักพรตชิงอีได้ตักเตือนไว้ก่อนแล้วอีกด้านหนึ่งในตระกูลเจิ้งมีผู้คนหลายคนนั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังปรึกษาหารือกันว่าจะจัดการกับหวังหยวนอย่างไร“ไม่คิดเลยว่าหวังหยวนจะรู้ทันแผนการของเรา และยังทำให้เราเสียหมากไปเสียเปล่าอีกด้วย!”“เด็กคนนั้นฉลาดใช้ได้ เรา
จากนั้นก็มีผู้คนเข้ามาในสถานที่จัดงานเยอะขึ้นเรื่อย ๆ“ดูสิ คนนั้นน่าจะเป็นศิษย์พี่หวังที่ตอนนี้ก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ขั้นสูงแล้ว หวังเฉียงเซิ่งใช่หรือไม่!”“น่าจะใช่เขาจริง ๆ ยังมีศิษย์พี่ระดับปรมาจารย์ขั้นสูงคนอื่นอีกสองคน! ฮั่วไคเหลี่ยงกับเซี่ยหลาน! ไม่คิดว่าเขาจะมาด้วย!”“ศิษย์พี่เซี่ยดูเหมือนจะหมายปองสตรีศักดิ์สิทธิ์ไว้ตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ลงมือทำอะไรเลย เหตุผลหลักก็เพราะสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้สนใจเขา ครั้งนี้มาเข้าร่วมการประลองหาคู่ คาดว่าเตรียมตัวมานานแล้วเป็นแน่!”“พี่ใหญ่เหอก็เป็นผู้มีความสามารถคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่ในครั้งนี้จะน่าสนใจมาก”“ไม่รู้ว่าพวกเราเหล่านี้มาเพื่ออะไรกัน หรือว่าแค่มาเป็นตัวประกอบ?”เหล่าตัวประกอบพูดคุยกันอย่างโจ่งแจ้งจากนั้นเสวี่ยโส่วจุนและผู้นำตระกูลทั้งแปดของตระกูลใหญ่ก็มาถึงที่นี่“ยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงานประลองหาคู่ของบุตรสาวของข้า กติกาของการประลองหาคู่ในครั้งนี้ก็ง่ายมาก ทุกคนต้องอยู่ในเกาะสวรรค์น้อยให้ได้เจ็ดวัน และในเจ็ดวันนี้จะมีผลไม้วิเศษเกิดขึ้น โดยเวลาที่ผลไม้วิเศษสุกนั้นไม่แน่นอน”“ทุกคนสามารถใช้วิธีการใด
“นายน้อยเจิ้ง เจ้าตั้งใจจะไปเอาผลไม้วิเศษอย่างไร? คนระดับปรมาจารย์ขั้นสูงเหล่านั้นจะต้องรีบไปยังตำแหน่งที่ดีที่สุดก่อนอย่างแน่นอน”หวังหยวนยืนอยู่ข้างนายน้อยเจิ้งนายน้อยเจิ้งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดว่าหวังหยวนจะสงสัยว่าเขาจะเป็นสายลับหรือมีแผนร้าย และน่าจะอยู่ให้ห่างจากเขาแต่ไม่คิดว่าหวังหยวนจะยืนอยู่ข้างเขาจริง ๆ และยังปรึกษากับเขาด้วยว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร“หวังหยวน เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าก่อนหน้านี้เราเคยมีความขัดแย้งกัน เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนั้นแล้ว ในระหว่างการแข่งขัน เจ้ายังไว้ใจข้าอีกหรือ หากข้าแทงข้างหลังเจ้าขึ้นมา เจ้าจะทำอย่างไร?”นายน้อยเจิ้งเลิกคิ้วมองหวังหยวน ความยั่วยุฉายชัดในดวงตาเขา“หากนายน้อยเจิ้งตั้งใจจะทำเช่นนั้นจริง ๆ ข้าก็ไม่มีความคิดเห็นใดหรอก”แววตาของหวังหยวนเย็นชา ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา นายน้อยเจิ้งก็ไม่แน่ใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร“หวังหยวน นายน้อยเจิ้ง ไม่คิดว่าพวกเจ้าทั้งสองจะอยู่ที่นี่ด้วย ไปด้วยกันเถิด!”เสียงใสดังมาจากด้านหลัง พวกเขาทั้งสองหันกลับไปพร้อมกันแล้วเห็นเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาพวกเขาเหตุใดจึงเรียกว่าเด็ก? ก็เพราะเขาตัวเล็
ทั้งสามสนทนากันอย่างเพลิดเพลิน แต่หวังหยวนกลับรู้สึกได้ถึงสายตาแปลก ๆ อยู่เสมอสายตานี้ราวกับดวงตาของงูในความมืด เย็นชาและโหดเหี้ยม“พวกเจ้ารู้สึกเหมือนมีคนแอบมองอยู่หรือไม่?”“ก็พวกเขาทั้งสามนั่นไม่ใช่หรือ?”หลังจากได้ยินคำพูดของหวังหยวน นายน้อยเจิ้งก็ส่งสัญญาณให้เขามองไปทางด้านข้างหวังหยวนมองตามสายตาของเขาไปก็เห็นชายสามคนจ้องพวกเขานิ่งอยู่แววตาที่เผยออกมาเต็มไปด้วยความดูถูกและท้าทาย“เจ้าคือหวังหยวนสินะ ดูแล้วก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย ดูเหมือนว่าการทดสอบสามอย่างที่ผู้นำตระกูลแปดตระกูลใหญ่และเสวี่ยโส่วจุนได้กำหนดไว้ให้เจ้าน่าจะผ่านได้ง่ายดาย”“ข้าเคยได้ยินชื่อของเจ้ามาก่อน วันนี้ได้พบตัวจริงแล้วก็เห็นว่าธรรมดามาก”เมื่อเห็นว่าหวังหยวนกำลังมองมาที่พวกตน ชายทั้งสามก็เดินตรงเข้ามาทันที แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งมาก“หวังหยวน เจ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะต่อสู้กับพวกเราชาวเทียนไว่เทียนหรือ เจ้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ขั้นกลางเท่านั้น คิดว่าตัวเองเก่งกล้าสามารถแล้วจริงหรือ?”หวังเฉียงเซิ่งยืนอยู่ตรงหน้าหวังหยวน ส่วนสูงของเขาสูงกว่าหวังหยวนสิบเซนติเมตร เขาเป็นช
ผลลัพธ์คือถูกเตะกระเด็นออกมาในพริบตาภาพนี้ช่างน่าสลดใจจนหวังหยวนแทบไม่อยากมองหากคนเหล่านี้รู้จักใช้สมองคิดแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะรู้ว่าไม่ควรเผชิญหน้ากับผู้ที่มีระดับปรมาจารย์ขั้นสูงครั้งแล้วครั้งเล่าที่หลายคนก็โกรธแต่ไม่กล้าพูด ได้แต่รอคอยอย่างเงียบ ๆ อยู่ข้างกายพวกผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ หากมีโอกาสได้ฉกฉวยก็ถือว่าดีไปนายน้อยเจิ้งและหลิวอวี่ก็หาที่นั่งลงเตรียมพักผ่อนแต่หวังหยวนกลับเดินวนเวียนอยู่รอบต้นผลไม้วิเศษ เขาคิดว่ากฎนี้มีอะไรผิดแปลกเพราะผลไม้ที่ออกลูกห้าปีครั้งนั้นหายากมาก เหตุใดจึงต้องมอบให้กับงูยักษ์ด้วย? คิดอย่างไรก็ไม่สมเหตุสมผล!เหตุใดไม่ให้พวกเขากินเอง หรือมอบให้กับผู้นำตระกูลแปดตระกูลใหญ่และเสวี่ยโส่วจุนก็ยังจะดีกว่าเหตุใดจึงต้องมอบให้กับงูยักษ์ด้วย?ในเรื่องนี้ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่พวกเขาคิดไม่ถึงหวังหยวนบังคับให้ตนเองขบคิด ต้องคิดหาเหตุและผลให้ได้!ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถหาหนทางอื่นได้อย่างแยบยลไม่สามารถนั่งรอความตายต่อไปได้แล้ว ต้องรีบลงมือทำหวังหยวนเดินไปหานายน้อยเจิ้งและหลิวอวี่ ก่อนบอกพวกเขาว่าตนจะไปเดินสำรวจรอบ ๆเพราะรออยู่ที่นี่ก็ไม่มีห
“หวังหยวน เจ้าไปที่ใดมา? ค้นพบอะไรบ้างหรือไม่?”หลังจากหวังหยวนเข้ามาใกล้ พวกเขาจึงถามขึ้นหวังหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าในที่สุดหวังหยวนรู้สึกผิดกับพวกเขามาก แต่ผู้ชนะมีเพียงคนเดียว เขาไม่ต้องการยกเสวี่ยเชียนหลงให้ผู้อื่น จึงต้องใช้วิธีการนี้“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าคงไม่ค้นพบสิ่งใด เพราะต้นผลไม้วิเศษอยู่ตรงหน้าเราแล้ว จะมีต้นอื่นอีกได้อย่างไร เราจงรออยู่ที่นี่อย่างสงบ แล้วดูว่าจะหาทางเก็บมาได้หรือไม่”หลิวอวี่รู้สึกว่าคงไม่มีหนทางอื่นใดแล้ว เพราะเสวี่ยโส่วจุนก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพียงแต่บอกให้พวกเขาค้นหาผลไม้วิเศษขณะนี้มีต้นผลไม้วิเศษขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว และเกาะแห่งนี้ก็เล็กมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีต้นผลไม้วิเศษต้นอื่นอีกหลังจากได้ยินคำพูดของหลิวอวี่ หวังหยวนก็พยักหน้าแต่นายน้อยเจิ้งกลับจ้องมองหวังหยวนตลอดเวลา ทำให้หวังหยวนรู้สึกใจคอไม่ดีชายผู้นี้คงไม่รู้ว่าเขากำลังโกหกใช่หรือไม่ อาจเป็นเพราะหวังหยวนรู้สึกผิดต่อพวกเขา จึงทำให้สายตาของเขาเหม่อลอยสุดท้ายนายน้อยเจิ้งก็ถอนหายใจ“หวังหยวน ตอนแรกข้ายังคิดว่าเจ้าหลอกพวกเรา แต่หลังจากมองเจ้าอยู่นาน ก็พ
ส่วนเขาจะไปดูว่าพวกเขาไปทำอะไร จะมีแผนการอื่นหรือไม่ หรือค้นพบสิ่งใดหรือเปล่าหวังเฉียงเซิ่งแอบตามไปอย่างระมัดระวังมาก คอยรักษาระยะห่างที่เหมาะสมที่สุดกับพวกเขาสามคนเสมอ เพราะกลัวว่าพวกเขาจะพบตนส่วนหวังหยวนพาเด็กน้อยอีกสองคนไปที่ป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากต้นผลไม้วิเศษ“ทิวทัศน์ที่นี่สวยงามมาก แต่พวกเจ้าลองดมดูสิว่าได้กลิ่นผลไม้จาง ๆ หรือไม่?”หวังหยวนกำลังสอนพวกเขาสองคนเกี่ยวกับทักษะการเอาตัวรอดในป่า ถือเป็นการชดเชยที่หวังหยวนปกปิดเรื่องป่าผลไม้วิเศษไว้หลังจากได้ยินคำพูดของหวังหยวนแล้ว หลิวอวี่และนายน้อยเจิ้งก็หลับตาลงและใช้ใจสัมผัสธรรมชาติและแล้วพวกเขาก็ได้กลิ่นหอมของผลไม้จาง ๆ จริง ๆ กลิ่นเหมือนแอปเปิล!“ตามข้ามาต่อเถิด ข้างหน้ายังมีของอร่อยอีกมากมาย”แม้ว่าเกาะเล็กแห่งนี้จะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ แต่ศิษย์ภายนอกก็เข้ามาทำความสะอาดเสมอ และยังมีการปลูกต้นผลไม้หลากหลายชนิดไว้เพื่อรับประทานหลังจากเดินไปอีกไม่กี่ก้าว สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาก็คือสวนผลไม้ขนาดใหญ่ทั้งสองกลืนน้ำลาย อยากจะเข้าไปกินให้เร็วที่สุด แต่หวังหยวนกลับห้ามพวกเขาไว้แล้วบอกให้พวกเขาดูอย่างระมัดระวังว่ามีสิ่
จากนั้นเขาก็ปักไม้ที่เหลาไว้แล้วลงไปในดินเป็นแถวยาวเหยียดแล้วก็ใช้เถาวัลย์สีเขียวถักเป็นเชือก ตอนนี้ทุกอย่างได้ตระเตรียมไว้พร้อมแล้ว ขาดเพียงสิ่งสำคัญอย่างเดียว!“เห็นสิ่งเหล่านี้หรือไม่ มันคือสิ่งของจำเป็นสำหรับการวางกับดัก เพราะไม่มีของที่เหมาะสมกว่านี้แล้ว ข้าจึงใช้สิ่งเหล่านี้แทน พวกเจ้าลองดูให้ดี”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบก็เดินตรงเข้าไปทันทีทั้งสองคนคิดว่าเขาต้องตายแน่แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าหวังหยวนจะปลุกสัตว์ดุร้ายเพียงตัวเดียว“โฮก!”สัตว์ดุร้ายตัวนี้ยืดตัวพลางมองหวังหยวนตรงหน้าด้วยสายตาเหยียดหยาม ในสายตาของมัน มนุษย์เป็นเพียงอาหารเท่านั้นแต่ว่ามนุษย์จะนำอาหารอร่อย ๆ มาให้มันมากมาย และยังให้มันเฝ้าอยู่ที่นี่อีกด้วยรูปร่างของสัตว์ดุร้ายตัวนี้คล้ายเสือดาว แต่ตัวใหญ่กว่าเสือดาวมาก“เจ้าเพิ่งตื่นมา ท้องคงหิวแย่แล้วสินะ ที่นี่ไม่มีเนื้อให้เจ้ากินหรอก ถ้าเจ้าอยากกินตัวข้าก็ตามข้ามาเถิด!”หวังหยวนจ้องมองเสือดาวตรงหน้าด้วยสายตาท้าทาย เสือดาวก็ไม่รอช้า เริ่มวิ่งไล่ตามหวังหยวนจากนั้นก็เดินเข้าไปในกับดักเถาวัลย์ที่หวังหยวนเตรียมไว้แล้วหวังหยวนกระตุกเชือกอย่างแรง ส่งผลให้เสือด