หวังหยวนสิ้นหวัง ไม่ว่าเขาจะอธิบายอย่างไร พี่เสี่ยวอวี๋เอ้อร์ก็ไม่ฟังเหตุใดนางจึงเชื่อสนิทใจว่าเขาคือชายที่ล่วงเกินนางเมื่อคืน?หรือว่าหลงชิงได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ก่อนจากไป?“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าออกไปเมื่อใด แต่ข้ามีกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีลายมือชื่อของเจ้าอยู่!”เสี่ยวอวี๋เอ้อร์หยุดโจมตีขณะพูด แล้วหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมาจากกระเป๋าหวังหยวนรับกระดาษมาอ่านอย่างละเอียดลายมือไม่เหมือนเขาเลย มีเพียงลายมือชื่อเท่านั้นที่เป็นชื่อของเขา“พี่เสี่ยวอวี๋เอ้อร์เข้าใจผิดแล้ว ลายมือนี้ไม่ใช่ข้าเขียน ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ข้าเขียนให้ดูตรงนี้ได้เลยว่าไม่ใช่ลายมือข้า!”ขณะที่หวังหยวนกำลังจะโน้มน้าวเสี่ยวอวี๋เอ้อร์ให้ปล่อยเขาไป หลงชิงก็วิ่งมาพร้อมคนอื่น ๆ“พี่ใหญ่หวังอยู่นี่เอง ขอโทษด้วย! เรื่องเมื่อคืน พวกเราไม่คิดว่าจะกลายเป็นเช่นนี้!”หลงชิงและศิษย์สำนักชั้นในสองคนนั้นมาทำอะไรที่นี่?หวังหยวนขมวดคิ้วมองพวกเขาดูเหมือนว่าคนทั้งสามตั้งใจมาตัดสินความผิดของเขาเรื่องราวใหญ่โตจนนักพรตชิงอีมาดูด้วย เสวี่ยเชียนหลงก็อดไม่ได้ที่จะวิ่งออกมาจากห้อง“วันนี้คึกคักดีจริง ๆ เสี่ยวอวี๋เอ้อร์ เจ้ามาทำอะไรที่นี่ แทน
สามคนนี้พูดแต่ละอย่างราวกับว่าหวังหยวนรับสารภาพความผิดแล้วหวังหยวนหยุดเดิน สายตาที่มองพวกเขาสามคนดุร้ายสายตานั้นทำให้หลงชิงตกใจจนเกือบจะเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น? พวกเจ้าสามคนย่อมรู้ดีกว่าข้า เมื่อคืนพวกเจ้ากรอกสุราให้ข้าอย่างบ้าคลั่ง เพื่อให้เกิดเรื่องวันนี้ใช่หรือไม่?”หลังจากได้ยินคำถามของหวังหยวน หลงชิงก็รีบตอบ“พี่ใหญ่หวัง ท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไร? เมื่อคืนพวกเราอยากขอบคุณมิตรไมตรีของท่านจริง ๆ ถึงได้จัดงานเลี้ยง ท่านเป็นคนก่อเรื่องลามกอนาจารเอง แล้วจะมาโทษพวกเราได้อย่างไร?”หลงชิงแสดงท่าทีราวกับถูกหวังหยวนใส่ร้าย ทำแม้กระทั่งจะบีบน้ำตาให้ไหลออกมาหวังหยวนไม่ต้องการพูดคุยกับเขาอีก ถึงตอนนั้นนักพรตชิงอีก็จะมีวิธีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้เขาอยู่แล้วในไม่ช้าพวกเขาก็ตามนักพรตชิงอีมาถึงหอประชุมใหญ่ตอนนี้เสวี่ยโส่วจุนไม่อยู่ที่นี่ ผู้อาวุโสสูงสุดจึงเป็นนักพรตชิงอี เขาจึงมีสิทธิ์นั่งบนเก้าอี้หลัก“เชียนหลง เจ้ามานั่งข้างข้าก่อนแล้วสังเกตการณ์เรื่องนี้ ถ้ามีอะไรผิดแปลก เจ้าก็พูดออกมาได้เลย”นักพรตชิงอีเรียกชื่อเสวี่ยเชียนหลงให้มานั่งข้างเขาเสวี่ยเชียนหลงรั
“พวกเจ้าทั้งสามยังมัวยืนเฉยอยู่เพื่ออะไร? รีบเล่าเรื่องที่รู้เมื่อคืนมาให้หมดสิ้น จะรอให้ท่านนักพรตชิงอีถามพวกเจ้าก่อนหรืออย่างไร?”หลังจากได้ยินเสียงของเสี่ยวอวี๋เอ้อร์ หลงชิงจึงเพิ่งจะตอบสนองตอนนี้รัศมีอำมหิตของท่านนักพรตชิงอีรุนแรงมาก ทำให้เขาตกใจจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ“เรียนท่านนักพรตชิงอี เมื่อคืนพวกเราสามคนดื่มสุรากินอาหารกับพี่ใหญ่หวัง เนื่องจากได้พบสหายคนใหม่ จึงได้เชิญพี่ใหญ่หวังมาด้วยความยินดี แต่ไม่คาดคิดว่าพี่ใหญ่หวังจะดื่มได้ไม่เก่ง หลังจากเมาแล้วก็จะพาพวกเราสามคนไปที่หน้าห้องของเสี่ยวอวี๋เอ้อร์ เราเห็นพี่ใหญ่หวังเข้าไปในห้องของเสี่ยวอวี๋เอ้อร์ด้วยตาของเราเองขอรับ!”หลงชิงพูดคำโกหกที่เตรียมไว้ทั้งหมดออกมาหวังหยวนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา ชายผู้นี้ช่างพูดโกหกได้หน้าตาเฉยราวกับไม่ต้องเตรียมไว้ล่วงหน้า“พวกเจ้าทั้งสองเห็นจริงหรือ?”ท่านนักพรตชิงอีไม่ได้สนใจหลงชิง แต่กลับจับจ้องไปที่คนทั้งสองข้าง ๆศิษย์ในสำนักทั้งสองไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง เพียงแค่พยักหน้าซ้ำ ๆ“พวกเจ้าทั้งสามเห็นข้าเข้าไปในห้องของเสี่ยวอวี๋เอ้อร์เมื่อใด?”“พี่ใหญ่หวัง ท่านก็ยอมรับเสียเถิด เรื่องนี้ไม่ใช่
“ข้านึกออกแล้ว บนไหล่ซ้ายของชายผู้นั้นเมื่อคืนมีปานสีแดงเข้ม ขอให้พวกเจ้าทั้งสี่ถอดเสื้อที่ไหล่ซ้ายออกด้วย!”หลังจากเสี่ยวอวี๋เอ้อร์พูดจบก็หันกลับมามองหวังหยวน หลงชิงและศิษย์ภายในอีกสองคน ตอนนี้พวกเขาทั้งสี่เป็นผู้ต้องสงสัยหลงชิงตกใจจนนิ่งอึ้งไปไม่คิดว่าเสี่ยวอวี๋เอ้อร์จะจำเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้ ตอนนี้แย่แล้ว!เหงื่อเย็นหยดเล็ก ๆ ไหลซึมออกมาจากหน้าผากของเขา ร่างกายสั่นระริกไม่หยุด หวังหยวนสังเกตเห็นความผิดปกติของเขาเมื่อคืนคนที่ทำเรื่องนั้นกับเสี่ยวอวี๋เอ้อร์คือหลงชิงจริง ๆ ตอนนี้ถือว่าเขาจะได้รับผลกรรมแล้ว!“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็ขอถอดเสื้อตรงไหล่ซ้ายให้พี่เสี่ยวอวี๋เอ้อร์ตรวจดู!”หลังจากพูดจบ หวังหยวนก็ดึงเสื้อของตนเองลง แผ่นหลังของเขาเรียบเนียนขาวใส ไม่มีปานสีแดงเข้มเลยศิษย์ในสำนักทั้งสองก็ถอดเสื้อของตนออกเช่นกัน และก็ไม่มีปานสีแดงเข้มเช่นเดียวกับหวังหยวน ตอนนี้เหลือเพียงหลงชิงคนเดียว“หลงชิง เหตุใดเจ้ายังไม่ถอดเสื้อของเจ้าออกอีก?”ท่านนักพรตชิงอีมองหลงชิงด้วยสายตาเฉียบคม ทันใดนั้นก็พอจะเข้าใจเงื่อนงำของเรื่องนี้แล้วหลงชิงหวาดกลัวจนตัวสั่นไปทั้งตัวแล้ว จะยังสนใ
“เจ้าเป็นอะไรไป? หวังหยวน เหตุใดยังยืนงงอยู่อีกเล่า? รีบถอดเสื้อของเขาออกเดี๋ยวนี้ แล้วดูให้ชัด!”ในจวนเสวี่ยและเทียนไว่เทียนกลับเกิดเรื่องอุกอาจเช่นนี้ขึ้น แม้แต่นักพรตชิงอีก็ยังไม่อาจละเว้นได้หวังหยวนฟังแล้วจึงค่อย ๆ เดินเข้าหาหลงชิง ชายผู้นั้นเริ่มถอยหลังกรูด แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวหวังหยวน“อย่าเข้ามานะ! ออกไปซะ!”หากถูกจับได้ว่าเป็นผู้กระทำการในครั้งนี้ พี่เสี่ยวอวี๋เอ้อร์จะต้องสับเขาเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน ทั้งเสวี่ยโส่วจุนและนักพรตชิงอีก็จะไม่ปล่อยเขาไว้เช่นกัน“เจ้าเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่าไม่มีใครหนีพ้นผลของกรรมชั่วของตนได้หรือไม่”หวังหยวนก้าวเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าหลงชิงจากนั้นคว้าคอเสื้อของเขาขึ้นมาฉีกออก แล้วรอยปานสีแดงเข้มก็ปรากฏอยู่บนไหล่ซ้าย“ประเสริฐนัก เจ้าเป็นคนทำจริง ๆ! ในฐานะศิษย์ภายใน กลับกล้ากระทำการชั่วช้าเช่นนี้กับสหายร่วมสำนัก ทั้งยังวางยาผู้อื่นด้วย เจ้าช่างมีเล่ห์เหลี่ยมนัก! เรื่องนี้ข้าจะแจ้งให้เสวี่ยโส่วจุนทราบ และเจ้าจะไม่ได้อยู่ในเทียนไว่เทียนแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว!”นักพรตชิงอีสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปเห็นได้ชัดว่าอนุญาตให้พี่เสี่ยวอวี๋เอ้อร์ลงโ
“เมื่อครู่ข้าคิดจริง ๆ ว่าท่านกับพี่เสี่ยวอวี๋เอ้อร์มีอะไรกัน เพราะเมื่อคืนข้าเห็นท่านกลับมาพร้อมกลิ่นสุราเต็มตัว แล้ววันนี้พี่เสี่ยวอวี๋เอ้อร์ก็มาอาละวาด ดังนั้น...”เสวี่ยเชียนหลงไม่ได้พูดจบ แต่ความหมายของนางชัดเจนแล้ว นางหึงหวง“เมื่อคืนข้ารู้ทันแผนการของพวกเขา จึงใช้แผนตบตา โยนหลงชิงเข้าไป แม้ว่าข้าจะถูกหลอกจริง ๆ ข้าก็ไม่มีทางแตะต้องพี่เสี่ยวอวี๋เอ้อร์อยู่แล้ว เพราะข้าไม่เคยเห็นหน้านางมาก่อนด้วยซ้ำ”หวังหยวนลูบศีรษะเสวี่ยเชียนหลงเบา ๆ คำพูดเหล่านี้ก็เป็นการอธิบายให้เสวี่ยเชียนหลงฟังเสวี่ยเชียนหลงพอใจกับคำตอบนี้เป็นอย่างมากทั้งสองยืนอยู่ในห้องโถงเช่นนั้นพลางสบตากันอย่างอ่อนโยนขณะที่อีกด้านหนึ่งในลานสำนักชั้นในกลับมีเสียงร้องโหยหวนแปลก ๆ ดังขึ้นตลอดทั้งวันวันต่อมาร่างของหลงชิงก็ถูกโยนออกมา ไม่มีผู้ใดสนใจเขาเลย เพราะเป็นสิ่งที่นักพรตชิงอีได้ตักเตือนไว้ก่อนแล้วอีกด้านหนึ่งในตระกูลเจิ้งมีผู้คนหลายคนนั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังปรึกษาหารือกันว่าจะจัดการกับหวังหยวนอย่างไร“ไม่คิดเลยว่าหวังหยวนจะรู้ทันแผนการของเรา และยังทำให้เราเสียหมากไปเสียเปล่าอีกด้วย!”“เด็กคนนั้นฉลาดใช้ได้ เรา
จากนั้นก็มีผู้คนเข้ามาในสถานที่จัดงานเยอะขึ้นเรื่อย ๆ“ดูสิ คนนั้นน่าจะเป็นศิษย์พี่หวังที่ตอนนี้ก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ขั้นสูงแล้ว หวังเฉียงเซิ่งใช่หรือไม่!”“น่าจะใช่เขาจริง ๆ ยังมีศิษย์พี่ระดับปรมาจารย์ขั้นสูงคนอื่นอีกสองคน! ฮั่วไคเหลี่ยงกับเซี่ยหลาน! ไม่คิดว่าเขาจะมาด้วย!”“ศิษย์พี่เซี่ยดูเหมือนจะหมายปองสตรีศักดิ์สิทธิ์ไว้ตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ลงมือทำอะไรเลย เหตุผลหลักก็เพราะสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้สนใจเขา ครั้งนี้มาเข้าร่วมการประลองหาคู่ คาดว่าเตรียมตัวมานานแล้วเป็นแน่!”“พี่ใหญ่เหอก็เป็นผู้มีความสามารถคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่ในครั้งนี้จะน่าสนใจมาก”“ไม่รู้ว่าพวกเราเหล่านี้มาเพื่ออะไรกัน หรือว่าแค่มาเป็นตัวประกอบ?”เหล่าตัวประกอบพูดคุยกันอย่างโจ่งแจ้งจากนั้นเสวี่ยโส่วจุนและผู้นำตระกูลทั้งแปดของตระกูลใหญ่ก็มาถึงที่นี่“ยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาร่วมงานประลองหาคู่ของบุตรสาวของข้า กติกาของการประลองหาคู่ในครั้งนี้ก็ง่ายมาก ทุกคนต้องอยู่ในเกาะสวรรค์น้อยให้ได้เจ็ดวัน และในเจ็ดวันนี้จะมีผลไม้วิเศษเกิดขึ้น โดยเวลาที่ผลไม้วิเศษสุกนั้นไม่แน่นอน”“ทุกคนสามารถใช้วิธีการใด
“นายน้อยเจิ้ง เจ้าตั้งใจจะไปเอาผลไม้วิเศษอย่างไร? คนระดับปรมาจารย์ขั้นสูงเหล่านั้นจะต้องรีบไปยังตำแหน่งที่ดีที่สุดก่อนอย่างแน่นอน”หวังหยวนยืนอยู่ข้างนายน้อยเจิ้งนายน้อยเจิ้งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาคิดว่าหวังหยวนจะสงสัยว่าเขาจะเป็นสายลับหรือมีแผนร้าย และน่าจะอยู่ให้ห่างจากเขาแต่ไม่คิดว่าหวังหยวนจะยืนอยู่ข้างเขาจริง ๆ และยังปรึกษากับเขาด้วยว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร“หวังหยวน เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าก่อนหน้านี้เราเคยมีความขัดแย้งกัน เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนั้นแล้ว ในระหว่างการแข่งขัน เจ้ายังไว้ใจข้าอีกหรือ หากข้าแทงข้างหลังเจ้าขึ้นมา เจ้าจะทำอย่างไร?”นายน้อยเจิ้งเลิกคิ้วมองหวังหยวน ความยั่วยุฉายชัดในดวงตาเขา“หากนายน้อยเจิ้งตั้งใจจะทำเช่นนั้นจริง ๆ ข้าก็ไม่มีความคิดเห็นใดหรอก”แววตาของหวังหยวนเย็นชา ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา นายน้อยเจิ้งก็ไม่แน่ใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร“หวังหยวน นายน้อยเจิ้ง ไม่คิดว่าพวกเจ้าทั้งสองจะอยู่ที่นี่ด้วย ไปด้วยกันเถิด!”เสียงใสดังมาจากด้านหลัง พวกเขาทั้งสองหันกลับไปพร้อมกันแล้วเห็นเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาพวกเขาเหตุใดจึงเรียกว่าเด็ก? ก็เพราะเขาตัวเล็