ครอบครัวของทั้งสี่กลุ่ม รวมทั้งชาวบ้านบางคน ต่างก็สงสัยว่าพวกเขาจะได้รับเงินพิเศษเยอะเพียงใดในห้องโถง หลี่ซื่อหานนั่งตัวตรงพร้อมพู่กันในมือ มีเหรียญเงินและทองแดงวางอยู่ข้าง ๆ จ้าวชิงเหอที่เปลี่ยนทรงผมใหม่ และแต่งหน้าแบบบางเบานั่งอยู่ข้างนางลุงนั่งข้างกล่องเก็บเงินหลายใบ แม้จะเสียดายเล็กน้อยแต่ก็มีความสุข!หลังจากมาถึงหมู่บ้านต้าหวัง เขาก็ตระหนักได้ว่าหลานชายของเขาทำไปมากเพียงใดเมื่อเร็ว ๆ นี้เขายินดีกับหลานชาย แต่ในขณะเดียวกันก็กังวลเรื่องเงินนิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นอะไร!เพราะเขายินดีที่หวังหยวนคิดค้นอาวุธวิเศษ ที่คมราวกับสามารถตัดเหล็กได้เหมือนตัดดินเหนียว และเขายังเข้าใจหลักการของความมั่งคั่ง และการจัดการคนด้วย!เมื่อมองดูฝูงชนที่ลานบ้าน หวังหยวนก็ยืนบนเก้าอี้ แล้วพูดเสียงดังว่า “พี่น้อง ลุงป้าน้าอาทั้งหลาย เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนแล้วนับตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่มประมง กลุ่มขายปลา กลุ่มจัดซื้อ และกลุ่มทำสบู่ของเรา!”“ใช่แล้ว เวลาผ่านไปเร็วมาก!”ทันใดนั้นผู้คนในลานบ้านก็ดูราวกับอยู่ในความฝัน หลายคนยิ้มแย้มแจ่มใส และบางคนก็มีน้ำตาไหลอาบหน้าเมื่อเดือนที่แล้ว ทุกครัวเรือนต่างอดอยาก จิ
ชาวบ้านก็ดูตื่นเต้นมีเรื่องสำคัญคือจะตั้งกลุ่มใหม่ และเปิดรับสมัครคนหรือเปล่าปัจจุบันครอบครัวส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน ต่างมีคนทำงานกับหวังหยวนแต่ส่วนใหญ่จะมีคนในครอบครัวคนเดียวที่ทำ ถึงแม้จะทำเงินได้มากมาย แต่ก็ซื้อได้แค่อาหารและเสื้อผ้าเท่านั้นมีเพียงครอบครัวที่มีสมาชิกสองคนทำงานนี้เท่านั้น ที่นอกจากจะสามารถใช้ซื้ออาหาร และเสื้อผ้าได้เพียงพอแล้ว ยังสามารถที่จ่ายค่ารักษาอาการป่วยได้!หากมีสามคนในครอบครัวทำงานนี้ ก็สามารถเริ่มวางแผนสร้างบ้านหลังคากระเบื้อง และซื้อที่ดินได้หวังหยวนยิ้มและพูดว่า “ข้ากำลังวางแผนจะจัดตั้งโรงเรียนภาคค่ำในหมู่บ้าน!”ชาวบ้านหลายคนสงสัย “โรงเรียนภาคค่ำคืออะไร?”หวังหยวนอธิบายว่า “มันเกือบจะเหมือนกับโรงเรียนเอกชน! แต่มีความแตกต่างคือ โรงเรียนคือที่ที่เด็กไปเรียน ส่วนโรงเรียนภาคค่ำคือที่ที่ผู้ใหญ่เรียน ใครก็ตามที่ยินดีเรียนสามารถมาเรียนได้เลย กลุ่มประมงจะจ่ายเอง!”แผงลอยเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และพนักงานของเขาไม่มีใครรู้หนังสือสักคน มีแค่เขาและหลี่ซื่อหานที่ทำบัญชีไม่สบายใจที่จะจ้างคนนอก เพราะที่นี่มีความลับมากเกินไป และอาจรั่วไหลได้ง่ายปลูกฝังคนในกลุ่ม
หวังหยวนพูดช้า ๆ “ในฐานะเจ้าของร้าน หากไม่รู้หนังสือ แล้วจะลงนามในสัญญากับผู้อื่นได้อย่างไร! ในฐานะนักบัญชี หากไม่รู้วิธีเขียนและคำนวณบัญชี จะเก็บเงินได้อย่างไร หากข้าจ่ายค่าจ้าง รับสมัครคนนอกมาดูแลทุกคน ทุกคนก็คงไม่คุ้นเคยและไม่สบายใจด้วย แต่หากไม่รับสมัคร ลำพังแค่ซื่อหานกับข้าก็ดูแลไม่ทั่วถึง!”“ใช่ ไม่อาจรับสมัครคนนอกได้ พวกเขาไม่ได้มีเป้าหมายเหมือนกับเรา!”“ไม่อาจปล่อยให้พี่หยวนและซื่อหานลงนามในสัญญา และทำบัญชีได้ตลอดเวลา เจ้านายคนไหนทำเช่นนี้บ้าง!”“เราควรเรียนรู้อ่านเขียน!”“แต่นั่นใช้เวลานานในการเรียนรู้ ความจริงแล้วในหมู่บ้านของเรา ผู้นำตระกูลก็สามารถเขียนและคำนวณได้เช่นกัน!”“ลืมไปเถอะ หัวหน้าตระกูลทำตัวเหมือนเหนือกว่าคนอื่นตลอดเวลา เขาจะมาร่วมกับเราได้อย่างไร!”“ใช่แล้ว ผู้นำตระกูลเป็นบัณฑิต เขาดูถูกคนบ้านนอกอย่างพวกเรา จึงไม่เต็มใจมายุ่งเกี่ยว!”“ไปโรงเรียนภาคค่ำ ไปโรงเรียนภาคค่ำกันเถอะ!”“เราจะเรียนกันได้หรือ?”ชาวบ้านพูดปรึกษากัน!นอกลานบ้าน หวังปี่จงขมวดคิ้ว ใครบอกว่าข้าไม่ต้องการ!แม้แต่ผู้พิพากษาคนใหม่ ผู้เป็นถึงจิ้นซื่ออันดับสอง ก็ยังเรียกแทนตัวเองว่าศิษย์ต่
หวังปาโต้วเงยหน้าขึ้น “ข้ายังอยากสอนอยู่ แม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยก็ตาม ท่านให้เงินเดือนดีมาก ไม่อาจหาที่ไหนได้อีกแล้ว ข้าไม่มีหวังเรื่องสอบจอหงวนอยู่แล้ว!”“เอาล่ะ!”หวังหยวนพยักหน้าและยิ้ม “กลับไปปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อของเจ้าก่อน ตราบใดที่เขาไม่คัดค้านหรือสร้างปัญหา เจ้าจะเป็นอาจารย์คนแรกในหมู่บ้านต้าหวัง!”“ขอบคุณพี่หยวน!”หวังปาโต้วตะโกนด้วยความดีใจ แล้วรีบวิ่งออกไปจากลานบ้าน “ท่านพ่อ ตอนนี้ข้าเป็นอาจารย์แล้ว ข้าจะได้รับค่าจ้างเท่ากับรองหัวหน้า ข้าจะได้ค่าจ้างเดือนละสามก้วน และอาจจะได้เงินพิเศษด้วย”คาดไม่ถึงว่าจะโดนหวังปี่จงตบหน้า แล้วพูดว่า “เจ้าลูกชายบ้า ความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ของเจ้าทั้งหมด ข้าไม่ได้เป็นคนสอนให้หรอกหรือ ไม่รู้หรอกว่ากี่ก้วนกี่ตำลึง แต่เจ้ากล้าทำให้คนอื่นเข้าใจผิด!”หวังปี่จงมีสีหน้าจริงจัง “นั่นก็ไม่ได้เช่นกัน!”หวังปาโต้วพูดด้วยหน้าตาบูดบึ้ง “น่าเสียดายที่ต้องทิ้งงานที่ดีเช่นนี้!”หวังปี่จงเอามือไพล่หลัง “ไม่ต้องทิ้ง พ่อจะไปแทนเจ้าเอง!”“เอ๊ะ!”หวังปาโต้วสับสน “แล้ว แล้วข้าควรทำอย่างไร”ฮ่าฮ่าฮ่า!บทสนทนาระหว่างสองพ่อลูก ทำให้ทั้งลานบ้านมีเสียงหัวเราะลั่
“นายท่านใหญ่ นายท่านรอง เราเป็นโจร เราต่อสู้และเข่นฆ่ากันตลอดทั้งวัน การทำงานนั้นไม่เพียงแต่เป็นอันตรายเท่านั้น แต่เรายังถูกฝ่ายราชการล้อมปราบปราม และถูกคนทั่วไปเกลียดชังด้วย!”เซี่ยซานหู่ผู้โกนหนวดเครากลายเป็นชายหนุ่มอ้วน หน้ากลม หน้าตาใสซื่อ ขณะนี้เขากำลังชักแม่น้ำทั้งห้าอยู่ที่หุบเขาต้าชิง “ข้ามีวิธีหาเงินได้มากขึ้น โดยไม่ต้องถูกฝ่ายราชการล้อมจับ และยังได้รับคำชมจากผู้คนด้วย พ่อค้าที่ผ่านไปมาก็เริ่มเสนอจ่ายเงินให้เอง ไม่ทราบว่าพวกท่านจะสนใจหรือไม่!”หลังออกจากเมืองฝูแล้ว เขาก็ไปที่เมืองหลางข้าง ๆ แล้วขึ้นไปที่หุบเขาต้าชิง เพื่อก่อตั้งพันธมิตรเส้นทางการค้าป่าเขียวมีกลุ่มโจรในหุบเขาต้าชิง ผู้นำทั้งสองใช้นามแฝงว่าต้าชิงหมั่งและเสี่ยวชิงหมั่ง ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของพวกเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขากบฏและกลายเป็นโจรโดยใช้ชื่อปลอม ไม่ใช้ชื่อจริงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ฝ่ายราชการค้นพบ และขุดหลุมศพบรรพบุรุษของพวกเขา!“บอกมาเลย!”เมื่อได้ยินว่ามีเรื่องดีเช่นนี้ ต้าชิงหมั่งและเสี่ยวชิงหมั่งก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันทีโดยไม่สนใจข่าวลือว่าค่ายซานหู่ถูกทำลาย และเซี่ยซานหู่ก็กลายเป็นสุนัขหลงทา
เจ้าหน้าที่จะฆ่าเสี่ยวชิงหมั่งและต้าชิงหมั่ง ฝ่ายราชการจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไป“ไม่อาจเก็บค่าผ่านทางได้อีกแล้ว!”ต้าชิงหมั่งเปลี่ยนเรื่อง “ข้าได้ยินมาว่าค่ายซานหู่ของเจ้าถูกทำลายโดยกลุ่มชาวนา เกิดอะไรขึ้น”เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่น่าอับอายนี้ ใบหน้าของเซี่ยซานหู่ก็มืดมน “พี่ชายทั้งสอง พวกเขาไม่ใช่ชาวนาธรรมดา มีปรมาจารย์อยู่เบื้องหลังพวกเขา!”“ปรมาจารย์ ปรมาจารย์กับผีน่ะสิ!”เสี่ยวชิงหมั่งดูถูก “ไม่ว่าคนผู้นั้นที่เป็นหัวหน้าพวกชาวนาจะเก่งกาจเพียงใด หากได้เผชิญหน้ากับคนของข้า พวกเขาทุกคนคงไม่รอด!”“พี่เสี่ยวชิงหมั่ง พวกเขาในหมู่บ้านต้าหวัง ไม่ใช่ชาวนาธรรมดา พวกเขามีวรยุทธ์ด้วย หากท่านพบพวกเขาจริง ๆ อย่าได้หุนหันพลันแล่น!”เซี่ยซานหู่รีบชักชวน แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าดูถูกของเสี่ยวชิงหมั่ง เขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน “อีกทั้งท่านผู้นั้นอยู่ในเมืองฝู ส่วนพวกท่านอยู่ในเมืองหลาง จะเจอกันได้อย่างไร ในเมื่อพวกท่านสองพี่น้องไม่อาจทำธุรกิจเก็บค่าผ่านทางได้ ข้าก็จะไปยังหุบเขาถัดไป หาโอกาสต่อไป!”ต้าชิงหมั่งยืนขึ้นและพูดอย่างสุภาพ “น้องเซี่ยซานหู่ เหตุใดเจ้าถึงรีบร้อนถึงเพียงนี้ หากไ
แผลถูกเปิดออกอีกครั้ง สีหน้าของเซี่ยซานหู่แข็งค้าง เขาเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า “ช่วงนี้พี่อู่จั้งโหวเป็นอย่างไรบ้าง?”ว่ากันว่าอู่จั้งโหวผู้เรืองอำนาจ สามารถกระโดดได้สูงห้าวา!แต่นั่นเป็นเพียงการคุยโว เมื่ออู่จั้งโหวไปที่ค่ายซานหู่เขาก็แสดงวรยุทธ์ด้วยการกระโดดของเขาสูงเกือบสิบฟุต กำแพงสูงของหมู่บ้านไม่อาจหยุดเขาได้โจรกล่าวว่า “นายท่านใหญ่ไม่ได้อยู่บนภูเขา แต่นายท่านรองอยู่บนภูเขา นายท่านรองบอกว่า หากพี่น้องคนใดที่มีปัญหาในค่ายซานหู่มาขอลี้ภัย อีเซี่ยนเทียนจะรับทุกคนเข้ามา ไป ท่านไปพบนายท่านรองก่อนดีกว่า!”“นายท่านรองเป็นคนชอบธรรมยิ่งนัก!”เซี่ยซานหู่หลั่งน้ำตาด้วยความขอบคุณ แต่เมื่อเขามาถึงหมู่บ้านอีเซี่ยนเทียน เขาก็ตกใจมากเมื่อเปรียบเทียบกับค่ายซานหู่แล้ว หมู่บ้านอีเซี่ยนเทียนแตกต่างจากบ้านดินมุงจากอย่างสิ้นเชิงหลังจากเดินผ่านเส้นทางบนภูเขาที่ขรุขระ ก็จะถึงที่ราบบนหุบเขา เป็นพื้นที่เกษตรกรรมอันอุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ บ้านหินกระจัดกระจายอย่างเป็นระเบียบ และห้องโถงตรงกลางมีป้ายแขวนอยู่มีตัวอักษรตัวใหญ่สามตัวเขียนอยู่บนนั้น แต่เขาอ่านไม่ออกเลยสักตัว!“ไปที่โถงจวี้อี้กันเถอะ นายท
“เขาเป็นปรมจารย์ท่านหนึ่ง!” เมื่อนึกถึงคำเตือนของคุณชาย เฮยซินหู่ก็ตัวสั่น “นายท่านรอง เราอย่าไปยั่ยยุเขาจะดีกว่า ตัวเขาเต็มไปด้วยเจตนาชั่วร้าย ใครก็ตามที่ยั่วยุเขาจะต้องตายแน่ ๆ!” หลังจากที่พี่รองถูกสังหารและพี่ใหญ่ถูกจับ เขาก็แอบเข้าไปในเทศบาลเพื่อไถ่ถาม!และได้รู้ว่าตระกูลหลิวก็จบสิ้นเช่นกัน คนที่ต่อต้านคุณชายผู้นั้นก็ต่างติดคุกกันหมด! หงเยี่ยเงยหน้าอันหล่อเหลาขึ้น เขาหยิบมีดยาวขึ้นมาแล้วพูดอย่างเหยียดหยาม “เมื่อมีจิตใจที่เฉียบแหลม เช่นนั้นจะต้องเป็นบัณฑิตอย่างแน่นอน เมื่อต้องรับมือกับบัณฑิตก็อย่าพูดอะไรมากนัก แค่เข้าไปแทงเขาด้วยมีดให้ตาย ไม่ว่าเขาจะฉลาดแค่ไหนยังไงก็ใช้มันไม่ได้อยู่ดี!” “...อืม ๆ!” เฮยซินหู่หัวเราะอย่างอดไม่ได้ คุณชายเป็นคนรอบคอบขนาดนั้น มันไม่ง่ายเลยที่จะฆ่าเขา ก่อนที่ใครจะเข้าใกล้เขาแล้วชักดาบแทง การซุ่มโจมตีของเขาจากทุกทิศทุกทางจะทำให้คนผู้นั้นล้มลง เขาเคยเห็นมาก่อน ตอนที่กำลังจะลักพาตัวคุณชาย เขาก็ถูกซุ่มโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า! ทันใดนั้น โจรภูเขาก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องโถง “นายท่านรอง พวกเราปล้นสตรีได้นางหนึ่ง” หงเยี่ยพูดอย่างสบาย ๆ “ไม่มีเงินจ่