ขณะที่เขากำลังสงสัย เหล่ากุ้นก็หัวเราะอย่างร่าเริงโดยไม่สนใจหวังหยวนในเวลานี้กลุ่มหญิงสาวได้ถอดเสื้อผ้าออกแล้ว กำลังลงไปในน้ำและเริ่มอาบน้ำพวกนางเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานเมื่อเหล่ากุ้นเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะคิกคัก จากนั้นอุ้มหวังหยวนขึ้นมา แล้วโยนลงไปในทะเลสาบเสียงดังตูม!หวังหยวนแทบคลั่ง!ตอนนี้เขาเปลือยกายอยู่!มิหนำซ้ำที่นี่ยังมีแต่ผู้หญิงกำลังอาบน้ำอยู่ด้วย!นี่...นี่เป็นการซ้ำเติมสองชั้น!น่าเสียดายที่...ไม่ว่าเขาจะคิดหาวิธีแก้สถานการณ์มากเพียงใดก็ไม่มีประโยชน์แล้ว!ฟิ้ว…!ตูม…!หวังหยวนตกลงไปในน้ำในทะเลสาบขณะนี้หญิงสาวเหล่านั้นก็ตกใจมาก พวกนางส่งเสียงกรีดร้องแล้วรีบขึ้นฝั่ง“คนโรคจิต!”“คนลามก!”“กล้ามาแอบดูพวกเราอาบน้ำ!”หญิงสาวเหล่านั้นตกใจมาก ต่างรีบสวมเสื้อผ้าหวังหยวนอยากจะร้องไห้ สาว ๆ ทั้งหลาย ข้าไม่ได้มองเลยนะ!เขาไม่ได้มองจริง ๆ เขาหลับตาตลอดเวลา!ทันใดนั้นหญิงสาวคนหนึ่งก็พูดว่า“ไม่ใช่แล้ว! ดูเขาสิ ร่างกายของเขาแข็งทื่อเชียว!”“เอ๊ะ? หรือว่าจะถูกใครสกัดจุด?”“เขาจะจมน้ำตายหรือเปล่า?”“จะช่วยเขาหรือไม่?”หญิงสาวหลายคนลังเล แต่เมื่อคิดดูดี ๆ แล
“เจ้ากล่าวเช่นนี้แล้วพวกข้าจะต้องเชื่อเจ้าหรือ!”“ถูกต้อง!”“แต่เราไม่สามารถทิ้งเขาไว้ที่นี่ได้ หากสัตว์ป่ามาพบเข้าคงไม่ดีแน่!”“ฮึ่ม! พาไปหาเหล่ากุ้นที่สำนักเซียนกระบอง แล้วขอคำอธิบายกันเถิด!”กล่าวจบ หญิงงามทั้งหลายก็มัดตัวหวังหยวนอย่างแน่นหนา แล้วช่วยกันหามเขาไปที่สำนักเซียนกระบองหวังหยวนไม่เคยอับอายขายหน้าถึงเพียงนี้มาก่อนในชีวิต!เขาเกลียดเหล่ากุ้นผู้นั้นแทบตาย!ชายชราคนนั้นกล้าทำเช่นนี้กับเขาจริง ๆไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงสำนักเซียนกระบอง จากนั้นหวังหยวนก็ถูกโยนลงพื้นอย่างแรงหญิงงามทั้งหลายตะโกนทันที“เหล่ากุ้น! ตาแก่ลามก ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”“ถูกต้อง รีบออกมาเลย!”พวกนางร้องเอะอะโวยวาย ขณะที่เหล่ากุ้นเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทางงัวเงีย“โอ้ นี่เหล่านางฟ้าแสนสวยแห่งสำนักเจ็ดสีไม่ใช่หรือ? ไฉนเจ้าทั้งหลายจึงมาหาข้า?”เหล่ากุ้นแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่หวังหยวนกลับโกรธจนแทบคลั่งเหล่ากุ้นผู้นี้ต้องการสิ่งใดกันแน่ โยนความผิดให้เขาหรือ?“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”หญิงงามทั้งหลายชี้ไปที่หวังหยวนเหล่ากุ้นจึงมองไปที่หวังหยวน แล้วชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะกระโดดเข้ามาหา“โอ้โฮ ศิษ
“การโกรธเป็นเรื่องดี แสดงว่าความละอายของเจ้าค่อย ๆ ลดลงแล้ว”เหล่ากุ้นพอใจยิ่งนัก หวังหยวนฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ข้าได้บอกท่านแล้วว่าข้าจะไม่เรียนอย่างแน่นอน!”“ข้าจะจากไปจากที่นี่!”เหล่ากุ้นได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า “ได้เลย แต่หากข้าไม่ปลดสกัดจุดของเจ้า เจ้าจะจากไปได้อย่างไร?”หวังหยวนได้ยินดังนั้นก็แทบจะกระอักเลือดออกมาหลังจากพิจารณาแล้ว เขาก็ยังรู้สึกว่าควรทำให้ตาแก่ผู้นี้ไว้ใจก่อนจึงกล่าวว่า “เช่นนั้น... เช่นนั้นข้าจะเรียนก็ได้! ท่านปลดสกัดจุดของข้าก่อน”เหล่ากุ้นได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “ได้ ตกลงกันแล้วนะ”กล่าวจบก็ปลดสกัดจุดของหวังหยวนทันทีทันใดนั้นหวังหยวนก็กระโดดขึ้นจากพื้น ไม่เอ่ยคำใดทั้งนั้น รีบกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเตรียมจากไปทันที“เฮ้ย เฮ้ย เจ้าไม่ได้บอกว่าจะอยู่ที่นี่เพื่อเรียนวิชากระบองหรือ?”เหล่ากุ้นเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นหวังหยวนได้ยินแล้วก็เยาะหยัน “ข้าหลอกท่าน ท่านเป็นตาแก่ที่ไม่น่าเคารพเลยสักนิด ข้าจะไม่เรียนกับท่านหรอก!”“อยากให้ข้าเรียนวิชากระบอง แต่ท่านกลับทำให้ข้าอับอายเช่นนี้ ข้าไม่เคยอับอายถึงเพียงนี้ม
หวังหยวนไม่คิดเลยว่าเมื่อดื่มสุราหมดจอกแล้ว ตนเองจะมึนงงจนสิ้นสติไป!ในวันต่อมา หวังหยวนรู้สึกราวกับว่าตนเองอยากจะตายเพราะตาแก่เหล่ากุ้นนั่น!หวังหยวนรู้ดีว่าวิชากระบองนี้หาผู้ใดเทียบเทียมได้ยาก แต่ทว่ากลับแสนจะลามก เขาจึงไม่ชอบสามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดการฝึกฝนอันโหดหินของหวังหยวนก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว!ในดินแดนรกร้างแห่งหนึ่งมีพรรคเล็ก ๆ นามว่าพรรคหุบเขาทมิฬตั้งอยู่มาช้านาน ด้วยพึ่งพาอาศัยอำนาจของประมุขพรรคผู้มีพลังระดับปรมาจารย์ขั้นกลาง ทำให้เหล่าศิษย์ในพรรคต่างก็กระทำการอันไม่ชอบธรรมหญิงสาวในเมืองโดยรอบต่างก็ไม่กล้าออกจากบ้านเรือน ต้องอยู่แต่ในบ้านก็ต้องอยู่ด้วยความหวาดกลัว เพราะเกรงว่าจะต้องตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนเหล่านี้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ประมุขพรรคไปจับตัวตัวหญิงสาวพรหมจรรย์หลายคน เพื่อจะนำเลือดบริสุทธิ์ของพวกนาง มาช่วยให้ประมุขพรรคไปถึงระดับที่สูงขึ้น ในเวลานี้เองที่การฝึกฝนของหวังหยวนได้สิ้นสุดลงแล้ว เขาได้รับคำสั่งจากโม่ชิงอีให้มาฝึกฝนที่นี่ เพื่อพิสูจน์ผลลัพธ์จากการฝึกฝนในสามเดือนที่ผ่านมา ร่างในชุดดำกระโจนลงมาจากท้องฟ้า และกระบองในมือของเขานำพาความกดดัน
ประมุขพรรคอดตกใจไม่ได้ เขาชะงักมือไปชั่วครู่ ก่อนจะตรงเข้าโจมตีหวังหยวนบนต้นไม้เมื่อใบไม้สั่นไหว หวังหยวนก็หายตัวไปจากระยะการโจมตีอีกครั้ง วิชากระบองนี้หาผู้ใดเทียบเทียมได้ยากส่งผลให้สามารถเคลื่อนไหวได้ราวกับภูตผีปีศาจแม้ว่าการหลบเลี่ยงการโจมตีจะไม่ใช่หนทางแห่งความยั่งยืน แต่ก็สามารถชะลอความได้เปรียบของคู่ต่อสู้ได้ในตอนแรกประกายสะท้อนจากคมดาบของประมุขพรรคมีพลังอันมหาศาล สามารถฉีกทึ้งแผ่นดินได้ แต่หลังจากที่โจมตีไปหลายครั้งก็สามารถตัดต้นไม้ได้เพียงต้นเดียว“เจ้าเด็กขี้ขลาด เอาแต่หลบซ่อนตัว”ในขณะที่เขาพูดเช่นนี้ หวังหยวนก็ใช้วิชากระบองพุ่งเข้าชนด้านหลังของประมุขพรรคเมื่อชายชราผู้ชั่วช้ารู้สึกตัวว่ามีอันตรายอยู่ด้านหลังก็สายเกินไปเสียแล้วเมื่อมีเสียงดัง“ผัวะ” ดังสนั่น ร่างของเขาก็กระเด็นออกไป ดาบเงินหลุดออกจากมือของประมุขพรรคไปปักอยู่บนพื้นที่ว่างในระยะไกลอย่างน่าเวทนา ประมุขพรรคร่วงลงบนพื้นจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ ต่อให้ผ่านไปครึ่งวันก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้เมื่อแรกเริ่มประมุขพรรคไม่ได้ใส่ใจเด็กหนุ่มผู้นี้เลยแม้แต่น้อยแต่ไม่คาดคิดว่าท่าไม้ตายอันแสนเรียบง่ายเช่นนี้จะสามารถทำให้ตนเ
ขณะที่หวังหยวนจัดการกับพรรคหุบเขาทมิฬอยู่นั้น โม่ชิงอีก็เฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา เขาปัดเสื้อของตัวเองเบา ๆ พลางรู้สึกว่าถึงเวลาที่จะพาหวังหยวนไปแล้ว“พี่ชิงอีบอกว่าจะมาหาข้าเอง ข้าจะไปพักที่โรงเตี๊ยมที่เชิงเขาก่อนเพื่อพักผ่อนให้เต็มที่ และดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่นี่”ยามดึกสงัด หวังหยวนพลิกตัวไปมาบนเตียงในโรงเตี๊ยมเพราะนอนไม่หลับ ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียวคือกินอิ่มมากเกินไปทันใดนั้นหน้าต่างก็เปิดออกเองโดยไม่มีลมพัด และในชั่วพริบตาเดียว โม่ชิงอีก็มายืนอยู่ตรงหน้าเขา“พี่ชิงอี ท่าน...” คิดจะพาข้าไปเลยหรือ หวังหยวนมองพี่ชิงอีตรงหน้า แต่ก็กลืนคำพูดประโยคท้ายลงไปอย่างเงียบเชียบเขามีสีหน้าแบบที่ชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ควรมี“เอาเถิด ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำต่อหน้าข้าหรอก ข้ายังไม่รู้จักเจ้าอีกหรือไร การมาครั้งนี้ ประการแรกก็เพื่อดูการฝึกฝนของเจ้า ส่วนประการที่สอง...”โม่ชิงอีหยุดพูดลง แล้วมองหน้าหวังหยวน “คือมีเรื่องที่ต้องปรึกษากับเจ้า”“พี่ชิงอีเชิญพูดมาเถิดขอรับ”หวังหยวนลุกจากเตียงแล้วเดินไปที่โต๊ะ จากนั้นหยิบน้ำชามารินใส่แก้วให้โม่ชิงอี แต่รู้สึกว่าน้ำไม่ร้อนพอจึงจะเรียกเสี่ยวเอ้อ แต่ก็ถูก
ถ้อยคำเหล่านี้ฟังดูรุนแรง หวังหยวนอดไม่ได้ที่จะโต้แย้งว่า “เช่นนั้นจะฝากความหวังไว้กับพวกเขาเหล่านั้นหรือ? ชายชราทั้งหลายคิดเพ้อฝันมากไป”โม่ชิงอีใช้สายตาส่งสัญญาณให้หวังหยวนสงบสติอารมณ์ลง “สาเหตุประการแรกเป็นเพราะสงสัยในความสามารถของเจ้า ประการที่สองคือเห็นว่าเจ้าเป็นคนนอก ส่วนเหตุผลอื่นนั้นไม่สำคัญนัก”“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณพวกเขาเป็นอย่างมากที่เสียเวลาคิดเหตุผลมากมายเช่นนี้ ดูเหมือนว่าหากข้าเข้าไปหาตระกูลเสวี่ยคงจะมีอุปสรรคมากมายและอาจถูกฆ่าตายได้”“แม้ว่าคำสั่งล่าสังหารเจ้าจะยังไม่ได้ประกาศ แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากที่กำลังสืบหาเจ้าอยู่เบื้องหลัง อาจเป็นไปได้ว่าจะไม่เป็นผลดีต่อเจ้า สถานการณ์ในขณะนี้เป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าคิดอย่างไร”โม่ชิงอีไม่ได้พูดทุกเรื่อง เขาต้องการดูว่าหวังหยวนจะตัดสินใจอย่างไร“ข้าคิดอย่างไรงั้นหรือ ง่ายมาก พวกท่านทั้งในและนอกเทียนไว่เทียนต่างก็มีแผนการสมคบคิด ไม่ได้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” หวังหยวนไม่อยากรักษาหน้าพี่ชิงอีผู้นี้แล้ว“พูดตามตรงก็คือพวกเจ้าปล่อยให้คนอื่นแทรกซึมเข้ามาได้เหมือนตะแกรง หากข้าบุ่มบ่ามไปเทียนไว่เทียนและเข้าร่วมตระกูลเสวี่ย ข้าคงถู
“ท่านช่างมีวิสัยทัศน์นัก จงกล่าวต่อไปเถิด ตลอดวันก็มัวแต่พร่ำเพ้ออยู่ได้ ข้าเห็นว่าไม่มีผู้ใดจะเสแสร้งแกล้งทำได้เก่งเท่าท่านแล้ว”“คนบ้าบิ่นเช่นท่านจะรู้เรื่องใด ตระกูลหลิวแห่งฉินหยางภายใต้การนำของท่านอยู่ในอันดับสุดท้ายของตระกูลทั้งแปดมาหลายปีแล้ว และไม่ได้มีส่วนช่วยเหลือใด ๆ หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปจะยังสามารถเข้ามาในห้องประชุมได้หรือไม่?”“ผู้อาวุโสหลี่ เหตุใดจึงโอหังนัก ตระกูลหลี่แห่งหล่งซีของท่าน หากมีผู้ใดสักคนเป็นที่พึ่งพาได้บ้าง ท่านคงไม่ต้องมาอยู่ที่นี่...”ชายวัยกลางคนยังไม่ทันกล่าวจบก็ถูกเสวี่ยโส่วจุนขัดจังหวะ “พอได้แล้ว รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือหอประชุม ไม่ใช่ตลาด”ทุกคนเห็นสีหน้ามืดมนของประมุขแล้วก็สงบลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีความรู้สึกที่แต่ละคนต่างก็คิดไม่ซื่อต่อกันและกัน“ข้าให้พวกท่านมาเพื่อปรึกษากัน ไม่ใช่เพื่อมาโจมตีกัน หากไม่สามารถช่วยเหลือเทียนไว่เทียนได้ ในครั้งต่อไปที่ส่งจดหมายเชิญ ผู้ใดที่ไม่สามารถมาได้ก็ไม่ต้องมา”“คำพูดของประมุขรุนแรงเกินไปแล้ว ไม่ว่าเหล่าผู้นำตระกูลจะโต้เถียงกันอย่างไรก็เพื่อประโยชน์ร่วมกันทั้งสิ้น ท่านคิดเช่นไร?”ชายชราผมขาวที่นั่งทางด้านซ้ายล
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น