เมื่อหวังหยวนพูดจบ อ๋องถูหนานก็เข้าใจแล้ว ขณะที่ยังคงประหลาดใจก็ถอนหายใจเมื่อคิดว่าอ๋องเจิ้นตงผู้นี้มีปัญหาจริง ๆ!ครั้งก่อนยังได้รับการอภัยโทษไปแล้ว แต่แล้วเขาเล่า?ยังคงไม่สำนึกผิด กลับก่อเรื่องเช่นนี้อีก ยากที่จะเข้าใจได้จริง ๆ!“อ๋องเจิ้นตงมีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง ท่านเรียกข้าออกมา อ๋องหลงซีคงจะได้เปิดอกพูดกับเขาแล้วกระมัง?”อ๋องถูหนานพูดจบ หวังหยวนก็พยักหน้า“น่าจะเป็นเช่นนั้น ไม่ทราบว่าอ๋องหลงซีจะสามารถโน้มน้าวเขาได้หรือไม่ หากโน้มน้าวไม่ได้ คนผู้นี้... เห็นทีต้องลงมือจัดการเสียแล้ว!”หลังจากที่หวังหยวนพูดเช่นนี้ อ๋องถูหนานก็พยักหน้า“เรื่องที่ไทเฮาจากไปแล้วให้เจิ้งกุ้ยเหรินและอันกุ้ยเหรินร่วมกันดูแลวังชั้นใน แล้วให้พวกเราทั้งสี่ร่วมกันปกครองนั้น!”“ก็เพื่อรักษาสมดุล หากมีเพียงพวกเราสามคน เรื่องนี้... คงจะยิ่งวุ่นวายยิ่งขึ้น!”อ๋องถูหนานรู้จุดประสงค์ของไทเฮามานานแล้ว การให้สี่คนร่วมกันบริหารราชการแผ่นดินย่อมดีกว่าสามคนเพราะหากในสามคนนี้ สองคนร่วมมือกันก็จะกลายเป็นผู้ครอบงำราชสำนักไม่ใช่หรือ!สี่ท่านอย่างน้อยก็มีหวังหยวนและอ๋องหลงซีที่จะไม่ทำเช่นนั้น!เช่นนี้อย่างน้อ
ขณะที่เฉินอวิ๋นจื้อกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หงหยิ่งกลับรู้สึกห่อเหี่ยวใจเสียเหลือเกิน!เมื่อคืนยังสามารถหนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แล้วคืนนี้จะทำอย่างไรดีเล่า?แต่งงานแล้วจะไม่เข้าห้องหอกันก็คงไม่ได้กระมัง?ขณะที่หงหยิ่งยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีนั้น เกาเล่อก็มาถึง!เขาหัวเราะทันทีที่ก้าวเข้าประตูมา“วันนี้เป็นวันแรก ข้ามาแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวแต่เช้าเลย พวกเจ้าทั้งสองคงไม่คิดว่าข้ามาโดยไม่เชิญหรอกกระมัง?”เกาเล่อพูดกลั้วหัวเราะ เมื่อเฉินอวิ๋นจื้อได้ยินเช่นนั้นก็รีบกล่าวว่า “ลูกพี่ ท่านพูดอะไรเช่นนั้น พวกเราจะคิดเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า!”เกาเล่อฟังแล้วก็หัวเราะเช่นกัน แล้วกล่าวว่า “ไม่คิดก็ดีแล้ว เหล่าเฉินเอ๋ย วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อจะบอกเรื่องหนึ่งกับเจ้า”เฉินอวิ๋นจื้อรีบกล่าวว่า “ลูกพี่ ท่านว่ามาเถิด”เกาเล่อไม่ได้ปิดบัง พูดตามตรงไปว่า “บัดนี้ในเมืองหวงแห่งนี้มีข้าและคุณชายอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าจึงไม่ต้องกังวล”“แต่เจ้ามีความสามารถโดดเด่น เจ้าได้จัดการเรื่ององค์กรเครือข่ายผีเสื้อในเมืองหวงแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น... ข้าจึงได้ปรึกษากับคุณชายแล้วว่าจะส่งเจ้าไปที่หมานอี๋ เจ้าคิ
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”หงหยิ่งเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินอวิ๋นจื้อจึงตอบว่า “ก็ไม่มีเรื่องอะไรหรอก เพียงแต่... เราอาจจะต้องไปเมืองหมานอี๋”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หงหยิ่งก็ถึงกับตกตะลึงทันที!“ไปเมืองหมานอี๋หรือ? หมายความว่าอย่างไร?”นางไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดจู่ ๆ ต้องไปเมืองหมานอี๋?หรือว่า...นางถูกเปิดโปงแล้วหรือเปล่า?สีหน้าของนางไม่สู้ดีในทันที นัยน์ตาฉายแววไม่พอใจ!“ที่นี่มีคุณชายและลูกพี่คอยปกป้องอยู่แล้ว ดังนั้นหน้าที่ของข้าจึงน้อยลง เพื่อให้องค์กรเครือข่ายผีเสื้อของเราดีขึ้นเรื่อย ๆ ลูกพี่จึงตัดสินใจให้ข้าไปเมืองหมานอี๋”เฉินอวิ๋นจื้อไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ เพราะเมื่อครั้งที่ไปยังอาณาจักรต้าอันก็เป็นเพราะเหตุผลนี้ต่อมาได้มาที่เมืองหวง บัดนี้จะต้องไปเมืองหมานอี๋อีกก็คาดว่าคงเป็นเหตุผลเดียวกัน จึงไม่ได้คิดอะไรมากถึงแม้เขาจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่หงหยิ่งต้องคิดมาก!ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ จู่ ๆ ก็ให้นางและเฉินอวิ๋นจื้อไปเมืองหมานอี๋ เห็นได้ชัดว่าผิดปกติ!เหมือนกับตอนที่ให้พวกนางมาที่เมืองหวงเลย!ตัวนางเอง...รีบร้อนเกินไปหรือ?จึงทำให้ถูกจับได้หรือ?ไม่น่
หงหยิ่งก้าวออกจากร้านขายธัญพืช แล้วมุ่งหน้าไปยังตรอกแคบ ๆ!เกาเล่อเดินตามหลังไปอย่างกระชั้นชิด นัยน์ตาฉายแววเย็นชา!ปกติแล้วหงหยิ่งมักจะไปซื้อของใช้จำเป็นอื่น ๆ แต่ในวันนี้นางตรงไปยังสถานที่ห่างไกล ซึ่งทำให้เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่เขาคิด!เขาเดินตามนางไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองจึงเดินตามกันไปโดยเว้นระยะห่างหงหยิ่งรีบร้อนจนไม่รู้ว่าเกาเล่อแอบตามมาข้างหลัง นางเอาแต่คิดวนเวียนอยู่ในใจว่านางถูกจับได้แล้วหรือเปล่า?หากถูกจับได้แล้วจริง ๆ จะทำอย่างไรดี!หรือว่านางทำผิดพลาดไป?แท้จริงแล้วนางไม่รู้ว่าทุกสิ่งที่นางกระทำอย่างระมัดระวังนั้นยังคงเป็นความลับอยู่ แต่ในยามคับขัน นางกลับไม่สามารถตัดสินใจได้!เกาเล่อเป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่า ส่วนหวังหยวนก็สามารถควบคุมจิตใจคนได้ ผู้หญิงคนเดียวอย่างนางย่อมสู้ทั้งสองคนนี้ไม่ได้ดังนั้นทุกครั้งที่นางมีความคิดบางอย่างในใจ ก็จะเกิดความลนลาน!เรื่องนี้จึงนำไปสู่ความล้มเหลวของนางครั้งแล้วครั้งเล่า!และครั้งนี้ก็เช่นกัน ที่กำลังจะจบลงด้วยความล้มเหลว!ไม่เพียงเท่านั้น มันยังจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของนางอีกด้วย!หงหยิ่งมาถึงบ้านร้างแห่งหนึ่ง
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของหงหยิ่งก็ยิ่งดูแย่ลง“หากเป็นเช่นนั้นจริง ไม่ใช่ว่า...”หงหยิ่งขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ!หากเป็นเช่นนั้น นางก็ไม่สามารถลงมือจัดการหวังหยวนได้แล้ว!“ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอย่างไร แผนการที่จะจัดการกับหวังหยวนต้องถูกระงับ... บัดซบ! ชายผู้นี้ช่างรับมือยากเสียจริง!”หงซาถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด!“ท่านพี่ ไม่เช่นนั้น... เรามาลงมือกันเลยดีกว่า! ด้วยการร่วมมือกัน เราน่าจะสามารถจัดการกับหวังหยวนได้!”หงหยิ่งพูดออกมาทันที เมื่อได้ยินดังนั้น หงซาก็ครุ่นคิด“เรื่องนี้... ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อน หากทำเช่นนั้นก็มีความเสี่ยงสูง!”“หากสำเร็จก็คงดี แต่หากล้มเหลว เจ้าก็จะต้องซ่อนตัวอีกเป็นเวลานาน!”หงซาเองก็ลังเล!เพราะหงหยิ่งอยู่เคียงข้างเฉินอวิ๋นจื้อมาเป็นเวลานาน จึงถือว่าเป็นคนที่เข้าใกล้หวังหยวนได้มากที่สุด!หากครั้งนี้ล้มเหลว แผนการของหงหยิ่งในอนาคตก็คงจะไม่สำเร็จ และการที่จะส่งใครไปอยู่ใกล้หวังหยวนก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก!หลังจากถอนหายใจ หงซาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า“เรื่องนี้ข้าจะต้องไปปรึกษาคุณชาย เจ้าพยายามยืดเวลาออกไปก่อน รอจนกว่าคุณชายจะตอบกลับมา
การที่หวังหยวนจะสังหารหงหยิ่งนั้นมันช่างง่ายดายเสียเหลือเกิน!หากพวกนางคิดจะมาจัดการเขาก็เชิญมาได้เลย!เพราะหวังหยวนก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกนางจะมีหนทางใดที่จะจัดการกับเขาได้!“แต่ว่า... พี่หวัง เรื่องนี้อาจจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเฉินอวิ๋นจื้อ!”ในเวลานี้เกาเล่อกล่าวขึ้น สีหน้าแฝงไปด้วยความกังวล!หวังหยวนได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา เขาเองก็เข้าใจดี!“เจ้าพูดถูก แม้ว่าเราจะไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อสตรีผู้นี้ แต่สำหรับเฉินอวิ๋นจื้อแล้ว นางก็ยังคงเป็นคนที่เขารัก!”หวังหยวนก็กำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี!ฆ่าทิ้งหรือ?วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแล้ว!แต่หากฆ่าทิ้งไปแล้ว สำหรับเฉินอวิ๋นจื้อ มันก็คงจะเป็นบาดแผลที่รุนแรงอย่างมาก!ทั้งหวังหยวนและเกาเล่อเองก็ไม่เคยเชื่อใจสตรีของเฉินอวิ๋นจื้อมาตั้งแต่แรก!แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังปิดบังเขาไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ!ความรู้สึกเช่นนี้ก็เหมือนกับว่ามีเพื่อนที่ดีที่สุดอยู่ แต่แล้ววันหนึ่งกลับพบว่าพวกเขากลับมีความสงสัยในตัวคนที่ใกล้ชิดที่สุดมาตลอด เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะยอมรับได้!แม้ว่าหงหยิ่งจะมีปัญหาจริง แต่หากเฉิน
ในเวลานี้หากลงมืออีกครั้ง ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะสูญเปล่าไปทั้งหมด ไม่เพียงเท่านั้น ยังอาจจะทำให้ชีวิตของตนเองตกอยู่ในอันตรายด้วย!“น้องสาว คุณชายใหญ่คิดที่จะสังหารหวังหยวน แต่ว่า...หากหวังหยวนเตรียมตัวมาแล้ว เห็นทีพวกเราต้องตายแน่ ครั้งนี้เจ้าคิดจะเลือกอย่างไร?”หงซาถามขึ้น เขามีชีวิตอยู่เคียงข้างเซิ่งตงฉยงมาตลอดหลายปี ย่อมรู้จักนิสัยใจคอของผู้เป็นนายดี!แต่เพราะรู้จักดีจึงยิ่งกังวลใจมากขึ้น!เพราะว่า...ความโหดเหี้ยมของคนผู้นี้อยู่เหนือจินตนาการของพวกเขา!ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนผู้นี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับชีวิตของพวกเขาเลย!หงซารู้ความจริงข้อนี้มานานแล้ว เพียงแต่ไม่เคยพูดออกมาเท่านั้น!แต่คราวนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฉลาด!ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ก็ต้องฆ่าหวังหยวนให้ได้!นั่นก็หมายความว่าต้องใช้ชีวิตของพวกเขาสองคนเข้าแลกเพื่อฆ่าหวังหยวน!ต้องบอกว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของเซิ่งตงฉยงทำให้เขาเสียใจอยู่ไม่น้อยหงหยิ่งมองไปที่หงซาด้วยนัยน์ตาหมองเศร้า นางจะไม่รู้ว่าพี่ชายต้องการจะสื่ออะไรได้อย่างไร?เพียงแต่...นี่คือคำสั่งของคุณชายใหญ่ แล้
เมื่อหงหยิ่งจากไปจากที่นี่แล้ว ก็ได้ไปซื้อของอร่อย ๆ มากมายที่ตลาด เพื่อกลับไปทำอาหารมื้อสุดท้ายให้กับเฉินอวิ๋นจื้อไม่ว่านางจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม นี่จะเป็นมื้อสุดท้ายแล้ว!นางได้ใช้ประโยชน์จากเฉินอวิ๋นจื้อมานานแสนนาน แต่ในใจกลับรู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย!สิ่งที่นางทำได้ในตอนนี้ ก็คือการกินอาหารมื้อสุดท้ายกับเขาให้ดีที่สุดแท้จริงแล้วในใจของหงหยิ่งก็เคยหวั่นไหวมาหลายครั้ง เพราะคิดว่าการใช้ชีวิตเช่นนี้ก็ดีไม่น้อยแต่ว่า...นางยังคงตัดใจจากตระกูลเซิ่งไม่ได้!บางทีความคิดที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กนั้นอาจจะฝังรากลึก ยากที่จะถอนออกได้อย่างสิ้นเชิง!ดังนั้นทุกครั้งที่นางคิดจะยอมแพ้ นางก็จะหยุดความคิดนั้นไว้ทันทีแต่ว่า...จนถึงตอนนี้นางได้เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วทันทีที่ได้ยินหงซาพูดประโยคที่ว่า “ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม” นางก็ได้สติขึ้นมาตัวนางเอง...เป็นเพียงแค่เครื่องมือชิ้นหนึ่งเท่านั้น!ไม่มีความสำคัญเลย!ไม่เพียงแต่ไม่สำคัญเท่านั้น แต่ยังเป็นเพียงเครื่องมือที่แทบไม่มีค่าด้วยซ้ำ!ดังนั้น...หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของเรื่องนี้ก็ไม่
“ปกติพวกเจ้าล้วนองอาจกันไม่ใช่หรือ?”“ก่อนหน้านี้ ตอนที่คิดจะโจมตีราชวงศ์ต้าเย่ พวกเจ้าต่างก็อยากจะแบ่งปันดินแดนกันไม่ใช่หรือ? แล้วตอนนี้ล่ะ? แค่ทหารที่พวกนั้นเชิญมาก็ทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้แล้วหรือ?”“พวกเจ้าอย่าลืมว่าภูมิประเทศของที่นี่อันตราย หากพวกเราไม่ยอมออกจากภูเขา แม้หวังหยวนจะเก่งกาจและมียอดฝีมือมากมายก็ทำอะไรเราไม่ได้! หรือว่าเขาจะสามารถคุกคามเราได้จริง ๆ?”ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดการหลบอยู่ในหุบเขา ไม่ใช่แผนการระยะยาว!“หากผู้ใดกล้าพูดจาบั่นทอนกำลังใจอีก อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน!”เจียงเซี่ยวตวาดอีกครั้ง ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยคนเราเมื่ออยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นย่อมต้องยอมก้มหัว!รุ่งเช้า หวังหยวนและกองทัพเริ่มมุ่งหน้าสู่ภูเขาแห่งนี้!ชนเผ่าต่าง ๆ ล้วนได้รับข่าว บัดนี้หวาดผวาไปหมด เพียงแค่เสียงลมพัดก็คิดว่าเป็นศัตรู!ทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของหวังหยวน ใครจะกล้าต่อกรกับเขา?แม้จะหลบอยู่ในภูเขา แต่หากหวังหยวนตีฝ่าแนวป้องกันมาได้จะทำเช่นไร?ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมเดาได้!เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหล่าหัวหน้าเผ่าจึงมารวมตัวกัน“พวก
“ส่วนเรื่องของตานสยงเฟย ข้าจะจัดการภายหลัง”ตานสยงเฟยเป็นคนดื้อรั้นและแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจไต่เต้าสร้างพรรคทมิฬขึ้นมาได้!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดี จึงไม่โทษต่งอวี่“ขอบพระคุณท่านผู้นำขอรับ!”ต่งอวี่รับคำ แล้วเดินออกไปพรุ่งนี้มีศึกใหญ่ ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ จึงจะมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาด!แม้ว่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว หวังหยวนและคนอื่น ๆ นั้นหลับสนิท แต่ในเวลานี้ ชนเผ่าต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูกับหวังหยวนกลับยังไม่พักผ่อน เหล่าหัวหน้าเผ่ารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้!แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้ากังวล!“พวกท่านคงได้ยินแล้วกระมัง?”“หวังหยวนนำทัพมาเอง บัดนี้ใกล้จะเปิดศึกกับพวกเราแล้ว จะทำเช่นไรดี?”“ทุกคนคงรู้จักชื่อเสียงของหวังหยวนดี เขาไม่ใช่คนอ่อนแอเลย!”“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้มีความกล้าหาญกว่านี้สิบเท่า ข้าก็ไม่กล้าไปยั่วยุราชวงศ์ต้าเย่!”ตอนนี้ทุกคนต่างเสียใจ อยากถอนตัวกลับกันทั้งนั้นช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!เดิมทีคิดว่าราชวงศ์ต้าเย่ใกล้สิ้นอำนาจ แผ่นดินจะวุ่นวาย!แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขายังมีแผนสำรอง ยอมทุ่มเทกำลังคนและทรัพย์สินเพื่อเชิญหวังหย
หวังหยวนโบกมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “กองทัพไม่ได้อยู่ที่จำนวนมาก แต่อยู่ที่ความแข็งแกร่ง พวกนั้นเป็นแค่ชนเผ่าป่าเถื่อน จะทำอะไรข้าได้?”“เพียงทหารห้าหมื่นนายของข้าก็เพียงพอแล้ว!”“ท่านขุนพลแค่ประจำการอยู่ในเมือง รอฟังข่าวดีจากข้าก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจแน่นอนว่าหวังหยวนไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ดีว่าหากให้ซือฟางนำทหารออกรบพร้อมกัน เมื่อถึงเวลาแบ่งปันดินแดนจะทำเช่นไร?ช่างยุ่งยากยิ่งนัก!สู้ให้เขานำทัพไปปราบชนเผ่าต่าง ๆ เอง เมื่อสำเร็จ ดินแดนเหล่านั้นก็ตกเป็นของเขาย่อมดีกว่า!แม้มีผู้ใดคิดแย่งชิงก็คงไม่มีโอกาส!ยิ่งกว่านั้น คาดว่าซือฟางคงไม่กล้าเช่นนั้น!หากทั้งสองฝ่ายเปิดศึก ผลลัพธ์ย่อมเป็นหายนะ!ยิ่งไป๋เหยียนเฟยประชวรหนักย่อมกระทบขวัญกำลังใจ ราชวงศ์ต้าเย่จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้รบ?“ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะรอฟังข่าวดี”“ขอให้ท่านหวังได้รับชัยชนะ!”ซือฟางประสานมือกล่าวทุกคนสนทนากันอีกสักพัก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปซือฟางต้องดูแลการป้องกันเมืองจึงกลับไปก่อน ส่วนไป๋ลั่วหลีอยู่ที่ค่าย คอยช่วยเหลือหวังหยวนวางแผนรบ!ต้องมีคนรู้จักภูมิประเทศนำทาง หวังหยวนจึงจะ
นอกเมืองหลวงหวังหยวนเดินทางพร้อมกับไป๋ลั่วหลีกลับมายังค่ายของตนทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากด้านนอก ซือฟางในชุดเกราะเดินเข้ามาต้อนรับเนื่องจากไป๋ลั่วหลีได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันแล้ว หวังหยวนจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้ากำลังสงสัยว่าเป็นผู้ใด ที่แท้ก็เป็นท่านขุนพลนี่เอง! เชิญเข้ามาเถิด!”“ท่านหวังเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ!”“ท่านมาไกล แถมยังช่วยข้าปราบกบฏทางเหนือ เชิญท่านเข้าไปก่อนเถิดขอรับ!”ซือฟางกล่าวตอบอย่างสุภาพไม่นาน ทุกคนต่างเข้าไปในกระโจมใหญ่ต้าหู่และต่งอวี่ยืนขนาบข้างหวังหยวน ดูองอาจน่าเกรงขาม!ซือฟางมองไปที่ทั้งสอง แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ทราบว่าสองท่านนี้คือใครหรือขอรับ?”ทั้งสองดูสง่างาม เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ คงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่!ซือฟางเป็นขุนพลมายาวนานย่อมมีสายตาที่เฉียบคม!หวังหยวนแนะนำด้วยรอยยิ้ม “ท่านที่อยู่ทางซ้ายมือข้าคือต่งอวี่ นักธนูมือหนึ่งในใต้หล้า ยิงธนูไม่เคยพลาดเป้า เป็นขุนพลเอกในกองทัพ!”“กองกำลังพลธนูที่ข้าฝึกฝนล้วนอยู่ภายใต้การบัญชาการของเขา!”ต่งอวี่พยักหน้าทักทาย“ส่วนท่านที่อยู่ทางขวาคือพี่น
“หรือว่าแผ่นดินนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น?”สิ้นคำพูด ซือฟางก็ซัดกำปั้นลงบนกำแพงเมืองอย่างเดือดดาล!เหล่าขุนพลที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างไม่กล้าเข้าไปใกล้ หรือแม้แต่จะเอ่ยปาก!“ท่านขุนพลไม่ต้องกังวล!”ทันใดนั้น ขุนนางชราผู้หนึ่งก็เดินออกมา บนใบหน้ามีเคราสีขาวโพลน เพียงดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน!คนผู้นี้คือที่ปรึกษาคนสำคัญของไป๋เหยียนเฟยนามว่า เจี๋ยงโฉ่วอี!ในราชสำนัก ผู้ที่อยู่เหนือเขามีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้น!บัดนี้ไป๋เหยียนเฟยป่วยหนัก ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนพึ่งพาเจี๋ยงโฉ่วอี ราชกิจสำคัญล้วนตกเป็นภาระให้เขาตัดสินใจทั้งสิ้น!เห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจสูงส่งล้นฟ้า!“ปรากฏว่าเป็นท่านเจี๋ยงนี่เอง!”“ท่านคงได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่แล้วกระมัง?”ซือฟางประสานมือคารวะเจี๋ยงโฉ่วอี แล้วเอ่ยถามเจี๋ยงโฉ่วอีพยักหน้า กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้ว่าท่านขุนพลจงรักภักดี ย่อมคิดถึงฝ่าบาท แต่พระองค์ก็มีเรื่องที่ต้องกังวลเช่นกัน!”“ครั้งนี้พระองค์ไม่เพียงต้องการให้หวังหยวนช่วยปราบปรามอริทางเหนือเท่านั้น แต่ยัง...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง เจี๋ยงโฉ่วอีก็หยุดพูด พร้อมกับเหลือบมองขุนพลน
“ท่านหวังมาแล้วหรือ?”เมื่อหวังหยวนและพรรคพวกเข้ามาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่แฝงด้วยความอ่อนแอดังมาจากด้านในไป๋ลั่วหลีรีบเข้าไปในกระโจม เปิดม่านทั้งสองข้าง หวังหยวนจึงเห็นไป๋เหยียนเฟยนอนอยู่บนเตียงอาการของไป๋เหยียนเฟยดูย่ำแย่กว่าที่เขาคิด ไม่เพียงแต่ใบหน้าซีดเผือดเท่านั้น แม้แต่ริมฝีปากไร้สีเลือดฝาด ดูอ่อนแรงมาก!หวังหยวนเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ได้พบกันนาน เหตุใดฝ่าบาทจึงเป็นเช่นนี้?”“ไม่ได้เชิญหมอมารักษาหรือ?”“แค่ก แค่ก”ไป๋เหยียนเฟยไอสองสามครั้ง ไป๋ลั่วหลีช่วยพยุงนางขึ้น นางเงยหน้ามองหวังหยวน แล้วส่ายหน้ายิ้มอย่างจนใจก่อนกล่าวว่า “เมื่อฟ้าลิขิตแล้ว จะทำเช่นไรได้?”“ข้าตามหาหมอมารักษา หมอชื่อดังทั่วดินแดนทั้งเก้าต่างบอกว่าหมดหนทาง บางทีนี่อาจเป็นเจตจำนงของสวรรค์ก็ได้ไม่ใช่หรือ?”“เมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้าตาย ข้าจะฝืนได้อย่างไร?”“แต่น่าเสียดาย กลุ่มกบฏทางเหนือกลับบุกอาณาจักรข้า! ประกอบกับอาณาจักรต้าเป่ยต่างจ้องมองพวกข้าอยู่ ข้าจึงให้ไป๋ลั่วหลีไปเชิญท่านมา หวังว่าท่านจะช่วยปราบกบฏพวกนั้นได้!”หวังหยวนรู้สึกสงสารในบรรดาสี่อาณาจักรใหญ่ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาณาจักรต้าเย่ และ
“ครั้งนี้คงไม่นาน ข้าจะรีบพาทุกคนกลับมา!”“ยิ่งกว่านั้น ยังมีต้าหู่และขุนพลต่งอยู่กับข้าด้วย พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”“แค่รออยู่ที่บ้านก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเขารู้ว่าตนเองรู้สึกผิดต่อพวกนาง แต่บุรุษเกิดมาแล้วย่อมต้องสร้างฐานะไม่ใช่หรือ?สวรรค์ให้โอกาสเขาเกิดใหม่ จึงต้องใช้ความสามารถสร้างความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้!“น้องหรูเยียนยังไม่ค่อยสนิทกับพวกเจ้า ครั้งนี้ข้าจะพานางไปอาณาจักรต้าเย่ก่อน รอให้พวกเรากลับมาแล้วค่อยทำความรู้จักกัน”หลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีกในเมื่อหวังหยวนตัดสินใจแล้ว พวกนางก็ได้แต่ทำตามภรรยาย่อมต้องเชื่อฟังสามี!“ท่านตงฟาง!”หลังจากพูดคุยกับภรรยาแล้ว หวังหยวนก็มองไปที่ตงฟางฮั่น“หลังจากที่ข้าไปแล้ว ต้องรบกวนท่านและท่านถงช่วยดูแลที่นี่ด้วย”“ข้าได้สั่งเอ้อหู่ ให้เขาเชื่อฟังคำสั่งของพวกท่าน ห้ามกระทำการโดยพลการ!”“เมืองหลิงคือรากฐานของข้า จึงมีความสำคัญยิ่ง ต้องไม่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด!”“คนของอาณาจักรต้าเป่ยจ้องมองพวกเราอยู่ หานเทาพร้อมจะสู้รบกับข้าทุกเมื่อ พวกท่านต้องระวังตัว!”หวังหยวนกำชับหลายครั้งตงฟางฮั่นแ
ทันใดนั้น เสียงไอก็ขัดจังหวะหวังหยวนเขาหันไปมองตามเสียงจึงเห็นตงฟางฮั่นทั้งสองแค่สบตากันก็เข้าใจความคิดของกันและกัน“คุณหนูไป๋”“ข้าขอคิดทบทวนก่อน จึงค่อยให้คำตอบ! วันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องหนักใจเช่นนี้เลย รอให้ดื่มกันให้หนำใจก่อน แล้วค่อยพูดคุยกันดีกว่า เจ้าว่าเช่นไร?”หวังหยวนให้เกียรติไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวจากท่านหวังเจ้าค่ะ!”เมื่องานเลี้ยงเลิกราและจัดการเรื่องที่พักของไป๋ลั่วหลีแล้ว หวังหยวนก็รีบออกไปข้างนอกพร้อมกับตงฟางฮั่นริมถนน หวังหยวนและตงฟางฮั่นเดินเล่นไปพลางคุยกัน “ท่านตงฟาง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”“ข้าคิดว่าควรส่งกองกำลังไปช่วย!”“ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสงคราม โครงการชลประทานทำให้อาณาจักรอื่น ๆ เห็นถึงประโยชน์ เท่าที่ข้ารู้ แม้แต่อาณาจักรต้าเป่ยก็กำลังเร่งสร้างโครงการชลประทานเหมือนกัน!”“ในเมื่อพวกเราสร้างเสร็จก่อน ก็ควรใช้โอกาสนี้ขยายอาณาเขต!”หืม?หวังหยวนเลิกคิ้ว รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย “ท่านตงฟาง ท่านลืมแล้วหรือ ครั้งก่อนที่พวกเราพบกันที่หอหลิวหลี ต่างให้สัญญากันว่าจะไม่ทำสงครามเพื่อให้โลกสงบสุข!”“หากข้ายกทัพตอน
ดูเหมือนว่าเมืองหลิงจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในดินแดนทั้งเก้า!ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เป็นที่หมายปองของทุกคน!เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านของหวังหยวน พวกหลี่ซื่อหานได้สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้แล้ว เมื่อทุกคนนั่งลงที่โต๊ะแล้ว หวังหยวนจึงแนะนำหลิ่วหรูเยียนให้เหล่าภรรยารู้จักพวกนางชินกับเรื่องแบบนี้แล้วบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ไม่นานพวกนางก็สนิทสนมกันดั่งพี่สาวน้องสาวเนื่องจากไป๋ลั่วหลีอยู่ที่นี่ด้วย หวังหยวนจึงไม่อาจอยู่พูดคุยกับภรรยาได้ เพราะต้องไปดูแลไป๋ลั่วหลีก่อนเพื่อไม่ให้เสียมารยาทหวังหยวนกลับมานั่งที่โต๊ะ หลังจากดื่มกับไป๋ลั่วหลีสองสามจอกแล้วจึงกล่าวว่า “คุณหนูไป๋เดินทางมาไกล คงไม่ใช่แค่มาขอบคุณข้ากระมัง?”“ตอนนี้เราเป็นสหายกันแล้ว หากเจ้ามีเรื่องอยากปรึกษาก็บอกมาตามตรงเถิด ไม่ต้องอ้อมค้อม! ข้าไม่ใช่คนใจแคบ! หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วย ข้าก็ยินดี”หวังหยวนเป็นคนใจกว้างไป๋ลั่วหลีได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเป็นเช่นที่ร่ำลือกันจริง ๆ!หวังหยวนมีสายตาเฉียบแหลม แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มองคนได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่มีความคิดใดหลบเลี่ยงสายตาเขาไปได้!“ในเมื่อท