เฉินอวิ๋นจื้อนึกขึ้นได้จึงรีบพูดออกมา!หมู่บ้านต้าหวังช่างเหมือนกับหมู่บ้านในฝัน!มีทั้งภูเขาและแม่น้ำ ผู้คนก็ซื่อสัตย์ ใจดี นั่นคือสวรรค์บนดินอย่างแท้จริง!เพียงแต่เขาไม่เข้าใจความหมายของคำพูดของหงหยิ่ง!นางไม่ได้พูดถึงฉากในฝันว่ามีอยู่จริงหรือไม่!แต่ว่า...นางจะบอกว่านางไม่อาจมีชีวิตในฝันอันแสนสุขนี้ได้ต่างหาก!ในขณะเดียวกัน สำหรับเรื่องทั้งหมดนี้ หวังหยวนไม่ได้สนใจมากนัก แต่ทั้งจวนอ๋องเป่ยหลิงได้เตรียมพร้อมรับมือแล้วทุกมุมล้วนมีคนของหวังหยวน!ไม่เพียงแต่พวกเขาจะมีวิทยายุทธ์ที่สูงส่งเท่านั้น แม้แต่ปืนคาบศิลาพวกเขาก็ยังมี!วิธีการเช่นนี้ทำให้คนธรรมดาไม่อาจเข้ามาได้!ขณะนี้หวังหยวนกำลังนั่งขัดสมาธิทำสมาธิบนเตียง สูดลมหายใจยาวนานครบรอบที่กำหนด!เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพร้อมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นกำหมัดแน่น!“สิบสองรอบใหญ่ เจ็ดสิบสองรอบเล็ก ตำราเคล็ดวิชาลมปราณที่ว่านี้ช่างน่าทึ่งจริง ๆ!”“ทุกครั้งที่ผ่อนลมปราณ ข้ารู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ!”“ตอนนี้ความแข็งแกร่งของข้า ถึงแม้จะยังเทียบไม่ได้กับพวกต้าหู่ แต่ก็นับว่าเป็นยอดฝีมือแล้วใช่หรือไม่?”หวังหยวนคิดเช่นน
รุ่งอรุณของวันต่อมา ดวงตะวันยังคงขึ้นเหมือนเดิม แต่ทว่าวันนี้คงจะแตกต่างออกไป!เมื่อคืนหวังหยวนและหวงเจียวเจียวหลับสบาย เมื่อหวังหยวนตื่นแต่เช้าก็ฝึกฝนวิชาเล็กน้อยในลานบ้าน!การฝึกฝนยามเช้าได้ผลดีเป็นทวีคูณ!หลังจากฝึกฝนเรียบร้อยแล้ว หวังหยวนก็รีบไปที่ราชสำนักแต่เช้าเมื่อเซียวฉู่ฉู่จากไป นางก็ยังคงกำหนดเวลาสำหรับประชุมราชสำนักไว้ หวังหยวนยิ้มให้กับงานในตอนเช้าเช่นนี้ เพราะรู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมากเพราะความรู้สึกเช่นนี้ดีกว่าการทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็นในสังคมสมัยใหม่เสียอีก!ในราชสำนัก เหล่าขุนนางผู้ช่วยไท่จื่อทั้งสี่ ซึ่งก็คือเหล่าอ๋องทั้งสี่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด เรื่องราวสำคัญต่าง ๆ ในราชสำนักนั้น ย่อมต้องเป็นเหล่าอ๋องทั้งสี่นี้ที่เป็นผู้ตัดสินส่วนไท่จื่อนั้นจะได้เรียนรู้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง“กราบทูลฝ่าบาท ฤดูเก็บเกี่ยวปีนี้ของเมืองหวงไม่ค่อยดีนัก เขตหลิงหนานเกิดภัยแล้ง ดังนั้น... จำเป็นต้องให้ราชสำนักจัดสรรเสบียงบรรเทาทุกข์ เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากนี้พ่ะย่ะค่ะ!”ขณะนั้นเจ้ากรมกรมโยธาธิการก็เอ่ยขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวลการบรรเทา
อ๋องหลงซีรู้สึกอับอายทันทีเมื่อรู้ตัวว่าถูกมองความคิดออก แต่ก็ยังกัดฟันพูดว่า“เอ่อ... หวังหยวน ความจริงแล้วเรื่องนี้ควรให้ท่านอ๋องเจิ้นตงไปจัดการเสียมากกว่า จะได้ย้ายเขาออกจากเมืองหลวง เพื่อให้เขาได้ละทิ้งความทะเยอทะยานในใจเสีย!”“แต่... อ๋องเจิ้นตงผู้นี้ สำหรับเรื่องการบรรเทาทุกข์นั้น กลัวว่าจะทำได้ไม่ดี เขาโหดเหี้ยมไร้ความปรานี เกรงว่าจะจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดีนัก เขาอาจจะสังหารประชาชนกลุ่มหนึ่งให้จบเรื่องไปก็เป็นได้!”ความกังวลของอ๋องหลงซีนั้นสมเหตุสมผลแล้ว เพราะว่าอ๋องเจิ้นตงผู้นี้โหดเหี้ยมเกินไปจริง ๆ!และอีกอย่างหนึ่ง คือจิตใจเขาพะวงกับเรื่องราวของราชสำนักเมืองหวง หากไปที่หลิงหนานแล้ว เขาก็คงจะไม่สามารถตั้งใจจัดการเรื่องการบรรเทาทุกข์นี้ได้อย่างดีเกรงว่าเขาจะรีบทำให้จบเรื่อง แล้วทำให้เกิดความอดอยากไปทั่วหลิงหนานเช่นเดิม ซึ่งไม่มีผลดีอะไรเลยหรือแม้กระทั่งอาจจะยักยอกเงินของอาณาจักรก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ก็คงจะรับไม่ได้!ส่วนอ๋องหลงซี แม้ว่าเขาจะอยากไป แต่ว่าองครักษ์เงาคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของเมืองหวง หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือการปกป้องเมืองหวงไม่ให้เกิดความวุ
หลังจากกล่าวจบอ๋องหลงซีก็เดินจากไป!ทันใดนั้นเกาเล่อก็รีบรุดเข้ามาพลางอดรนทนไม่ไหวที่จะกล่าวว่า “พี่หยวน เราจะต้องไปบรรเทาทุกข์จริงหรือ?”หวังหยวนถอนหายใจอย่างหมดหนทาง“ในเมืองหวงแห่งนี้ล้วนมีแต่ผู้ที่ไม่อาจรับผิดชอบต่อเรื่องใหญ่ได้ ทั้งยังเป็นเรื่องบรรเทาทุกข์ภัยนี้อีก ซึ่งยากยิ่งกว่ายาก!”“ดังนั้น... อาจเป็นไปได้ว่าข้าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดจริง ๆ”เมื่อหวังหยวนกล่าวจบ เกาเล่อก็อดรนทนไม่ไหวที่จะกล่าวว่า “เรื่องบรรเทาทุกข์ภัยของเมืองหวงในแต่ละปี ข้าทราบดีว่าไม่เคยเป็นไปด้วยดีเลยสักครั้ง!”“อ๋องเจิ้นตงและอ๋องเซ่อเป่ยผู้ล่วงลับต่างก็แย่งกันรับผิดชอบเรื่องนี้มาโดยตลอด”“เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่เกิดภัยพิบัติ ราชสำนักจะจัดสรรเงินจำนวนมาก พวกเขาทั้งสองจะแบ่งใส่กระเป๋าตัวเองไปถึงห้าส่วน ที่เหลือสองส่วนใช้จ่ายไปกับการเตรียมการบรรเทาทุกข์ และสามส่วนที่เหลือใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย!”เมื่อหวังหยวนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย“สามส่วนหรือ? น้อยเกินไปหรือไม่?”เมื่อหวังหยวนกล่าวจบ เกาเล่อก็ถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง“นี่ถือว่าไม่น้อยแล้ว เพราะพวกเขาไม่เคยคิดจะจัดการเรื่องนี้อย
วันนี้เขาจะแค่มาดูเท่านั้น!หากสำเร็จ ทุกอย่างก็จะราบรื่น!แต่หากไม่สำเร็จ เขาจะไม่ยอมเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่!หงหยิ่งพาคนเข้าไปในลานแล้วตรงไปยังห้องหลัก!พวกเขาถือดาบยาวในมือ แสงเย็นเยียบแฝงไว้ด้วยความโหดเหี้ยม!แต่เมื่อพวกเขาแอบเข้าไปในห้องนั้นอย่างเงียบเชียบ แล้วกลับพบว่าไม่มีใครอยู่ภายในเลยสักคน!“ไม่มีคนหรือ?”หงหยิ่งตกตะลึงแล้วถามด้วยความประหลาดใจ“ท่านหงหยิ่ง เดิมทีนี่คือจวนของอ๋องเซ่อเป่ย ห้องนี้... น่าจะเป็นห้องนอนหลัก! จะไม่มีคนเฝ้าเลยได้อย่างไร?”พวกเขาต่างก็สงสัย แต่ทันใดนั้นสีหน้าของหงหยิ่งก็เปลี่ยนไป!“ท่าไม่ดี! เราโดนหลอกแล้ว!”ใบหน้าของนางซีดเผือด และกำลังจะรีบถอยออกไปโดยไม่รีรอ!แต่ในเวลานี้ ขณะที่พวกเขากำลังจะรีบออกจากห้อง จู่ ๆ ก็มีคนมากกว่าสามสิบคนยืนอยู่ด้านนอก พลางหันปากกระบอกปืนดำมืดจ่อมาที่พวกเขา!“ฆ่าพวกมัน!”หงหยิ่งตะโกนทันที ขณะที่ดาบในมือเพิ่งจะขยับ คนสามสิบคนก็ยิงในทันที!ไม่ได้ยิงพวกเขาให้ตาย!แต่ว่า...ยิงที่ขาของพวกเขา จนทำให้พวกเขาสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทันที!แม้แต่หงหยิ่งก็ยังถูกยิงที่ขาข้างหนึ่ง เมื่อเสียงปืนดังขึ้น จนล้มลงคุกเ
สายตาของหงซาเต็มไปด้วยความดูถูก หวังหยวนผู้นี้ช่างน่าสนใจนัก บังอาจมายั่วโมโหเขาแล้วกล้าเริ่มท้าทายเขาก่อน!นี่ไม่ใช่การไม่รู้จักประมาณตนหรอกหรือ?“หวังหยวน หากเจ้าอยู่ข้างในอย่างสงบก็คงจะปลอดภัยกว่านี้มาก แต่เจ้าดันอยากมาต่อสู้กับข้า เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถพอที่จะเอาชนะข้าได้หรือ?”“ช่างน่าขันสิ้นดี!”“วันนี้เจ้าต้องชดใช้สำหรับความหุนหันพลันแล่นของเจ้า!”หงซาระเบิดเสียงหัวเราะ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น!เพราะเขากำลังจะทำภารกิจสำเร็จแล้ว!แต่ทันใดนั้นเอง หวังหยวนก็ถอนหายใจแล้วอดพูดไม่ได้ “คิดอะไรอยู่? แม้ว่าข้าจะสู้เจ้าไม่ได้แล้วอย่างไร?”“ข้ามีปืน!”พูดจบ หวังหยวนก็หยิบปืนคาบศิลาออกมา เล็งปากกระบอกปืนสีดำสนิทตรงไปที่หงซา!ใบหน้าของหงซาซีดเผือดลงในทันที!สมองของเขาว่างเปล่า!“เจ้า... เจ้าช่างน่ารังเกียจ!”เมื่อเขาพูดจบ หวังหยวนก็เหนี่ยวไกปืน!ปัง——!กระสุนพุ่งตรงเข้าที่ใบหน้า!ตายสนิท!หวังหยวนไม่ได้ไว้ชีวิตเขา เพราะว่าแม้จะไว้ชีวิตไปก็ไม่มีประโยชน์ เขารู้ว่าชายผู้นี้เป็นคนของเซิ่งตงฉยง ไม่ว่าจะไว้ชีวิตหรือไม่ ก็ไม่มีประโยชน์เลย!ยิ่งไปกว่านั้นคือยังมีหงหยิ
เกาเล่อส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง เขาเตรียมใจแล้วหรือ?เกรงว่าคงไม่ได้เตรียมใจหรอก!“ดี เช่นนั้นข้าจะบอกแล้วนะ เจ้ารู้หรือไม่ว่า... หงหยิ่งเป็น... คนของเซิ่งตงฉยง!”เกาเล่อพูดตามตรง เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้เฉินอวิ๋นจื้อตกตะลึง!เขาตกใจจนนิ่งอึ้งไปหลายวินาที จากนั้นก็หันกลับไปมองบนเตียง แต่ก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่น!ทันใดนั้นสมองของเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่างทันที!ดึกดื่นถึงเพียงนี้แล้ว เกาเล่อมาที่นี่แต่กลับไม่เห็นหงหยิ่ง!นั่นหมายความว่ามีเหตุผลเดียวเท่านั้น!นั่นก็คือหงหยิ่ง...“หงหยิ่ง นาง... นาง... ตายแล้วหรือ...”เมื่อเฉินอวิ๋นจื้อพูดถามขึ้นมาเขาก็ตัวสั่นสะท้าน!เขากังวลมาก กลัวมาก!เขาเป็นห่วงหงหยิ่งจริง ๆ!แต่ก็กลัว...ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณชาย“หงหยิ่งไม่ตาย นางเพียงแค่ได้รับบาดเจ็บ คุณชายก็ไม่เป็นอะไร ข้ามาตามเจ้าเพราะคุณชายให้เจ้าไป ชีวิตของหงหยิ่งนั้น... คุณชายบอกว่าให้ฟังความคิดเห็นของเจ้า”“เพราะนางเป็นผู้หญิงที่เจ้ารัก...”หลังจากที่เกาเล่อพูดจบ ใบหน้าของเฉินอวิ๋นจื้อก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด!หากใครกล้าลงมือกับคุณชาย เขาไม่ลังเลที่จะฆ่าให้ตาย!แต่คนคนนี้...เป็น
เมื่อหวังหยวนอธิบายจบลง เฉินอวิ๋นจื้อก็ตกใจขึ้นมาทันที!แท้จริงแล้ว...ยังมีเรื่องราวอีกมากมายอยู่เบื้องหลัง!แต่เขาไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้เลย!“เหล่าเฉิน ขอโทษจริง ๆ พวกข้าเชื่อใจเจ้าโดยเปิดเผยความลับทั้งหมดให้รู้ แต่จู่ ๆ นางก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างเจ้า แถมยังเป็นคนมีฝีมืออีก พวกข้าจึงจำเป็นต้องระมัดระวังไว้ก่อน ดังนั้น... ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อเจ้าหรือเพื่อตัวนาง พวกข้าจึงคอยเฝ้าระวังมาโดยตลอด”“ผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้ามกับที่คาดหมาย ข้าเองก็รู้สึกสิ้นหวังเช่นกัน ข้าจับหงหยิ่งได้แล้ว นางเป็นผู้หญิงที่เจ้ารัก เจ้าจะตัดสินอย่างไรก็ได้!”“หากคำนึงถึงความผูกพันครั้งนี้ ข้าจะให้นางมีชีวิตอยู่ก็ได้!”“แต่หาก... เจ้ารู้สึกว่านางเป็นศัตรู หลอกลวงความรู้สึกของเจ้ามาตลอด เจ้าจะฆ่านางก็ได้!”“ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจเช่นไร พวกข้าก็จะยอมรับ!”“ที่ข้าไม่ฆ่านางทันที ก็เพราะไม่ต้องการให้เจ้าและข้ามีความขัดแย้งกันในใจ!”“เพราะเจ้าเป็นดั่งพี่น้องของข้า ข้ามองเจ้าเป็นเหมือนน้องชายแท้ ๆ ข้าหวังให้เจ้ามีความสุข!”“ดังนั้นเจ้าจะเลือกทางใดก็ได้! อย่าได้รู้สึกเป็นภาระเลย!”หวังหยวนตบไหล่เฉินอวิ๋นจื้อ ต
“ขอเพียงท่านไว้ชีวิตข้า เงินเหล่านี้ล้วนเป็นของท่าน!”“ถือเสียว่าข้าขอขมาลาโทษ!”หวังหยวนเย้ยหยัน หรือว่าเจ้าผู้นี้คิดว่าเงินทองซื้อได้ทุกอย่าง?หวังหยวนเตะเข้าที่ข้อมือของเขา ตั๋วเงินปลิวว่อน ผู้คนที่มุงดูต่างกรูกันเข้ามาแย่งชิง!สถานการณ์ช่างอลหม่าน!เฉินเทียนรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบ!เงินจำนวนมากถูกคนอื่นแย่งชิงไปหมดแล้วหรือ?ในใจเขาจะรู้สึกดีได้อย่างไร?“ท่านผู้นำ จะจัดการกับมันอย่างไรดีขอรับ?”เกาเล่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้ว“พาตัวเขาไปหาตระกูลเฉิน ข้าอยากรู้ว่าเฉินเจิ้นหนานผู้นี้มีความสามารถมากเพียงใด!”“ถึงกล้าปล่อยให้ลูกชายอาละวาดในเมืองอู่เจียง!”หวังหยวนกล่าวอย่างเย็นชาหากเขามาไม่ถึงที่นี่คงไม่ยุ่งเรื่องวุ่นวายของชาวบ้านเช่นนี้ แต่ในเมื่อเขามาถึงเมืองอู่เจียงแล้ว ที่นี่ก็เป็นเขตของเขา เมื่อพบเจอคนพาล ย่อมไม่อาจปล่อยไปได้ง่าย ๆ!เหงื่อเม็ดโตหยดลงมาจากหน้าผากของเฉินเทียนไม่หยุดขอเพียงไม่เอาชีวิตเขาก็ยังมีโอกาสพลิกสถานการณ์ไม่ว่าหวังหยวนจะมีความสามารถล้นฟ้าหรือไม่ เมื่อไปถึงตระกูลเฉิน หวังหยวนย่อมไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน!ในเมืองอู่เจียง ไม่มีใครไม่ให้เกียรติ
เฉินเทียนที่เพิ่งถูกหวังหยวนสั่งสอนวิ่งนำหน้าคนกลุ่มหนึ่งมา ปรากฏว่าเขาพาบ่าวไพร่มาล้อมพวกหวังหยวนไว้เกาเล่อมองไปที่หวังหยวน ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยเท่าที่เขาจำได้ เขาไม่เคยเห็นเฉินเทียนมาก่อน จู่ ๆ อีกฝ่ายก็มาหาเรื่องพวกเขาหรือว่าเป็นเพราะหวังหยวน?แต่หวังหยวนเพิ่งมาถึงเมืองอู่เจียง จะสร้างศัตรูเร็วเช่นนี้เลยหรือ?หวังหยวนไม่ได้อธิบาย เพียงแต่จ้องมองไปที่เฉินเทียนแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่มีเวลาสนใจเจ้า รีบไสหัวไปซะ!”“ไม่เช่นนั้นก็จงรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”ได้ยินเช่นนั้น เฉินเทียนไม่เพียงไม่กลัว กลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา!เขาชี้หน้าหวังหยวนแล้วกล่าวเยาะเย้ย “สมองเจ้าโดนลาเตะมาหรือ?”“เจ้าดูสิว่าที่นี่คือที่ใด!”“ดูฐานะของข้าด้วย!”“ข้าเป็นคนของตระกูลเฉิน!”“ในเมืองอู่เจียง นอกจากสามตระกูลใหญ่แล้ว แม้แต่ผู้ว่าราชการเมือง เมื่อเจอข้าก็ยังต้องพูดจาด้วยความเคารพ!”“เจ้าเป็นใครไม่ทราบ?”สีหน้าของเกาเล่อพลันเปลี่ยนไปทั่วทั้งใต้หล้ามีสักกี่คนที่กล้าพูดกับหวังหยวนเช่นนี้ ช่างบังอาจนัก!ในพริบตาก็เห็นเขาวิ่งไปหาเฉินเทียนอย่างรวดเร็ว และเตะเข้าที่หน้าอกของเฉินเทียน!เฉินเ
แม้แต่หวังหยวนก็ไม่กล้ากระโดดลงมาจากชั้นสามโดยง่าย !แต่เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะประเมินแม่นางหรูเยียนต่ำเกินไป นางกลับเหาะหนีไปต่อหน้าต่อตา!ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!“ดูท่าต้องหาวิธีอื่นแล้ว!”หวังหยวนพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็เตรียมลงไปชั้นล่างอย่างไรเสีย ตอนนี้ก็จำใบหน้าของแม่นางหรูเยียนได้แล้ว แค่บอกกล่าวกับเกาเล่อ ต่อไปก็ยังสามารถตามหาตัวนางได้นางคิดหนี มีหรือจะง่ายดาย?ไม่มีทางหนีรอดพ้นฝ่ามือของเขาไปได้!หวังหยวนตัดสินใจแน่วแน่ จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่างในขณะนี้แม่นางหรูเยียนกระโดดลงมาจากชั้นสาม และกำลังหลบอยู่ในตรอกแห่งหนึ่งโชคดีที่นางเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาและใบหน้ายังคลุมด้วยผ้าขาว ไม่มีใครจำนางได้ จึงไม่เกิดความวุ่นวายใด ๆ“ข้าจำเจ้าได้ หวังหยวนใช่หรือไม่?”“เจ้ารอข้าก่อนเถิด!”“ฟ้ายังมีตา วันหน้าข้าจะกลับมาแก้แค้นเจ้า!”“ถึงตอนนั้นข้าจะให้เจ้าคุกเข่าต่อหน้าข้าแล้วก้มหัวขอขมาข้า!”“เพื่อให้เจ้ารู้ว่า การบังอาจรุกรานข้ามีผลเช่นไร!”แม่นางหรูเยียนพูดต่ออีกสองสามประโยค จากนั้นไม่เอ่ยคำใดอีก เดินลึกเข้าไปในตรอกอย่างรวดเร็ว!ในเมืองอู่เจียง หวังหยวนมีอำนาจล้นฟ้า หากเขาต้อ
“เจ้าช่างสมควรตายจริง ๆ...” แม่นางหรูเยียนกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหวังหยวนที่ดูจริงจังไร้ซึ่งการล้อเล่น นางก็ทำได้เพียงสะกดกลั้นความโกรธไว้นางครุ่นคิดด้วยความลังเลชั่วครู่ ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ว่ามาเถิด ท่านปรารถนาจะรู้เรื่องใดจากข้า?”หวังหยวนเผยยิ้มมุมปาก “ไม่ยากเลย ข้าเพียงต้องการรู้ที่ตั้งของพรรคทมิฬเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องรู้อะไรทั้งสิ้น”“เจ้าเชื่อมั่นศรัทธาในพรรคทมิฬมากและเชื่อมั่นในความสามารถของสาวกพรรคทมิฬ ต่อให้เจ้าจะบอกที่ตั้งแก่ข้า เจ้าก็คงมั่นใจว่าเบื้องบนย่อมรับมือได้ ดังนั้นการเปิดเผยเรื่องนี้ก็ไม่มีผลอะไรไม่ใช่หรือ?” แม่นางหรูเยียนมีสีหน้าเคร่งเครียด นางไม่คาดคิดว่าหวังหยวนจะวางแผนโจมตีพรรคทมิฬ! หากเขารู้ที่ตั้งฐานทัพของพรรคทมิฬ พรรคทมิฬคงไม่รอดพ้นเงื้อมมือเขาเป็นแน่! ยิ่งช่วงนี้สาวกพรรคทมิฬได้ออกอาละวาดทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้าด้วย ไม่ใช่แค่หวังหยวน แม้แต่ราชวงศ์ต้าเย่และต้าเป่ยต่างก็ต้องการกำจัดพรรคทมิฬให้สิ้นซาก!หวังหยวนและคนเหล่านั้นต่างยืนอยู่ฝ่ายเดียวกันหากพวกเขาร่วมมือกัน พรรคทมิฬคงถึงคราวต้องลำบาก...
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”