หงหยิ่งหน้าแดงก่ำ สุราแรงเหลือเกิน ตอนนี้นางเริ่มเมาเล็กน้อยแล้ว!“ไม่... ไม่ดื่มแล้ว ข้า...”หงหยิ่งรีบพูด หากดื่มต่อไปอีกคงจะเกิดเรื่องเป็นแน่!แต่เกาเล่อเพียงแค่ยกยิ้มแล้วพูดว่า “น้องสะใภ้ สุราแก้วนี้ข้าขอมอบให้แด่เจ้าทั้งสอง ขอให้แก่เฒ่าด้วยกัน ครองรักกันตลอดไป!”กล่าวจบ เกาเล่อก็หยิบสุราธรรมดาอีกแก้วขึ้นมายกซดรวดเดียว!จากนั้นก็มองไปที่เฉินอวิ๋นจื้อและหงหยิ่ง“ขอบคุณขอรับพี่ใหญ่!”เฉินอวิ๋นจื้อไม่พูดพร่ำทำเพลง ดื่มสุรากระดูกเสือหมดไปอีกถ้วยส่วนหงหยิ่ง...ก็ได้แต่ฝืนใจดื่มตอนนี้เกาเล่อเหลือบมองไปที่หวงเจียวเจียว ซึ่งนางเองก็เข้าใจที่จริงแล้วการกระทำเช่นนี้ไม่ได้เกินเลยสำหรับพวกเขาเพราะคู่บ่าวสาวล้วนต้องดื่มสุรากระดูกเสือ!และนางกับเขาเพิ่งจะดื่มไปสักเท่าไหร่กันเชียว ตามปกติแล้วเมื่อมีแขกเหรื่อมาร่วมงานมากมาย ก็ล้วนต้องฉลองให้ด้วยสุราแม้ว่าพวกเขาจะสงสัยหงหยิ่ง แต่หากสตรีผู้นี้ไม่ได้มีเจตนาร้าย การกระทำเช่นนี้ของพวกเขาก็ไม่ถือว่าเป็นการวางแผนทำร้ายหญิงสาวที่ยินยอมแต่งงานกับชายหนุ่มแล้วเข้าห้องหอกัน จะยังต้องใส่ใจเรื่องความสัมพันธ์ทางกายอีกหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น หา
เกาเล่อที่อยู่ด้านนอกได้ยินทุกสิ่งอย่างชัดเจน!สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที!“หงหยิ่ง... แท้จริงแล้ว... มีปัญหา!”เกาเล่อพึมพำจบก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ในใจเต็มไปด้วยความลังเลว่าจะฆ่านางเลยดีหรือไม่!เพราะนางเป็นหญิงสาวที่เพิ่งแต่งงานกับสามี ทั้งที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานาน แต่กลับไม่ยอมให้ร่วมหอ ทั้งยังถึงขั้นทำให้สามีหมดสติด้วย!ค่ำคืนแรกหลังแต่งงานมีค่าดั่งทอง หากไม่ทำจะถือเป็นลางไม่ดี!เหตุใดนางจึงต้องทำให้เฉินอวิ๋นจื้อหมดสติด้วย?หลังจากสงสัยเพราะประเด็นนี้แล้ว เขาก็แอบจากไปอย่างเงียบเชียบหลังจากเกาเล่อกลับไปแล้ว ก็เล่าเรื่องนี้ให้หวังหยวนฟัง!หวังหยวนได้ฟังเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่นในทันที!“ทุบเฉินอวิ๋นจื้อจนหมดสติหรือ!”เรื่องนี้ทำให้สีหน้าของหวังหยวนไม่ดีเลย!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนในโลกนี้ แต่เขาก็เข้าใจดีว่าในโลกนี้คืนแรกแห่งการแต่งงานมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในคืนนี้ตราบใดที่ทั้งสองยินยอมแต่งงานกัน ก็ย่อมไม่มีใครไม่เต็มใจ!แน่นอนว่าเว้นแต่จะมีสถานการณ์พิเศษ แต่ทั้งสองต่างก็แต่งงานด้วยความสมัครใจ และยังดื่มสุรากระดูกเสือร่วมกันด้วย ก็ยิ่งน่าจะได้ร่วมสุขกันในคื
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด เมื่อหวังหยวนตัดสินใจแล้วก็ไม่ได้เก็บมาคิดมากอีกความคิดของเขาทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่วังหลวงเพราะเจิ้งกุ้ยเหรินยังคงถูกกักบริเวณระหว่างการสอบสวน!เพียงแต่ว่าอ๋องหลงซียังไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ ในช่วงนี้ เจิ้งกุ้ยเหรินผู้นี้ก็ดูเหมือนจะไม่มีความเคลื่อนไหวใดเลยเช่นกัน!เรื่องนี้อ๋องเจิ้นตงได้ลงมือใช้กลอุบายหลากหลาย!ในเวลานี้อ๋องเจิ้นตงได้เรียกหวังหยวน อ๋องหลงซีและอ๋องถูหนานมาประชุมกันทั้งสี่คน เพื่อปรึกษากันว่าจะจัดการกับเจิ้งกุ้ยเหรินอย่างไรเมื่อหวังหยวนและอ๋องหลงซีได้ยินเช่นนั้นก็สบตากัน แววตาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใดมากนักทันใดนั้นอ๋องเจิ้นตงก็เอ่ยขึ้นว่า“แม้ว่าข้อเท็จจริงจะยังไม่ชัดเจนนัก แต่... คนข้างกายของเจิ้งกุ้ยเหรินเป็นผู้วางยาพิษด้วยตนเอง แต่หลังจากนั้นก็ได้ฆ่าตัวตาย ข้าคิดว่าเป็นกลอุบายของเจิ้งกุ้ยเหริน ฮึ่ม! ต้องการใช้เรื่องเช่นนี้ปกปิดความผิดของตนเอง คิดจะปิดบังพวกเรา ช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝันยิ่งนัก!”“ดังนั้นตอนนี้เราต้องลงโทษเจิ้งกุ้ยเหรินแล้ว!”อ๋องเจิ้นตงเอ่ยขึ้นตามตรงด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเมื่ออ๋องถูหนานได้ฟังเช่นน
“อากู่ต๋า หน้าที่ของท่านก็คือการปกป้องชายแดน เรื่องในวังหลวงเกรงว่าท่านคงจะลงมือจัดการไม่ได้ ดังนั้น... พวกเราทั้งสองก็ไม่ต้องมาสร้างความวุ่นวายที่นี่แล้ว ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเองเถิด”เมื่อพูดจบ หวังหยวนก็หัวเราะแล้วจากไปพร้อมกับอากู่ต๋าซึ่งภาพนี้ทำให้สีหน้าของอ๋องเจิ้นตงดูไม่สู้ดีนัก แต่ก็พูดอะไรไม่ออกเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องที่ทหารองครักษ์เมืองหวงและองครักษ์เงาต้องสืบสวน หากพวกเขาตรวจสอบไม่ได้ก็เป็นปัญหาของพวกเขาหวังหยวนและอากู่ต๋าไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบที่นี่ ดังนั้นเมื่อพวกเขาจากไป อ๋องเจิ้นตงจึงไม่ได้พูดอะไรมาก“อ๋องหลงซี ท่านตั้งใจจะถ่วงเวลาเรื่องนี้จริงหรือ?”อ๋องเจิ้นตงเอ่ยถาม อ๋องหลงซีฟังแล้วก็หัวเราะทันที“อ๋องเจิ้นตง ท่านคิดจริงหรือว่าองครักษ์เงาของข้าจะสืบสวนเรื่องนี้ไม่พบ?”น้ำเสียงของอ๋องหลงซีเรียบเฉยมาก เมื่ออ๋องเจิ้นตงได้ยินก็ขมวดคิ้ว หัวใจสั่นสะท้านขึ้นมาทันที!เพราะประโยคนี้มีความหมายแฝงเร้นอยู่มากมาย!“อ๋องหลงซี ท่านสืบสวนพบแล้ว เหตุใดจึงไม่ลงโทษอีก? หรือว่ายังต้องการปกป้องเจิ้งกุ้ยเหรินอยู่?”อ๋องเจิ้นตงยังพูดเช่นนี้อีก อ๋องหลงซีจึงหัวเราะขึ้นแล้วกล
อ๋องหลงซีก็หัวเราะทันทีและอดพูดไม่ได้ว่า “คนของท่านหรือ? อ๋องเจิ้นตง ที่นี่ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง คนของท่านมาจากที่ใดกัน?”“คนของท่านล้วนเป็นคนของไทเฮาและไท่จื่อ!”“ข้าขอบอกความจริงแก่ท่านว่าก่อนที่ทหารองครักษ์ผู้นี้จะติดตามท่าน เขาเคยเป็นคนของหน่วยองครักษ์เงาของพวกข้า!”“บอกตามตรงว่ามีหลายเรื่องที่ข้าไม่ประสงค์จะกล่าวออกมา เพราะต้องการรักษาสมดุลของทุกอย่างไว้ และต้องการให้โอกาสแก่ท่านด้วย!”“ไม่เช่นนั้นข้าก็สามารถจับกุมท่านเพื่อให้ไทเฮาลงโทษได้”“แต่ว่า...หลังจากที่ฮ่องเต้องค์ก่อนและอ๋องเซ่อเป่ยสิ้นพระชนม์ เหลือเพียงพวกเราพี่น้องสามคน ข้าก็ไม่ต้องการ... ให้ท่านต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน!”“ดังนั้น...อ๋องเจิ้นตง บางสิ่งบางอย่างไม่ควรกระทำ ท่านก็อย่าดื้อรั้นต่อไปเลย!”“ไม่เช่นนั้นผู้ที่จะต้องบาดเจ็บสาหัสก็คือตัวท่านเอง เชื่อข้าเถิด!”“ยิ่งกว่านั้นคือเมื่อไทเฮาจากไป ท่านได้มอบอำนาจอันยิ่งใหญ่ไว้ในมือของหวังหยวน หากเขาจะสังหารท่านเพราะเรื่องนี้! ก็ไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางได้!”“เมื่อไทเฮาเสด็จกลับมา ท่านก็จะไม่แก้แค้นให้แก่ท่าน บุคคลอื่นท่านอาจจะไม่ใส่ใจได้ แต่หวังหยวน...
เมื่อหวังหยวนพูดจบ อ๋องถูหนานก็เข้าใจแล้ว ขณะที่ยังคงประหลาดใจก็ถอนหายใจเมื่อคิดว่าอ๋องเจิ้นตงผู้นี้มีปัญหาจริง ๆ!ครั้งก่อนยังได้รับการอภัยโทษไปแล้ว แต่แล้วเขาเล่า?ยังคงไม่สำนึกผิด กลับก่อเรื่องเช่นนี้อีก ยากที่จะเข้าใจได้จริง ๆ!“อ๋องเจิ้นตงมีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง ท่านเรียกข้าออกมา อ๋องหลงซีคงจะได้เปิดอกพูดกับเขาแล้วกระมัง?”อ๋องถูหนานพูดจบ หวังหยวนก็พยักหน้า“น่าจะเป็นเช่นนั้น ไม่ทราบว่าอ๋องหลงซีจะสามารถโน้มน้าวเขาได้หรือไม่ หากโน้มน้าวไม่ได้ คนผู้นี้... เห็นทีต้องลงมือจัดการเสียแล้ว!”หลังจากที่หวังหยวนพูดเช่นนี้ อ๋องถูหนานก็พยักหน้า“เรื่องที่ไทเฮาจากไปแล้วให้เจิ้งกุ้ยเหรินและอันกุ้ยเหรินร่วมกันดูแลวังชั้นใน แล้วให้พวกเราทั้งสี่ร่วมกันปกครองนั้น!”“ก็เพื่อรักษาสมดุล หากมีเพียงพวกเราสามคน เรื่องนี้... คงจะยิ่งวุ่นวายยิ่งขึ้น!”อ๋องถูหนานรู้จุดประสงค์ของไทเฮามานานแล้ว การให้สี่คนร่วมกันบริหารราชการแผ่นดินย่อมดีกว่าสามคนเพราะหากในสามคนนี้ สองคนร่วมมือกันก็จะกลายเป็นผู้ครอบงำราชสำนักไม่ใช่หรือ!สี่ท่านอย่างน้อยก็มีหวังหยวนและอ๋องหลงซีที่จะไม่ทำเช่นนั้น!เช่นนี้อย่างน้อ
ขณะที่เฉินอวิ๋นจื้อกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หงหยิ่งกลับรู้สึกห่อเหี่ยวใจเสียเหลือเกิน!เมื่อคืนยังสามารถหนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด แล้วคืนนี้จะทำอย่างไรดีเล่า?แต่งงานแล้วจะไม่เข้าห้องหอกันก็คงไม่ได้กระมัง?ขณะที่หงหยิ่งยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีนั้น เกาเล่อก็มาถึง!เขาหัวเราะทันทีที่ก้าวเข้าประตูมา“วันนี้เป็นวันแรก ข้ามาแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวแต่เช้าเลย พวกเจ้าทั้งสองคงไม่คิดว่าข้ามาโดยไม่เชิญหรอกกระมัง?”เกาเล่อพูดกลั้วหัวเราะ เมื่อเฉินอวิ๋นจื้อได้ยินเช่นนั้นก็รีบกล่าวว่า “ลูกพี่ ท่านพูดอะไรเช่นนั้น พวกเราจะคิดเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า!”เกาเล่อฟังแล้วก็หัวเราะเช่นกัน แล้วกล่าวว่า “ไม่คิดก็ดีแล้ว เหล่าเฉินเอ๋ย วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อจะบอกเรื่องหนึ่งกับเจ้า”เฉินอวิ๋นจื้อรีบกล่าวว่า “ลูกพี่ ท่านว่ามาเถิด”เกาเล่อไม่ได้ปิดบัง พูดตามตรงไปว่า “บัดนี้ในเมืองหวงแห่งนี้มีข้าและคุณชายอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าจึงไม่ต้องกังวล”“แต่เจ้ามีความสามารถโดดเด่น เจ้าได้จัดการเรื่ององค์กรเครือข่ายผีเสื้อในเมืองหวงแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น... ข้าจึงได้ปรึกษากับคุณชายแล้วว่าจะส่งเจ้าไปที่หมานอี๋ เจ้าคิ
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”หงหยิ่งเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินอวิ๋นจื้อจึงตอบว่า “ก็ไม่มีเรื่องอะไรหรอก เพียงแต่... เราอาจจะต้องไปเมืองหมานอี๋”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หงหยิ่งก็ถึงกับตกตะลึงทันที!“ไปเมืองหมานอี๋หรือ? หมายความว่าอย่างไร?”นางไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดจู่ ๆ ต้องไปเมืองหมานอี๋?หรือว่า...นางถูกเปิดโปงแล้วหรือเปล่า?สีหน้าของนางไม่สู้ดีในทันที นัยน์ตาฉายแววไม่พอใจ!“ที่นี่มีคุณชายและลูกพี่คอยปกป้องอยู่แล้ว ดังนั้นหน้าที่ของข้าจึงน้อยลง เพื่อให้องค์กรเครือข่ายผีเสื้อของเราดีขึ้นเรื่อย ๆ ลูกพี่จึงตัดสินใจให้ข้าไปเมืองหมานอี๋”เฉินอวิ๋นจื้อไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ เพราะเมื่อครั้งที่ไปยังอาณาจักรต้าอันก็เป็นเพราะเหตุผลนี้ต่อมาได้มาที่เมืองหวง บัดนี้จะต้องไปเมืองหมานอี๋อีกก็คาดว่าคงเป็นเหตุผลเดียวกัน จึงไม่ได้คิดอะไรมากถึงแม้เขาจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่หงหยิ่งต้องคิดมาก!ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ จู่ ๆ ก็ให้นางและเฉินอวิ๋นจื้อไปเมืองหมานอี๋ เห็นได้ชัดว่าผิดปกติ!เหมือนกับตอนที่ให้พวกนางมาที่เมืองหวงเลย!ตัวนางเอง...รีบร้อนเกินไปหรือ?จึงทำให้ถูกจับได้หรือ?ไม่น่
สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปยังตงฟางฮั่นพลางเอ่ยถามขึ้นแม้เขาจะได้รับฟังเรื่องราวของเมืองอู่เจียงจากเกาเล่อมาบ้าง แต่ก็รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นในเมืองอู่เจียงมีสี่ตระกูลใหญ่ ทั้งตระกูลเฉินและตระกูลซูล้วนรวมอยู่ในนั้น!แม้ทั้งสองตระกูลไม่ใช่ตระกูลที่รุ่งเรืองที่สุด แต่ก็มีบทบาทสำคัญในเมืองอู่เจียง!“ท่านหวังทราบหรือไม่ว่าตระกูลซูทำธุรกิจด้านใด?”ตงฟางฮั่นเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า“ข้าได้ยินเกาเล่อรายงานว่าตระกูลซูทำธุรกิจขนส่งทางบก”“ว่ากันว่าในอดีต ซูหนานอัน หัวหน้าตระกูลซู เริ่มต้นจากการใช้รถเข็นสามล้อ แล้วค่อย ๆ สร้างฐานะขึ้นมา”“ต่อมาตระกูลซูก็เจริญรุ่งเรืองจนมีอำนาจดังเช่นทุกวันนี้”ทันใดนั้นหวังหยวนก็ตบหน้าผากตนเองอย่างแรง ราวกับนึกอะไรบางอย่างออกธุรกิจขนส่งทางบก!หากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ผลประโยชน์ของตระกูลซูย่อมเสียหาย พวกเขาจึงเป็นผู้ที่ต้องการขัดขวางโครงการนี้มากที่สุด!“ท่านตงฟางช่างเฉียบแหลมนัก!”หวังหยวนเอ่ยชมตงฟางฮั่นส่ายหน้ากล่าวว่า “บัดนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถูกต้องหรือไม่”“แต่ก็ควรไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง”“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็นถึงเจ้า
“ข้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรพิจารณาว่าการสร้างเขื่อนกั้นน้ำไปขัดผลประโยชน์ของผู้ใด”“หากไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ อีกฝ่ายคงไม่ลงมือเช่นนี้”“เช่นนั้นพวกเราก็จะพบเป้าหมายได้โดยเร็ว”สมแล้วที่ตงฟางฮั่นเป็นบุคลากรที่ใคร ๆ ก็ต้องการ คำพูดของเขาทำให้หวังหยวนรู้สึกกระจ่าง!“เช่นนั้นเอง”“ตอนนี้พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่ม!”“กลุ่มแรกให้ฉุนอวี๋อันไปสืบหาตัวคนที่แอบเข้าใกล้บ่อน้ำเมื่อคืน!”“เพื่อตามหาตัวคนวางยา แล้วเค้นถามข้อมูลจากมันให้ได้!”“อีกกลุ่มหนึ่งต้องไปสืบในเมือง ดูว่าใครได้รับผลกระทบ ก็จะทำให้เรามุ่งเป้าหมายได้ถูกต้อง!”“ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องปลอบขวัญชาวบ้าน หากไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่พวกเขา พวกเขาก็คงจะอ้างเรื่องศาลเจ้ามังกรแล้วหยุดการทำงาน!”“เช่นนั้นจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า!”ความคิดของหวังหยวนตรงกับคนอื่น ๆเพราะแท้จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างเส้นทางคมนาคมทางน้ำเพื่อให้เมืองอู่เจียงพัฒนาจากนั้นก็จะสามารถพัฒนาเมืองหลิงได้!“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้นหรอก!”“ที่จริงข้าพอจะเดาออกแล้วว่าเป็นใคร”“ไม่ทราบว่าท่านหวังจะไปกับข้าหรือไม่?”ตงฟางฮั่นมองหวั
ช่างเป็นเรื่องเหลวไหล!สิ่งที่เรียกว่าศรัทธาและเทพเจ้าก็เป็นเพียงที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เชื่อก็มี ไม่เชื่อก็ไม่มีสรรพสิ่งล้วนมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มีที่มาที่ไป หากมีเทพเจ้าและศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นจริง เหตุใดจึงมีผู้คนอดอยากยากไร้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง?“ไร้สาระ!”หวังหยวนตำหนิ ฉุนอวี๋อันจึงไม่กล้าพูดต่อ“เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเป็นแน่”“หรือไม่ทุกคนติดโรคระบาดจึงเป็นเช่นนี้!”“รอข้าไปถึงแล้วค่อยว่ากัน!”หวังหยวนหลับตา ไม่พูดกับฉุนอวี๋อันอีกเพื่อไม่ให้ตนเองโมโหฉุนอวี๋อันงุนงง เขาเคยได้ยินชื่อโรคมากมาย แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องโรคระบาดมาก่อน!หรือจะเป็นโรคประหลาด?เมื่อเห็นหวังหยวนไม่สนใจ เขาก็เช็ดเหงื่อ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบไม่นานพวกหวังหยวนก็มาถึงเขตก่อสร้าง ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวต่างมามุงดู สถานที่แห่งนี้ช่างคึกคักทางด้านตงฟางฮั่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน กำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างตงฟางฮั่นเห็นหวังหยวนเดินเข้ามาจึงลุกขึ้นเดินไปหาหวังหยวน“ท่านตงฟาง ข้าได้ยินเรื่องที่นี่แล้วจึงรีบมา”“ท่านมาก่อน พบเบาะแสอะไรหรือไม่?”ตงฟางฮั่นส่ายหน้า พลางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าให้
ยามตะวันโด่งฟ้า หวังหยวนกับภรรยายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบ“ท่าน!”“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”“ท่านรีบออกมาเถิดขอรับ!”เสียงของฉุนอวี๋อันเต็มไปด้วยความร้อนใจ เขาเคาะประตูไม่หยุดปกติฉุนอวี๋อันเป็นคนรอบคอบ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียก่อนเสมอด้วยเหตุนี้ฉุนอวี๋อันจึงถูกมองว่าอ่อนแอ ไร้ความสามารถ เมืองอู่เจียงไม่เคยได้รับการจัดการอย่างดี และสี่ตระกูลใหญ่ก็มีอำนาจอยู่เหนือเขา!วันนี้เขากลับกล้ามาหาหวังหยวนถึงห้อง ทั้งยังมารบกวนการนอนของพวกเขา แสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ!หวังหยวนค่อย ๆ ยืดตัวบิดขี้เกียจ จากนั้นสวมเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูมองไปที่ฉุนอวี๋อันเมื่อเห็นเขามีสีหน้าร้อนรนก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ฟ้าถล่มหรืออย่างไร?”อย่างไรเสียฉุนอวี๋อันก็เคยเป็นผู้ว่าราชการเมือง จึงจำเป็นต้องสงบนิ่ง ไม่หวั่นไหว แม้ภูผาจะถล่มก็ตามไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องใดขึ้นมา ฉุนอวี๋อันจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้!แต่น่าเสียดายที่ฉุนอวี๋อันไม่ได้รับการฝึกฝน!โชคดีที่เขาเห็นข้อนี้ จึงให้ฉุนอวี๋อันลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้า
“ต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว”เกาเล่อรีบพยักหน้า“อีกอย่าง”“เจ้าไปเมืองผีครั้งนี้ต้องระวังตัวด้วย”“คำพูดของหลิ่วหรูเยียนเชื่อได้ แต่ก็ไม่ควรเชื่อทั้งหมด”“เมืองผีอาจไม่ใช่สถานที่ที่เราจะอยู่ได้ง่าย ๆ...”“หากพบเจอเรื่องยุ่งยากก็ปรึกษาข้าได้ตลอด อย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม!”หวังหยวนกำชับอีกสองสามประโยคเกาเล่อเป็นมือขวาของเขา เขาย่อมไม่อยากให้เกาเล่อเป็นอันตราย ไม่เช่นนั้นหวังหยวนจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากบ่ายวันนั้น เกาเล่อเดินทางไปเมืองผีด้วยตัวเองส่วนหวังหยวนก็กลับไปที่พักหลี่ซื่อหานรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหวังหยวนเดินเข้ามา นางก็ยิ้มหวานเดินเข้ามาหา แล้วควงแขนหวังหยวนขณะกล่าวว่า “ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านกำลังทำอยู่ในช่วงนี้”“จะรับอนุภรรยาอีกแล้วหรือ?”หวังหยวนถึงกับหน้าเสียใครปากมาก เอาเรื่องนี้ไปบอกหลี่ซื่อหาน?ที่เขาไปหอนางโลมนั้นไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสถานการณ์บ้านเมืองต่างหาก!“ในสายตาเจ้า ข้าเป็นผู้ชายที่เห็นผู้หญิงแล้วอดใจไม่ได้หรือ?”หวังหยวนจิบชา และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์หลี่ซื่อหานยิ้มก่อนกล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน แต่คนอื่นไม่รู้จักนิสัยของท่าน อาจทำให้เกิด
“ข้าบอกก็ได้...”“เหตุใดต้องโหดเหี้ยมกับข้าด้วย?”“ข้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าไม่สงสารข้าบ้างหรือ?”หลิ่วหรูเยียนมองหวังหยวน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหวานมีเสน่ห์ “เจ้ารู้จักสถานที่แห่งหนึ่งทางตะวันตกที่ชื่อว่าเมืองผี หรือไม่?”“เมืองผี?”หวังหยวนส่ายหน้า ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่สายตาของเขามองไปที่เกาเล่อเกาเล่อเป็นหัวหน้าองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ ข้อมูลทั่วหล้าล้วนอยู่ในมือเขา หากแม้แต่เกาเล่อยังไม่รู้จัก แสดงว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ลับจริง ๆ!แต่ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่าง คือหลิ่วหรูเยียนกำลังหลอกลวง!ทั้งหมดเป็นเพียงกลลวงของนาง!เกาเล่อเดินไปข้าง ๆ หวังหยวนแล้วกระซิบ “ข้ารู้จักเมืองผี...”“เดิมทีมันไม่ได้ชื่อเมืองผี ปัจจุบันมีชื่ออื่นแล้ว แต่เพราะเมื่อก่อนมีคนอดตายที่นั่นมากมาย มีข่าวลือว่ากลางดึกมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ จึงเรียกที่นั่นว่าเมืองผี”“แต่ที่จริงแล้วก็แค่เรื่องเล่าลือขอรับ”ฟังคำอธิบายของเกาเล่อแล้วหวังหยวนก็พยักหน้าจากนั้น ฃเขาก็มองไปที่หลิ่วหรูเยียนอีกครั้ง ก่อนกล่าวอย่างใจเย็น “เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าฐานทัพใหญ่ของพรรคทมิฬอยู่ในเมืองผีหรือ?”หลิ่วหรู
ทันใดนั้นหวังหยวนก็ให้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อถอยไป ส่วนเขามานั่งยอง ๆ ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนมุมปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์ต่อรองกับข้าหรือ?”“ตอนนี้เจ้าอยู่ในมือข้า ตราบใดที่เจ้าทำตามที่ข้าต้องการ ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า ไม่ให้ใครมารังแกเจ้าได้”“แต่ถ้าเจ้ายังกล้าต่อรอง เจ้าก็ลองดู ว่าข้าจะทำเรื่องโหดร้ายอะไร”“แต่อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หากเจ้าท้าทายข้า ทำให้ข้าหมดความอดทน ผลลัพธ์สุดท้ายคงคาดเดาได้...”“เจ้าจะต้องเสียใจแน่นอน”เมื่อเห็นแววตาจริงจังของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนก็อยากจะฆ่าเขานักเหตุใดนางจึงต้องมาเจอกับปีศาจตนนี้ด้วย?ช่างโชคร้ายเสียจริง!“ตกลง!”“เช่นนั้นเจ้าต้องปล่อยข้าก่อน”“เจ้าจับข้าไว้ด้วยตาข่ายเช่นนี้ ข้าอึดอัดจะตายแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วพูดหวังหยวนรับมีดสั้นจากสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อมาตัดตาข่ายใหญ่ตรงหน้าออก หลิ่วหรูเยียนจึงเป็นอิสระหวังหยวนกล่าวต่อ “ตอนนี้ข้าทำตามที่เจ้าต้องการแล้ว เจ้าควรจะบอกสิ่งที่ข้าอยากรู้ได้แล้วกระมัง?”เขาเองก็ใจกว้างพอหากไม่ใช่เพราะเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นผู้หญิง คงลงมือกับนางไปแล้
“เจ้าช่างเป็นคนต่ำทรามชั่วช้าเหลือเกิน!” หลิ่วหรูเยียนจะไม่เข้าใจสิ่งที่หวังหยวนจะสื่อได้อย่างไร ใบหน้านางซีดเผือดราวกับกระดาษ นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกลัวขณะตวาด!หญิงงามผู้มีชื่อเสียงในสถานเริงรมย์ แม้จะอยู่ในที่เช่นนั้น แต่ก็รักษาความบริสุทธิ์ไว้เสมอ ไม่เคยยอมให้ชายใดแตะต้องเรือนร่างอันงดงามของตน!แต่บัดนี้บุรุษผู้มีนามว่าหวังหยวนกลับใช้เรื่องนี้มาข่มขู่นาง เป็นการกระทำที่ชั่วช้าที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา!เหตุใดไม่รู้มาก่อนเลยว่าหวังหยวนน่ารังเกียจถึงเพียงนี้?“เจ้าไม่สมควรเป็นใหญ่ในแผ่นดิน!” “เจ้าเป็นแค่คนเลวทรามต่ำช้า!”“เช่นนั้นก็สังหารข้าเสีย การที่เจ้ามาล่วงละเมิดสตรีเช่นนี้ เจ้ายังถือว่าตนเป็นบุรุษผู้กล้าหาญได้อยู่หรือ?” “หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงของเจ้าจะต้องเสื่อมเสียอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”นางพยายามอย่างตะโกนเพื่อที่จะเปลี่ยนใจหวังหยวนให้ได้ ทว่าใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกใด เขายืนกอดอกเอ่ยเสียงเรียบเฉย “เป็นเรื่องปกติที่จะใช้วิธีการที่แตกต่างกันเพื่อปฏิบัติต่อผู้คนที่แตกต่างกัน”“หากเจ้าไม่ดื้อดึง ข้าก็คงไม่ต้องทำรุนแรงเช่นนี้ ข้าจะทำเช่นนี้กับ
“ข้าอยากรู้ว่าปากของนางกับมือของข้า อะไรจะแข็งกว่ากัน!”แม้จะเป็นเด็กกำพร้าก็ต้องหาวิธีง้างปากนางให้ได้!ไม่บรรลุเป้าหมายย่อมไม่หยุดยั้ง!ไม่นานหวังหยวนกับเกาเล่อก็มุ่งหน้าออกนอกเมืองที่หน้าศาลเจ้าเฉิงหวงหลิ่วหรูเยียนนั่งผิงไฟ ครุ่นคิดถึงแผนการต่อไปที่นางมาเมืองอู่เจียงนั้นเป็นเพราะคำสั่งของผู้นำระดับสูงในพรรคทมิฬ!เพื่อแทรกซึมเข้ามาในดินแดนศัตรู แล้วค่อย ๆ แผ่ขยายอำนาจไปยังเมืองหลิง!สาเหตุที่สาวกพรรคทมิฬแทรกซึมเข้ามาในดินแดนของหวังหยวน ไม่ใช่เพียงเพราะดินแดนของหวังหยวนเล็ก แต่เป็นเพราะหวังหยวนผู้นี้เป็นคนชาญฉลาดและรอบคอบ!หากเขาพบเบาะแสใดๆ ก็จะตามสืบจนเจอ และอาจนำพาหายนะมาสู่พวกเขา!แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!หวังหยวนเพิ่งจะสังเกตเห็นร่องรอยของสาวกพรรคทมิฬ ไม่คิดเลยว่าจะพบตัวหลิ่วหรูเยียน!จากนั้นค่อยสืบหาความลับของพรรคทมิฬ!เรื่องนี้ต้องระวังให้ดี!“เหตุใดนกพิราบสื่อสารยังไม่กลับมาอีกนะ?”“หรือว่าจะเกิดเรื่อง...”หลิ่วหรูเยียนที่นั่งอยู่หน้ากองไฟ สำรวจสถานการณ์นอกประตูด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักแม้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะซ่อนตัวอยู่ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของนาง!แต