“เหตุใดจู่ ๆ จึงถามเช่นนี้?”อันกุ้ยเหรินรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมา แต่กลับพูดว่า “ท่านพี่ เรื่องนี้พักไว้ก่อนเถิด ข้าอยากถามท่านว่า... เซียวฉู่ฉู่ป่วยจริงหรือไม่?”เมื่ออ๋องเจิ้นตงได้ยินคำถามก็ขมวดคิ้ว“ข้าก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ว่า... ข้าคิดว่าน่าจะจริง ไม่เช่นนั้นนางคงไม่เรียกหวังหยวนมา และจะไม่จากเมืองหวงไป ข้าจึงคาดว่านางคงจะป่วยจริง ๆ!”หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงพูดจบ อันกุ้ยเหรินก็พยักหน้า“ท่านพี่และข้าคิดเหมือนกัน แต่ข้ายังมีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจ นั่นก็คือ... เซียวฉู่ฉู่จะหายดีหรือไม่”“เมื่อนางจากไปเช่นนี้ นางจะรอดหรือไม่!”เมื่ออันกุ้ยเหรินพูดจบ อ๋องเจิ้นตงก็หรี่ตา“เรื่องนี้พูดตามตรงพี่เองก็อยากรู้เช่นกัน เซียวฉู่ฉู่คนนี้จะรอด... หรือไม่รอด!”อ๋องเจิ้นตงสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นจึงพูดต่อ“น้องสาว ครั้งก่อนที่พี่ล้มเหลวจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ในเวลานั้นเซียวฉู่ฉู่อยู่ที่เมืองหลวงและยังมีหวังหยวนคนนี้อีกด้วย พี่จึงล้มเหลว!”“แต่ว่า... ครั้งนี้เซียวฉู่ฉู่ออกจากเมืองหลวงเมืองหวงไปแล้ว และยังเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งปีหรือหนึ่งปี นี่คือโอกาสสำคัญสำหรับเรา!
อ๋องเจิ้นตงชื่นชมและเคารพหวังหยวนมาโดยตลอด!เพราะคนที่เขาพ่ายแพ้ไม่ใช่เซียวฉู่ฉู่ แต่เป็นหวังหยวน!และในปัจจุบัน หวังหยวนยิ่งเก่งกล้ามากขึ้น ดังนั้น...เขาจึงเกรงกลัวเป็นธรรมดา!“เช่นนั้นจะทำอย่างไรดีล่ะ!”เมื่ออันกุ้ยเหรินได้ฟังเช่นนั้นก็ถึงกับอึ้งไป!หากไม่สามารถจัดการกับหวังหยวนได้ แล้วการที่พวกเขามาหารือกันที่นี่จะมีประโยชน์อะไร?“น้องสาว เรื่องนี้... สิ่งที่เราต้องทำไม่ใช่ลงมือจากภายนอก แต่ต้องลงมือจากภายในกำแพงวังนี้ต่างหาก!”หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงพูดจบ อันกุ้ยเหรินก็ถึงกับตกใจ“อะไรนะ? ท่านพี่ ข้าไม่เข้าใจ ท่านต้องการจะสื่ออะไร!”อันกุ้ยเหรินสงสัย เมื่ออ๋องเจิ้นตงได้ยินคำถามก็ยกยิ้ม“ง่ายมาก สิ่งที่เราต้องทำคือยึดครองวังหลวงแห่งนี้โดยเร็วที่สุด! ให้วังชั้นในตกอยู่ในกำมือของเจ้า!”หลังจากที่อ๋องเจิ้นตงตรัสจบ อันกุ้ยเหรินก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นจึงเข้าใจ“ท่านพี่ ข้าเข้าใจแล้วว่าท่านจะสื่ออะไร แต่...เรื่องนี้คงยาก เพราะเซียวฉู่ฉู่ได้สั่งให้ข้าและเจิ้งกุ้ยเหรินร่วมกันดูแลวังชั้นใน แล้วข้า... ข้าจะให้นางมอบอำนาจในการดูแลวังชั้นในให้ข้าคนเดียวได้อย่างไร?”คำพูดของอันก
อันกุ้ยเหรินไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว เพราะนางทราบดีว่าหากพี่ชายของนางครองอำนาจในวังหลวงแล้วจะเกิดอะไรขึ้น!อย่างน้อยนางก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใครอีกต่อไปแล้ว!...ในขณะเดียวกัน ภายในจวนอ๋องเป่ยหลิงหวังหยวนและเกาเล่อกำลังนั่งจิบชาพูดคุยกันอยู่ในห้อง“เกาเล่อ เจ้ารู้จักอันกุ้ยเหรินและเจิ้งกุ้ยเหรินบ้างหรือไม่?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เกาเล่อก็พยักหน้า“ทั้งสององค์นี้เป็นพระสนมเอกของฮ่องเต้องค์ก่อน แม้ว่าจะไม่ได้รับความโปรดปรานเท่ากับไทเฮา แต่ก็ถือว่าได้รับความโปรดปรานมากทีเดียว!”“ก่อนฮ่องเต้องค์เสด็จสวรรคต พระองค์ไม่ได้ขับไล่พระสนมทั้งสองออกไป แต่ให้พระสนมทั้งสองพำนักอยู่ในวังหลวงเพื่อเสวยสุขต่อไป จึงแสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้องค์ก่อนเมตตาต่อพระสนมทั้งสอง”“ส่วนเรื่องนิสัยใจคอ ข้าไม่รู้จักเจิ้งกุ้ยเหริน แต่ข้ารู้จักอันกุ้ยเหรินอยู่บ้าง เมื่อครั้งที่นางติดตามอ๋องเจิ้นตง ข้าเคยพบนางหลายครั้ง!”“นาง... ไม่ค่อยมีสติปัญญาเฉียบแหลมมากนัก หลายเรื่องล้วนแต่เชื่อฟังอ๋องเจิ้นตง!”“ส่วนเจิ้งกุ้ยเหริน ข้ารู้จักนางน้อยมาก!”หลังจากหวังหยวนฟังแล้วก็ยกยิ้ม“เชื่อฟังอ๋องเจิ้นตงมากสินะ...”หลังจา
เมื่อเกาเล่อกล่าวจบ หวังหยวนก็ยกยิ้มก่อนจะกล่าวว่า“เหตุใดจึงบอกว่ายากที่จะพูดเล่า?”หวังหยวนใคร่รู้ความหมายในคำพูดของเกาเล่อเพราะอย่างไรเสีย...สำหรับเขานั้น คนที่รู้จักอ๋องเจิ้นตงมากที่สุดก็คือผู้ติดตามมานานหลายปีอย่างตัวเขาเอง!เขารู้ทั้งความสามารถ จุดอ่อน แม้กระทั่งความคิดและอุปนิสัย!หวังหยวนจึงเชื่อคำพูดของเกาเล่อ!“พี่หยวน ท่านก็ทราบดีว่าอ๋องเจิ้นตงเคยล้มเหลวมาก่อน ดังนั้นเขาย่อมต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก!”“และอ๋องเจิ้นตงที่ข้ารู้จักนั้นไม่ใช่คนโหดเหี้ยมนัก เขาค่อนข้างลังเล หลายเรื่องราวจึงเกิดปัญหาขึ้นเพราะความลังเลของเขา!”“หากเขาไม่มีนิสัยเช่นนี้ บางทีเขาอาจจะประสบความสำเร็จไปนานแล้ว!”เมื่อเกาเล่อกล่าวจบ หวังหยวนก็หรี่ตาลงลังเล!ไม่เด็ดขาด!อ๋องเจิ้นตงอาจจะเป็นเช่นนั้นจริง!แม้จะมีความทะเยอทะยานแต่ก็ไม่ได้โหดเหี้ยม เป็นคนหวาดกลัวและกังวลมากเกินไป!หากจะทำก็ทำไปเลย ไม่ต้องกังวลเรื่องผลลัพธ์!หรือไม่ก็ไม่ทำแล้วยอมรับอย่างเต็มใจ!แต่อ๋องเจิ้นตงไม่มีความคิดเช่นนั้น!“หากพูดตามหลักเหตุผล เขาเคยล้มเหลวไปแล้วก็ไม่ควรจะทำเรื่องเช่นนี้อีกโดยง่าย เขาไม่ใช่คนกลัวตา
“พี่หยวน กล่าวมาถึงตรงนี้แล้วฟังจากคำพูดของท่าน นั่นหมายความว่ากุญแจสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนี้ใช่หรือไม่?”“ท่านต้องการพูดถึงวังหลวงหรือเปล่า?”ในเวลานี้เกาเล่อกล่าวขึ้นทันใด เมื่อเขากล่าวจบ หวังหยวนก็ยกยิ้ม“เจ้าพูดถูกแล้ว!”“ในราชสำนักนั้นอาจจะไม่สามารถชี้ชัดเรื่องนี้ได้ แต่... ในวังชั้นในกลับสามารถชี้ชัดได้จริง ๆ!”“อ๋องเจิ้นตงและอันกุ้ยเหรินเป็นพี่น้องกัน... หากอันกุ้ยเหรินควบคุมวังชั้นในได้ แล้วไท่จื่อ... จะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่?”“แม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าลงมือกับไท่จื่อ แต่หากพวกเขาควบคุมวังชั้นในได้ก็เท่ากับว่าควบคุมไท่จื่อได้แล้ว การใช้ฮ่องเต้บังคับขุนนางทั้งหลายก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!”“อย่างไรเสีย... ในเวลานั้นไท่จื่อก็อยู่ในมือของอันกุ้ยเหริน เด็กตัวเล็ก ๆ เช่นนั้น ใช้กลอุบายเพียงเล็กน้อย ก็สามารถให้ออกราชโองการได้โดยง่าย”“อย่างเช่น... แต่งตั้งให้อ๋องเจิ้นตงเป็นอัครมหาเสนาบดีเพื่อกำกับดูแลราชกิจ!”“แม้กระทั่ง...ปลดพวกอ๋องทั้งสามอย่างข้าออก! ก็ยังสามารถทำได้!”สิ่งที่หวังหยวนกังวลอยู่ในกำแพงวังหลวงแห่งนี้!เดิมทีมีเซียวฉู่ฉู่คอยดูแลอยู่จึงไม่ต้องกังวล!แต่ตอนนี้!
หลังจากที่หวังหยวนกล่าวจบ เกาเล่อก็คลี่ยิ้มกว้าง“ท่านพี่หยวน ท่านช่างร้ายกาจนัก เรื่องเช่นนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ล้วนแต่ผลักดันให้อ๋องหลงซีออกหน้าแทนทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าเขาจะยินยอมหรือไม่!”เกาเล่อพูดพลางหัวเราะแล้วส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้หวังหยวนก็ยิ้มออกมาทันทีแล้วกล่าวอีกว่า “เกาเล่อเอ๋ยเกาเล่อ เจ้าลืมเลือนไปแล้วหรือไร? ความหมายที่แท้จริงที่ทำให้ข้าต้องกระทำเช่นนี้ เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ?”เมื่อกล่าวจบ เกาเล่อก็กะพริบตาและเข้าใจในทันที!“ท่าน... ท่านต้องการ... ทดสอบ... อ๋องหลงซี!”เขานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงเข้าใจ เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น หวังหยวนจึงพยักหน้า“แน่นอน ข้าจำเป็นต้องทดสอบอ๋องหลงซี หากผู้เฒ่าคนนี้มีความคิดคดโกงขึ้นมาจริง ๆ จะเป็นอย่างไร?”“ถึงแม้ว่า... เขาจะมีกลอุบายที่ข้ายังมองไม่ออก แต่ว่าอย่างน้อยข้าก็เชื่อว่าเขาจะไม่โกหกหลอกลวงเรื่องปกป้องเจิ้งกุ้ยเหริน!”“แน่นอน หากเขาสนับสนุนอ๋องเจิ้นตงก็คงต้องพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ!”“แต่ว่า...หากเขาคิดจะทำเช่นนั้นจริง ข้าก็คงจะต้องฆ่าทั้งเขาและอ๋องเจิ้นตงเสีย!”“การตายของอ๋องทั้งสอง สำหรับเมืองหวงแห่งนี้ ไม่ได้นับเป็นเรื่องใหญ่
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ อ๋องหลงซีก็ยิ้มอีกครั้ง“หวังหยวน เจ้าไม่ต้องพูดสุภาพกับข้าเช่นนี้หรอก ข้าอยากรู้ว่าวันนี้เจ้าเรียกข้ามา เจ้าต้องการทดสอบข้าหรือไม่?”อ๋องหลงซีพูดอีกครั้ง เมื่อเขาพูดจบก็ทำให้หวังหยวนตกใจอีกครั้ง!ตาเฒ่าคนนี้ช่างฉลาดนัก!“ฮ่าฮ่าฮ่า อ๋องหลงซี ท่านช่าง... ทำให้ข้าประหลาดใจนัก!”“ไม่ผิด วันนี้ข้าต้องการทดสอบท่าน!”“อ๋องหลงซี ข้าอยากรู้ว่าท่านคิดอย่างไร!”“ไม่ว่าจะเรื่องทำเพื่อไทเฮาของพวกท่าน ปกป้องเมืองหวงหรือว่าท่านมีความคิดอื่น บอกข้ามาตามจริงเถิด!”หวังหยวนไม่พูดอ้อมค้อมอีกต่อไป เมื่อคำพูดนี้หลุดออกจากปากเขา อ๋องหลงซีก็หรี่ตาลง“หวังหยวนเอ๋ยหวังหยวน เจ้าทดสอบข้าด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเผด็จการ เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะโกรธหรือ?”อ๋องหลงซีพูดพลางยิ้ม“โกรธหรือ? ข้าไม่กลัวหรอก หากท่านโกรธ ข้าก็จะฆ่าท่านทิ้งเสีย!”หวังหยวนไม่เสียเวลา ชักปืนคาบศิลาออกมาทันที จากนั้นก็ยิงออกไปด้านข้าง!กระสุนปืนพุ่งเข้าใส่ไหสุราที่อยู่ไกลออกไปจนแตกกระจาย!ในระยะประชิดเช่นนี้ อ๋องหลงซีไม่มีทางหลบกระสุนปืนของเขาได้อย่างแน่นอน!เรื่องเช่นนี้ อ๋องหลงซีก็รู้เช่นกัน!“ปืนดี ข้ารู้
เมื่ออ๋องหลงซีกล่าวจบ หวังหยวนก็ต้องตกตะลึงไปครู่หนึ่ง!ลืมคิดถึงคนผู้หนึ่งไปงั้นหรือ?ผู้ใดกัน?เหตุใดเขาจึงนึกไม่ออก?“อ๋องหลงซี ขอโปรดไขข้อข้องใจด้วย”ที่หวังหยวนนึกไม่ออกนั้นไม่ใช่เพราะเหตุอื่นใด แต่เพียงเพราะเขารู้จักผู้คนในเมืองหวงแห่งนี้น้อยเกินไป!บุคคลที่ต้องระวังนั้นจะเป็นผู้ใดได้?อ๋องถูหนานหรือ?หากเป็นเช่นนั้นจริงก็คงมีแต่เขาเท่านั้น!“ผู้ที่ต้องระวัง... ก็ยังคงเป็นเจิ้งกุ้ยเหริน!”เมื่ออ๋องหลงซีกล่าวจบ หวังหยวนก็นิ่งอึ้งไปในตอนแรก แต่สักพักก็หัวเราะออกมา“ฮ่าฮ่าฮ่า อ๋องหลงซี ต้องกล่าวว่าท่านช่างรอบรู้และมองการณ์ไกลเสียจริง!”หวังหยวนย่อมเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ!ปกป้องนาง แต่ก็ต้องระวังนางด้วย!เพราะว่า...ยาพิษในร่างกายของไทเฮาเซียวฉู่ฉู่ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ดังนั้นทุกคนในวังชั้นในก็ล้วนตกเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งสิ้นจึงจำเป็นต้องระมัดระวังไว้บ้าง!“เจิ้งกุ้ยเหรินมีความสัมพันธ์อันดีกับไทเฮามาโดยตลอด ทั้งสองเรียกขานกันว่าพี่น้อง ความสัมพันธ์นี้มีรากฐานมาจากสมัยที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่ และก็ยังคงเป็นเช่นนี้มาโดยตลอดหลายปี”“นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความ
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห
ดูท่าแล้ว เกาเล่อคงจะทุ่มเทไปไม่น้อยเลย!เดินชมอยู่ราวหนึ่งชั่วยาม หวังหยวนจึงพาหลิ่วหรูเยียนกลับไปยังห้องโถง “คืนนี้พวกเราพักที่นี่ ดีหรือไม่?”แม้ว่าเมืองอู่เจียงจะอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านต้าหวัง แต่ก็ยังมีระยะทางที่ต้องใช้เวลาอีกหนึ่งวันหลายวันมานี้ หวังหยวนและคนอื่น ๆ เดินทางมาโดยตลอด ย่อมต้องพักผ่อนให้เต็มที่หลิ่วหรูเยียนรีบพยักหน้า พลางเอ่ยอย่างสมเหตุสมผลว่า “หากสามารถอยู่ที่นี่ได้ย่อมเป็นเรื่องดี!”“ที่นี่น่าสนุกกว่าเผ่าทางเหนือมาก!”หวังหยวนส่ายหน้ายิ้มขื่นเห็นได้ชัดว่าแต่งงานเป็นภรรยาผู้อื่นแล้ว อีกไม่นานก็จะกลายเป็นแม่คน แต่กลับยังคงทำตัวเหมือนเด็กน้อย!น่าสนใจ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก!“จริงสิ ไฉจวิ้นเล่าหายไปไหน?”หวังหยวนมองไปรอบ ๆ แต่กลับไม่เห็นร่องรอยของไฉจวิ้นเขาจำได้อย่างชัดเจนว่าทุกคนเข้ามาในหอไร้เทียมทานพร้อมกัน แต่ไม่รู้ว่าไฉจวิ้นหายไปตอนไหน?“คงจะออกไปเที่ยวเล่นกระมัง?”“ท่านก็อย่าไปใส่ใจน้องชายคนนี้ของท่านเลย เขายังเป็นเด็ก การเล่นสนุกคือสัญชาตญาณของเขา!”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจช่างเป็นพวกเดียวกันโดยแท้!ทันใดนั้น ทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างก
หอไร้เทียมทานตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองอู่เจียง ปกติแล้วแม้ว่าที่นี่จะรกร้าง แต่ก็เงียบสงบยิ่งนักแต่หลังจากที่หอไร้เทียมทานได้ก่อสร้างขึ้น ที่นี่มีผู้คนมากมายเมื่อมองออกไป รอบนอกของหอไร้เทียมทานมีชาวบ้านมากมายยืนชมอยู่ ยามนี้กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องราวบางอย่างอย่างไรเสีย พวกเขาก็เพิ่งเคยเห็นสถาปัตยกรรมอันสวยงามยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก!หอไร้เทียมทานมีพื้นที่กว้างใหญ่ เพียงแค่มองผ่านประตูใหญ่ก็สามารถมองเห็นภาพภายในได้อย่างง่ายดาย ต้องยอมรับว่าความโอ่อ่านี้ไม่ด้อยไปกว่าวังหลวงเลย!แม้แต่หวังหยวนยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง“เจ้าใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนไม่ใช่หรือ?”“เหตุใดจึงสามารถสร้างพระราชวังที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ได้?”หวังหยวนมองเกาเล่อด้วยความสงสัยเกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นก็เพราะคนผู้นี้ที่อยู่ข้างกายข้าขอรับ!”ขณะที่พูดคุยกัน เกาเล่อแนะนำคนผู้หนึ่งให้หวังหยวนรู้จัก คนผู้นั้นสวมชุดผ้าป่าน ผิวสีคล้ำ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มซื่อ“นี่คือช่างเทวดาอันดับหนึ่งใต้หล้า ความเร็วในการก่อสร้างเร็วกว่าช่างทั่วไปมาก!”“ภายใต้การนำของเขา พระราชวังนี้ไม่เพียงแต่มีคุณภาพ ยังสร้างเสร็จอย
ตอนนี้หวังหยวนกลับพูดจาเยาะเย้ยเช่นนี้ นางจะไม่โกรธได้อย่างไร?“ดีนัก!”“พวกเราเพิ่งจะอยู่ร่วมกันไม่ถึงครึ่งปี ท่านก็เริ่มรังเกียจข้าแล้วหรือ?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้ข้าไปตอนนี้เลยแล้วกัน!”“ถือเสียว่าพวกเราไม่เคยรู้จักกัน!”หลิ่วหรูเยียนยังคงแข็งกร้าวเช่นเดิม พูดจบนางก็ลุกขึ้น เตรียมจะกระโดดลงจากรถม้าหวังหยวนรีบคว้าแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้ พลางเอ่ยขอโทษอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าพูดผิดไป เจ้าเป็นคนใจกว้าง อย่าได้ถือสาข้าเลย!”“อีกอย่าง ต่อให้ร่างกายของเจ้าจะมีรอยแผลเป็น แล้วจะเป็นอย่างไร? ใจของข้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!”“ข้ารู้ดีว่ารอยแผลเป็นบนร่างกายของเจ้าเกิดขึ้นเพราะข้า หากไม่มีรอยแผลเป็นนี้ บางทีข้าอาจจะลืมเลือนความดีของเจ้าที่มีต่อข้า แต่หากรอยแผลเป็นนี้ยังคงอยู่ ย่อมทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้น!”“อย่างน้อยก็ทำให้ข้าจดจำความดีของเจ้าได้ตลอดไป!”หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจ แต่ในใจกลับรู้สึกยินดีนางรู้ดีว่าหวังหยวนไม่ใช่คนอกตัญญู ไม่เช่นนั้นในคืนนั้นนางคงไม่ยืนหยัดต่อสู้เต็มที่อยู่เคียงข้างหวังหยวน!ความทุ่มเทถือว่าได้รับผลตอบแทน!หลายวันผ่านไป หวังหยวนและพรรคพวกได้เดินทางมาถึงเชิงเขา
ครึ่งเดือนผ่านไป เนื่องจากเกาเล่อได้รวบรวมช่างฝีมือมามากมาย การก่อสร้างหอไร้เทียมทานจึงคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วยามนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วคาดว่าอีกครึ่งเดือน หอไร้เทียมทานก็จะสร้างเสร็จสมบูรณ์!และในช่วงเวลานี้ อาการของหลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ดีขึ้น หวังหยวนได้ติดต่อกับคนของหมู่บ้านต้าหวัง เพื่อทำให้ทุกคนสบายใจตั้งแต่หลิ่วหรูเยียนล้มป่วย หวังหยวนนั้นไม่มีแก่ใจจะทำสิ่งใด ไม่ได้ติดต่อกับคนของหมู่บ้านต้าหวัง ซึ่งทำให้ต้าหู่และเอ้อหู่สองพี่น้องร้อนใจยิ่งนัก!ยามนี้เมืองหลิงอยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขาทั้งสอง แม้ว่าจะมีถงจื่อเจี้ยนและคนอื่นช่วยเหลือ แต่ทั้งสองนั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของหวังหยวนมากกว่าแม้ว่าพวกเขาทั้งหลายจะไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด แต่ก็รักใคร่กันยิ่งกว่าพี่น้อง!แม้ว่ายามนี้จะมีอำนาจอยู่ในมือ แต่สำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ!ขอเพียงพี่น้องได้อยู่ร่วมกัน ต่อให้ต้องสูญเสียแผ่นดินไป แล้วจะมีความหมายอะไร?เวลาผ่านไปครึ่งเดือน ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง และในช่วงครึ่งเดือนนี้ หอไร้เทียมทานสร้างเสร็จสมบูรณ์ หวังหยวนออกจากเผ่าแล้ว ยามนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังเม
หากจะกล่าวให้ยิ่งใหญ่ขึ้นก็เพื่อปวงประชา!ดินแดนทั้งเก้าได้กลับคืนสู่ความสงบสุขได้ก็เพราะเขา เขาจึงต้องการให้ความสงบสุขนี้คงอยู่สืบไป ปวงประชาจะได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขตลอดกาล!“ไม่ทราบว่าท่านหมอเทวดาอันมีความคิดเห็นเช่นไร?”หวังหยวนเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาของเขา อันจูหมิงจึงรีบโบกมือเอ่ยว่า “ในเมื่อมีเรื่องดีเช่นนี้ มีหรือที่ข้าจะไม่เข้าร่วม? ข้าจะต้องมีที่นั่งในหอไร้เทียมทานนี้อย่างแน่นอน! ถือว่าเป็นการพิสูจน์ความสามารถของข้าด้วยก็แล้วกัน!”“อีกอย่าง ข้ารู้ว่าท่านมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า ปวงประชาต่างเคารพท่านราวกับเป็นฮ่องเต้ แม้แต่คนของอาณาจักรต้าเป่ยก็คิดเช่นนั้น!”“หอไร้เทียมทานย่อมต้องเจริญรุ่งเรืองภายใต้การดูแลของท่าน แล้วชื่อเสียงของข้าก็จะยิ่งโด่งดัง!”“เรื่องดีเช่นนี้ มีหรือที่ข้าจะพลาด?”คิดไม่ถึงว่าอันจูหมิงจะตอบรับอย่างง่ายดาย!หวังหยวนยินดียิ่งนัก “เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านหมอเทวดาอันที่ให้เกียรติ!”เมื่อได้หมอเทวดาอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าเข้าร่วม คาดว่าอีกไม่นานหอไร้เทียมทานนี้ก็จะสามารถรวบรวมผู้มีความสามารถไว้ได้มากมายแน
“รับความไว้วางใจจากผู้อื่น ต้องรักภักดีต่องานของผู้อื่น”อันจูหมิงหยิบขวดยาออกมาจากอกเสื้อ พลางเอ่ยขึ้นว่า “นี่คือยาเม็ดที่ข้าปรุงให้ฮูหยิน ทานวันละหนึ่งเม็ด หลังอาหารเย็น ในนี้มียาสามสิบเม็ด หนึ่งเดือนต่อมา ฮูหยินก็จะหายดี!”หลังจากที่หวังหยวนและคนอื่น ๆ กลับมาเมื่อวาน ก็ให้เกาเล่อนำดอกหน้าผาชันมามอบให้อันจูหมิงเขาทำได้เพียงนำดอกหน้าผาชันกลับมา ส่วนการนำมาใช้เป็นยานั้นต้องอาศัยความสามารถของอันจูหมิงอีกทั้งอันจูหมิงก็ไม่ดื่มสุราเลย เพียงคืนเดียว ยาเม็ดนี้ก็ปรุงเสร็จ!“ยังต้องกินยาอีกหรือ?”หลิ่วหรูเยียนเดินมาด้วยสีหน้าจนใจ เมื่อเห็นขวดยาอันสวยงามประณีตก็ไม่รู้สึกสนใจแม้แต่น้อยเนื่องจากนางยังมีบาดแผล ทุกวันนี้จึงต้องดื่มยามากมาย ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายคิดไม่ถึงเลยว่าอาการป่วยของนางยังไม่หายดี แต่ปริมาณยากลับเพิ่มขึ้น ช่างน่าเจ็บใจนัก!หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือสิ่งที่พวกเราแลกมาด้วยชีวิต เจ้าต้องกินให้ดี ไม่เช่นนั้นทั้งข้า เกาเล่อ และเฉินอวิ่นจะเสียแรงเปล่า”“เกิดอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามด้วยความสงสัยส่วนอันจูหมิงที่อยู่ด้านข้างโบกมือ เมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ
หวังหยวนใช้นิ้วเคาะเบา ๆ ที่หน้าผากของตน จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นส่วนเกาเล่อยกยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “นี่ก็เป็นเรื่องง่าย หากต้องการจะได้รับฉายาไร้เทียมทานย่อมต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของด้านนั้นๆ ต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญมาสองคน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องรับไว้ทั้งหมด สู้ให้พวกเขาทั้งสองประลองฝีมือกัน ผู้ใดแข็งแกร่งกว่า ผู้อ่อนแอกว่า ย่อมรู้ได้ในพริบตา!”“ท่านผู้นำคิดเห็นเช่นไรขอรับ?”หวังหยวนตบมือ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?หากสามารถรวบรวมผู้ที่ไร้เทียมทานเหล่านี้มาอยู่เคียงข้างได้ เขาสามารถจินตนาการถึงภาพนั้นได้แล้ว!ต่อให้ภายภาคหน้าเขาจะไม่ได้เป็นเจ้าผู้ครองเมืองหลิงอีกต่อไป เพียงแค่หอไร้เทียมทานก็สามารถทำให้ผู้คนทั่วหล้ายังคงเคารพเขา และปกป้องแผ่นดินให้สงบสุขได้ด้วย!“ดื่มสุรา! ดื่มสุรา!”หวังหยวนอารมณ์ดียิ่งนัก เขายกจอกสุราขึ้น พลางโบกมือให้กับทุกคน ทุกคนจึงดื่มสุราตามเฉินอวิ่นไม่ได้ทำตัวเป็นคนนอก ในไม่ช้าก็สามารถเข้ากับทุกคนได้ดี ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีที่สุดกับเขาคือไฉจวิ้นแม้ว่าไฉจวิ้นจะอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ไฉจวิ้นมีนิสัยห้าวหาญ อีกทั้งยังไม่