“ฮ่าฮ่าฮ่า หวังหยวนไม่ได้มาด้วยตนเอง พวกเจ้าสองพันคนไม่มีทางหยุดยั้งพวกข้าได้หรอก!”หลังจากที่อากู่ต๋าพูดจบ หวังหานซานก็ไม่กล่าวเรื่องไม่สำคัญอื่นอีก“อ๋องถูหนาน ให้ข้าแสดงอาวุธให้ท่านดูเสียก่อน หลังจากดูแล้ว ท่านจะรู้เองว่าพวกท่านจำเป็นต้องล่าถอยหรือไม่!”พูดจบหวังหานซานก็หยิบระเบิดออกมาขว้างออกไป!สิ้นเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวปรากฏหลุมขนาดใหญ่ที่พื้น!พลังทำลายล้างนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ทำให้สีหน้าของอากู่ต๋าเปลี่ยนไปทันที!“นี่คืออะไร!”เขาตกใจมากเพราะไม่เคยเห็นอาวุธเช่นนี้มาก่อน!“นี่คืออาวุธที่คุณชายหวังหยวนคิดค้นขึ้น อ๋องถูหนาน ท่านยังต้องการจะเดินทัพต่อไปหรือไม่?”หวังหานซานถามตามตรง ใบหน้าของอากู่ต๋ามืดมนหลังจากได้ฟังเช่นนั้น!แม้ว่าอาวุธดังกล่าวจะทรงพลัง แต่เขาก็ไม่กลัว!“ฮึ่ม! ข้ามีกองทัพถึงหนึ่งแสนนาย แต่เจ้าจะมีอาวุธท้าทายสวรรค์นั่นกี่ชิ้นล่ะ!”“เคลื่อนทัพไปสังหารพวกมันให้ข้า!”อากู่ต๋าพูดทันที ทหารทั้งหมดสองหมื่นนายจึงรีบวิ่งกรูไปหาพวกหวังหานซานทันที!“ยิงได้!”หวังหานซานไม่เสียเวลา สั่งคนให้ดึงหน้าไม้ยักษ์ออกมาโดยตรง หลังจากวางที่ใส่คันธนูแล้ว คนสามสี
ส่วนทางด้านหมานอี๋ เอ้อร์ฮาเดินทัพไปพร้อมกับทหารแปดหมื่นนายก่อนที่จะไปถึงเมืองสู่ พวกเขาเห็นถังหม่างกำลังรออยู่ที่นี่พร้อมกับทหารม้าหนึ่งหมื่นนายใบหน้าของเอ้อร์ฮามืดมนเมื่อเห็นถังหม่างเขามองถังหม่างด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดอย่างดุดัน “ถังหม่างเจ้าบังอาจเพียงใดจึงมาขวางทางพวกข้า?”เอ้อร์ฮาหรี่ตามองกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังถังหม่างอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นความเย้ยหยันก็พลันปรากฏขึ้นใบหน้าของเขา“ถังหม่าง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามหรือเปล่า เจ้านำกองทหารแค่หนึ่งหมื่นนายมา แต่ยังกล้ายั่วยุข้าหรือ?”ด้านหลังเอ้อร์ฮามีกองกำลังแปดหมื่นนาย!หากให้ทหารของเขาแต่ละคนถุยน้ำลายออกมา มันก็เพียงพอที่จะทำให้กลุ่มคนที่ถังหม่างพามาจมน้ำลายตายได้แล้วถ้าถังหม่างนั้นรนหาที่ตายจริง ๆ สิ่งเดียวที่รอเขาอยู่มีเพียงความตายเท่านั้นเมื่อเห็นท่าทางเย่อหยิ่งและเย้ยหยันของเอ้อร์ฮา ถังหม่างก็ยกยิ้มเย็นชาแล้วถามประชด “เอ้อร์ฮา เจ้าคิดว่าข้ากล้ามาขวางเจ้าที่นี่โดยไม่เตรียมการใด ๆ เลยหรือ?”“เตรียมการอะไรล่ะ?”ใบหน้าของเอ้อร์ฮาเต็มไปด้วยความดูถูก เขามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “เจ้าเตรียมจะคุกเข่าร้อ
“เก่งกาจถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”หมานจิ้งก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ“กระหม่อมจึงกังวลว่าถังหม่างจะมีอาวุธประหลาดเช่นนั้นอยู่ในมือด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่น่าจะมีไม่ใช่หรือ?”หมานจิ้งพูดอย่างลังเล “จะมอบอาวุธทรงอานุภาพเช่นนี้ให้กับผู้อื่นตามอำเภอใจได้หรือ หวังหยวนจะใช้มันเพื่อป้องกันตัวเองอย่างเดียวไม่ใช่หรือ?”“ไม่แน่ใจ...”ทันใดนั้นถังหม่างที่กำลังมองเอ้อร์ฮาด้วยรอยยิ้มก็พูดว่า “จงฟังคำแนะนำของข้า รีบถอยกลับไปโดยเร็วที่สุด”“ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะต้องทุกข์ทรมานมาก”เอ้อร์ฮาได้ฟังดังนั้นก็มีใบหน้ามืดมนทันทีเขาขมวดคิ้วเก็บซ่อนความกลัวไว้ในใจ ก่อนจะสูดจมูกอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “จริงหรือ?”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีไพ่ตาย ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเย่อหยิ่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เลว!”“ในเมื่อพวกเจ้าไม่เต็มใจจะฟังคำแนะนำของข้า เช่นนั้นข้าก็จะแสดงให้เจ้าเห็นว่าไพ่ตายของข้าคืออะไร”เขาเหลือบมองเอ้อร์ฮาที่อยู่ตรงหน้าอย่างเย็นชา แล้วค่อย ๆ หยิบระเบิดที่เขาเตรียมไว้เมื่อนานมาแล้วออกมา จากนั้นชูขึ้นต่อหน้าถังหม่าง“เอ้อร์ฮา เจ้าคิดว่านี่คืออะไร?”เมื่อเอ้อร์ฮาเห็นชัดเจนว่าถ
“พ่ะย่ะค่ะ!”รองขุนพลรีบวิ่งไล่ตามหมานต๋าถูไปทันที สีหน้าของเขาจริงจังระคนเศร้าหมองอย่างยิ่ง เขาต้องเตรียมติดตามหมานต๋าถูไปสังหารกลุ่มคนของถังหม่างทันที!เมื่อหมานต๋าถูขี่ม้ามาถึงสนามรบเอ้อร์ฮาเห็นหมานต๋าถูกำลังขี่ม้ามุ่งตรงมา เขาพลันตกตะลึงแล้วตะโกนด้วยความตื่นเต้น “ท่านอ๋องมาแล้ว ท่านอ๋องเสด็จมาปราบศัตรูด้วยพระองค์เอง!”ทหารที่อยู่รอบ ๆ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าตื่นเต้นเมื่อได้ฟังเช่นนี้!พวกเขาชูแขนตะโกนด้วยสีหน้ากระตือรือร้น ราวกับว่าหากหมานต๋าถูมาที่นี่ สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวของพวกเขาได้!หมานต๋าถูค่อย ๆ เดินไปตรงหน้าฝูงชน เอ้อร์ฮาที่อยู่ข้างเขารู้สึกดีใจมาก เขาโค้งคำนับให้หมานต๋าถูทันทีแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!”ความฮึกเหิมของทุกคนเพิ่มขึ้นมากทันทีที่เห็นหมานต๋าถูมาปรากฏตัวที่นี่!ใบหน้าของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความดีใจ พวกเขาชูแขนขึ้นแล้วตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านอ๋องเป็นผู้นำทัพปราบข้าศึกเอง หมานอี๋ต้องชนะศึกครั้งนี้แน่นอน!”“ท่านอ๋องเป็นผู้นำทัพปราบข้าศึกเอง หมานอี๋ต้องชนะศึกครั้งนี้แน่นอน!”หมานต๋าถูยกยิ้มอ่อนแล้วโบกมือส่งสัญญาณให้
หลังจากออกคำสั่ง ทหารสองหมื่นนายก็ยกธงรบขึ้นสูงทันที พวกเขามีท่าทีโหดร้ายเป็นพิเศษ ทุกคนต่างคำรามและตะโกนให้เริ่มโจมตีพวกถังหม่าง!ถังหม่างเห็นเช่นนั้นจึงยิ้มอย่างเย็นชา“หมานต๋าถูคิดว่ามีโอกาสชนะจริงหรือ? ดูเหมือนว่าหากไม่สอนบทเรียนให้พวกเขา พวกเขาก็คงจะไม่ยอมรับความจริงที่ว่าพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้”ถังหม่างกำระเบิดไว้ในมือของเขา แม้ว่าทหารหลายคนที่อยู่ข้างหลังเขาจะรู้สึกไม่สบายใจเลย แต่เมื่อเห็นว่าขุนพลถังหม่างไม่มีท่าทีว่าจะถอย พวกเขาจึงยังคงยืนอยู่ด้านหลังเพื่อคอยปกป้องถังหม่างอย่างแน่วแน่!เมื่อเห็นกองทหารของศัตรูสองหมื่นนายเข้ามาใกล้!ในช่วงเวลาวิกฤติอย่างยิ่งนี้ ถังหม่างโบกมือแล้วพูดด้วยความโกรธ “ในเมื่อพวกเจ้ากำลังรนหาที่ตายเองอย่างประมาท เช่นนั้นข้าก็จะช่วยสงเคราะห์ให้!”สิ้นเสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยว ทันใดนั้นถังหม่างก็ขว้างระเบิดไปยังตำแหน่งตรงหน้าเขา!ระเบิดลูกนั้นลอยเป็นวิถีโค้งพุ่งเข้าใส่ฝูงชนทันที วินาทีต่อมาก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว และควันไฟลอยฟุ้งจนปกคลุมฝูงชน!ทรายและฝุ่นจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดขึ้นมาในทันที ทหารจำนวนมากถูกแรงอัดที่รุนแรงกระแทกจนร่างกระเด็นห่าง
หมานต๋าถูตกใจมาก!เขารู้จากครั้งที่แล้วว่าสิ่งนี้ทรงพลังเพียงใด แต่เขายังไม่เคยเห็นมันมาก่อน!แต่ตอนนี้ได้เห็นแล้ว...ทำให้เขาตกประหวั่นพรั่นพรึง!ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต เขาจึงไม่ต้องการจะยอมแพ้แต่เมื่อเขาเห็นอาวุธที่ซ่อนอยู่ในมือของถังหม่างเขาก็ลังเลทันที!ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าทหารแปดหมื่นนายของเขาจะสามารถสังหารทหารหนึ่งหมื่นนายของถังหม่างได้ แต่ครึ่งหนึ่งของทหารของเขาก็อาจจะถูกสังหารด้วยการระเบิดนี้!ถึงตอนนั้นฝ่ายเขาจะมีทหารเพียงสี่หมื่นนายเท่านั้น...เกรงว่าจะเอาชนะได้ยาก!ยิ่งไปกว่านั้นคือคนผู้นี้อยู่ในดินแดนต้าเย่และสังหารคนต้าเย่ได้!ถ้าล้มเหลวก็อาจจะ...ยากที่จะกลับมาแล้ว!เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของหมานต๋าถูก็เคร่งเครียดมาก จากนั้นเขาก็พูดด้วยความโกรธ “ถังหม่าง กลับไปบอกหวังหยวนว่าข้าจดจำเรื่องนี้ไว้แล้ว สักวันหนึ่งข้าจะให้เขาชดใช้อย่างสาสม!”พูดจบหมานต๋าถูก็ทำได้เพียงสั่งถอยทัพเท่านั้น!ถังหม่างเห็นเช่นนั้นจึงยกยิ้มอ่อน ก่อนจะสั่งให้ทหารบุกเข้าควบคุมเมืองสู่อย่างแข็งขัน!ใช้เวลาอีกสองวันเรื่องก็จะจบลงแล้ว!ในเวลาเดียวกัน อากู่ต๋าที่สูญเสียทห
อากู่ต๋าตกใจเล็กน้อย แม้ว่าจะมีสายลับเพียงไม่กี่ร้อยคน แต่พวกเขาไม่กล้าแสดงท่าทีหุนหันพลันแล่น เพราะเมื่อไปค้นหาแล้ว อีกฝ่ายจะต้องเตรียมพร้อมไว้แล้วอย่างแน่นอน!สิ่งที่ทรงพลังที่สุดของสายลับนี้คือทำให้สามารถตรวจสอบทุกอย่างภายในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ได้พวกเขาอยากจะลงมือโจมตี แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารพร้อมกันหมด!ตราบใดที่หนึ่งในนั้นส่งสัญญาณเตือน พวกเขาจะล้มเหลว!“ให้ตายเถอะ! หวังหยวน เจ้าไม่ได้มาด้วยแต่ก็ยังคงยอดเยี่ยมจริง ๆ!”อากู่ต๋าพูดตามตรง ความโกรธเกรี้ยวปรากฏบนใบหน้าของเขา!ในขณะนี้ตระกูลเซิ่งได้เริ่มโจมตีเมืองหลวงแล้ว แต่ก็ยากที่จะพิชิตได้ในทันที!นักสืบมารายงานตัวว่าค้นพบกองกำลังของตระกูลไป๋แล้วทั้งเซิ่งฟางสี่และเซิ่งตงฉยงจึงเครียดมาก!ไม่จำเป็นต้องบอกว่าความพากเพียรของอู๋หลิงนั้นไม่ลดลงเลย สิ่งสำคัญคือยังมีกองกำลังจำนวนมากของตระกูลไป๋กำลังจับตาดูสถานการณ์อยู่ ซึ่งมันไม่ใช่ข่าวดีสำหรับพวกเขาเลย!“ลูกเอ๋ย วันนี้... เราควรจะแข็งแกร่งพอที่จะยึดเมืองหลวงได้อย่างสมบูรณ์แล้ว!”เซิ่งฟางสี่ถอนหายใจ ถ้าพวกเขาสามารถเอาชนะได้ตอนนี้เลยก็คงจะไม่เป็นอะไร แต่ยิ่งใช้เวลานานเท่าไหร่
หวังหยวนรู้ดีว่าตอนจบเช่นนี้ไม่สามารถแก้ไขได้!ไม่มีอะไรที่ใครทำได้เลย!แผ่นดินถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนย่อมสรุปได้ว่าทั้งสามเสาหลักจะต้องแยกออกจากกัน!เพราะเมื่อเสือทั้งสามตัวต่อสู้กันย่อมไม่กล้าไปไกลเกินไป ต้าเย่ที่เหลืออยู่แม้ว่าจะไม่ใช่เสือที่ดุร้ายนัก แต่หากอยู่ในช่วงพลบค่ำก็ยังไม่อาจประมาทได้!ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน แผ่นดินต้าเย่กลับมามีเสถียรภาพแล้ว!หวังหยวนรู้สึกได้ว่าการปกครองเช่นนี้จะมั่นคงเป็นเวลาอย่างน้อยสามหรือห้าปี!“ตอนนี้เราอยู่ใน... ดินแดนของตระกูลไป๋แล้ว...”หวังหยวนยกยิ้มแต่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะนี่คือสิ่งที่เขาหวังมากที่สุดถ้าเมืองหลิงถูกแยกจากตระกูลเซิ่งก็เกรงว่าตระกูลเซิ่งจะเข้าไปรุกรานเป็นครั้งคราว“ใช่แล้ว ตอนนี้แผ่นดินถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนอย่างสมบูรณ์แล้ว พี่หยวน เราควรทำอย่างไรดี?”ในเวลานี้เกาเล่อถามขึ้นมา“แน่นอนว่าต้องสะสมกำลังไว้ ไม่อย่างนั้นจะทำอย่างไร? เริ่มทำสงครามกับพวกเขาหรือ? เหนื่อยเกินไปหรือไม่”หวังหยวนโบกมือ ไม่มีอะไรที่เขาอยากทำในสถานการณ์นี้สามอาณาจักรนั้นมีเสถียรภาพที่สุดมาโดยตลอด สองฝ่ายถูกยึดเข้ามากันเหมือนแผ่นเหล็ก ไม่มีใครสามาร
น่าเสียดาย หากต้องการเก็บเกสรดอกหน้าผาชันก็จำเป็นต้องมีทักษะอย่างแท้จริง!“ท่านรู้จักดอกหน้าผาชันด้วยหรือ?”หวังหยวนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว“ย่อมต้องรู้จักสิ”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”“ง่ายมาก! ข้าเองก็มาเพื่อดอกหน้าผาชันนี้เช่นกัน!”ชายคนนั้นกอดอกพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ท่านต้องการดอกหน้าผาชันไปทำอะไร?”หวังหยวนรีบถาม“แน่นอนว่าต้องนำไปแลกเงิน”“ดอกหน้าผาชันนับว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า ข้าต้องพึ่งพามันเพื่อหาทางอยู่รอด!”“ดอกหน้าผาชันหนึ่งดอกสามารถขายได้สิบตำลึงเงิน เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งเดือนของข้า!”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแค่สิบตำลึงเงินเองหรือ?“เหตุใดจึงมีราคาแต่ไม่มีคนขาย?”หากสามารถใช้เงินซื้อดอกหน้าผาชันในตอนนั้นได้ เขาจะลำบากเดินทางมาที่นี่เพื่ออะไร?บ่ายวันนี้ หวังหยวนได้แอบสอบถามมาแล้ว ปรากฏว่าในเผ่าไม่มีดอกหน้าผาชันแม้แต่ดอกเดียว!เขามีบารมีสูงส่งในเผ่า ผู้คนในเผ่าย่อมไม่หลอกลวงเขาหรือว่า...ชายตรงหน้าเขากำลังโกหก?“เหตุใดท่านมองข้าเช่นนี้?”“แน่นอนว่าดอกหน้าผาชันไม่ได้มีไว้ขายให้กับคนในเผ่า เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการสิ่งนี
ในขณะที่หวังหยวนกับเกาเล่อกำลังพูดคุยกัน พลันได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น“เขาพูดถูก หากตกลงมาจากยอดเขานี้ ต่อให้เจ้ามีสามเศียรหกกรก็จะต้องแหลกเป็นชิ้นแน่นอน!”“ถึงตอนนั้น สภาพย่อมดูไม่จืด!”หวังหยวนกับเกาเล่ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียด รีบหันไปมองตามต้นเสียงเมื่อสักครู่นี้พวกเขาทั้งสองคนกลับไม่ทันสังเกตว่าในความมืดมิดนั้นยังมีผู้อื่นซ่อนอยู่ด้วย!“พวกท่านไม่ต้องเครียด! ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อพวกท่าน!”ชายคนนั้นค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืด เขาแต่งกายด้วยชุดผ้าป่าน อายุใกล้เคียงกับหวังหยวน ใบหน้าใต้แสงจันทร์ ของเขาเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?”“เหตุใดจึงมาที่นี่ในยามนี้?”ภูเขาทางเหนือตั้งอยู่ในที่ห่างไกล รอบด้านไม่มีบ้านเรือนผู้คน แม้แต่หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้!ไม่เช่นนั้น หวังหยวนคงไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาหลายชั่วยาม!แต่ในสถานที่เช่นนี้กลับมีคนแปลกหน้าปรากฏตัว จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร?ชายคนนั้นยิ้มพลางโบกมือเอ่ยว่า “ข้าก็เพียงแค่เดินทางผ่านมาที่นี่ เห็นพวกท่านทั้งสองกำลังเตรียมปีนหน้าผา จึงคิดจะดูความสนุกสักหน่อย”“แต่ข
ในใจนางก็รู้เรื่องราวเหล่านี้ดี และที่พูดเช่นนี้กับไฉจวิ้นก็เพราะว่านางมองว่าไฉจวิ้นเป็นน้องชายแท้ ๆ ของนางเองไม่ใช่หรือ?หากปฏิบัติต่อคนนอกย่อมไม่ใช่ท่าทีเช่นนี้หยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วหรูเยียนอาจจะรู้สึกเหนื่อยจึงหลับไปอย่างรวดเร็วในคืนนั้น หลังจากที่หวังหยวนกินอาหารเสร็จก็ได้ออกไปอย่างเงียบเชียบหลายชั่วยามต่อมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืน หวังหยวนมายืนอยู่ตรงหน้าผาของภูเขาทางเหนือเมื่อมองออกไป อาจเป็นเพราะความมืดมิด จึงมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของหน้าผา ให้ความรู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก!หวังหยวนกอดอกยืนอยู่ด้านข้าง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มจางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและสง่างาม“พายุใหญ่คลื่นยักษ์แบบไหนที่ไม่เคยพบเจอ?”“สถานการณ์แบบไหนที่ไม่เคยประสบ?”“เพียงแค่หน้าผา คิดจะขวางทางข้าได้หรือ?”“ช่างน่าขันนัก!”ขณะที่พูด หวังหยวนก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่า ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากด้านหลังเขาหันกลับไปโดยสัญชาตญาณ สายตาจับจ้องไปที่ผู้มาเยือน ผู้ที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเกาเล่อ!ท่ามกลางความมืดมิด ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังหวัง
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ...”เมื่อเห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของหวังหยวน ไท่สื่อลี่ก็ไม่ได้กล่าวต่ออีก สุดท้ายก็จำต้องจากไปส่วนหวังหยวนนั่งลงศึกษาแผนที่อย่างละเอียดภายในห้องเมื่อไฉจวิ้นกลับมา หลิ่วหรูเยียนก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาไฉจวิ้นอย่างรวดเร็ว พลิกดูห่อผ้าในมือเขาอย่างตื่นเต้น“ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก!”“ซื้อของดี ๆ มาฝากข้ามากมายเพียงนี้เลยหรือ?”“ต่อไปต้องมอบเรื่องเช่นนี้ให้เจ้าจัดการแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนลูบศีรษะของไฉจวิ้น พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มไฉจวิ้นรู้สึกอึดอัด นี่นางเห็นเขาเป็นเด็กน้อยชัด ๆ แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว อายุอานามก็ไม่น้อย กลับถูกปฏิบัติเหมือนเด็กงั้นหรือ?ช่างน่าเจ็บใจนัก!แต่พี่สะใภ้ผู้นี้ก็เป็นคนที่เขาไม่อาจล่วงเกิน จึงทำได้เพียงอดทนหากเป็นผู้อื่นที่กล้าลูบศีรษะของเขา นี่ถือว่าเป็นการหาเรื่องตายชัดๆ!“จริงสิ พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ไหน?”“เมื่อครู่เขาออกไปกับไท่สื่อลี่ นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ยังไม่กลับมาอีก หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนกินขนมพลางเอ่ยถามไฉจวิ้นชี้ไปที่นอกประตู แล้วตอบว่า “พี่ใหญ่อยู่ในลานบ้านขอรับ เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามา เขากำลั
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไท่สื่อลี่นำแผนที่มาให้ด้วยตนเอง ทางด้านหวังหยวนเฝ้ารออยู่ที่ลานบ้านเมื่อรับแผนที่มาก็ตรวจดูอย่างละเอียด คิ้วของหวังหยวนขมวดแน่นช่างอันตรายยิ่งนัก!แม้ว่าภูเขาทางเหนือจะเป็นภูเขาโดดเดี่ยว แต่ด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งสิ้น หากต้องการเก็บเกสรของดอกหน้าผาชันก็ต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผา ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินนี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก!หากไม่มีวิชาตัวเบา การปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่านั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์!หวังหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด ครุ่นคิดหาวิธีเก็บเกสรดอกหน้าผาชันส่วนไท่สื่อลี่ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านไปทีละน้อย ไม่นานไฉจวิ้นก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าห่อใหญ่ ในมือไม่เพียงแต่มีของกิน ยังมีของเล่นน่าสนใจอีกมากมายด้วยทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลิ่วหรูเยียนเป็นเพราะเขาเอง หลิ่วหรูเยียนจึงไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ สตรีนั้นอารมณ์แปรปรวน เขากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนจะเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย“กลับมาแล้ว”หวังหยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยไฉจวิ้นพยักหน้า เขามองหวังหยวนก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเมื่อครู่นี้ทะเลาะกับพี่
“ช่างสมกับเป็นท่านหวัง ไม่มีสิ่งใดปิดบังท่านได้จริง ๆ”ไท่สื่อลี่ยิ้มพลางส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนไม่ได้แอบหนีออกมาจากห้อง เขาจึงกระซิบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้พูดคุยกับท่านหมอเทวดาอันแล้ว เขาได้บอกอาการของฮูหยินกับข้าทั้งหมดแล้วขอรับ”“อีกทั้งยังบอกวิธีที่จะทำให้อาการของฮูหยินดีขึ้นด้วย”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาพลันเป็นประกาย“ท่านหมายถึง...”หวังหยวนไม่ได้เอ่ยประโยคหลังออกมา แต่ชี้ไปที่ท้องของตนไท่สื่อลี่เข้าใจความหมายในทันที จากนั้นก็พยักหน้า“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!”“เช่นนั้นรีบบอกข้ามา วิธีแก้ต้องทำอย่างไร?”“อีกอย่างคือก่อนหน้านี้ข้าได้ถามท่านหมอเทวดาแล้วว่ามีวิธีใดที่จะทำให้อาการของภรรยาข้าดีขึ้นหรือไม่ ท่านหมอเทวดาไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน ข้านึกว่าไม่อาจรักษาภรรยาของข้าให้หายได้...”“ดูท่าแล้ว ท่านหมอเทวดาจงใจปิดบังข้า!”หวังหยวนเข้าใจดีว่าอันจูหมิงคงมีเหตุผลที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่บอกเรื่องนี้กับไท่สื่อลี่ไท่สื่อลี่รีบโบกมือกล่าวว่า “ท่านหวังอย่าได้เข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าท่านหมอเทวดาอันไม่อยากบอกท่าน แต่เป็นเพราะว่าตัวยาที่ใช้รักษาฮูหยินนั้นหายา
เมื่อกลับถึงห้อง ด้วยการดูแลของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนจึงจำต้องนอนลงบนเตียงเมื่อเห็นนางพลิกตัวไปมาไม่หยุด หวังหยวนก็เข้าใจได้ในทันที นี่เป็นเพราะนางไม่อยากนอนหลับ“เจ้านี่นะ เหตุใดจึงได้ดื้อรั้นเพียงนี้?”“ในตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเห็นอะไรในตัวเจ้า!”“หากรู้ล่วงหน้าว่าการเดินทางครั้งนี้จะพบเจอกับเรื่องราวมากมายเพียงนี้ ก็ควรจะให้เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวังแต่แรก เจ้าจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย”“สุดท้ายแล้วก็เป็นความผิดของข้า...”หวังหยวนจิบชาพลางพึมพำกับตนเอง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า ภาพในความคิดย้อนกลับไปถึงคำพูดของอันจูหมิงก่อนหน้านี้ยามนี้เขาก็ยังคงคิดหาวิธีที่จะบอกกล่าวเรื่องนี้กับหลิ่วหรูเยียนไม่ได้สำหรับหวังหยวนแล้ว การไม่อาจตั้งครรภ์ได้นั้นสำคัญตรงไหนกัน?ครอบครัวของเขามีเหล่าภรรยาที่เพียบพร้อม ย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้แต่สำหรับหลิ่วหรูเยียนแล้ว สตรีที่ไม่มีบุตรก็ไม่นับว่าเป็นสตรีเมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ หวังหยวนจะไม่รู้สึกอึดอัดใจได้อย่างไร?ดูท่าแล้วคงต้องหาจังหวะที่เหมาะสม จากนั้นค่อยบอกความจริงกับหลิ่วหรูเยียน นางจะได้ไม่เจ็บปวดมากนัก“นี่ท่านกำลังคิดอ
“เอาล่ะ!”“ตอนนี้เจ้าเชื่อฟังพี่ใหญ่ของเจ้าใช่หรือไม่?”“พี่ใหญ่ของเจ้าไม่อยู่ไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นคำพูดของพี่สะใภ้ก็ไม่มีค่าแล้วใช่หรือไม่?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ภายภาคหน้าเจ้าก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ ข้าจะออกไปเดินเล่นเอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับข้า พี่ใหญ่ของเจ้าจะต้องมาเอาเรื่องกับเจ้า ถึงตอนนั้นก็คอยดูเถิดว่าจะเป็นอย่างไร!”หลิ่วหรูเยียนเฉลียวฉลาด ไฉจวิ้นผู้ไม่ประสีประสาจะต่อกรกับนางได้อย่างไร?เพียงชั่วครู่ ไฉจวิ้นถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนกำลังจะเดินจากไป เขาก็รีบวิ่งตาม พลางประจบประแจงว่า “พี่สะใภ้! ท่านอย่าได้ทำให้ช้าต้องลำบากใจเลยขอรับ ตกลงหรือไม่?”“ท่านเพิ่งจะหายป่วย สภาพร่างกายก็ยังฟื้นตัวไม่ดี อีกทั้งท่านหมอเทวดาก็บอกแล้วว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ท่านถึงจะหายดี ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนนะขอรับ!”“แต่ในเมื่อท่านยืนกรานจะออกไป เช่นนั้นพวกเราเดินเล่นเพียงครู่เดียว จากนั้นก็รีบกลับมาก็ได้ ตกลงหรือไม่ขอรับ?”ในที่สุดไฉจวิ้นก็ยอมอ่อนข้อให้ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นผู้ที่เขาไม่อาจล่วงเกิน!ล่วงเกินหวังหยวนก็ไม่เป็นอะไร เพราะว่าพวกเขาล้วนเ
“นี่คือคำสั่ง!”เกาเล่อถอนหายใจอย่างจนใจ ไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่หันหลังเดินไปยังทิศทางหนึ่งในไม่ช้า หวังหยวนก็กลับเข้าไปในห้องทันทีที่เข้าประตูไป เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนลืมตาตื่นและกำลังจะลุกขึ้นหวังหยวนรีบวิ่งไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของท่านหมอเทวดาอันช่างล้ำเลิศยิ่งนัก เพียงเวลาสั้น ๆ เจ้าก็ฟื้นคืนสติแล้วหรือ?”“อีกทั้งดูเหมือนว่า เจ้าจะดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกว่าสภาพร่างกายของตนดีขึ้น แม้ว่าบริเวณหน้าท้องจะยังเจ็บอยู่บ้าง อีกทั้งร่างกายก็ยังอ่อนแรง แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากยามนี้ก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นว่าอาการดีขึ้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติหวังหยวนประคองนางนั่งลงที่โต๊ะ จากนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของข้าแข็งแรง ท่านไม่เห็นสตรีด้านนอกเหล่านั้นหรือไร แต่ละคนล้วนดูอ่อนแอ จะนำมาเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร?”“ร่างกายของข้าแข็งแรงดั่งวัว ประกอบกับฝีมืออันล้ำเลิศของท่านหมอเทวดาอัน การรักษาให้หายดีก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา”“น่าเสียดาย ร่างกายอันงดงามของข้ากลับมีรอยแผลเป็น นี่ช่างดูไม่น่ามองเอาเสียเลย”“ไม่ได้! เมื่อข้าหาย