หวังหยวนรู้ดีว่าตอนจบเช่นนี้ไม่สามารถแก้ไขได้!ไม่มีอะไรที่ใครทำได้เลย!แผ่นดินถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนย่อมสรุปได้ว่าทั้งสามเสาหลักจะต้องแยกออกจากกัน!เพราะเมื่อเสือทั้งสามตัวต่อสู้กันย่อมไม่กล้าไปไกลเกินไป ต้าเย่ที่เหลืออยู่แม้ว่าจะไม่ใช่เสือที่ดุร้ายนัก แต่หากอยู่ในช่วงพลบค่ำก็ยังไม่อาจประมาทได้!ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน แผ่นดินต้าเย่กลับมามีเสถียรภาพแล้ว!หวังหยวนรู้สึกได้ว่าการปกครองเช่นนี้จะมั่นคงเป็นเวลาอย่างน้อยสามหรือห้าปี!“ตอนนี้เราอยู่ใน... ดินแดนของตระกูลไป๋แล้ว...”หวังหยวนยกยิ้มแต่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะนี่คือสิ่งที่เขาหวังมากที่สุดถ้าเมืองหลิงถูกแยกจากตระกูลเซิ่งก็เกรงว่าตระกูลเซิ่งจะเข้าไปรุกรานเป็นครั้งคราว“ใช่แล้ว ตอนนี้แผ่นดินถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนอย่างสมบูรณ์แล้ว พี่หยวน เราควรทำอย่างไรดี?”ในเวลานี้เกาเล่อถามขึ้นมา“แน่นอนว่าต้องสะสมกำลังไว้ ไม่อย่างนั้นจะทำอย่างไร? เริ่มทำสงครามกับพวกเขาหรือ? เหนื่อยเกินไปหรือไม่”หวังหยวนโบกมือ ไม่มีอะไรที่เขาอยากทำในสถานการณ์นี้สามอาณาจักรนั้นมีเสถียรภาพที่สุดมาโดยตลอด สองฝ่ายถูกยึดเข้ามากันเหมือนแผ่นเหล็ก ไม่มีใครสามาร
ข่าวนี้แพร่ไปยังเมืองหวงด้วยเซียวฉู่ฉู่มีสีหน้าไม่พอใจเมื่อทราบข่าว!“เป็นเรื่องคาดไม่ถึงจริง ๆ ที่ต้าเย่ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน สามารถบอกได้ว่าอาณาจักรเมืองหวงของเราเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก…”เซียวฉู่ฉู่ถอนหายใจ แต่นี่เป็นเพียงผิวเผินเท่านั้น หากหารือกันอย่างงจริงจัง อาณาจักรนี้ก็เกือบจะเหมือนกับหนึ่งในสามอาณาจักรนั้น!เพราะดินแดนทั้งเก้านั้นอุดมสมบูรณ์มาก ดินแดนของพวกเขาเทียบไม่ได้เลย!“ไทเฮา เมื่อต้าเย่แบ่งออกเป็นสามส่วนแล้ว เราจะฉวยโอกาสจับปลาในน้ำขุ่นได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ในเวลานี้อากู่ต๋าถามตามตรง“เราอยู่ใกล้กับอาณาจักรต้าเป่ยของตระกูลไป๋มากที่สุด หากเราร่วมมือกับอาณาจักรต้าอันของตระกูลเซิ่งเพื่อทำงานร่วมกัน เราอาจจะทำลายพวกเขาได้!”เซียวฉู่ฉู่โบกมือหลังจากได้ฟังเช่นนี้ นางส่ายหน้าแล้วพูดว่า “แม้ว่าตระกูลไป๋จะอยู่ใกล้กับเรามากที่สุด แต่ในดินแดนของตระกูลไป๋มีหวังหยวนอยู่ด้วย...”หลังจากได้ฟังเช่นนี้อากู่ต๋าก็พยักหน้าและถอนหายใจเขายังไม่ลืมว่ากองกำลังสองหมื่นนายของหวังหยวนขัดขวางคนของพวกเขาได้อย่างไรหลังจากที่หมานต๋าถูทราบเรื่องนี้ ใบหน้าของเขาก็โกรธแค้นเดิมทีพ
หลังจากที่ไป๋ชิงชางพูดเช่นนั้น ไป๋เจิ้นถังก็สามารถเข้าใจได้ว่าแม้ว่าการก่อตั้งอาณาจักรของตระกูลไป๋จะไม่ราบรื่นและสงบสุขนักในความคิดของผู้คน แต่จากการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายมากเกินไปเพราะเมื่อก่อตั้งอาณาจักรนี้แล้ว พวกเขาจะสามารถดำเนินการหลายเรื่องได้ง่ายขึ้นมาก!สำหรับจิตใจของราษฎรนั้น หากบอกว่าง่ายที่จะพิชิตก็ง่าย หากบอกว่ายากที่จะพิชิตก็ยาก!เพราะแล้วคนเหล่านี้จำเป็นต้องเลี้ยงปากท้องตนเองเปรียบเสมือนต้าเย่เป็นบิดามารดาผู้ให้กำเนิด แต่เมื่ออยู่กับบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ชีวิตของพวกเขากลับแร้นแค้นจนน่าสังเวชตอนนี้พวกเขาอยู่ที่นี่กับพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยง หากพวกเขามีชีวิตที่ดี มีอาหารและเสื้อผ้าที่อบอุ่นเพียงพอ แม้ว่าพวกเขาจะยังผูกพันกับบิดามารดาผู้ให้กำเนิด แต่พวกเขาก็ย่อมรู้ว่าใครดีต่อพวกเขา!หากใจคนรวมกันเป็นหนึ่งได้ บางทีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พวกเขาเคยมีก็อาจจางหายไปในท้ายที่สุดดังนั้นไป๋เจิ้นถังจึงไม่กังวลเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของประชาชนในทั้งสามแคว้น!“ตอนนี้เสาหลักทั้งสามกำลังพัฒนาอยู่ แม้ว่าสถานการณ์นี้จะไม่เป็นประโยชน์ต่อพว
“อีกทั้งหวังหยวนยังมีความสามารถเลิศล้ำ ข้าคิดว่าหากเขาเข้ามาในตระกูลไป๋ของเราก็คงจะดีกว่า และตอนนี้ยังมีโอกาส…”ทันทีที่ได้ฟังเช่นนี้ ไป๋เจิ้นถังก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจในทันใด“เจ้าคิดว่า… เฟยเอ๋อร์หรือ?”ไป๋เจิ้นถังถาม ไป๋ชิงชางได้ฟังแล้วจึงพยักหน้า“ใช่ขอรับท่านพ่อ ความจริงแล้ว... ข้าคิดไว้เช่นนั้น สาเหตุแรกเป็นเพราะผลประโยชน์ส่วนตัว หากน้องสาวกับหวังหยวนอยู่ด้วยกันจริง ๆ ก็ย่อมเป็นประโยชน์กับตระกูลไป๋ของเราขอรับ”“สาเหตุที่สอง... ในโลกนี้มีคนไม่มากนักที่มีอำนาจมากกว่าหวังหยวน ไม่ว่าจะเป็นอู๋หลิง เซิ่งตงฉยง หรือแม้แต่อ๋องหมานอี๋ ข้าก็คิดว่าพวกเขาไม่ดีเท่าหวังหยวน ไม่ต้องพูดถึงว่าท่านพ่อเองก็คงไม่คิดจะให้น้องสาวแต่งงานนอกต้าเป่ย ใช่หรือไม่ขอรับ?”คำพูดของไป๋ชิงชางไม่ได้มาจากมุมมองเพื่อคนตระกูลไป๋ทั้งหมด แต่เป็นมุมมองเพื่อน้องสาวของเขาด้วยหวังหยวนเป็นคนพิเศษมาก น้องสาวของเขาจะไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน หากนางติดตามเขาดังนั้น...ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ก็คงจะดีถ้าตระกูลไป๋และหวังหยวนเป็นทองแผ่นเดียวกันได้ไป๋เจิ้นถังย่อมเข้าใจเรื่องนี้“นั่นก็จริง เช่นนั้น...
รอยยิ้มจางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของไป๋ชิงชางเขามองไป๋เฟยเฟยด้วยสายตาจริงจังแล้วถามว่า “น้องสาว เจ้าไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าควรจะแต่งงานแล้ว”สีหน้าของไป๋เฟยเฟยเปลี่ยนเป็นลังเลทันทีที่ได้ฟังดังนั้นไป๋ชิงชางแสร้งทำเป็นไม่เห็น เขามองไป๋เฟยเฟยด้วยรอยยิ้มแล้วถามเบา ๆ“น้องสาว ช่วงนี้เจ้าได้ติดต่อกับผู้ชายไม่กี่คน คนเดียวที่มีความสามารถเทียบเท่าเจ้าก็คือ เซิ่งตงฉยง จากตระกูลเซิ่ง”“น่าเสียดายที่เขามาจากตระกูลเซิ่ง เจ้าทั้งสองจึงไม่ได้ถูกลิชิตให้คู่กัน”เมื่อได้ฟังเช่นนั้น สีหน้าของไป๋เฟยเฟยก็กลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันทีนางส่ายหน้าโดยไม่ลังเลแล้วกล่าวว่า “พี่ใหญ่ เซิ่งตงฉยงแข็งแกร่งมากจริง ๆ และความสามารถของเขาในการนำทัพยามเกิดศึกสงครามก็ไม่เลว แต่ถ้าข้าต้องต่อสู้กับเขาจริง ๆ ข้าคงไม่แพ้เขาหรอก”ไป๋เฟยเฟยมีสีหน้าภาคภูมิใจมาก ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ตระกูลเซิ่งเป็นคู่ต่อสู้ของพวกนางด้วย แม้ว่าเมื่อก่อนจะไม่ใช่ แต่นางก็ไม่กลัวเลย!นางรู้ดีว่าคนอย่างเซิ่งตงฉยงเจ้าเล่ห์เพทุบายและมีไหวพริบ คนเช่นนี้จะเข้ากับนางได้ดีได้อย่างไร?เมื่อเห็นความมุ่งมั่นบนใบหน้าของไป๋เฟยเฟย ราวกับว่านาง
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นหัวใจของไป๋เฟยเฟยก็เต้นแรงทันทีไม่รู้ว่าเหตุใดเมื่อนางได้ยินพี่ชายพูดเช่นนั้น ใบหน้าของหวังหยวนจึงปรากฏขึ้นในใจของนางช่างแปลกประหลาดนัก นี่มันเกิดอะไรขึ้น...นางหลงรักหวังหยวนเข้าแล้วหรือเปล่า?เมื่อตระหนักได้ดังนั้น นางก็รู้สึกตื่นตระหนก จนทำให้สีหน้านางดูไม่เป็นธรรมชาติเลยใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความเขินอาย สีหน้ากลับกลายเป็นลังเล และไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้เป็นเวลานานไป๋ชิงชางเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาถามอย่างสงสัย “น้องสาว เจ้าคิดอย่างไรกับหวังหยวน?”หัวใจของไป๋เฟยเฟยเริ่มเต้นอย่างประหม่าทันทีหลังจากได้ยินคำถามของพี่ชาย นางหายใจถี่ขึ้นมากขณะพยายามจะสงบสติอารมณ์อย่างหนัก จากนั้นตอบกลับไปว่า “พี่ใหญ่ หวังหยวนมีภรรยาตั้งสามคนแล้ว”“ข้า... ข้าจะไม่แต่งงานกับเขาหรอกเจ้าค่ะ”เมื่อพูดออกไปได้ครึ่งประโยค ไป๋เฟยเฟยกลับรู้สึกค่อนข้างหงุดหงิดก่อนที่พี่ชายจะทันได้เอ่ยออกมา นางก็ชิงพูดก่อนว่าจะไม่แต่งงานกับเขา แต่ความจริงดูเหมือนนางจะร้อนใจจนแทบทนรอไม่ไหวแล้ว...เมื่อไป๋ชิงชางได้ฟังเช่นนั้น จึงเข้าใจทันทีว่าน้องสาวของเขากำลังคิดอะไรอยู่เขาจึงยกยิ้มและ
ไป๋ชิงชางเก่งถนัดเรื่องการเกลี้ยกล่อมทีละขั้น เขาพูดโน้มน้าวด้วยรอยยิ้ม “เฟยเฟย หากเจ้าพลาดคนอย่างหวังหยวนไป ในอาคตการที่เจ้าจะได้เจอคนเช่นเขาอีกคงยากน่าดู”“หากเจ้าหลงรักเขาจริง ๆ เจ้าควรจะรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ให้เร็วที่สุด!”ไป๋ชิงชางตบหลังมือไป๋เฟยเฟยแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้เจ้าถึงวัยที่จะแต่งงานแล้ว หากเจ้ามัวลังเลเรื่องนี้อยู่ เมื่อเจ้าอายุมากขึ้น เจ้าจะยอมแต่งงานกับคนที่เจ้าไม่ได้ชอบหรือเปล่า? เมื่อไป๋เฟยเฟยได้ฟังเช่นนั้นก็ยิ่งมีสีหน้าลังเลทันทีสิ่งที่พี่ชายของนางพูดนั้นถูกต้องจริง ๆ ในโลกนี้คนที่มีความสามารถเทียบเทียมกับนางได้อันดับหนึ่งคือหวังหยวนเท่านั้น ไม่มีใครกล้าพูดว่าเขาเป็นอันดับสอง!พวกเซิ่งตงฉยง อู๋หลิง และแม้แต่หมานต๋าถูผู้เป็นอ๋องหมานอี๋ก็ไม่อาจเทียบหวังหยวนได้แม้แต่ปลายเล็บ!นางจึงไม่ได้สนใจจะชายตามองพวกเขาเลย!ต้องเป็นหวังหยวนเท่านั้น...เขาเปิดเส้นทางการค้า ช่วยเหลือต้าเย่และมีความรอบรู้มาก แม้ว่าเขาจะเต็มไปด้วยกลอุบายอันแยบยล แต่เขาก็ยังคงมีจิตใจอบอุ่นและมีเมตตา!นี่คือสิ่งที่ทั้งสามคนนั้นไม่มีเลย และยังถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในตัวหวังหยวนด้วย!เมื่
เพราะช่วงนี้หวังหยวนผ่อนคลายมากขึ้นจริง ๆ เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ประหนึ่งว่าวางมือกับทุกเรื่องพวกนางก็ไม่ได้รู้สึกเคร่งเครียด หากไม่มีอะไรทำ ก็ดูเขากับนางเถียงกันก็สนุกแล้วแน่นอนว่าหวงเจียวเจียวนั้นพูดหยอกล้อช่วงเวลานี้บรรยากาศผ่อนคลายกว่าเดิมมาก แต่ในช่วงก่อนหน้านี้ นางรู้ว่าสามีของนางทำงานหนักมาโดยตลอดเมื่อเห็นเขาพักผ่อนบ้าง ก็หวังว่าเขาจะได้เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาอันแสนสบายนี้เพราะสุดท้ายก็ไม่รู้ว่าวันเวลาเช่นนี้จะคงอยู่ได้นานเพียงใด เพราะบางทีพรุ่งนี้แผ่นดินอาจจะกลับมาวุ่นวายอีกครั้งก็เป็นได้หวังหยวนพูดด้วยความหงุดหงิด “ข้าอ้วนขึ้นแล้วจะอย่างไร? อย่างแย่ที่สุดก็แค่ลดน้ำหนัก”“ชาของข้าเย็นหมดแล้ว มาเลย... หยิบกาน้ำชามาให้ข้าหน่อย”หวังหยวนพูดขณะไม่ได้ลืมตาเมื่อสตรีทั้งสามได้ฟังเช่นนั้น ต่างก็มองหน้ากันแล้วแสร้งทำเป็นไม่สนใจเขาหลังจากรอมานานแล้วก็ยังไม่ได้กาน้ำชา หวังหยวนจึงลืมตาขึ้น แล้วเห็นหญิงสาวทั้งสามกำลังนั่งยิ้มอยู่ เขาจึงนึกโกรธขึ้นมา“เอาล่ะ พวกเจ้าสามคนรวมหัวกันแกล้งข้าหรือ?”“เมื่อกี้ใครบอกว่าข้าอ้วน? เจียวเจียว หากเจ้ายังไม่ไปหยิบกาน้ำชาให้ข้า คืนนี้ข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย