ไป๋ชิงชางเก่งถนัดเรื่องการเกลี้ยกล่อมทีละขั้น เขาพูดโน้มน้าวด้วยรอยยิ้ม “เฟยเฟย หากเจ้าพลาดคนอย่างหวังหยวนไป ในอาคตการที่เจ้าจะได้เจอคนเช่นเขาอีกคงยากน่าดู”“หากเจ้าหลงรักเขาจริง ๆ เจ้าควรจะรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ให้เร็วที่สุด!”ไป๋ชิงชางตบหลังมือไป๋เฟยเฟยแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้เจ้าถึงวัยที่จะแต่งงานแล้ว หากเจ้ามัวลังเลเรื่องนี้อยู่ เมื่อเจ้าอายุมากขึ้น เจ้าจะยอมแต่งงานกับคนที่เจ้าไม่ได้ชอบหรือเปล่า? เมื่อไป๋เฟยเฟยได้ฟังเช่นนั้นก็ยิ่งมีสีหน้าลังเลทันทีสิ่งที่พี่ชายของนางพูดนั้นถูกต้องจริง ๆ ในโลกนี้คนที่มีความสามารถเทียบเทียมกับนางได้อันดับหนึ่งคือหวังหยวนเท่านั้น ไม่มีใครกล้าพูดว่าเขาเป็นอันดับสอง!พวกเซิ่งตงฉยง อู๋หลิง และแม้แต่หมานต๋าถูผู้เป็นอ๋องหมานอี๋ก็ไม่อาจเทียบหวังหยวนได้แม้แต่ปลายเล็บ!นางจึงไม่ได้สนใจจะชายตามองพวกเขาเลย!ต้องเป็นหวังหยวนเท่านั้น...เขาเปิดเส้นทางการค้า ช่วยเหลือต้าเย่และมีความรอบรู้มาก แม้ว่าเขาจะเต็มไปด้วยกลอุบายอันแยบยล แต่เขาก็ยังคงมีจิตใจอบอุ่นและมีเมตตา!นี่คือสิ่งที่ทั้งสามคนนั้นไม่มีเลย และยังถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดในตัวหวังหยวนด้วย!เมื่
เพราะช่วงนี้หวังหยวนผ่อนคลายมากขึ้นจริง ๆ เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ประหนึ่งว่าวางมือกับทุกเรื่องพวกนางก็ไม่ได้รู้สึกเคร่งเครียด หากไม่มีอะไรทำ ก็ดูเขากับนางเถียงกันก็สนุกแล้วแน่นอนว่าหวงเจียวเจียวนั้นพูดหยอกล้อช่วงเวลานี้บรรยากาศผ่อนคลายกว่าเดิมมาก แต่ในช่วงก่อนหน้านี้ นางรู้ว่าสามีของนางทำงานหนักมาโดยตลอดเมื่อเห็นเขาพักผ่อนบ้าง ก็หวังว่าเขาจะได้เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาอันแสนสบายนี้เพราะสุดท้ายก็ไม่รู้ว่าวันเวลาเช่นนี้จะคงอยู่ได้นานเพียงใด เพราะบางทีพรุ่งนี้แผ่นดินอาจจะกลับมาวุ่นวายอีกครั้งก็เป็นได้หวังหยวนพูดด้วยความหงุดหงิด “ข้าอ้วนขึ้นแล้วจะอย่างไร? อย่างแย่ที่สุดก็แค่ลดน้ำหนัก”“ชาของข้าเย็นหมดแล้ว มาเลย... หยิบกาน้ำชามาให้ข้าหน่อย”หวังหยวนพูดขณะไม่ได้ลืมตาเมื่อสตรีทั้งสามได้ฟังเช่นนั้น ต่างก็มองหน้ากันแล้วแสร้งทำเป็นไม่สนใจเขาหลังจากรอมานานแล้วก็ยังไม่ได้กาน้ำชา หวังหยวนจึงลืมตาขึ้น แล้วเห็นหญิงสาวทั้งสามกำลังนั่งยิ้มอยู่ เขาจึงนึกโกรธขึ้นมา“เอาล่ะ พวกเจ้าสามคนรวมหัวกันแกล้งข้าหรือ?”“เมื่อกี้ใครบอกว่าข้าอ้วน? เจียวเจียว หากเจ้ายังไม่ไปหยิบกาน้ำชาให้ข้า คืนนี้ข้
หลี่ซื่อหานกำลังตั้งครรภ์ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้หวังหยวนมีความสุขที่สุด!สตรีทั้งสามก็มีความสุขมากเพราะเรื่องเช่นนี้แต่หวงเจียวเจียวและหูเมิ่งอิ๋งต่างก็อิจฉาหญิงสาวทั้งสองหรี่ตามองหน้ากัน แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดพร้อมกัน“สามี คืนนี้ไปนอนห้องข้าเถิด!”หวังหยวนตกตะลึงเมื่อได้ฟังเช่นนั้น“เอ๊ะ? พวกเจ้าไม่ได้บอกว่าข้ารังแกพวกเจ้าหรอกหรือ?”เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หวงเจียวเจียวและหูเมิ่งอิ๋งต่างก็หน้าแดงหวงเจียวเจียวกล่าวว่า “สามีชอบรังแกจริง ๆ แต่... แต่ข้าเองก็อยากมีลูกให้สามีด้วย”“อืม... ข้าก็เหมือนกัน... แม้ว่าสามีจะรังแกเก่งเกินไป แต่... แต่... พวกเราก็ยังอยากมีลูกให้ท่าน…”หูเมิ่งอิ๋งก็เขินอายจนหน้าแดงเช่นกันหวังหยวนหัวเราะ ผู้หญิงในยุคนี้ทุกคนคิดว่าต้องให้กำเนิดลูกผู้ชายเพื่อแสดงความรักต่อสามีอันที่จริงมุมมองเช่นนี้ไม่ถูกต้องนักเพราะการคลอดบุตรไม่ใช่สิ่งเดียวที่ผู้หญิงสามารถทำได้!แม้ว่าเขาจะชอบเด็ก แต่การมีลูกไม่ใช่วิธีเดียวที่จะแสดงความรัก!และหวังหยวนไม่ต้องการให้พวกนางพิสูจน์ว่าพวกนางรักเขามากแค่ไหนด้วยการทำเช่นนี้!เพราะท้ายที่สุดแล้วการคลอดบุตรก็คือการเฉียดตายห
พวกนางไม่คาดคิดว่าความรักของหวังหยวนที่มีต่อพวกนางจะลึกซึ้งถึงเพียงนี้!คิดดูสิว่าผู้ชายคนไหนไม่อยากมีลูกบ้าง!แม้แต่ผู้หญิงที่ไม่มีบุตรชายก็ยังไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้เต็มที่เลย!นี่เป็นขนบธรรมเนียม เป็นสิ่งที่จารึกไว้ในกระดูกของพวกนางและในหัวใจของผู้หญิงทุกคน!แต่คำพูดของหวังหยวนทำให้ปมของพวกนางคลายลงเล็กน้อย“ดังนั้นการมีลูกจึงเป็นทางเลือก พวกเจ้าต้องไม่คิดว่าการให้กำเนิดลูกให้ข้านั้นเป็นการแสดงออกถึงความรักที่เจ้ามีต่อข้า เพราะความจริงมันไม่ใช่เช่นนี้หรอก”“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ใช่ผู้หญิง แต่ข้าเข้าใจผู้หญิง ความจริงแล้วผู้หญิงหลายคนกลัวการคลอดบุตรมาก สุดท้ายผู้หญิงก็ต้องคลอดบุตร ซึ่งเป็นประสบการณ์เฉียดตายที่อันตรายอย่างยิ่ง”“แต่ก็แน่นอนว่ายังมีผู้หญิงที่ชอบเด็กมากและอยากมีลูก ทุกคนล้วนมีสถานการณ์เป็นของตัวเอง อย่าทำตามคนอื่นโดยขัดกับความตั้งใจที่แท้จริงของตนเอง”“และลูกก็คือสิ่งที่สวรรค์ประทานลงมาให้ หากไม่มีก็ไม่เป็นอะไร อย่ากดดันตัวเอง และอย่ารู้สึกผิดกับข้าด้วย”“ตราบใดที่พวกเจ้ามีความสุข ก็ถือว่าเป็นคนที่มีค่าสำหรับข้ามากที่สุดอยู่แล้ว ข้าหวังว่าจะแก่เฒ่าไปพร้อมกับพวกเจ้า
ไป๋เฟยเฟยคิดอยู่พักหนึ่งแล้วตอบว่า “ข้า... ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย”ไป๋ชิงชางจึงหัวเราะและมีความคิดหนึ่งอยู่ในใจในไม่ช้าทั้งสองก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านต้าหวังแล้วหวังหยวนยังคงมีรอยยิ้ม เพราะเขาไม่จำเป็นต้องคิดมากเลยเมื่อมีคนจากตระกูลไป๋มาหา“มีคนตระกูลไป๋มาเยี่ยม สามี คิดว่าสาเหตุที่มาคืออะไรหรือ?”สตรีทั้งสามอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย“แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องความร่วมมือกัน หากตระกูลไป๋จะโจมตีพวกเรา จะพาคนมาเพียงไม่กี่คนเช่นนี้ได้อย่างไร?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ สตรีทั้งสามคนก็ไม่ปฏิเสธว่าแต่...จะให้ร่วมมือกันทำอะไร?เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาจะให้ช่วยโจมตีต้าอันและต้าเย่?“ไปทักทายเขากันเถอะ”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วพาสตรีทั้งสามไปยังทางเข้าหมู่บ้านไม่นานหลังจากนั้นก็พบกลุ่มของไป๋เฟยเฟยเมื่อสองพี่น้องออกมาคราวนี้ไม่ได้พาผู้ติดตามมามากนัก มีเพียงสามหรือห้าคนเท่านั้น แต่ทุกคนล้วนเป็นปรมาจารย์ชั้นยอด!ไป๋เฟยเฟยไม่ค่อยสบายใจเมื่อเห็นหวังหยวน เพราะพี่ชายของนางเพิ่งพูดคุยเรื่องต่าง ๆ ของหวังหยวนกับนางไป นางจึงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อพบเขาแต่นางยังคงรีบเอ่ยทั
ที่นี่...เป็นแค่หมู่บ้านจริงหรือ?เขาถึงกับตกตะลึง!หมู่บ้านนี้จะหรูหราเกินไปหน่อยหรือไม่?ดูเหมือนว่าหมู่บ้านอื่นจะดูเสื่อมโทรมไปทันทีหากนำมาเทียบกัน ไม่ต้องพูดถึงทิวทัศน์ในหมู่บ้านนี้เลย เพราะเพียงแค่บ้านที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ทั้งหมด ก็ล้วนแต่เป็นบ้านหลังใหญ่ที่เป็นระเบียบ!และบ้านหลังใหญ่ทุกหลังยังมีหน้าต่างที่ทำจากแก้วด้วย!นี่มัน...นี่มันราคาเท่าไหร่กัน!ความจริงแล้วเมื่อหวังหยวนวางแผนสร้างหมู่บ้านต้าหวัง เขาวางแผนตามพื้นที่บ้านพักชานเมือง จึงทำให้ดูเป็นธรรมชาติและสวยงามเป็นระเบียบ!บ้านทุกหลังมีสวนหย่อมขนาดเล็กและต้นไม้ต้นเล็กอยู่หน้าบ้าน และถนนหน้าบ้านทุกหลังก็สะอาดสะอ้านด้วย!ส่วนทิวทัศน์ในหมู่บ้านนั้น ทั้งนาข้าวและทุ่งข้าวสาลีถูกปลูกขึ้นมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย!ดูแล้วเพลิดเพลินตา แถมยังให้ความรู้สึกเหมือนสวนสมัยใหม่อีกด้วย!สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุด คือกลิ่นที่โชยอยู่ในหมู่บ้าน คือกลิ่นบางอย่างที่หอมเหมือนดอกไม้ ไม่เหมือนหมู่บ้านชนบทอื่นที่มีกลิ่นคล้ายมูลไก่และมูลเป็ดโชยไปทั่ว“หมู่... หมู่บ้านนี้ได้รับการดูแลอย่างดี!”ไป๋ชิงชางตกใจมาก แม้ว่าไป๋เฟยเฟยจะเคยม
ทุกสิ่งที่ได้รับรู้ผ่านทางสายตา ทำให้ไป๋ชิงชางตกตะลึง!เขาอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าและพูดด้วยความประหลาดใจ “คุณชายหวัง ท่านเป็นคนแปลกจริง ๆ การก่อสร้างที่นี่เหมือนแดนสวรรค์ ทำให้ข้าตกใจมาก!”เมื่อไป๋ชิงชางมาที่นี่ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะได้เห็นบ้านเรือนรูปทรงเช่นนี้ที่นี่ รวมไปถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ที่ไม่เหมือนที่ใดด้วยหวังหยวนคิดวิธีการเช่นนี้ได้อย่างไร เขาเป็นคนแปลกอะไรเช่นนี้!และตัวอาคารที่นี่ก็สวยงามมากเสียจนพระราชวังเทียบไม่ได้เลย...“พี่ไป๋ วันนี้ท่านมาหาข้าด้วยเหตุอะไรหรือ?”หวังหยวนเชิญให้ไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยนั่งลงก่อน จากนั้นมองทั้งสองคนแล้วถามด้วยความสงสัยจู่ ๆ คำถามนี้ก็ทำให้ไป๋ชิงชางกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง หลังจากนิ่งอึ้งไปนานจากนั้นรีบพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “คุณชายหวัง วันนี้ข้ามาหาท่าน ก็เพื่อมอบของขวัญอย่างหนึ่งให้ท่าน!”เขาชี้ไปยังม้าที่ไป๋เฟยเฟยกำลังจูงอยู่ แล้วพูดอย่างสุภาพ “นี่คือม้าเหงื่อโลหิตที่ข้าเลือกมาให้ท่านเป็นพิเศษ มันสามารถเดินทางไกลได้หลายพันลี้ภายในหนึ่งวัน โดยไม่ต้องหยุดพัก!”น้ำเสียงของเขาขณะพูดบ่งบอกว่ากำลังอึดอัดเล
ไป๋ชิงชางรับปิ้งย่างไม้นั้นมาถือไว้ด้วยสีหน้าค่อนข้างลังเลอันตราย อันตรายเกินไป!แต่ไป๋เฟยเฟยที่นั่งอยู่ข้างเขากลับไม่ได้คิดมากเลย เพราะนางเคยกินสิ่งนี้มานานแล้ว นางจึงชินกับมันแล้ว นางหยิบปิ้งย่างไม้หนึ่งขึ้นมา แล้วเริ่มกินทันทีไป๋ชิงชางเห็นดังนั้นจึงคลายความระแวง แล้วเริ่มกินปิ้งย่างเสียบไม้“อร่อยมาก!”ไป๋ชิงชางกินเข้าไปเยอะมาก และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ!เขามองหวังหยวนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วพูดขณะยิ้ม “ฮ่าฮ่า คุณชายหวัง คนเช่นท่านนั้นหาได้ยากจริง ๆ ในโลกนี้!”“ข้า ไป๋ชิงชาง และตระกูลไป๋โชคดีจริง ๆ ที่ได้รู้จักท่าน!”“ฮ่าฮ่า พี่ไป๋ชมกันเกินไปแล้ว”หวังหยวนมองไป๋ชิงชางด้วยรอยยิ้ม แล้วยื่นถุงกระดาษใบหนึ่งให้เขา“คุณชายหวัง สิ่งนี้คืออะไร?”ไป๋ชิงชางเปิดมันออกดูด้วยความสงสัย แล้วพบว่ามันคือวัตถุทรงสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่แต่ละก้อนห่อไว้ด้วยกระดาษน้ำมันสิ่งนั้นเป็นก้อนเล็กที่มีสีแดงสด น่าจะทำมาจากส่วนผสมมากมายที่มีกลิ่นหอม“นี่คือเครื่องเทศปรุงรสสำเร็จรูปสำหรับหม้อไฟ”หวังหยวนชี้ไปยังหม้อไฟที่กำลังเดือดแล้วอธิบายด้วยรอยยิ้ม “หลังจากที่ท่านกลับไปแล้ว ท่านก็ยังสามารถกินมันได้ต