ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลไป๋นี้ยังคงเป็นตระกูลที่ไป๋เหยียนเฟยเติบโตขึ้นมา นางจะสามารถทำลงคอได้จริงหรือ?ไป๋เหยียนเฟยหัวเราะ ขณะน้ำตาไหลอาบแก้ม“ข้าไม่ได้อยากตัดสินใจทำเช่นนี้เลย แต่เจ้าต้องการให้ข้าละทิ้งต้าเย่ไปหรือ? ความจริงข้าสามารถทำได้”“มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการแบกคนไร้ความสามารถไว้บนหลัง มันไม่สำคัญสำหรับข้า อย่างน้อยถ้าปล่อยให้แผ่นดินเป็นหน้าที่ของตระกูลไป๋ ทั้งข้าและชางเอ๋อร์ก็ยังสามารถมีชีวิตที่ปลอดภัยได้”“แต่ข้าสัญญากับฮ่องเต้ผู้ล่วงลับไปแล้วว่าจะปกป้องต้าเย่ของตระกูลจี ข้าไม่อาจผิดสัญญาได้!”“ถ้าเจ้าเต็มใจจะช่วยข้า ข้าก็ขอขอบคุณจากใจจริง”“แต่ถ้าเจ้าไม่เต็มใจจะช่วยข้า ข้าก็จะไม่เสียใจ”ไป๋เหยียนเฟยมองอู๋หลิงแล้วพูดตามตรง หลังจากพูดเช่นนี้ อู๋หลิงก็ถอนหายใจ ครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะพยักหน้า“เรื่องนี้… กระหม่อมจะจัดการเอง”อู๋หลิงตอบ เขาไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธไม่เพียงแต่เพื่อความมั่นคงของแผ่นดินเท่านั้น แต่ยังเพื่อความไว้วางใจของบิดาของเขาด้วยอู๋หลิงจึงเห็นด้วย แม้ว่าจะมีความละอายใจมากก็ตามในขณะนี้ เมื่อไป๋เจิ้นถังออกจากวังหลวง และกลับมายังจวนตระกูลไป๋ เขาก็กำลังนึกถึงเรื
เมื่อไป๋เฟยเฟยนึกถึงหวังหยวน รอยยิ้มจางพลันปรากฏบนใบหน้า นัยน์ตาฉายแววสนุกสนานไป๋เจิ้นถังได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก หวังหยวนกำลังจะโจมตีเซิ่งตงฉยง ขณะที่ฝ่ายเราเองก็กำลังจะเริ่มดำเนินการกับตระกูลเซิ่ง”ไป๋เฟยเฟยตกใจเมื่อได้ยินเช่นนี้“ท่านพ่อ ท่านจะให้พี่ชายลงมือหรือเจ้าคะ?”ไป๋เจิ้นถังส่ายหน้าทันที “ไม่ พ่อยังไม่อยากเปิดเผยพลังของพี่ชายของเจ้า หากเซิ่งตงฉยงถูกหวังหยวนแทรกแซง จะไม่มีกองกำลังพร้อมรบประจำในสามแคว้นของตระกูลเซิ่ง”“ตราบใดที่เรามีทหารม้าห้าหมื่นนาย เราก็สามารถกวาดล้างตระกูลเซิ่งได้”“ติดต่ออาของเจ้า บอกให้นางขอความช่วยเหลือจากอู๋หลิงอย่างเต็มที่ ส่วนฝ่ายเราจะเริ่มดำเนินการอย่างลับ ๆ เข้าโจมตีตระกูลเซิ่งจากทั้งสองทาง!”ไป๋เจิ้นถังพูดเสียงดังด้วยสีหน้าเย็นชาแม้แต่เซิ่งฟางสี่ก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะเคลื่อนไหวในตอนนี้!ในเวลาเดียวกัน หวังหยวนก็ตั้งรกรากอยู่ในเมืองหยาง พวกเขามีเพียงสิบคนเท่านั้น การซ่อนตัวอยู่ในเมืองหยางอันกว้างใหญ่แห่งนี้จึงเป็นเรื่องง่ายสิ่งแรกที่หวังหยวนทำ คือการใช้นกพิราบสื่อสารส่งจดหมายถึงหมานต๋าถูเนื่องจากเขาต้องกา
พูดตามตรงคือ...มันมากเกินไปแล้ว!สิ่งที่หมานต๋าถูเกลียดที่สุดคือตระกูลเซิ่ง!ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องยึดดินแดน เขาคงอยากจะนำทัพทหารม้าหมานอี๋ทั้งหมดไปสังหารตระกูลเซิ่ง!ฆ่าล้างบางให้หมด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต!“สั่งการให้เอ้อร์ฮานำทหารม้าห้าหมื่นนายไปซุ่มโจมตีชายแดน เพื่อรอเข้าร่วมกองกำลังของหวังหยวน!”หมานต๋าถูออกคำสั่งทันที หลังจากนั้น กองทัพหมานอี๋ห้าหมื่นนายก็เริ่มเคลื่อนตัวไปยังชายแดนเมืองสู่!ซึ่งทางฝ่ายเซิ่งตงฉยงก็ทราบข่าวนี้แล้ว“คุณชายใหญ่ หมานอี๋ได้ยกทัพมาแล้ว มีกันห้าหมื่นคน อาจบุกโจมตีเมืองสู่ของเราขอรับ!”หลังจากที่ไส้ศึกมารายงานข่าว แม่ทัพหลายคนในกระโจมใหญ่ก็เริ่มพูดกันทีละคน“คุณชายใหญ่ หมานอี๋ตั้งใจแน่วแน่มากจนกล้ายกทัพมาบุกเมืองสู่!”“ใช่ขอรับ คุณชายใหญ่ กองทัพสามหมื่นนายของพวกเรา สามารถสังหารทหารทั้งห้าหมื่นนายของฝ่ายเขาได้แน่นอน!”เหล่าแม่ทัพไม่เกรงกลัวเลย!แต่กลับยิ่งมีความฮึกเหิมในการต่อสู้มากขึ้น!ด้วยการกระทำเช่นนี้ คงคาดหวังว่าจะสามารถกวาดล้างตระกูลเซิ่งทั้งหมดได้!เมื่อได้ฟังแล้ว เซิ่งตงฉยงก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าเข้าใจสิ่งที่พวกเจ้าพูด ไม่ต้อง
ณ ชายแดนเมืองสู่เซิ่งตงฉยงนำกองทหารม้าสามหมื่นนายมาตั้งค่ายรวมตัวกันที่นี่ในเวลานี้ เอ้อร์ฮาฝั่งตรงข้ามก็ทราบข่าวแล้วว่าเซิ่งตงฉยงกำลังตั้งค่ายที่นี่ขณะนี้ใบหน้าของรองขุนพลที่อยู่ข้างกายเอ้อร์ฮาก็เคร่งเครียดทันที จากนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เซิ่งตงฉยงผู้นี้กล้ามาตั้งค่ายที่นี่จริง ๆ!”ความกังวลและความสับสนปรากฏบนใบหน้าของเขา เขามองเอ้อร์ฮาอย่าร้อนรน แล้วพูดอย่างกังวล “เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดีขอรับ เซิ่งตงฉยงนำทหารม้ามาสามหมื่นนาย มีคนมากมายจนเราไม่มีทางเอาชนะพวกเขาได้...”เมื่อเห็นรองขุนพลที่ตื่นตระหนก และมีร่องรอยของความสับสนในดวงตา เอ้อร์ฮาก็ยกยิ้มจางพลางโบกมือเบา ๆ แล้วพูดว่า “ฮ่าฮ่า ไม่มีปัญหาหรอก!”“ชายที่ชื่อเซิ่งตงฉยงคนนั้น ถ้าเขากล้าบุกมาที่นี่ เขาจะต้องตายแน่นอน!”“เอ๊ะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของรองขุนพลของเอ้อร์ฮาก็ฉายแววประหลาดใจสายตาเขาบ่งบอกว่าลังเล ก่อนจะถามด้วยความสับสน “เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้เล่าขอรับ?”ใบหน้าของเอ้อร์ฮาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่แยแส ขณะพูดด้วยรอยยิ้ม “เพราะจุดประสงค์ของข้าคือการล่อพวกเขามาที่นี่”“หากพวกเขากล้าบุกเข้
เมื่อเซิ่งตงฉยงได้ยินเช่นนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นระเบิดเสียงหัวเราะทันทีนัยน์ตาเขาฉายแววเย่อหยิ่ง หัวเราะเสร็จก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ฮ่าฮ่า เจ้ายังกล้าพูดเช่นนั้นกับข้าอีก ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ”สายตาของเซิ่งตงฉยงเต็มไปด้วยความดูหมิ่นและการเสียดสี เขาถามอย่างเหน็บแนม “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าครั้งที่แล้วข้าเอาชนะเจ้าได้อย่างไร?”ทันทีที่ได้ยินเซิ่งตงฉยงพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว ใบหน้าของเอ้อร์ฮาก็กลายเป็นเคร่งเครียดอย่างมากดวงตาของเขาฉายแววมืดมน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ครั้งที่แล้วมันเป็นเพียงเพราะโชคของเจ้าเท่านั้น”“เจ้าคิดว่าเจ้ามีโอกาสโชคดีเช่นนั้นได้ทุกครั้งหรือ?”ดวงตาของเซิ่งตงฉยงฉายแววดุร้าย เขากำหมัดแน่น มีสีหน้าดุดันขณะพูดเย้ย “ครั้งสุดท้ายข้าได้ไว้ชีวิตเจ้า แต่เจ้ากลับไม่รีบหนีกลับไปอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ทว่ายังกล้ารนหาที่ตายที่นี่อีกงั้นหรือ?”“ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว หากเจ้ารนหาที่ตายเองเช่นนี้ จงอย่าโทษข้าว่าไร้ความปรานีกับเจ้าก็แล้วกัน!”ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงโหดเหี้ยมมาก สายตาเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี
ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงเต็มไปด้วยความโกรธ ขณะนี้เขารู้สึกว่าเขาหงุดหงิดเพราะเจ้าเด็กชื่อเอ้อร์ฮาคนนี้มาก เขาอยากจะจับตัวอีกฝ่ายมาถลกหนังทั้งเป็น แล้วกรีดเลือดออกมาดื่ม และทรมานเขาให้ตายอย่างโหดเหี้ยม!ทันใดนั้นใบหน้าของเอ้อร์ฮาก็จริงจัง เขาขมวดคิ้วพูดอย่างมีเลศนัย “หากสู้กันจริง เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้หรอก เจ้าแค่รนหาที่ตายที่นี่เท่านั้น”“บอกเลยว่าด้วยทหารห้าหมื่นคนของเจ้านั้น แม้ว่าจะมีมาเพิ่มอีกห้าหมื่นคน เจ้าก็ยังไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี หากข้าต้องการสังหารเจ้า มันเป็นเรื่องง่ายที่ไม่ต้องใช้ความพยายามเลย!”คำพูดของเอ้อร์ฮาทำให้ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงมืดมนกว่าเดิมใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจจนถึงกับตะคอกว่า “เจ้าหนู จะตะโกนอยู่ที่นี่อีกนานเพียงใด?”“ตัวเจ้าเองมีความสามารถระดับใด เจ้าไม่รู้ตัวหรือ มายืนพูดเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ให้เสียเวลาจะมีประโยชน์อะไร?”ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงมีรอยยิ้มเย็นชาน่าสะพรึงกลัว ดวงตาของเขาดูมืดมน ขณะกล่าวว่า “ถ้าเจ้ามีความสามารถจริง วันนี้เจ้าจะต่อสู้กับข้าอีกครั้งหรือไม่?”“วันนี้ลองดูอีกครั้ง ถ้าเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้จริง ๆ ก็ยังไม่สายเกินไปที
หลังจากนั้นทันที เซิ่งตงฉยงก็รีบนำทัพของเขากลับไปยังค่ายที่กองทัพประจำการอยู่แผนการของเซิ่งตงฉยงล้มเหลว หัวของเอ้อร์ฮายังไม่หลุดออกจากบ่า และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ!เขากลับไปยังกระโจมด้วยความโกรธ สีหน้าหงุดหงิดมาก!ขณะนี้เขาอดไม่ได้ที่จะทุบโต๊ะ แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าบ้าเอ้อร์ฮานี่ ถ้าข้ารู้ก่อนหน้านี้ ข้าไม่ควรเชื่อสิ่งที่เขาพูด!”“คำพูดที่ออกมาจากปากของเจ้าสารเลวคนนี้ ไม่มีคำใดเป็นความจริงเลย!”หลังจากพูดจบ ความโกรธบนใบหน้าของเซิ่งตงฉยงยังไม่ทันจางหายไป เขาก็ได้ยินเสียงทหารคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาเขารีบเปิดม่านวิ่งเข้ามาในกระโจม แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเซิ่งตงฉยงโดยไม่เอ่ยคำใดสักคำเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงก็เคร่งเครียดทันทีนัยน์ตาฉายแววเคร่งขรึม ขณะถามด้วยน้ำเสียงดุดัน “มีอะไรเกิดขึ้น?”ใบหน้าของทหารคนนั้นเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เขาลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นพูดขณะตัวสั่นเทา “ใต้เท้าเซิ่ง เอ้อร์ฮาอยู่ข้างนอกขอรับ เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับกองทัพทหารม้าของเขาขอรับ!”เมื่อได้ยินประโยคนี้ ดวงตาของเซิ่งตงฉยงก็บ่งบอกว่า เขากำลังจริงจังและหยิ่งผยองขณะนี
เซิ่งตงฉยงสะบัดชายเสื้อคลุมเดินออกไปจากกระโจมอย่างรวดเร็ว เขาพาทหารทุกคนไปที่ประตูค่ายทันที แน่นอนว่าทันทีที่ไปถึง เขาได้เห็นหน้าเอ้อร์ฮาที่กำลังตะโกนยั่วยุ “ฮ่าฮ่าฮ่า เซิ่งตงฉยง เจ้ามันเต่าขี้ขลาดหดหัวอยู่ในกระดอง!”“เจ้าเอาแต่หลบอยู่ในกระดองจริง ๆ ไม่เข้าใจเลยว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ถูกยั่วยุหนักถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่มีความสามารถในการต่อสู้เลยหรือ?”“เจ้าเต่าเฒ่า หากแน่จริง เหตุใดไม่ออกมาต่อสู้กับพวกข้าล่ะ?”หลังจากได้ฟังประโยคท้าทายเหล่านี้ ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงที่มืดมนก็กลายเป็นเย็นชาอย่างยิ่งใบหน้าของเขาบ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจและโกรธจัด เขากำหมัดแน่น พลางกัดฟันด้วยความโกรธเจ้าคนสารเลวนี่กล้าดูถูกเขาเช่นนี้จริง ๆ!เรื่องเช่นนี้ยังทำได้ลง จะมีอะไรทำไม่ได้อีก!แต่เมื่อเซิ่งตงฉยงกำลังจะนำทหารม้าออกไปต่อสู้กับเอ้อร์ฮาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง เอ้อร์ฮาก็ชักม้าหันกลับไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว โดยกลุ่มทหารที่อยู่ข้างหลังเขาก็วิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมามองเช่นกันในขณะนี้ ความโกรธสุดขีดก็ถาโถมเข้ามาในใจเซิ่งตงฉยง!เจตนาฆ่าบนใบหน้าของเขาแทบจะควบคุมไม่ได้!เขาแทบรอไม่ไหวที่จะจับเอ้อร์ฮามาหั่น