หลังจากนั้นทันที เซิ่งตงฉยงก็รีบนำทัพของเขากลับไปยังค่ายที่กองทัพประจำการอยู่แผนการของเซิ่งตงฉยงล้มเหลว หัวของเอ้อร์ฮายังไม่หลุดออกจากบ่า และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ!เขากลับไปยังกระโจมด้วยความโกรธ สีหน้าหงุดหงิดมาก!ขณะนี้เขาอดไม่ได้ที่จะทุบโต๊ะ แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าบ้าเอ้อร์ฮานี่ ถ้าข้ารู้ก่อนหน้านี้ ข้าไม่ควรเชื่อสิ่งที่เขาพูด!”“คำพูดที่ออกมาจากปากของเจ้าสารเลวคนนี้ ไม่มีคำใดเป็นความจริงเลย!”หลังจากพูดจบ ความโกรธบนใบหน้าของเซิ่งตงฉยงยังไม่ทันจางหายไป เขาก็ได้ยินเสียงทหารคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาเขารีบเปิดม่านวิ่งเข้ามาในกระโจม แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเซิ่งตงฉยงโดยไม่เอ่ยคำใดสักคำเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงก็เคร่งเครียดทันทีนัยน์ตาฉายแววเคร่งขรึม ขณะถามด้วยน้ำเสียงดุดัน “มีอะไรเกิดขึ้น?”ใบหน้าของทหารคนนั้นเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เขาลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นพูดขณะตัวสั่นเทา “ใต้เท้าเซิ่ง เอ้อร์ฮาอยู่ข้างนอกขอรับ เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับกองทัพทหารม้าของเขาขอรับ!”เมื่อได้ยินประโยคนี้ ดวงตาของเซิ่งตงฉยงก็บ่งบอกว่า เขากำลังจริงจังและหยิ่งผยองขณะนี
เซิ่งตงฉยงสะบัดชายเสื้อคลุมเดินออกไปจากกระโจมอย่างรวดเร็ว เขาพาทหารทุกคนไปที่ประตูค่ายทันที แน่นอนว่าทันทีที่ไปถึง เขาได้เห็นหน้าเอ้อร์ฮาที่กำลังตะโกนยั่วยุ “ฮ่าฮ่าฮ่า เซิ่งตงฉยง เจ้ามันเต่าขี้ขลาดหดหัวอยู่ในกระดอง!”“เจ้าเอาแต่หลบอยู่ในกระดองจริง ๆ ไม่เข้าใจเลยว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ถูกยั่วยุหนักถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่มีความสามารถในการต่อสู้เลยหรือ?”“เจ้าเต่าเฒ่า หากแน่จริง เหตุใดไม่ออกมาต่อสู้กับพวกข้าล่ะ?”หลังจากได้ฟังประโยคท้าทายเหล่านี้ ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงที่มืดมนก็กลายเป็นเย็นชาอย่างยิ่งใบหน้าของเขาบ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจและโกรธจัด เขากำหมัดแน่น พลางกัดฟันด้วยความโกรธเจ้าคนสารเลวนี่กล้าดูถูกเขาเช่นนี้จริง ๆ!เรื่องเช่นนี้ยังทำได้ลง จะมีอะไรทำไม่ได้อีก!แต่เมื่อเซิ่งตงฉยงกำลังจะนำทหารม้าออกไปต่อสู้กับเอ้อร์ฮาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง เอ้อร์ฮาก็ชักม้าหันกลับไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว โดยกลุ่มทหารที่อยู่ข้างหลังเขาก็วิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมามองเช่นกันในขณะนี้ ความโกรธสุดขีดก็ถาโถมเข้ามาในใจเซิ่งตงฉยง!เจตนาฆ่าบนใบหน้าของเขาแทบจะควบคุมไม่ได้!เขาแทบรอไม่ไหวที่จะจับเอ้อร์ฮามาหั่น
ก่อนที่เขาจะมองเห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งที่ลอยมาตกเหล่านี้คืออะไร เขาก็ได้ยินเสียง 'ตูม ตูม ตูม!’มีเสียงระเบิดดังขึ้นติดกันหลายครั้ง มันระเบิดทันทีที่ตกลงสู่พื้น!ขณะนี้เซิ่งตงฉยงเบิกตากว้าง ร้องตะโกนด้วยความไม่เชื่อ “อะไรระเบิด ไอ้พวกสารเลวนี่กล้าใช้อาวุธที่ซ่อนไว้จริง ๆ...”“ใต้เท้าเซิ่ง หลบเร็วขอรับ!”ทันใดนั้นทหารหนุ่มก็กระโจนเข้าใส่เซิ่งตงฉยงจนลงไปนอนบนพื้นด้วยกัน ความตื่นตระหนกฉายแววไปทั่วใบหน้า ขณะที่เขาพูดอย่างหวาดกลัว “มีอาวุธซ่อนเร้นมา!”ทั้งสองรีบหมอบลงกับพื้นทันที!ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดังกึกก้อง ตามมาด้วยคลื่นลมร้อนจำนวนนับไม่ถ้วนที่แหวกอากาศทันที!เซิ่งตงฉยงรู้สึกเพียงว่าหลังของตนเหมือนจะถูกไฟเผา มันแผดเผาร้อนแรงมาก!ดวงตาเขาฉายแววหวาดกลัว ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ อย่างตื่นตระหนกการไม่มองยังจะดีเสียกว่า แต่เมื่อมองก็เห็นว่ามีซากศพกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ซึ่งน่าสังเวชมาก!ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขารู้สึกว่าเขาพ่ายแพ้การศึกครั้งนี้แล้วอย่างสิ้นเชิง!ในระยะไกล เอ้อร์ฮาที่เพิ่งหลบหนีไปได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากค่ายของเซิ่งตงฉยง จึงรู้ทันที
ก่อนจะมาที่นี่ หวังหยวนได้รับข่าวแล้วว่าตระกูลไป๋กำลังจะร่วมมือกับอู๋หลิง เพื่อจัดการกับตระกูลเซิ่ง!วันนี้พวกเขาได้ยกทัพไปแล้ว!เซิ่งตงฉยงถูกเขากับหมานอี๋ควบคุม จึงไม่มีทางที่ทหารฝีมือดีเหล่านี้จะกลับไปได้ทัน จึงเกรงว่าวันนี้จะเป็นจุดจบของตระกูลเซิ่ง!เมื่อเซิ่งตงฉยงได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที!“เจ้าพูดอะไร!”เขาไม่อยากจะเชื่อเลย!ตระกูลไป๋ร่วมมือกับอู๋หลิงเพื่อจัดการกับพวกเขาจริงหรือ!เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร?ตระกูลเซิ่งติดตามความเคลื่อนไหวของตระกูลไป๋ แต่ไม่เคยสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ จากตระกูลไป๋เลย!จู่ ๆ จะลงมือกะทันหันได้อย่างไร?เรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้!หวังหยวนยกยิ้มแล้วพูดว่า “เซิ่งตงฉยง ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า หากเจ้าต้องการเอาชีวิตรอดในสถานการณ์นี้ ข้าเกรงว่ามันจะไม่ง่ายถึงเพียงนั้น!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็โบกมือ หงเยี่ยและพรรคพวกรวมกว่าร้อยคนก็ปรากฏตัวข้างล่างกำแพงเมือง แต่ละคนถือตะกร้าใส่ระเบิดไว้ในมือข้างหน้ามีกองทัพหมานอี๋ห้าหมื่นคน ข้างหลังมีคนของหวังหยวนหลายร้อยคน โจมตีจากทั้งสองฝ่าย!ใบหน้าของเซ
“เพราะเหตุใดหรือขอรับ?”หวังหยวนมองต้าหู่แล้วพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าฮองเฮาชักชวนตระกูลไป๋ ให้เข้าร่วมกับพวกนางในการจัดการกับตระกูลเซิ่งได้อย่างไร แต่ข้ารู้ว่าตระกูลไป๋มีความทะเยอทะยานมาก ย่อมไม่ยอมปล่อยตำแหน่งสูงสุดไปอย่างง่ายดายแน่นอน!”“ดังนั้น...เพลิงสงครามครั้งนี้จะยังไม่หยุดยั้ง”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็เดินลงจากกำแพงเมืองโดยไม่รีรอ แล้วมองไปยังกองทัพหมานอี๋ในระยะไกล!พวกเขาคงถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว!กองทัพกว่าสามหมื่นคน!เซิ่งตงฉยงมีทหารทั้งหมดสามหมื่นนาย!ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และมีคนหลบหนีไปได้นับพันคน ซึ่งก็ถือว่าไม่เลวเลย!นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!“ข้าขอทราบชื่อของเจ้าได้หรือไม่?”หวังหยวนนั่งบนหลังม้า เมื่ออยู่ไม่ไกลจากกองทัพของเอ้อร์ฮา เขาก็ตะโกนถามเอ้อร์ฮารีบตอบ “ท่านหวังหยว นข้าเป็นขุนพลหมานอี๋ นามว่าเอ้อร์ฮา”“ขุนพลเอ้อร์ฮา โปรดอย่ายึดเมืองสู่ ตราบใดที่มีข้ายังอยู่ที่นี่ เจ้าไม่อาจยึดมันไปได้ แน่นอนเจ้ามีกองกำลังห้าหมื่นนาย หากเจ้าต้องการยึด ก็มาโจมตีได้เลย”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม ทันทีที่เขาพูดจบ เอ้อร์ฮาก็ส่ายหน้า“ไม่หรอกขอรับ... คุณชายหวั
ทั้งสองคนย่อมหวาดกลัวอยู่แล้ว!นี่กองกำลังทหารม้าแปดหมื่นนาย!พวกเขาจะปลอดภัยได้อย่างไร?ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงเคร่งเครียด เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงเร็วถึงเพียงนี้!เหตุใดจู่ ๆ ตระกูลไป๋จึงลงมือ?พวกเขาบรรลุข้อตกลงกับไป๋เหยียนเฟยจริงหรือ?เป็นไปได้หรือไม่ว่าไป๋เหยียนเฟยต้องการยกต้าเย่ให้กับตระกูลไป๋!เซิ่งฟางสี่โกรธมาก และเนื่องจากเขากำลังบันดาลโทสะในตอนนี้ เขาจึงไม่ลังเลเลย!“เราจะล่าถอยไปยังแคว้นกู่พร้อมกองทหารม้าทั้งหมดของเรา แม้ว่าเราจะมีทหารเหลือเพียงสี่หมื่นนาย แต่เราก็น่าจะยังยึดแคว้นกู่ไว้ได้!”“ตราบใดที่พี่ชายของเจ้ารีบมาทัน ทุกอย่างจะเรียบร้อย!”เซิ่งฟางสี่พูดทันที จากนั้นกองทหารสี่หมื่นนายก็ถอยกลับไปยังแคว้นกู่ ก่อนที่อู๋หลิงและไป๋เจิ้นถังจะมาถึง พวกเขาก็รวมตัวกันเพื่อสร้างแนวป้องกันที่แข็งแกร่งมากทันที!เซิ่งฟางสี่ได้เตรียมการไว้นานแล้ว!หากเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น เขาจะยังคงมีฐานทัพให้อาศัยอยู่!แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะมาถึงจริง ๆ!ในเวลาเดียวกัน เขาได้ส่งจดหมายไปกับนกพิราบสื่อสาร ขอให้เซิ่งตงฉยงมาช่วยเหลือ ส่วนฝ่ายเขาต้องอดทนต่อไปในไม่ช้ากองท
นี่มันเหนือจริงเกินไปแล้ว!แต่ทหารหลายคนที่อยู่รอบตัวเขาก็พูดเช่นนั้น หมานต๋าถูจึงได้แต่นั่งฟังบนบัลลังก์มังกร!“ให้ตายเถอะ! ไม่น่าแปลกใจเลยที่หวังหยวนผู้นี้กล้าเข้าร่วมกองกำลังกับข้า แท้จริงแล้วเขามีวิธีจัดการกับเซิ่งตงฉยงอยู่แล้ว เพียงเพื่อให้เราล่อเซิ่งตงฉยงออกจากเมืองเท่านั้น!!”“ผลก็คือเขาเข้ายึดครองเมือง และเอาชนะเซิ่งตงฉยงได้ พวกเราย่อมไม่ได้ประโยชน์เลย!”หมานต๋าถูตกใจมาก เขารู้มานานแล้วว่าหวังหยวนนั้นไม่ธรรมดา แต่ใครจะคิดว่าเขาจะใช้วิธีการเช่นนี้!“หวังหยวนขอให้พวกข้าส่งข่าวมาถึงท่าน เขาบอกว่า... หากท่านต้องการโจมตีเมืองสู่ก็สามารถทำได้…”ตอนนี้เอ้อร์ฮาพูดอย่างระมัดระวังอีกครั้งหมานต๋าถูได้ยินเช่นนี้ก็โกรธมาก!“ข้าจะไปพบกับหวังหยวนที่ชายแดน!”เขาย่อมไม่เห็นด้วยกับการต้องเสียเมืองสู่ไปเช่นนี้ แต่เขาก็รู้ด้วยว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะแย่งชิงมันกลับมา!แต่ไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไปได้!เขาต้องไปหาหวังหยวนเพื่อขอคำอธิบาย!พูดจบ เขาก็ออกเดินทางมุ่งหน้าตรงไปยังชายแดนเมืองสู่โดยไม่รีรอในเวลาเดียวกัน เขาก็ส่งข่าวถึงหวังหยวนให้ออกมาพบเขาด้วยหวังหยวนหัวเราะทันทีเมื่อได้รับจดหมา
หวังหยวนหัวเราะยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ฟังเช่นนั้น“ข้าเป็นพ่อค้า ย่อมเข้าใจดีว่าถ้าเจ้าพูดเรื่องนั้น ข้าคงต้องเถียงกับเจ้าอย่างจริงจัง”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ หมานต๋าถูก็พยักหน้า“ใช่ แต่ก่อนหน้านั้นข้ามีเรื่องจะพูด เจ้าโปรดฟังข้าก่อน”หลังจากที่หมานต๋าถูพูดจบ เขาก็พูดอีกครั้ง“คราวนี้พวกเราหมานอี๋ได้ส่งกองกำลังออกไปห้าหมื่นนาย ถ้าไม่ใช่เพราะกองกำลังห้าหมื่นนายของข้ามาดึงดูดความสนใจของเซิ่งตงฉยง เจ้าคงไม่ประสบความสำเร็จง่ายดายถึงเพียงนี้ เจ้ายอมรับความจริงข้อนี้หรือไม่?”หลังจากที่หมานต๋าถูพูดจบ หวังหยวนก็พยักหน้าทันที“แน่นอน ข้ายอมรับ!”“ดี กองกำลังทหารม้าห้าหมื่นนายของพวกข้ายั่วยุเซิ่งตงฉยง อย่างน้อยก็พาพวกเขาออกจากเมืองได้ ดังนั้นเจ้าจึงมีโอกาสที่จะยึดเมืองสู่ได้ในคราวเดียว เจ้ายอมรับความจริงข้อนี้หรือไม่?”“ได้สิ ข้ายอมรับเหมือนกัน”หวังหยวนพยักหน้าอีกครั้ง หมานต๋าถูถึงพอใจมาก“ในกรณีนี้ พวกข้าช่วยให้เจ้าดึงดูดความสนใจของเซิ่งตงฉยง เพื่อหันเหความสนใจของเขา และช่วยให้เจ้ารั้งเขาไว้ได้ จากนั้นพวกเจ้าก็ชนะการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าไม่กล้าบอกว่าพวกข้ามีความดีความชอบถึงครึ่งหนึ่ง แ
น่าเสียดาย หากต้องการเก็บเกสรดอกหน้าผาชันก็จำเป็นต้องมีทักษะอย่างแท้จริง!“ท่านรู้จักดอกหน้าผาชันด้วยหรือ?”หวังหยวนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว“ย่อมต้องรู้จักสิ”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”“ง่ายมาก! ข้าเองก็มาเพื่อดอกหน้าผาชันนี้เช่นกัน!”ชายคนนั้นกอดอกพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ท่านต้องการดอกหน้าผาชันไปทำอะไร?”หวังหยวนรีบถาม“แน่นอนว่าต้องนำไปแลกเงิน”“ดอกหน้าผาชันนับว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า ข้าต้องพึ่งพามันเพื่อหาทางอยู่รอด!”“ดอกหน้าผาชันหนึ่งดอกสามารถขายได้สิบตำลึงเงิน เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งเดือนของข้า!”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแค่สิบตำลึงเงินเองหรือ?“เหตุใดจึงมีราคาแต่ไม่มีคนขาย?”หากสามารถใช้เงินซื้อดอกหน้าผาชันในตอนนั้นได้ เขาจะลำบากเดินทางมาที่นี่เพื่ออะไร?บ่ายวันนี้ หวังหยวนได้แอบสอบถามมาแล้ว ปรากฏว่าในเผ่าไม่มีดอกหน้าผาชันแม้แต่ดอกเดียว!เขามีบารมีสูงส่งในเผ่า ผู้คนในเผ่าย่อมไม่หลอกลวงเขาหรือว่า...ชายตรงหน้าเขากำลังโกหก?“เหตุใดท่านมองข้าเช่นนี้?”“แน่นอนว่าดอกหน้าผาชันไม่ได้มีไว้ขายให้กับคนในเผ่า เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการสิ่งนี
ในขณะที่หวังหยวนกับเกาเล่อกำลังพูดคุยกัน พลันได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น“เขาพูดถูก หากตกลงมาจากยอดเขานี้ ต่อให้เจ้ามีสามเศียรหกกรก็จะต้องแหลกเป็นชิ้นแน่นอน!”“ถึงตอนนั้น สภาพย่อมดูไม่จืด!”หวังหยวนกับเกาเล่ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียด รีบหันไปมองตามต้นเสียงเมื่อสักครู่นี้พวกเขาทั้งสองคนกลับไม่ทันสังเกตว่าในความมืดมิดนั้นยังมีผู้อื่นซ่อนอยู่ด้วย!“พวกท่านไม่ต้องเครียด! ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อพวกท่าน!”ชายคนนั้นค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืด เขาแต่งกายด้วยชุดผ้าป่าน อายุใกล้เคียงกับหวังหยวน ใบหน้าใต้แสงจันทร์ ของเขาเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?”“เหตุใดจึงมาที่นี่ในยามนี้?”ภูเขาทางเหนือตั้งอยู่ในที่ห่างไกล รอบด้านไม่มีบ้านเรือนผู้คน แม้แต่หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้!ไม่เช่นนั้น หวังหยวนคงไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาหลายชั่วยาม!แต่ในสถานที่เช่นนี้กลับมีคนแปลกหน้าปรากฏตัว จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร?ชายคนนั้นยิ้มพลางโบกมือเอ่ยว่า “ข้าก็เพียงแค่เดินทางผ่านมาที่นี่ เห็นพวกท่านทั้งสองกำลังเตรียมปีนหน้าผา จึงคิดจะดูความสนุกสักหน่อย”“แต่ข
ในใจนางก็รู้เรื่องราวเหล่านี้ดี และที่พูดเช่นนี้กับไฉจวิ้นก็เพราะว่านางมองว่าไฉจวิ้นเป็นน้องชายแท้ ๆ ของนางเองไม่ใช่หรือ?หากปฏิบัติต่อคนนอกย่อมไม่ใช่ท่าทีเช่นนี้หยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วหรูเยียนอาจจะรู้สึกเหนื่อยจึงหลับไปอย่างรวดเร็วในคืนนั้น หลังจากที่หวังหยวนกินอาหารเสร็จก็ได้ออกไปอย่างเงียบเชียบหลายชั่วยามต่อมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืน หวังหยวนมายืนอยู่ตรงหน้าผาของภูเขาทางเหนือเมื่อมองออกไป อาจเป็นเพราะความมืดมิด จึงมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของหน้าผา ให้ความรู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก!หวังหยวนกอดอกยืนอยู่ด้านข้าง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มจางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและสง่างาม“พายุใหญ่คลื่นยักษ์แบบไหนที่ไม่เคยพบเจอ?”“สถานการณ์แบบไหนที่ไม่เคยประสบ?”“เพียงแค่หน้าผา คิดจะขวางทางข้าได้หรือ?”“ช่างน่าขันนัก!”ขณะที่พูด หวังหยวนก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่า ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากด้านหลังเขาหันกลับไปโดยสัญชาตญาณ สายตาจับจ้องไปที่ผู้มาเยือน ผู้ที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเกาเล่อ!ท่ามกลางความมืดมิด ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังหวัง
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ...”เมื่อเห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของหวังหยวน ไท่สื่อลี่ก็ไม่ได้กล่าวต่ออีก สุดท้ายก็จำต้องจากไปส่วนหวังหยวนนั่งลงศึกษาแผนที่อย่างละเอียดภายในห้องเมื่อไฉจวิ้นกลับมา หลิ่วหรูเยียนก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาไฉจวิ้นอย่างรวดเร็ว พลิกดูห่อผ้าในมือเขาอย่างตื่นเต้น“ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก!”“ซื้อของดี ๆ มาฝากข้ามากมายเพียงนี้เลยหรือ?”“ต่อไปต้องมอบเรื่องเช่นนี้ให้เจ้าจัดการแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนลูบศีรษะของไฉจวิ้น พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มไฉจวิ้นรู้สึกอึดอัด นี่นางเห็นเขาเป็นเด็กน้อยชัด ๆ แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว อายุอานามก็ไม่น้อย กลับถูกปฏิบัติเหมือนเด็กงั้นหรือ?ช่างน่าเจ็บใจนัก!แต่พี่สะใภ้ผู้นี้ก็เป็นคนที่เขาไม่อาจล่วงเกิน จึงทำได้เพียงอดทนหากเป็นผู้อื่นที่กล้าลูบศีรษะของเขา นี่ถือว่าเป็นการหาเรื่องตายชัดๆ!“จริงสิ พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ไหน?”“เมื่อครู่เขาออกไปกับไท่สื่อลี่ นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ยังไม่กลับมาอีก หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนกินขนมพลางเอ่ยถามไฉจวิ้นชี้ไปที่นอกประตู แล้วตอบว่า “พี่ใหญ่อยู่ในลานบ้านขอรับ เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามา เขากำลั
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไท่สื่อลี่นำแผนที่มาให้ด้วยตนเอง ทางด้านหวังหยวนเฝ้ารออยู่ที่ลานบ้านเมื่อรับแผนที่มาก็ตรวจดูอย่างละเอียด คิ้วของหวังหยวนขมวดแน่นช่างอันตรายยิ่งนัก!แม้ว่าภูเขาทางเหนือจะเป็นภูเขาโดดเดี่ยว แต่ด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งสิ้น หากต้องการเก็บเกสรของดอกหน้าผาชันก็ต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผา ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินนี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก!หากไม่มีวิชาตัวเบา การปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่านั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์!หวังหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด ครุ่นคิดหาวิธีเก็บเกสรดอกหน้าผาชันส่วนไท่สื่อลี่ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านไปทีละน้อย ไม่นานไฉจวิ้นก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าห่อใหญ่ ในมือไม่เพียงแต่มีของกิน ยังมีของเล่นน่าสนใจอีกมากมายด้วยทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลิ่วหรูเยียนเป็นเพราะเขาเอง หลิ่วหรูเยียนจึงไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ สตรีนั้นอารมณ์แปรปรวน เขากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนจะเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย“กลับมาแล้ว”หวังหยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยไฉจวิ้นพยักหน้า เขามองหวังหยวนก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเมื่อครู่นี้ทะเลาะกับพี่
“ช่างสมกับเป็นท่านหวัง ไม่มีสิ่งใดปิดบังท่านได้จริง ๆ”ไท่สื่อลี่ยิ้มพลางส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนไม่ได้แอบหนีออกมาจากห้อง เขาจึงกระซิบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้พูดคุยกับท่านหมอเทวดาอันแล้ว เขาได้บอกอาการของฮูหยินกับข้าทั้งหมดแล้วขอรับ”“อีกทั้งยังบอกวิธีที่จะทำให้อาการของฮูหยินดีขึ้นด้วย”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาพลันเป็นประกาย“ท่านหมายถึง...”หวังหยวนไม่ได้เอ่ยประโยคหลังออกมา แต่ชี้ไปที่ท้องของตนไท่สื่อลี่เข้าใจความหมายในทันที จากนั้นก็พยักหน้า“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!”“เช่นนั้นรีบบอกข้ามา วิธีแก้ต้องทำอย่างไร?”“อีกอย่างคือก่อนหน้านี้ข้าได้ถามท่านหมอเทวดาแล้วว่ามีวิธีใดที่จะทำให้อาการของภรรยาข้าดีขึ้นหรือไม่ ท่านหมอเทวดาไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน ข้านึกว่าไม่อาจรักษาภรรยาของข้าให้หายได้...”“ดูท่าแล้ว ท่านหมอเทวดาจงใจปิดบังข้า!”หวังหยวนเข้าใจดีว่าอันจูหมิงคงมีเหตุผลที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่บอกเรื่องนี้กับไท่สื่อลี่ไท่สื่อลี่รีบโบกมือกล่าวว่า “ท่านหวังอย่าได้เข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าท่านหมอเทวดาอันไม่อยากบอกท่าน แต่เป็นเพราะว่าตัวยาที่ใช้รักษาฮูหยินนั้นหายา
เมื่อกลับถึงห้อง ด้วยการดูแลของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนจึงจำต้องนอนลงบนเตียงเมื่อเห็นนางพลิกตัวไปมาไม่หยุด หวังหยวนก็เข้าใจได้ในทันที นี่เป็นเพราะนางไม่อยากนอนหลับ“เจ้านี่นะ เหตุใดจึงได้ดื้อรั้นเพียงนี้?”“ในตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าเห็นอะไรในตัวเจ้า!”“หากรู้ล่วงหน้าว่าการเดินทางครั้งนี้จะพบเจอกับเรื่องราวมากมายเพียงนี้ ก็ควรจะให้เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวังแต่แรก เจ้าจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย”“สุดท้ายแล้วก็เป็นความผิดของข้า...”หวังหยวนจิบชาพลางพึมพำกับตนเอง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า ภาพในความคิดย้อนกลับไปถึงคำพูดของอันจูหมิงก่อนหน้านี้ยามนี้เขาก็ยังคงคิดหาวิธีที่จะบอกกล่าวเรื่องนี้กับหลิ่วหรูเยียนไม่ได้สำหรับหวังหยวนแล้ว การไม่อาจตั้งครรภ์ได้นั้นสำคัญตรงไหนกัน?ครอบครัวของเขามีเหล่าภรรยาที่เพียบพร้อม ย่อมไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้แต่สำหรับหลิ่วหรูเยียนแล้ว สตรีที่ไม่มีบุตรก็ไม่นับว่าเป็นสตรีเมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ หวังหยวนจะไม่รู้สึกอึดอัดใจได้อย่างไร?ดูท่าแล้วคงต้องหาจังหวะที่เหมาะสม จากนั้นค่อยบอกความจริงกับหลิ่วหรูเยียน นางจะได้ไม่เจ็บปวดมากนัก“นี่ท่านกำลังคิดอ
“เอาล่ะ!”“ตอนนี้เจ้าเชื่อฟังพี่ใหญ่ของเจ้าใช่หรือไม่?”“พี่ใหญ่ของเจ้าไม่อยู่ไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นคำพูดของพี่สะใภ้ก็ไม่มีค่าแล้วใช่หรือไม่?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ภายภาคหน้าเจ้าก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ ข้าจะออกไปเดินเล่นเอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับข้า พี่ใหญ่ของเจ้าจะต้องมาเอาเรื่องกับเจ้า ถึงตอนนั้นก็คอยดูเถิดว่าจะเป็นอย่างไร!”หลิ่วหรูเยียนเฉลียวฉลาด ไฉจวิ้นผู้ไม่ประสีประสาจะต่อกรกับนางได้อย่างไร?เพียงชั่วครู่ ไฉจวิ้นถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนกำลังจะเดินจากไป เขาก็รีบวิ่งตาม พลางประจบประแจงว่า “พี่สะใภ้! ท่านอย่าได้ทำให้ช้าต้องลำบากใจเลยขอรับ ตกลงหรือไม่?”“ท่านเพิ่งจะหายป่วย สภาพร่างกายก็ยังฟื้นตัวไม่ดี อีกทั้งท่านหมอเทวดาก็บอกแล้วว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ท่านถึงจะหายดี ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนนะขอรับ!”“แต่ในเมื่อท่านยืนกรานจะออกไป เช่นนั้นพวกเราเดินเล่นเพียงครู่เดียว จากนั้นก็รีบกลับมาก็ได้ ตกลงหรือไม่ขอรับ?”ในที่สุดไฉจวิ้นก็ยอมอ่อนข้อให้ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นผู้ที่เขาไม่อาจล่วงเกิน!ล่วงเกินหวังหยวนก็ไม่เป็นอะไร เพราะว่าพวกเขาล้วนเ
“นี่คือคำสั่ง!”เกาเล่อถอนหายใจอย่างจนใจ ไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ แต่หันหลังเดินไปยังทิศทางหนึ่งในไม่ช้า หวังหยวนก็กลับเข้าไปในห้องทันทีที่เข้าประตูไป เขาเห็นหลิ่วหรูเยียนลืมตาตื่นและกำลังจะลุกขึ้นหวังหยวนรีบวิ่งไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของท่านหมอเทวดาอันช่างล้ำเลิศยิ่งนัก เพียงเวลาสั้น ๆ เจ้าก็ฟื้นคืนสติแล้วหรือ?”“อีกทั้งดูเหมือนว่า เจ้าจะดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกว่าสภาพร่างกายของตนดีขึ้น แม้ว่าบริเวณหน้าท้องจะยังเจ็บอยู่บ้าง อีกทั้งร่างกายก็ยังอ่อนแรง แต่ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้มากยามนี้ก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นว่าอาการดีขึ้น ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติหวังหยวนประคองนางนั่งลงที่โต๊ะ จากนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายของข้าแข็งแรง ท่านไม่เห็นสตรีด้านนอกเหล่านั้นหรือไร แต่ละคนล้วนดูอ่อนแอ จะนำมาเปรียบเทียบกับข้าได้อย่างไร?”“ร่างกายของข้าแข็งแรงดั่งวัว ประกอบกับฝีมืออันล้ำเลิศของท่านหมอเทวดาอัน การรักษาให้หายดีก็เป็นเพียงเรื่องของเวลา”“น่าเสียดาย ร่างกายอันงดงามของข้ากลับมีรอยแผลเป็น นี่ช่างดูไม่น่ามองเอาเสียเลย”“ไม่ได้! เมื่อข้าหาย