ก่อนที่เขาจะมองเห็นได้ชัดเจนว่าสิ่งที่ลอยมาตกเหล่านี้คืออะไร เขาก็ได้ยินเสียง 'ตูม ตูม ตูม!’มีเสียงระเบิดดังขึ้นติดกันหลายครั้ง มันระเบิดทันทีที่ตกลงสู่พื้น!ขณะนี้เซิ่งตงฉยงเบิกตากว้าง ร้องตะโกนด้วยความไม่เชื่อ “อะไรระเบิด ไอ้พวกสารเลวนี่กล้าใช้อาวุธที่ซ่อนไว้จริง ๆ...”“ใต้เท้าเซิ่ง หลบเร็วขอรับ!”ทันใดนั้นทหารหนุ่มก็กระโจนเข้าใส่เซิ่งตงฉยงจนลงไปนอนบนพื้นด้วยกัน ความตื่นตระหนกฉายแววไปทั่วใบหน้า ขณะที่เขาพูดอย่างหวาดกลัว “มีอาวุธซ่อนเร้นมา!”ทั้งสองรีบหมอบลงกับพื้นทันที!ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดังกึกก้อง ตามมาด้วยคลื่นลมร้อนจำนวนนับไม่ถ้วนที่แหวกอากาศทันที!เซิ่งตงฉยงรู้สึกเพียงว่าหลังของตนเหมือนจะถูกไฟเผา มันแผดเผาร้อนแรงมาก!ดวงตาเขาฉายแววหวาดกลัว ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ อย่างตื่นตระหนกการไม่มองยังจะดีเสียกว่า แต่เมื่อมองก็เห็นว่ามีซากศพกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ซึ่งน่าสังเวชมาก!ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขารู้สึกว่าเขาพ่ายแพ้การศึกครั้งนี้แล้วอย่างสิ้นเชิง!ในระยะไกล เอ้อร์ฮาที่เพิ่งหลบหนีไปได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากค่ายของเซิ่งตงฉยง จึงรู้ทันที
ก่อนจะมาที่นี่ หวังหยวนได้รับข่าวแล้วว่าตระกูลไป๋กำลังจะร่วมมือกับอู๋หลิง เพื่อจัดการกับตระกูลเซิ่ง!วันนี้พวกเขาได้ยกทัพไปแล้ว!เซิ่งตงฉยงถูกเขากับหมานอี๋ควบคุม จึงไม่มีทางที่ทหารฝีมือดีเหล่านี้จะกลับไปได้ทัน จึงเกรงว่าวันนี้จะเป็นจุดจบของตระกูลเซิ่ง!เมื่อเซิ่งตงฉยงได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที!“เจ้าพูดอะไร!”เขาไม่อยากจะเชื่อเลย!ตระกูลไป๋ร่วมมือกับอู๋หลิงเพื่อจัดการกับพวกเขาจริงหรือ!เรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร?ตระกูลเซิ่งติดตามความเคลื่อนไหวของตระกูลไป๋ แต่ไม่เคยสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวใด ๆ จากตระกูลไป๋เลย!จู่ ๆ จะลงมือกะทันหันได้อย่างไร?เรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้!หวังหยวนยกยิ้มแล้วพูดว่า “เซิ่งตงฉยง ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า หากเจ้าต้องการเอาชีวิตรอดในสถานการณ์นี้ ข้าเกรงว่ามันจะไม่ง่ายถึงเพียงนั้น!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็โบกมือ หงเยี่ยและพรรคพวกรวมกว่าร้อยคนก็ปรากฏตัวข้างล่างกำแพงเมือง แต่ละคนถือตะกร้าใส่ระเบิดไว้ในมือข้างหน้ามีกองทัพหมานอี๋ห้าหมื่นคน ข้างหลังมีคนของหวังหยวนหลายร้อยคน โจมตีจากทั้งสองฝ่าย!ใบหน้าของเซ
“เพราะเหตุใดหรือขอรับ?”หวังหยวนมองต้าหู่แล้วพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าฮองเฮาชักชวนตระกูลไป๋ ให้เข้าร่วมกับพวกนางในการจัดการกับตระกูลเซิ่งได้อย่างไร แต่ข้ารู้ว่าตระกูลไป๋มีความทะเยอทะยานมาก ย่อมไม่ยอมปล่อยตำแหน่งสูงสุดไปอย่างง่ายดายแน่นอน!”“ดังนั้น...เพลิงสงครามครั้งนี้จะยังไม่หยุดยั้ง”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เขาก็เดินลงจากกำแพงเมืองโดยไม่รีรอ แล้วมองไปยังกองทัพหมานอี๋ในระยะไกล!พวกเขาคงถูกฆ่าตายไปหมดแล้ว!กองทัพกว่าสามหมื่นคน!เซิ่งตงฉยงมีทหารทั้งหมดสามหมื่นนาย!ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และมีคนหลบหนีไปได้นับพันคน ซึ่งก็ถือว่าไม่เลวเลย!นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!“ข้าขอทราบชื่อของเจ้าได้หรือไม่?”หวังหยวนนั่งบนหลังม้า เมื่ออยู่ไม่ไกลจากกองทัพของเอ้อร์ฮา เขาก็ตะโกนถามเอ้อร์ฮารีบตอบ “ท่านหวังหยว นข้าเป็นขุนพลหมานอี๋ นามว่าเอ้อร์ฮา”“ขุนพลเอ้อร์ฮา โปรดอย่ายึดเมืองสู่ ตราบใดที่มีข้ายังอยู่ที่นี่ เจ้าไม่อาจยึดมันไปได้ แน่นอนเจ้ามีกองกำลังห้าหมื่นนาย หากเจ้าต้องการยึด ก็มาโจมตีได้เลย”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม ทันทีที่เขาพูดจบ เอ้อร์ฮาก็ส่ายหน้า“ไม่หรอกขอรับ... คุณชายหวั
ทั้งสองคนย่อมหวาดกลัวอยู่แล้ว!นี่กองกำลังทหารม้าแปดหมื่นนาย!พวกเขาจะปลอดภัยได้อย่างไร?ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงเคร่งเครียด เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงเร็วถึงเพียงนี้!เหตุใดจู่ ๆ ตระกูลไป๋จึงลงมือ?พวกเขาบรรลุข้อตกลงกับไป๋เหยียนเฟยจริงหรือ?เป็นไปได้หรือไม่ว่าไป๋เหยียนเฟยต้องการยกต้าเย่ให้กับตระกูลไป๋!เซิ่งฟางสี่โกรธมาก และเนื่องจากเขากำลังบันดาลโทสะในตอนนี้ เขาจึงไม่ลังเลเลย!“เราจะล่าถอยไปยังแคว้นกู่พร้อมกองทหารม้าทั้งหมดของเรา แม้ว่าเราจะมีทหารเหลือเพียงสี่หมื่นนาย แต่เราก็น่าจะยังยึดแคว้นกู่ไว้ได้!”“ตราบใดที่พี่ชายของเจ้ารีบมาทัน ทุกอย่างจะเรียบร้อย!”เซิ่งฟางสี่พูดทันที จากนั้นกองทหารสี่หมื่นนายก็ถอยกลับไปยังแคว้นกู่ ก่อนที่อู๋หลิงและไป๋เจิ้นถังจะมาถึง พวกเขาก็รวมตัวกันเพื่อสร้างแนวป้องกันที่แข็งแกร่งมากทันที!เซิ่งฟางสี่ได้เตรียมการไว้นานแล้ว!หากเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น เขาจะยังคงมีฐานทัพให้อาศัยอยู่!แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะมาถึงจริง ๆ!ในเวลาเดียวกัน เขาได้ส่งจดหมายไปกับนกพิราบสื่อสาร ขอให้เซิ่งตงฉยงมาช่วยเหลือ ส่วนฝ่ายเขาต้องอดทนต่อไปในไม่ช้ากองท
นี่มันเหนือจริงเกินไปแล้ว!แต่ทหารหลายคนที่อยู่รอบตัวเขาก็พูดเช่นนั้น หมานต๋าถูจึงได้แต่นั่งฟังบนบัลลังก์มังกร!“ให้ตายเถอะ! ไม่น่าแปลกใจเลยที่หวังหยวนผู้นี้กล้าเข้าร่วมกองกำลังกับข้า แท้จริงแล้วเขามีวิธีจัดการกับเซิ่งตงฉยงอยู่แล้ว เพียงเพื่อให้เราล่อเซิ่งตงฉยงออกจากเมืองเท่านั้น!!”“ผลก็คือเขาเข้ายึดครองเมือง และเอาชนะเซิ่งตงฉยงได้ พวกเราย่อมไม่ได้ประโยชน์เลย!”หมานต๋าถูตกใจมาก เขารู้มานานแล้วว่าหวังหยวนนั้นไม่ธรรมดา แต่ใครจะคิดว่าเขาจะใช้วิธีการเช่นนี้!“หวังหยวนขอให้พวกข้าส่งข่าวมาถึงท่าน เขาบอกว่า... หากท่านต้องการโจมตีเมืองสู่ก็สามารถทำได้…”ตอนนี้เอ้อร์ฮาพูดอย่างระมัดระวังอีกครั้งหมานต๋าถูได้ยินเช่นนี้ก็โกรธมาก!“ข้าจะไปพบกับหวังหยวนที่ชายแดน!”เขาย่อมไม่เห็นด้วยกับการต้องเสียเมืองสู่ไปเช่นนี้ แต่เขาก็รู้ด้วยว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะแย่งชิงมันกลับมา!แต่ไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไปได้!เขาต้องไปหาหวังหยวนเพื่อขอคำอธิบาย!พูดจบ เขาก็ออกเดินทางมุ่งหน้าตรงไปยังชายแดนเมืองสู่โดยไม่รีรอในเวลาเดียวกัน เขาก็ส่งข่าวถึงหวังหยวนให้ออกมาพบเขาด้วยหวังหยวนหัวเราะทันทีเมื่อได้รับจดหมา
หวังหยวนหัวเราะยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ฟังเช่นนั้น“ข้าเป็นพ่อค้า ย่อมเข้าใจดีว่าถ้าเจ้าพูดเรื่องนั้น ข้าคงต้องเถียงกับเจ้าอย่างจริงจัง”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ หมานต๋าถูก็พยักหน้า“ใช่ แต่ก่อนหน้านั้นข้ามีเรื่องจะพูด เจ้าโปรดฟังข้าก่อน”หลังจากที่หมานต๋าถูพูดจบ เขาก็พูดอีกครั้ง“คราวนี้พวกเราหมานอี๋ได้ส่งกองกำลังออกไปห้าหมื่นนาย ถ้าไม่ใช่เพราะกองกำลังห้าหมื่นนายของข้ามาดึงดูดความสนใจของเซิ่งตงฉยง เจ้าคงไม่ประสบความสำเร็จง่ายดายถึงเพียงนี้ เจ้ายอมรับความจริงข้อนี้หรือไม่?”หลังจากที่หมานต๋าถูพูดจบ หวังหยวนก็พยักหน้าทันที“แน่นอน ข้ายอมรับ!”“ดี กองกำลังทหารม้าห้าหมื่นนายของพวกข้ายั่วยุเซิ่งตงฉยง อย่างน้อยก็พาพวกเขาออกจากเมืองได้ ดังนั้นเจ้าจึงมีโอกาสที่จะยึดเมืองสู่ได้ในคราวเดียว เจ้ายอมรับความจริงข้อนี้หรือไม่?”“ได้สิ ข้ายอมรับเหมือนกัน”หวังหยวนพยักหน้าอีกครั้ง หมานต๋าถูถึงพอใจมาก“ในกรณีนี้ พวกข้าช่วยให้เจ้าดึงดูดความสนใจของเซิ่งตงฉยง เพื่อหันเหความสนใจของเขา และช่วยให้เจ้ารั้งเขาไว้ได้ จากนั้นพวกเจ้าก็ชนะการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าไม่กล้าบอกว่าพวกข้ามีความดีความชอบถึงครึ่งหนึ่ง แ
“จะเป็นอย่างไรหากข้าลงมือ เมื่อการต่อสู้กำลังดำเนินไปอย่างเต็มที่? จะเป็นอย่างไรหากข้าลงมือหลังจากที่ปล่อยให้พวกหมานอี๋อย่างพวกเจ้า สูญเสียทหารสองหมื่นถึงสามหมื่นนายไปแล้ว?”“เกรงว่าไม่เพียงแต่พวกเจ้าจะยึดเมืองสู่ไม่ได้เท่านั้น แต่ยังต้องสูญเสียทหารไปมากมายด้วย”“ดังนั้น... ผู้คนสองหมื่นถึงสามหมื่นคนที่รอดชีวิตเหล่านี้ คือผลประโยชน์ที่เจ้าได้รับ และพวกเขาก็ยังเป็นผลประโยชน์ที่ข้าสามารถมอบให้เจ้า ผ่านความร่วมมือของเราในครั้งนี้ด้วย”หวังหยวนยิ้มอย่างจริงใจมากแต่คำพูดเหล่านี้ทำให้หมานต๋าถูหดหู่ใจมาก!เขาปฏิเสธไม่ได้เลยจริง ๆ!เพราะสิ่งที่หวังหยวนพูดนั้นเป็นเรื่องจริง!ถ้าเป็นเขา เขาคงจะรอจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บหนักก่อนแน่นอน รอให้ทั้งสองฝ่ายอ่อนแอลงแล้วค่อยลงมือ!แต่หวังหยวนไม่ทำเช่นนั้น และวิธีการของหวังหยวนไม่ได้ถูกนำมาใช้โจมตีกองทหารของเขา เพราะต้องการปล่อยกองทหารจำนวนมากของเขาออกไป!“หวังหยวน เจ้าวางแผนจะคืนคนของข้าให้เป็นรางวัลแก่ข้าจริง ๆ เกรงว่าเจ้าคงเป็นคนเดียวในโลกที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ ด้วยการคำนวณทุกอย่างมาหมดแล้ว!”คำพูดของหมานต๋าถูมีสองความหมาย!ควา
เมื่อหมานต๋าถูจากไป ไป๋เฟยเฟยก็มาถึงหน้าค่ายของอู๋หลิงแล้ว!อู๋หลิงอยู่ในกระโจมของผู้บังคับบัญชา กำลังครุ่นคิดหาทางเอาชนะศัตรูอยู่ ทันใดนั้นทหารคนหนึ่งก็เข้ามารายงาน“ขุนพลอู๋ ข้างนอกมีคนมาขอพบท่าน บอกว่ามาจากตระกูลไป๋ขอรับ”อู๋หลิงได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง“คนจากตระกูลไป๋... ฮ่าฮ่า เรียกเข้ามาเลย”อู๋หลิงรู้ว่าเป็นใครโดยไม่ต้องคิดเลย!ไป๋เฟยเฟย!เขารู้มานานแล้วว่าสตรีผู้นี้มีความทะเยอทะยานมาโดยตลอด ตอนนี้คนที่สามารถมาหาเขาเพื่อพูดคุยหาวิธีพิชิตศัตรูได้ อู๋หลิงไม่สามารถคิดถึงใครได้อีกนอกจากนาง!ทหารพยักหน้าแล้วรีบออกไป ไม่นานหลังจากนั้นไป๋เฟยเฟยก็เดินเข้ามา“อู๋หลิง ไม่เจอกันนานเลย”ไป๋เฟยเฟยทักทายด้วยรอยยิ้มอู๋หลิงเหลือบมองไป๋เฟยเฟยแล้วหัวเราะ “เชิญนั่งลงก่อนเถิด”พูดจบ เขาก็รินชาใส่ถ้วยให้ไป๋เฟยเฟย แล้วบอกให้คนที่อยู่ข้างกายเขาซ้ายขวาออกไปไป๋เฟยเฟยมองหน้าอู๋หลิงแล้วพูดตามตรง “ครั้งสุดท้ายที่ข้าพบเจ้า เจ้ายังคงอยู่ในสภาพสิ้นหวัง เมื่อเราพบกันอีกครั้ง เจ้าได้เป็นคนสนิทของฮองเฮาแห่งต้าเย่แล้ว ช่างน่ายินดียิ่ง ขอแสดงความยินดีด้วย!”หลังจากได้ฟังเช่นนี้ อู๋หลิงก็
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย