ตราบใดที่มีการรบกวนเช่นนี้อยู่ ต้าเย่ก็จะเป็นเหมือนจอกแหนที่ได้แต่ไหลไปตามสายน้ำ เพราะข้อจำกัดของทั้งสามฝ่ายเหมือนหมาป่าชั่วร้ายสามตัวที่ต่างจับตาดูเนื้อชิ้นใหญ่ชิ้นนี้!“ในเรื่องนี้ เสนาบดีฝ่ายซ้ายและเสนาบดีฝ่ายขวาได้คิดวิธีแก้ปัญหาให้ข้า ซึ่งเป็นทางออกที่จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าคืออะไร?”ในเวลานี้ไป๋เหยียนเฟยพูดอีกครั้ง อู๋หลิงได้ฟังแล้วก็ตกใจวิธีแก้ปัญหาหรือ?เรื่องนี้ยังสามารถหาทางแก้ไขได้หรือ?มันเป็นสถานการณ์ที่แก้ไขไม่ได้!ต้าเย่ไม่มีกองกำลัง ปัญหาทั้งภายในและภายนอกรุมเร้า แม้ว่าจะสามารถเอาชนะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ แต่ก็ยังมีอีกสองฝ่ายอยู่ข้างนอกอีกหนึ่ง และอยู่ข้างในอีกหนึ่ง กลายเป็นสามเหลี่ยมแห่งหายนะไปแล้ว!แก้ไขได้ยากจริง ๆ!“ฮองเฮาโปรดอธิบายให้ชัดเจนด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”อู๋หลิงรีบพูดด้วยความอยากรู้ว่าพวกเขายังสามารถทำอะไรได้อีกบ้างไป๋เหยียนเฟยได้ยินเช่นนี้จึงกล่าวว่า “วิธีการที่พวกเขาเสนอนั้นง่ายมาก ขอความช่วยเหลือจากตระกูลไป๋”หลังจากพูดจบ อู๋หลิงขมวดคิ้วทันทีเขารู้เรื่องความบาดหมางระหว่างตระกูลไป๋กับฮองเฮา แล้วตระกูลไป๋จะช่วยได้อย่างไร?เรื่
หลังจากได้ฟังเช่นนี้ อู๋หลิงก็ยิ่งสับสนมากขึ้น!นี่คือ...หมายความว่าอย่างไร?ฮองเฮาพูดเรื่องเหล่านี้เพื่ออะไร?เหตุใดถึงบอกว่านางไม่ผิดหวัง?หรือว่า...นางไม่ได้เห็นด้วยหรือ? แค่ทดสอบเขาเท่านั้นหรือ?“ฮองเฮา พระองค์หมายความว่าอย่างไร?”อู๋หลิงสับสนมากจนรีบถามไป๋เหยียนเฟยได้ยินเช่นนี้จึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดตามตรง “อู๋หลิง ข้าไม่เคยทรยศต่อต้าเย่ ไม่เคยทรยศต่อฮ่องเต้ผู้ล่วงลับไปแล้ว ทั้งที่เป็นมาโดยตลอด และในอนาคตตลอดไป แต่ว่า... ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า!”หลังจากที่ไป๋เหยียนเฟยพูดเช่นนี้ อู๋หลิงก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก“ฮองเฮา กระหม่อมยังไม่เข้าใจ”ไป๋เหยียนเฟยสูดหายใจ แล้วพูดว่า “ข้าได้แอบพบกับพี่ชายของข้า และข้อตกลงให้เขายอมช่วยเหลือเรา เมื่อเรื่องนี้สำเร็จและแผ่นดินสงบ ก็จะปล่อยให้เขาเข้ามารับช่วงปกครองต้าเย่ต่อ!”“นี่คือสิ่งที่ข้าสัญญาไว้ แต่... ข้าแกล้งสัญญาเท่านั้น เจ้าเข้าใจหรือไม่?”หลังจากพูดเช่นนี้ อู๋หลิงก็ตกใจทันที“นี่... นี่มันคือการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านไม่ใช่หรือ? ถ้าตระกูลไป๋เข้ามาแทรกแซงราชสำนักแล้ว ก็คงยากที่จะกำจั
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลไป๋นี้ยังคงเป็นตระกูลที่ไป๋เหยียนเฟยเติบโตขึ้นมา นางจะสามารถทำลงคอได้จริงหรือ?ไป๋เหยียนเฟยหัวเราะ ขณะน้ำตาไหลอาบแก้ม“ข้าไม่ได้อยากตัดสินใจทำเช่นนี้เลย แต่เจ้าต้องการให้ข้าละทิ้งต้าเย่ไปหรือ? ความจริงข้าสามารถทำได้”“มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการแบกคนไร้ความสามารถไว้บนหลัง มันไม่สำคัญสำหรับข้า อย่างน้อยถ้าปล่อยให้แผ่นดินเป็นหน้าที่ของตระกูลไป๋ ทั้งข้าและชางเอ๋อร์ก็ยังสามารถมีชีวิตที่ปลอดภัยได้”“แต่ข้าสัญญากับฮ่องเต้ผู้ล่วงลับไปแล้วว่าจะปกป้องต้าเย่ของตระกูลจี ข้าไม่อาจผิดสัญญาได้!”“ถ้าเจ้าเต็มใจจะช่วยข้า ข้าก็ขอขอบคุณจากใจจริง”“แต่ถ้าเจ้าไม่เต็มใจจะช่วยข้า ข้าก็จะไม่เสียใจ”ไป๋เหยียนเฟยมองอู๋หลิงแล้วพูดตามตรง หลังจากพูดเช่นนี้ อู๋หลิงก็ถอนหายใจ ครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะพยักหน้า“เรื่องนี้… กระหม่อมจะจัดการเอง”อู๋หลิงตอบ เขาไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธไม่เพียงแต่เพื่อความมั่นคงของแผ่นดินเท่านั้น แต่ยังเพื่อความไว้วางใจของบิดาของเขาด้วยอู๋หลิงจึงเห็นด้วย แม้ว่าจะมีความละอายใจมากก็ตามในขณะนี้ เมื่อไป๋เจิ้นถังออกจากวังหลวง และกลับมายังจวนตระกูลไป๋ เขาก็กำลังนึกถึงเรื
เมื่อไป๋เฟยเฟยนึกถึงหวังหยวน รอยยิ้มจางพลันปรากฏบนใบหน้า นัยน์ตาฉายแววสนุกสนานไป๋เจิ้นถังได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก หวังหยวนกำลังจะโจมตีเซิ่งตงฉยง ขณะที่ฝ่ายเราเองก็กำลังจะเริ่มดำเนินการกับตระกูลเซิ่ง”ไป๋เฟยเฟยตกใจเมื่อได้ยินเช่นนี้“ท่านพ่อ ท่านจะให้พี่ชายลงมือหรือเจ้าคะ?”ไป๋เจิ้นถังส่ายหน้าทันที “ไม่ พ่อยังไม่อยากเปิดเผยพลังของพี่ชายของเจ้า หากเซิ่งตงฉยงถูกหวังหยวนแทรกแซง จะไม่มีกองกำลังพร้อมรบประจำในสามแคว้นของตระกูลเซิ่ง”“ตราบใดที่เรามีทหารม้าห้าหมื่นนาย เราก็สามารถกวาดล้างตระกูลเซิ่งได้”“ติดต่ออาของเจ้า บอกให้นางขอความช่วยเหลือจากอู๋หลิงอย่างเต็มที่ ส่วนฝ่ายเราจะเริ่มดำเนินการอย่างลับ ๆ เข้าโจมตีตระกูลเซิ่งจากทั้งสองทาง!”ไป๋เจิ้นถังพูดเสียงดังด้วยสีหน้าเย็นชาแม้แต่เซิ่งฟางสี่ก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะเคลื่อนไหวในตอนนี้!ในเวลาเดียวกัน หวังหยวนก็ตั้งรกรากอยู่ในเมืองหยาง พวกเขามีเพียงสิบคนเท่านั้น การซ่อนตัวอยู่ในเมืองหยางอันกว้างใหญ่แห่งนี้จึงเป็นเรื่องง่ายสิ่งแรกที่หวังหยวนทำ คือการใช้นกพิราบสื่อสารส่งจดหมายถึงหมานต๋าถูเนื่องจากเขาต้องกา
พูดตามตรงคือ...มันมากเกินไปแล้ว!สิ่งที่หมานต๋าถูเกลียดที่สุดคือตระกูลเซิ่ง!ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องยึดดินแดน เขาคงอยากจะนำทัพทหารม้าหมานอี๋ทั้งหมดไปสังหารตระกูลเซิ่ง!ฆ่าล้างบางให้หมด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต!“สั่งการให้เอ้อร์ฮานำทหารม้าห้าหมื่นนายไปซุ่มโจมตีชายแดน เพื่อรอเข้าร่วมกองกำลังของหวังหยวน!”หมานต๋าถูออกคำสั่งทันที หลังจากนั้น กองทัพหมานอี๋ห้าหมื่นนายก็เริ่มเคลื่อนตัวไปยังชายแดนเมืองสู่!ซึ่งทางฝ่ายเซิ่งตงฉยงก็ทราบข่าวนี้แล้ว“คุณชายใหญ่ หมานอี๋ได้ยกทัพมาแล้ว มีกันห้าหมื่นคน อาจบุกโจมตีเมืองสู่ของเราขอรับ!”หลังจากที่ไส้ศึกมารายงานข่าว แม่ทัพหลายคนในกระโจมใหญ่ก็เริ่มพูดกันทีละคน“คุณชายใหญ่ หมานอี๋ตั้งใจแน่วแน่มากจนกล้ายกทัพมาบุกเมืองสู่!”“ใช่ขอรับ คุณชายใหญ่ กองทัพสามหมื่นนายของพวกเรา สามารถสังหารทหารทั้งห้าหมื่นนายของฝ่ายเขาได้แน่นอน!”เหล่าแม่ทัพไม่เกรงกลัวเลย!แต่กลับยิ่งมีความฮึกเหิมในการต่อสู้มากขึ้น!ด้วยการกระทำเช่นนี้ คงคาดหวังว่าจะสามารถกวาดล้างตระกูลเซิ่งทั้งหมดได้!เมื่อได้ฟังแล้ว เซิ่งตงฉยงก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าเข้าใจสิ่งที่พวกเจ้าพูด ไม่ต้อง
ณ ชายแดนเมืองสู่เซิ่งตงฉยงนำกองทหารม้าสามหมื่นนายมาตั้งค่ายรวมตัวกันที่นี่ในเวลานี้ เอ้อร์ฮาฝั่งตรงข้ามก็ทราบข่าวแล้วว่าเซิ่งตงฉยงกำลังตั้งค่ายที่นี่ขณะนี้ใบหน้าของรองขุนพลที่อยู่ข้างกายเอ้อร์ฮาก็เคร่งเครียดทันที จากนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เซิ่งตงฉยงผู้นี้กล้ามาตั้งค่ายที่นี่จริง ๆ!”ความกังวลและความสับสนปรากฏบนใบหน้าของเขา เขามองเอ้อร์ฮาอย่าร้อนรน แล้วพูดอย่างกังวล “เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดีขอรับ เซิ่งตงฉยงนำทหารม้ามาสามหมื่นนาย มีคนมากมายจนเราไม่มีทางเอาชนะพวกเขาได้...”เมื่อเห็นรองขุนพลที่ตื่นตระหนก และมีร่องรอยของความสับสนในดวงตา เอ้อร์ฮาก็ยกยิ้มจางพลางโบกมือเบา ๆ แล้วพูดว่า “ฮ่าฮ่า ไม่มีปัญหาหรอก!”“ชายที่ชื่อเซิ่งตงฉยงคนนั้น ถ้าเขากล้าบุกมาที่นี่ เขาจะต้องตายแน่นอน!”“เอ๊ะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของรองขุนพลของเอ้อร์ฮาก็ฉายแววประหลาดใจสายตาเขาบ่งบอกว่าลังเล ก่อนจะถามด้วยความสับสน “เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้เล่าขอรับ?”ใบหน้าของเอ้อร์ฮาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่แยแส ขณะพูดด้วยรอยยิ้ม “เพราะจุดประสงค์ของข้าคือการล่อพวกเขามาที่นี่”“หากพวกเขากล้าบุกเข้
เมื่อเซิ่งตงฉยงได้ยินเช่นนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นระเบิดเสียงหัวเราะทันทีนัยน์ตาเขาฉายแววเย่อหยิ่ง หัวเราะเสร็จก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ฮ่าฮ่า เจ้ายังกล้าพูดเช่นนั้นกับข้าอีก ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ”สายตาของเซิ่งตงฉยงเต็มไปด้วยความดูหมิ่นและการเสียดสี เขาถามอย่างเหน็บแนม “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าครั้งที่แล้วข้าเอาชนะเจ้าได้อย่างไร?”ทันทีที่ได้ยินเซิ่งตงฉยงพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว ใบหน้าของเอ้อร์ฮาก็กลายเป็นเคร่งเครียดอย่างมากดวงตาของเขาฉายแววมืดมน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ครั้งที่แล้วมันเป็นเพียงเพราะโชคของเจ้าเท่านั้น”“เจ้าคิดว่าเจ้ามีโอกาสโชคดีเช่นนั้นได้ทุกครั้งหรือ?”ดวงตาของเซิ่งตงฉยงฉายแววดุร้าย เขากำหมัดแน่น มีสีหน้าดุดันขณะพูดเย้ย “ครั้งสุดท้ายข้าได้ไว้ชีวิตเจ้า แต่เจ้ากลับไม่รีบหนีกลับไปอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ทว่ายังกล้ารนหาที่ตายที่นี่อีกงั้นหรือ?”“ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว หากเจ้ารนหาที่ตายเองเช่นนี้ จงอย่าโทษข้าว่าไร้ความปรานีกับเจ้าก็แล้วกัน!”ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงโหดเหี้ยมมาก สายตาเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี
ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงเต็มไปด้วยความโกรธ ขณะนี้เขารู้สึกว่าเขาหงุดหงิดเพราะเจ้าเด็กชื่อเอ้อร์ฮาคนนี้มาก เขาอยากจะจับตัวอีกฝ่ายมาถลกหนังทั้งเป็น แล้วกรีดเลือดออกมาดื่ม และทรมานเขาให้ตายอย่างโหดเหี้ยม!ทันใดนั้นใบหน้าของเอ้อร์ฮาก็จริงจัง เขาขมวดคิ้วพูดอย่างมีเลศนัย “หากสู้กันจริง เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้หรอก เจ้าแค่รนหาที่ตายที่นี่เท่านั้น”“บอกเลยว่าด้วยทหารห้าหมื่นคนของเจ้านั้น แม้ว่าจะมีมาเพิ่มอีกห้าหมื่นคน เจ้าก็ยังไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี หากข้าต้องการสังหารเจ้า มันเป็นเรื่องง่ายที่ไม่ต้องใช้ความพยายามเลย!”คำพูดของเอ้อร์ฮาทำให้ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงมืดมนกว่าเดิมใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจจนถึงกับตะคอกว่า “เจ้าหนู จะตะโกนอยู่ที่นี่อีกนานเพียงใด?”“ตัวเจ้าเองมีความสามารถระดับใด เจ้าไม่รู้ตัวหรือ มายืนพูดเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ให้เสียเวลาจะมีประโยชน์อะไร?”ใบหน้าของเซิ่งตงฉยงมีรอยยิ้มเย็นชาน่าสะพรึงกลัว ดวงตาของเขาดูมืดมน ขณะกล่าวว่า “ถ้าเจ้ามีความสามารถจริง วันนี้เจ้าจะต่อสู้กับข้าอีกครั้งหรือไม่?”“วันนี้ลองดูอีกครั้ง ถ้าเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้จริง ๆ ก็ยังไม่สายเกินไปที