แชร์

Chapter25. บาดเจ็บ

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-18 14:06:27

            เยว่ซินเงยหน้าขึ้น นางไม่รู้ควรทำหน้าอย่างไร  จะเอ่ยทักว่า ‘พี่ใหญ่’ แต่เขาจะเชื่อหรือ? ที่ผ่านมาทุกคนล้วนเข้าใจว่านางตายพร้อมบิดามารดาและพี่ชายรองในกองเพลิงครั้งนั้นไปแล้ว

            และที่สำคัญ สถานะของนางในเวลาเรียกได้เป็นหัวขโมย แม้ไม่มีค่าหัว แต่ก็ถูกเรียกว่าโจร ส่วนพี่ใหญ่ของนางเป็นถึงนายอำเภอ หากเรื่องนี้ผู้อื่นรู้เข้า เกรงว่าตำแหน่งของพี่ใหญ่คงสั่นคลอนเป็นแน่  เขาคือคนที่เหลือเพียงคนเดียวของตระกูลเซียง นางไม่ควรให้ชื่อเสียงของสกุลเซียงมัวหมอง

            “เจ้ารู้จักเขาหรือ?”

            “แม่นางชื่อเยว่ซินหรือ?”

            “ข้า...” นางอ้ำอึ้งครู่หนึ่งแล้วหัวเราะออกมา “ข้าเป็นสตรีจู่ๆ มาถามเช่นนี้จะให้ข้าตอบอย่างไร”

            ‘เจ้าก็รู้ตัวว่าเป็นสตรีด้วยรึ’

            หันซูถามตัวเองในใจ แน่ละ เขาทำได้แค่นั้น หากส่งเสียงสักคำ อาจเป็นเขาที่ต้องรับเคราะห์

            “ขออภัยด้วย” เซียงเริ่นเจินได้สติจึงรีบกล่าวขึ้น “แม่นางคล้ายคนที่ข้ารู้จักจึงเสียมารยาทเช่นนี้”

            ‘คนรู้จัก’   รอยยิ้มของเยว่ซินแข็งค้างไป แต่จะทำอย่างไร จะให้พี่ใหญ่พูดต่อหน้าคนแปลกหน้าว่า ‘เหมือนน้องสาว’ที่ตายไปนะหรือ?  หรือต่อให้เขาพูดอะไร นางก็รู้สึกวูบไหวในอกทั้งสิ้น

            “ท่านคือ...”  หันซูพูดขึ้น “ใต้เท้าเซียงเริ่นเจิน”

            “เป็นข้าเอง”  เซียงเริ่นเจินประสานละสายตาจากหญิงสาวแล้วพบว่ามีบุรุษอีกสองคนนั่งร่วมโต๊ะอาหารอยู่ เขามือคารวะอย่างไม่ถือตน เขาสังเกตเห็นอีกฝ่ายนั่งบนรถเข็น และท่าทีดุจนักปราญก็เข้าใจได้ทันทีว่าคือผู้ใด

            “คารวะท่านราชครู ได้ยินเรื่องของใต้เท้าฉู่มามาก วันนี้ได้พบตัวจริงช่างโชคดีนัก”

            “เรื่องที่ได้ยินเรื่องดีหรือไม่ดีเล่า”  เยว่ซินพูดแทรกขึ้นแล้วยกน้ำชาขึ้นดื่ม “ถ้าเคยได้ยินชื่อของใต้เท้าฉู่ก็ต้องได้ยินเรื่องของเหอเยว่ซินด้วยสิ”

            “แม่นางแซ่เหอหรอกหรือ?”  เซียงเริ่นเจินรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แม้รู้ดีว่าน้องสาวตายจากไปแล้ว แต่ความคิดถึงที่มีต่อนางทำให้เขาไม่อาจลืมเลือนได้เลย หากนางยังอยู่ก็คงอายุพอๆ กับหญิงสาวผู้นี้

            “ใช่ ข้าคือเหอเยว่ซิน-บรรณาการที่ฮ่องเต้มอบให้ใต้เท้าฉู่ เมื่อรู้เช่นนี้แล้วใต้เท้าเซียงควรเข้าใจว่า แม้ใต้เท้าฉู่ไม่ถือตน แต่ท่านก็ไม่ควรเรียกนามเขาตรงๆ”  นางแยกเขี้ยวใส่อย่างหงุดหงิด ทำไมช่างไร้เหตุผลเช่นนี้นะ  นางก่นด่าตัวเอง แล้ววางตะเกียบ “เสี่ยวเอ้อร์! คิดเงินด้วย!”

            “ข้ายังไม่อิ่ม”  หันซูพูดขึ้นเบาๆ

            “ไม่อิ่มเจ้าก็กินไปคนเดียวสิ”   นางหันมาแยกเขี้ยวใส่หันซู “ข้าเหนื่อย ขอตัวไปพักผ่อน”

            เยว่ซินวางก้อนเงินลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นเดินจากไป แสร้งทำเป็นไม่สตรีเอาแต่ใจ เมื่อรู้ว่าพ้นสายตาของเซียงเริ่นเจินแล้ว นางก็ถอนหายใจยาวออกมาแล้วยกมือขึ้นตบหน้าอก

            ทำไมนางทำตัวงี่เง่าเช่นนี้นะ  นางดีใจที่พี่ใหญ่จำนางได้และก็เศร้าใจที่ไม่อาจแสดงตัวได้  ไม่เป็นไร แค่ทำตามคำสั่งเสียของบิดามารดาเท่านั้น แค่นางรู้ว่าพี่ใหญ่สบายดีก็พอแล้ว อย่าให้รู้เลยว่าน้องสาวคนเดียวกลายเป็นคนในหุบเขาโจรเลย.

            หญิงสาวในชุดดำอำพรางนั่งห้อยเท้าอยู่ริมหน้าต่าง เบื้องหน้าคือเวิ้งฟ้าที่ดำมืด ในมือคลึงหยกชิ้นหนึ่งไว้ด้วยท่าทีเหม่อลอย และเพราะนางใจลอยจึงไม่รู้ว่าหันซูเข็นรถเข็นพาฉู่ห่าวหรานเข้ามาในห้องพักของนาง

            “เจ้าเหม่อลอยเช่นนี้จะนำบันทึกไปคืนได้อย่างไร”

            “ใต้เท้าฉู่”   เยว่ซินตื่นจากภวังค์แล้วหันมามองชายหนุ่มที่ยามนี้  สีหน้าดีขึ้นกว่าวันแรกที่พบกันมาก นับว่าการทุ่มเทของนางไม่เสียเปล่าจริงๆ  “ท่านเป็นห่วงข้ารึ”

            “เจ้าดีกับข้า ข้าย่อมเป็นห่วงเจ้า”

            เยว่ซินเบ้ปากคล้ายไม่พอใจกับคำตอบของเขา แต่นางมิได้ใส่ใจ ทุกวันนี้เขาพูดกับนางเป็นประโยคยาวๆ ก็นับว่าดีแล้ว

            นั้นสินะ ทุกอย่างมันดีขึ้นจากวันแรกที่ได้พบกัน เขาไม่ต้องหลบหน้านาง และนางไม่ต้องตามหาเขา ทุกอย่างผ่านมานานกี่เดือนแล้ว และอีกไม่นานก็จะถึงจุดสิ้นสุดสินะ

            “มีเรื่องใดทำให้เจ้าลำบากใจได้ถึงเพียงนี้”

            “ท่านดูข้าออกถึงเพียงนี้ เหตุใดไม่รู้ว่าผู้อื่นคิดทำร้ายท่าน”  นางยิ้มทะเล้นทั้งที่พูดจาเหน็บแนมเขาอยู่ หันซูอ้าปากจะต่อว่า  แต่ฉู่ห่าวหรานยกมือขึ้นห้ามปรามอย่างรู้ทัน  เขาคลี่ยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้หญิงสาวเป็นฝ่ายเก็บคำพูดของตนไปเสีย

            “บางคนฉลาดแต่ขาดความเฉลียว บางคนรู้มากแต่รู้ไม่เท่าทันผู้อื่น บางคนรู้ทั้งรู้แต่ยอมจำนนเพียงเพราะคำว่าซื่อสัตย์ค้ำคอ”

 บุรุษหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบดุจสายน้ำ คล้ายปลงใจกับสิ่งที่ผ่านมา เวลาปีครึ่งที่ต้องทนกับบาดแผลบนร่างกาย  ทำให้เขารู้ว่าสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือจิตใจของตนเอง

            “ข้า...เข้าใจแล้ว”   เยว่ซินพูดเสียงเบาอย่างสำนึกผิด นางเป็นคนปากไวเช่นนี้ หากบิดายังอยู่ทำโทษให้นางคัดอักษรเป็นแน่ ส่วนมารดาจะทำขนมไว้รอแล้วให้พี่ใหญ่กับพี่รองแอบส่งขนมให้นาง

            “หากเจ้าไม่รังเกียจที่ข้าเบาปัญญา ถูกคนหลอกใช้มาก่อน ก็เล่าให้ข้าฟังได้”

            “แค่คิดถึงหน้าที่ของตนเอง” นางยิ้มเศร้าแล้ววาดเท้าลงมาจากขอบหน้าต่างเดินมาทรุดตัวนั่งที่พื้นเบื้องหน้าเขา “ขาของท่านดีขึ้นมากแล้ว หาโอกาสฝึกเดินสักหน่อยดีหรือไม่ ให้หันซูทำไม้เท้าให้ท่านพยุงเดิน หรือจะให้ข้าพยุงท่านเดินก็ได้นะ”

            “หากข้าเป็นภาระของเจ้า ก็จงปล่อยวางเรื่องของข้าแล้วทำในสิ่งที่เจ้าปรารถนาจะทำเถิด”

            คิ้วเรียวงามเลิกขึ้นเล็กน้อยแล้วตามด้วยรอยยิ้มสดใส “ใต้เต้าฉู่นี่ช่าง...”

            “ข้าพูดจากใจจริง คิดว่าข้าเจ้าเล่ห์หรือไร อาการของข้า เจ้าเองก็รู้ดีที่สุด”

            “บางทีข้าก็ไม่อยากให้ท่านหายดี จะได้มีเหตุผลอยู่กับท่านนานๆ แต่นั้นก็เท่ากับว่าข้าเห็นแก่ตัว อีกอย่าง เป็นท่านที่เลือกจะลุกขึ้นเดินหรือนั่งบนรถเข็นต่อไป” นางยังคงยิ้มให้เขา “ท่านเคยคิดไหมว่า หลังจากที่ร่างกายกลับมาเป็นปกติแล้วจะทำอย่างไรต่อไป กลับเมืองหลวงทำงานรับใช้ราชสำนักหรือว่าออกท่องยุทธภพเช่นพ่อบุญธรรม”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 26.สายตาอาวรณ์

    “ทั้งสองแห่งนั้นอาจไม่เหมาะกับข้า” ใบหน้าของเขายังคงอ่อนโยน “ข้าน่าจะเหมาะทุ่งนาป่าเขาเสียมากกว่า” “ท่านไม่รำคาญเสียงไก่ขันแล้วเหรอ” นางทำหน้าล้อเขาแต่อีกฝ่ายยังคงยิ้มอ่อนโยน “ท่านไม่โกรธที่ข้าทำสวนสวยๆ ของท่านกลายเป็นแปลงผัก” “เหตุใดข้าต้องรำคาญ มีเสียงไก่ขันก็เท่ากับว่ามีไข่ไก่ให้เก็บกิน มีแปลงผักก็เท่ากับมีผักสดให้กินเช่นกัน มีแต่เจ้าที่ต้องลำบากดูแลไก่และแปลงผักเหล่านั้น” “ข้าไม่ได้ลำบากเลยสักนิด” หญิงสาวยิ้มกว้างตอบด้วยใจจริง “ท่านไม่เสียดายความรู้ที่ตนเองมีหรือ?” “เจ้าพูดเองไม่ใช่หรือว่าข้าไม่ฉลาดนัก” “ข้าไม่ได้หมายความตามที่พูดเช่นนั้นเสียหน่อย” นางทำปากยื่นแล้วปรายตามองไปทางหันซู “พ่อบ้านได้ยินข้าพูดจาว่าร้ายใต้เท้าฉู่หรือไม่” “เจ้าอย่ามาลากข้าไปเกี่ยวข้องด้วย” หันซูแยกเขี้ยวใส่แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น “เช่นนั้นข้าก็พูดจริงนะ ท่านไม่เสียดายความรู้ของตนหรือ? หากท่านกลับไปทำงานรับใช้บ้านเมืองก็คงดีไม่น้อย เหล่าขุนนางก็คงไม่ใช่คนเลวไปเสียทั้งหมด ต้องมีคนดีอยู่บ้าง” “คนดี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 27 พี่ใหญ่

    “เจ้าอย่าพูดเสียงดังไป อย่างไรเสียนางก็เป็นคนที่ฮ่องเต้ประทานให้ท่านราชครูฉู่ แม้เป็นหญิงคณิกาแต่ก็ขายศิลป์ไม่ขายเรือนร่าง เราไม่ควรดูแคลนนางได้”“คุณหนูก็เป็นถึงบุตรสาวเสนาบดีจาง มิได้น้อยหน้าผู้ใดนะเจ้าค่ะ”“แม้ข้าเป็นบุตรสาวภรรยาเอก แต่ชื่อเสียงเหม็นเน่าเช่นนี้ บางที...หญิงคณิกายังดีกว่าข้าเสียอีก”“คุณหนูอย่าคิดเช่นนั้นสิเจ้าคะ”“ทำไมเล่า ข้าแค่ทำใจได้ยอมรับความเป็นจริงต่างหาก บุรุษแสนดีอย่างใต้เท้าเซียงหากมีใจให้หญิงงามและเพียบพร้อมกว่าข้า...ข้าควรยินดีให้เขาถึงจะถูก”“คุณหนู”เชี่ยวเมิ่นได้แต่ร้องขึ้นอย่างอ่อนใจ เหตุใดคุณหนูของนางไม่ลุกขึ้นสู้เช่นสตรีอื่นบ้างนะ คืนนี้มีเพียงแสงดาว ทำให้ผู้ที่เร้นกายอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ไม่ถูกผู้ใดพบเห็น แต่จะว่าไป นี่เป็นเรือนของบุตรสาวเสนาบดีจางมิใช่หรือ? เหตุใดไม่มีคนเฝ้าดูแลแม้แต่คนเดียว ซ้ำเรือนหลังนี้สภาพดีกว่าคฤหาสน์ของฉู่ห่าวหรานเล็กน้อยเท่านั้น เรือนคนรับใช้บ้านเศรษฐียังจะดีกว่ากระมังเยว่ซินได้ยินบทสนทนาของสตรีทั้งสอง ยิ่งทำให้ประหลาดใจ นางเคยพบเจอแต่คุณหนูร้ายกาจไม่น่าเข้าใกล้มาไม่น้อย มองผิวเผินนางเป็นสตรีที่ไม่พิษภัย ท่าทางเรียบร้อยน่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 28.ช่างเถอะ

    สรุปแล้วนางมีวรยุทธ์ระดับไหนกันแน่ หรือนางรู้ว่าเขาติดตามมาจึงไม่แสดงฝีมือ แต่ขนาดยอมให้ตนเองเจ็บตัวเลยหรือ? หรือเป็นเพียงข่าวลือให้คนไขว่เขว่กันเท่านั้น.ทันทีที่รู้ข่าว เซียงเริ่นเจินรีบมาเรือนของสกุลจาง เมื่อเข้ามาถึงก็พบฉู่ห่าวหรานและพ่อบ้านหันซู เขาประสานมือคารวะและเอ่ยถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หันซูจึงเล่าคราวๆ แต่เล่าความจริงไม่หมด เพียงแค่บอกว่าบังเอิญผ่านไป เซียงเริ่นเจินประหลาดใจกับ ‘บังเอิญผ่านไป’ ซึ่งเป็นความบังเอิญอย่างพอเหมาะเกินไป เวลาดึกดื่นถึงเพียงนั้นและเรือนของแม่นางจางไม่ได้อยู่ถนนเส้นหลัก แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ซักถาม “ใต้เท้าเซียง” เชี่ยวเมิ่นเดินออกมาจากห้องด้านในพร้อมอ่างน้ำที่มีคราบเลือด ทำให้เซียงเริ่นเจินใบหน้าซีดลงไปทันที “แม่นางจาง...” “คุณหนูแค่เป็นลม แต่ว่าแม่นางเหอได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ท่านหมอทำแผลให้แล้วเจ้าค่ะ” ภาพหญิงสาวท่าทางปราดเปรียวนามเหอเยว่ซินปรากฎขึ้นในหัว เซียงเริ่นเจินรู้สึกเป็นกังวลอย่างไร้เหตุผล ทั้งที่พบนางเพียงครู่เดียวเท่านั้น แต่เขารู้สึกราวกับคุ้นเคยกับนางมาก “เยว่ซินเป็นอย่างไร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 29. รบกวน

    “เช่นนั้นคงต้องรบกวนใต้เท้าเซียงแล้ว” ฉู่ห่าวหรานเอ่ยตอบ “ไม่รบกวน ไม่รบกวน” เซียงเริ่นเจินรีบพูดขึ้น “ข้าเองมีเรื่องอยากปรึกษาราชครูเช่นกัน” ฉู่ห่าวหรานพยักหน้ารับแล้วหันไปสั่งหันซู “ เจ้ากับเยว่ซินกลับไปเก็บของที่โรงเตี้ยมแล้วค่อยตามไปที่จวนนายอำเภอ” “ขอรับ” เยว่ซินอ้าปากจะบอกว่านางไม่มีสัมภาระอะไรให้เก็บ แต่เห็นสายตาของฉู่ห่าวหรานแล้ว ทำให้นางหุบปากได้ทันที ‘คนอะไร ออกคำสั่งด้วยสายตาก็ได้’ นางได้แต่พึมพำแล้วเดินตามหลังหันซู “ประเดี๋ยวก่อน” ฉู่ห่าวหรานเรียกเยว่ซินไว้ หญิงสาวรีบหมุนตัวกลับมาด้วยรอยยิ้มกว้าง ท่าทางเหมือนลูกสุนัขของนางทำให้เขาได้ลอบถอนหายใจแล้วพยักหน้าเป็นเชิงเรียกให้นางไปใกล้ๆ นางโน้มหน้าลงใกล้ริมฝีปากเขาเพราะคิดว่าเขามีเรื่องสำคัญจะพูด “บาดแผลของเจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ” “อื้ม” นางพยักหน้ารับ “คราวหน้าคราวหลังอย่าทำเช่นนี้อีก อาวุธอาจมีพิษ” “ข้าดูแล้วว่าพวกเขาไม่ใช่พิษ” รู้สึกแปลกๆ ที่ลมหายใจร้อนๆของเขาประทะใบหูของนางจนอดยกมือขึ้นแตะใบหูไม่ได้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 30.  ต้องเผชิญหน้า

    นางรับคำแล้วมองร่างเพรียวบางกระโจนหายไปนอกหน้าต่าง หญิงสาวกัดริมฝีปากครุ่นคิดอย่างลืมตัว แม่บุญธรรมเดินทางออกจากหุบเขาแมงป่องเช่นนี้ ทุกอย่างคงมีการเคลื่อนไหวแล้ว เดิมทีนางไม่คิดว่าตนเองต้องอยู่ร่วมในเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทว่าพรรคแมงป่องแดงเองก็มีบุญคุณกับนาง เลี้ยงดูสั่งสอนและฝึกฝนให้นางเป็นเช่นทุกวันนี้นางเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียง ฟูกนอนไม่นุ่มเหมือนที่หม่าเจียนอี้จัดไว้ให้นาง แต่นางก็ชินกับสภาพเตียงแข็งที่นอนไม่อุ่นมาหลายปีแล้ว มือเรียวยกขึ้นแตะหยกประจำตระกูล พี่ใหญ่มีนางในดวงใจแล้ว นางยิ่งต้องรีบมอบสิ่งนี้ส่งถึงมือของพี่ใหญ่ หยกชิ้นนี้เป็นสมบัติที่บิดามารดาฝากฝังไว้ให้ก่อนตายจากแค่เอาหยกชิ้นนี้ส่งให้พี่ชายตนเอง ทำไมรู้สึกยากเย็นอย่างนี้นะ มันไม่เหมือนที่นางเคยจิตนาการไว้เลย“แม่นางเยว่ซิน”เสียงหันซูเรียกจากด้านนอก เยว่ซินขานรับไปคำหนึ่งก่อนดีดตัวลุกขึ้นเก็บสัมภาระของตนเองแล้วเดินออกมาด้วยใบหน้าระบายยิ้ม“นี่เจ้าดูดีใจที่ได้พบหน้าใต้เท้าเซียงเสียจริงนะ” หันซูอดเหน็บแนมไม่ได้ เฮ้อ! เขากลายเป็นคนเช่นนี้ก็เพราะนางนี่แหละ“ก็ใต้เท้าเป็นคนดี ข้าได้พบคนดีๆ ก็ดีใจสิ” นางกระสับห่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 31. น้องสาว   

    “ท่านคงรู้ว่านางเป็นคนที่ฮ่องเต้ประทานให้ข้า...”“ข้าทราบดี” เขารีบพูดขึ้น“นางเป็นคณิกา...”“หากนางเป็นน้องสาวข้าจริง ข้าก็ไม่รังเกียจนาง ขอให้นางไม่รังเกียจพี่ชายที่ทอดทิ้งนางให้ต้องตกระกำลำบากก็พอ”ฉู่ห่าวหรานพยักหน้ารับ “เรื่องนี้ข้าให้คำตอบไม่ได้ เห็นทีว่าท่านคงต้องถามนางด้วยตนเอง”เซียงเริ่นเจินได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วง เขารู้ว่าไม่มีหวัง แต่นางช่างคล้ายน้องสาวของเขาเหลือเกิน หากไม่ได้ถามออกไป คงรบกวนจิตใจไม่หยุดหย่อน. ทันที่มือเรียวผลักบานประตูห้องเปิดออก ร่างของหญิงสาวก็ชะงักไปพร้อมกับกระตุกรอยยิ้มขึ้นทันที ชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มอ่อนโยนแต่ดวงตาคมปลาบคู่นี้ดักรอที่หน้าห้องอยู่นานแล้ว “ใต้เท้าฉู่” เยว่ซินทักทายชายบนรถเข็นแล้วหันไปทางพ่อบ้านอย่างขอความช่วยเหลือ แต่อีกฝ่ายยังไม่ทันรับคำทักทายใด หันซูเพียงผงกศีรษะให้เล็กน้อยแล้วเดินจากไป หญิงสาวได้แต่อ้าปากค้าง “ข้าคงเอาใบหน้าอัปลักษณ์นี้มารบกวนสายตาของเจ้าแต่เช้าสินะ” “ข้าไม่เคยคิดอะไรเช่นนั้น” นางย่นจมูกใส่ แต่ก่อนนางคิดว่าเขาเป็นคนพูดน้อย ประเดี๋ยวนี้เขาพูดเก่งกว่าแต่เดิม ที่เพิ่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21
  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter32. น้ำตา

    เยว่ซินเงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตร่วมกันมากว่าสองเดือน นางใกล้ชิดเขาด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือช่วยให้เหอเยว่ซินตัวจริงได้ใช้ชีวิตกับคนรัก สองคนทำตามที่พ่อบุญธรรมสั่งเป็นการแทนคุณที่ดูแลนาง ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าฉู่ห่าวหรานโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยื่นปลายนิ้วแตะที่แก้มเบาๆ ไม่ใช่... เขาไม่ได้แตะแก้มของนาง เขากำลังเช็ดน้ำตาให้ต่างหาก “อ๊ะ!” นางผงะไปทันทีแล้วรีบยกหลังมือขึ้นปาดใต้ดวงตา ‘น้ำตา’ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ร้องไห้ ยิ่งผ่านวันเวลาเลวร้ายมากเท่าไหร่ น้ำตาก็เหือดแห้งลงไปทุกที เมื่อวานนางบาดเจ็บยังไร้น้ำตาสักหยด แต่เวลานี้ นางกลับหลั่งน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว “อย่ากลัว เจ้าแค่ร้องไห้” “ข้า...ข้า...” “แค่น้ำตาเท่านั้น” เขายิ้มและยังคงพูดอย่างอ่อนโยน “การร้องไห้ไม่ได้หมายความว่าเจ้าอ่อนแอ เจ้าแค่เป็นคนๆ หนึ่งเท่านั้น” เยว่ซินสบตากับฉู่ห่าวหราน หลายปีที่ผ่านมา มีเพียงคำสั่งเสียของบิดามารดาแล้วที่เหนี่ยวรั้งให้นางอดทนกับทุกสิ่งที่เผชิญ ยิ่งทุกข์ใจมากเท่าไร นางจะยิ้มให้กว้างมากที่สุด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21
  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 33. มีอะไรไม่ดีรึ

    “ใช่” เยว่ซินพยักหน้าหงึกหงัก “ไม่รู้จะถูกปากพี่ เอ๊ย! ใต้เท้าเซียงหรือไม่ นี่ซุปเห็ดเยื่อไผ่บำรุงหัวใจ นี่ไก่ผัดขิง และปลานึ่งซีอิ้ว”เซียงเริ่นเจินชะงักไปเล็กน้อย อาหารเหล่านี้เป็นของโปรดที่มารดาทำให้ในวันเกิดของเขา“คุณหนูจางมากินข้าวด้วยกันเถิด”จางฮุ่ยเหมยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน แม้ใบหน้าแย้มยิ้มแต่ดูหมองเศร้า ฝืนกล้ำกลืนความปวดร้าวในอกจากนั้นหันไปพูดกับเชี่ยวเมิ่น“ข้ามาเยี่ยมแม่นางเห่อและนำขนมและผลไม้มาขอบคุณที่เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้” นางไม่มีทรัพย์สมบัติใดจะตอบแทน มีเพียงแค่ขนมกับสาลี่ที่เด็ดจากด้านหลังของเรือนเท่านั้น“เรื่องเล็กน้อย ข้าเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก” เยว่ซินรีบพูดยื่นมือไปรับกล่องขนมแล้วเปิดดู ดวงตากลมโตเบิกกว้างราวกับเด็กน้อย “ขนมดอกกุ้ย ของโปรดของข้าเลยนะ น่ากินจริง มาๆ เชิญนั่งๆ ข้าทำอาหารไว้เยอะ กินอิ่มแน่นอน”‘ขนมดอกกุ้ย ของโปรดของข้าเลยนะ’ได้ยินเพียงประโยคนี้ หัวใจเซียงเริ่นเต้นไม่เป็นจังหวะ นางช่างคล้าย... ไม่สิ นางเหมือนน้องเล็กของเขามากจริงๆเยว่ซินวางกล่องขนมแล้วจูงมือจางฮุ่ยเหมยมาใกล้กับเซียงเริ่นเจิน ส่วนนางนั่งข้างฉู่ห่าวหราน นางมองดูพี่ใหญ่และว่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21

บทล่าสุด

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 46. บทส่งท้าย 2 (จบ)

    “แล้ว...ท่าน...ท่านพี่ชอบข้าตรงไหน ทำไมท่านอยากแต่งงานกับข้า”‘ถามเอาตอนนี้มิช้าไปหน่อยหรือเจ้าลิงน้อย’ฉู่ห่าวหรานคลี่ยิ้มอ่อนโยน “ข้าชอบเวลาที่มีเจ้าอยู่ข้างกาย”แม้มีบิดาเป็นบัณฑิต แต่เยว่ซินไม่ได้ลึกซึ้งกับถ้อยคำที่ต้องคิดสลับซับซ้อน ขณะที่นางคิดทบทวนคำพูดของเขา ปลายนิ้วของชายหนุ่มก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกที่ละชิ้น กว่านางจะรู้ตัว บนร่างก็เหลือเพียงเอี๊ยมสีแดงปิดบังบัวตูมคู่งาม“อ๊ะ!” เยว่ซินได้สติรีบยกมือขึ้นปิดทรวงอกแล้วหันหลังให้ เขาไม่เคยฝึกยุทธ์ไม่ใช่หรือ? เหตุใดเปลื้องเสื้อผ้ารวดเร็วถึงเพียงนี้เพราะหันหลังให้ เขาจึงเห็นรอยแผลเป็นสีชมพูจางๆ บนแผ่นหลังของนาง เด็กอายุสิบขวบได้รับบาดแผลขนาดนี้ นางต้องอดทนมากกว่าเขาหลายร้อยหลายพันเท่ากว่าจะผ่านมันมาได้ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำลายรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะของนางได้เลย นั้นคือสิ่งที่เขาเรียนรู้จากนางฉู่ห่าวหรานโน้มหน้าลงประทับริมฝีปากกับรอยแผลของนางเบาๆ เยว่ซินสะดุ้งแต่ไม่กล้าเอี้ยวตัวกลับมามอง นางลืมไปเสียสนิทใจว่าตนหันหลังให้เขา“แผลอยู่ด้านหลังคงใส่ยาลำบากสินะ” เขาพูดเสียงพร่าชวนให้คนฟังหวั่นไหวพลางแกะสายเอี๊ยมเส้นเล็กด้านหลังขอ

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 45. บทส่งท้าย 1.

    ‘คุณชายฉินฝากบอกคุณหนูว่า เมื่อถึงเวลาขายผลผลิตจะเป็นคนรับซื้อไว้เองขอรับ’ หม่าเจียนอี้รายงานตามที่ฉินเฟยหลงกำชับไว้ ‘เขาจะต้องการไปทำไมเยอะแยะ’ แรกทีเดียวนางไม่เข้าใจนัก แต่หลังจากมู่หงเทียน มู่ยี่และฉินเฟยหลงเดินทางจากไปได้ราวสองเดือน นางได้ข่าวว่าในวังหลวงเกิดก่อกฎบ แต่ครั้งนี้ไม่สูญเสียเท่าที่ผ่านมา เนื่องจากหลายฝ่ายทนพฤติกรรมฮ่องเต้ทรราชไม่ไหว รวมทั้งต้องการโคนล้มอำนาจเสนาบดีฝ่ายซ้าย ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ถึงเวลานี้นางคาดเดาได้แล้วว่าฉินเฟยหลงแท้จริงแล้วเป็นใคร แต่ช่างเถอะ อย่างไรนางอยู่ที่นี่ไกลเมืองหลวงมาก หากไม่เพราะการข่าวของโรงรับจำนำเจิ้งจิงดีเยี่ยม นางคงไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไปที่กว่าจะรู้ข่าวก็ผ่านมานานนับเดือน เพราะความใจลอยคิดเรื่องอื่น ทำให้เยว่ซินเผลอเหยียบชายกระโปรงตนเอง นางเสียจังหวะเล็กน้อย แต่มือข้างหนึ่งยืนมาประคองนางไว้ก่อน “ไหวหรือไม่” น้ำเสียงอ่อนโยนเจือนความห่วงใย ทำให้เยว่ซินรู้ว่ามือที่ประคองนางอยู่คือใคร ทว่านางมองที่พื้นเห็นรองเท้าบุรุษยืนใกล้ม

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 44. เจ้าจะไปไหน

    มู่หงเทียนคืนหยกชิ้นนั้นให้เซียงเริ่นเจิน “หยกชิ้นนี้เป็นหยกลายเมฆที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนประทานให้” ฉินเฟยหลงปรายตามองเล็กน้อยก่อนเผยรอยยิ้ม “เอาเป็นว่า วันข้างหน้า หากพวกเจ้าต้องการล้างมลทินหาคนผิดมาลงโทษ ข้าจะช่วยเจ้าเต็มที่” เซียงเริ่นเจินไม่รู้ว่าที่แท้ฉินเฟยหลงเป็นใคร รู้เพียงว่าเขามีลักษณะโดดเด่นเหนือคนทั่วไป แต่ลึกๆ เขากลับรู้สึกมีความหวัง การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แม้เขาเป็นขุนนางแต่ก็คาดหวังเห็นความสุขของชาวบ้านเหนือสิ่งอื่นใด “เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว พวกเราต้องเดินทาง” มู่หงเทียนเอ่ยกับทุกคน แต่สายตาหยุดที่ฉู่ห่าวหราน “ข้าหวังใจว่าเจ้าจะกลับไปช่วยงานอีกครั้ง” ฉู่ห่าวหรานไม่ได้ปากตอบรับ เขาเพียงส่งยิ้มน้อยๆ แล้วประสานมือคารวะ “ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย” หลังจากสิ้นสุดการสนทนา ทั้งหมดออกมาส่งมู่หงเทียน มู่ยี่และฉินเฟยหลงขึ้นรถม้า ทว่ายังมีรถม้าโกโรโกโสคุ้นตารออยู่ไม่ไกล เยว่ซินจำได้ดีว่าเป็นรถม้าของฉู่ห่าวหราน “ทำไมรถม้าของท่านมาอยู่ตรงนี้” “ข้าเองก็ต้องกลับคฤหาสน์เชิงเขาแล้ว” “

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 43. ไขว่คว้าความสุข

    ฉู่ห่าวหรานตื่นจากภวังค์พลิกฝ่ามือหงายขึ้นแล้วประสานมือกับนางแล้วส่งยิ้มอ่อนโยน “ข้าไม่ได้เป็นอะไร เจ้าอย่ากังวลใจไปเลย” ท่าทีสนิทสนมและอาการห่วงใยเต็มเปี่ยมนี้ ทำเอาพ่อและแม่บุญธรรมรวมทั้งฉินเฟยหลง นั่งยิ้มกริ่มแม้แต่หันซูที่เคยไม่ชอบนิสัยไร้มารยาทของนางยังยอมรับว่า ทั้งคู่เหมาะสมกันยิ่ง คู่สวรรค์สร้างเช่นนี้ไม่แต่งงานกันได้อย่างไร เยว่ซินเพิ่งรู้ว่าตกเป็นเป้าสายตาจึงคิดชักมือกลับแต่ฉู่ห่าวหรานบีบมือนางไว้ไม่ยอมปล่อย จะว่าไป นางมีเรี่ยวแรงมากกว่าเขา แต่ทำไม นางไม่สามารถดึงมือตนเองกลับมาได้ การที่เขากุมมือไว้มันรู้สึกดีเหลือเกิน “เด็กโง่” มู่ยี่หัวเราะร่า พอใจที่เห็นว่าที่ลูกเขยใส่ใจลูกสาวบุญธรรมอย่างดี “บุรุษที่ดีเช่นนี้ต้องรีบคว้าไว้สิ ” “พวกท่านไม่เข้าใจ” นางหมายถึงบาดแผลไฟไหม้บนแผ่นหลังของนาง เป็นสามีภรรยา ยามร่วมหอต้องเปลือยกายแล้วเขาเห็นแผลเป็นของนางจะไม่หมดเสน่หาไปหรือ? แม้ฉู่ห่าวหรานยืนยันว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ แต่นางยังเป็นกังวลอยู่ดี “แผลเป็นของฉู่ห่าวหรานรักษาได้ แผลเป็นของเจ้าก็รักษาได้เช่นก

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 42. พี่เขย

    “ขออภัยแม่นางเหอ ตอนนี้จิตใจของข้าอยู่ที่การดูแลซินเอ๋อร์ คงไม่มีใจไปทำสิ่งอื่นได้” “ซะ...ซิน...ซินเอ๋อร์” เยว่ซินทำตาปริบๆ ไม่คิดว่าเขาจะเรียกนางสนิทสนมอย่างนี้ “คุณชายฉินเรียกเจ้าว่าซินเอ๋อร์ได้แล้วข้าเรียกไม่ได้รึ” ฉู่ห่าวหรานยังคงน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาจ้องเขม็งที่นางทำให้หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าหงุดจนคางแทบชิดอก ท่าทางของเยว่ซินทำให้ฉินเฟยหลงหัวเราะด้วยความพอใจ “เรียกซินเอ๋อร์นั้นเหมาะสมแล้ว” ฉินเฟยหลงพอใจที่เห็นฉู่ห่าวหรานแสดงท่าทีชัดเจนเช่นนี้ ก็คงมีลิงน้อยโง่งมของเขาที่ดูไม่ออกหรือไรว่าอีกฝ่ายมีใจให้นาง “เอาล่ะ ข้ามาเพื่อกล่าวลา และหวังใจว่าจะได้พบท่านราชครูฉู่ที่เมืองหลวง ท่านมิต้องรีบให้คำตอบข้า แค่เมื่อถึงวันนั้น ข้าจะถามท่านอีกครั้ง” “ขอบคุณคุณชายฉิน” ฉินเฟยหลงผงกศีรษะให้เล็กน้อย แล้วจับท่อนแขนของเหอเยว่ซิน กึ่งลากกึ่งจูงออกมาทันที ไม่น่าเชื่อเลยว่า เขาเตือนนางแล้ว แต่นางยังกล้าทอดสะพานให้ฉู่ห่าวหรานอีก สตรีผู้นี้น่าชังยิ่งนัก “เอ๊ะ!” “ยังจะอยู่อีกเรอะ” เหอเยว่ซินกัดริมฝีปากไม่กล้าโต้เถียงอะไร ได้แต่ปล่อยให้เขาลากออกมา ฉู่ห่าวหรานถอนใจเบาๆ ในห้องเหลือเพียงเขา

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 41. คนมีแผลอยู่ด้วยกันไม่ดีหรือไร

    “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรไม่รู้ มาช่วยข้าเตรียมอาหารเถิด” “ได้เจ้าค่ะ ฮูหยิน” “เชี่ยวเมิ่น!” เสียงหัวเราะหวานใสของทั้งสองคนทำให้ห้องครัวเล็กๆ ดูอบอุ่นขึ้น เชี่ยวเมินติดตามจางฮุ่ยเหมยมานาน ลำบากมาด้วยกันก็มาก นางได้แต่หวังว่านายของตนจะพบความสุขเสียที. ฉินเฟยหลงเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของหญิงสาวก็เดาความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายได้ แม้ใบหน้าระบายยิ้มแต่ดวงตาเปล่งประกายความไม่พอใจอยู่หลายส่วน “แม่นางเหอ” เจ้าของชื่อตัวจริงถึงกับสะดุ้ง เหอเยว่ซินที่ยืนอยู่หลังบานประตูที่แง้มอยู่ มือที่ประคองถาดขนมหวานสั่นน้อยๆ เมื่อเห็นว่าผู้มาเป็นใคร นางก็คลี่ยิ้มอ่อนหวานแล้วเอ่ยทักทาย “คุณชายฉินเฟยหลง” แม้เขาจะยิ้มแต่ดวงตาไม่ยิ้ม ชายหนุ่มไม่ได้เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตน เขาคลี่พัดในมือโบกเบาๆ แสร้งทำเป็นมองเข้าไปด้านใน“อ่อ...ท่านราชครูฉู่อยู่กับซินเอ๋อร์ที่นี่เองหรือ? แหม...ดูเอาใจใส่ซินเอ๋อร์ดีเหลือเกิน” ชายหนุ่มลอบสังเกตสีหน้าของเหอเยว่ซินแล้วพูดต่อ “เจ้าคงคิดสินะว่า ที่ตรงนั้นควรเ

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 40.กลัวการผิดหวัง

    “เหลวไหล” เซียงเริ่นเจินขึงตาดุใส่น้องสาว “เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง เจ้าถึงต้องตกระกำลำบากเช่นนี้ และหากไม่ได้ท่านมู่หงเทียนและประมุขมู่ยี่แล้ว เจ้าจะลำบากมากขนาดไหน พวกเขาทั้งสองก็เสมือนผู้มีพระคุณของข้าด้วย” “พี่ใหญ่” “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เจ้าคือน้องสาวของข้าเซียงเริ่นเจิน หากใครกล้าดูถูกเจ้าก็เหมือนดูถูกข้าเช่นกัน” “ใต้เท้าเซียงให้นางพักผ่อนอีกนิดเถอะ เมื่อครู่นางฟื้นมาก็บ่นหิว รบกวนท่านให้ทางโรงครัวส่งอาหารอ่อนๆ ให้นางได้หรือไม่” “ได้ๆ ข้าจะไปดูด้วยตนเอง วันนี้เจ้ายังไม่แข็งแรงดี กินโจ๊กไปก่อน ประเดี๋ยวหายดี พี่ใหญ่จะทำเกี้ยวไส้ผักที่เจ้าชอบให้เอง” “ข้าชอบไส้ผักที่ไหนกัน” นางเบ้ปากใส่ แต่เซียงเริ่นเจินหัวเราะร่า “ใช่ๆ เจ้าไม่ชอบกินผัก เป็นพี่ใหญ่ที่รับหน้าที่กินแทนเจ้าทุกครั้งไป” เขารู้แต่แกล้งหยอกนางเล่น “เกี้ยวกุ้งคำโตๆ” “หัวสิงโตตุ๋นผักกาดขาวด้วย” “ได้ๆ” เซียงเริ่นเจินอารมณ์ดียิ้มแก้มแทบปริ “เจ้าอย่าเพิ่งซุกซน ประเดี๋ยวพี่จะยกโจ๊กร้อนๆ มาให้” เยว่ซินมองร่างสูงโปร

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 39.  ความทรงจำ

    “มีอะไร!” นางหัวเราะร่ายกนิ้วขึ้นปัดปลายจมูกของตนเล่น “ข้าก็แค่เอาคืน โทษฐานที่ทำให้ข้าหน้าคะมำ” ห่าวอู๋ยันกายขึ้นด้วยความโมโห เพราะต้องพิษทำให้ไม่อาจใช้ วรยุทธ์ได้เต็มที่ เขาตวัดดาบใส่หมายฟาดร่างนางไปสองท่อน เยว่ซินถอยหลังหลบทันที นางเห็นกระบี่ตกข้างกายคนตายจึงหยิบขึ้นมาใช้รับดาบที่ฟาดใส่ แรงสะท้อนทำเอามือเล็กชาแต่นางเกร็งกำลังรับไว้ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นที่ใบหน้า นึกเสียใจที่ไม่ฝึกเพลงยุทธ์ให้มากกว่านี้ ทว่ากระบี่เล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาช่วยนางไว้ได้ทัน เซียงเริ่นเจินพลิ้วกายต่อสู้ได้รื่นไหลราวสายน้ำ เยว่ซินไม่คิดว่าพี่ใหญ่จะมีวิทยายุทธ์ล้ำเลิศกว่านางนัก ‘ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่รอง พวกท่านดูพี่ใหญ่ของเราสิ! ช่างเก่งกาจองอาจสง่างามอะไรอย่างนี้’ เซียงเริ่นเจินฝึกวรยุทธ์เพื่อป้องกันตัว เรื่องที่เขาขัดแย้งกับบิดาอยู่บ่อยๆ คือเขาเป็นคนชอบฝึกเพลงยุทธ์แต่บิดาไม่สนับสนุน เมื่อหนีออกจากบ้านได้เขาไปอาศัยที่วัดแห่งหนึ่ง ได้พบไต้ซือผู้หนึ่งช่วยชี้แนะทำให้เขาผู้ไม่มีพื้นฐานได้สามารถฝึกฝนได้ทันผู้อื่น เพียงเพื่อเอาชนะคำพูดของบิดา เขายอมลำบากฝึกทั้งบ

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 38. ยังไม่ตาย

    ชายในชุดดำผลักไหล่หญิงสาวให้มายืนด้านหน้า แต่เพราะเจ้าของร่างบอบบางหวาดกลัวจนไร้เรี่ยวแรงจึงเกือบหน้าคะมำไป “เบามือหน่อย ประเดี๋ยวก็ช้ำหมด” หงเหมาตานคือชายร่างหมีในห่มหนังสัตว์ตวาดลูกน้อง เขาลุกขึ้นหมายจะประคองสาวงาม แต่หญิงสาวกลับกระถดกายหนีอย่างน่าสงสาร ชายอีกคนถึงกับหัวเราะออกมา “เจ้าก็ทำให้นางกลัวเหมือนกัน” ห่าวอู๋หัวเราะร่ายกสุราขึ้นดื่มแล้วจึงโน้มกายลงไปใกล้ร่างหญิงสาวที่สั่นระริก “ขออภัยด้วยคุณหนูจาง ความจริงพวกเราไม่ได้สนใจเจ้านักหรอก แต่เพราะสตรีพรหมจรรย์หายากยิ่ง อีกทั้งได้ยินว่าเจ้าถูกบิดาหมางเมิน หากเป็นอะไรไปก็ไม่มีใครออกตามหากระมัง” ทั้งสองประสานเสียงหัวเราะเย้ยเยาะโชคชะตาของหญิงสาว เสียงหัวเราะของมัน ทำให้หญิงสาวที่อยู่ในกรงขังที่มีลักษณะคล้ายกรงนกขนาดใหญ่ด้านข้างมีอาการหวาดผวา ทว่าบางคนยังเหม่อลอยด้วยถูกกลิ่นกำยานมอมเมาให้จิตล่องลอย ปลายนิ้วของห่าวอู๋ยื่นไปหมายเชยคางหญิงสาวให้เงยหน้าเพื่อชื่นชมความงามของนาง ก่อนจะส่งไปรีดเลือดทำยาอายุวัฒนะ เพียงหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ดวงตาของนางไร้ความหวาดกลัว ทำให้อีกฝ่ายผงะไป

DMCA.com Protection Status