เย่หนานโจวคิดอยู่ครู่หนึ่งและเลือกที่จะไปกับเจียงซิงถง “ไปกันเถอะ”เพราะแบบนี้เวินหนี่จึงถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เธอไม่มีความคิดที่จะอยู่เผชิญหน้ากับผู้ช่วยของเจียงซิงถงในห้องส่วนตัวและยิ่งคิดขึ้นมาได้ว่างานเลี้ยงครบรอบหนึ่งเดือนของลูกชายของเยว่เผิงเฟยได้ถูกเลื่อนเข้ามาเร็วขึ้น และถังเยาจะต้องไปแน่นอน ดังนั้นเธอจึงติดต่อถังเยาขณะเดินออกไปยังไม่ทันได้ต่อสายหาถังเยา ก็มีคนเห็นเธอเข้าเสียก่อน “โอ้ นั่นเวินหนี่เพื่อนร่วมชั้นของเราไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้เป็นถึงเลขาของประธานเย่ ลืมไปแม้กระทั่งพื้นฐานความเป็นมนุษย์!”“ก็นั่นน่ะสิ! ให้เงินสองหมื่นห้ากับเพื่อนนักเรียนตง บอกว่าตัวเองมีธุระมาไม่ได้ แต่ตอนนี้กลับมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่”“ไม่เห็นเหรอว่าเมื่อกี้เธอออกมาจากห้องส่วนตัว?”“ชิ! ไม่อยากมาเจอเพื่อนร่วมชั้น แต่มีเวลาเหลือเฟือที่จะรับใช้คนใหญ่คนโต!”…เดิมทีเวินหนี่ไม่คิดจะสนใจเรื่องนี้ แต่ไม่คิดเลยว่าคนพวกนี้จะพูดคำพูดรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆแถมยังเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นในวิทยาลัยของเธอ แต่กลับพูดคำพูดที่ไม่น่าฟังยิ่งนัก ดวงตาที่เย็นชาของเวินหนี่กวาดมองพวกเธอ “หุบปากเน่า ๆ ของพวกเธอไปซะ และห
แม้ว่าจะจับคนเหล่านี้เข้าคุกไม่ได้ แต่แค่การตักเตือนนั้นทำได้แน่ “เวินหนี่ ไม่มีใครเลวทรามเท่าเธออีกแล้ว!”“คนที่เลวทรามคือพวกเธอต่างหาก! ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน พวกเธอคงรุมเวินหนี่ไปแล้ว!” ลู่เซินด่าผู้หญิงเหล่านั้นอย่างไม่พอใจ“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงจะชั่วร้ายต่อกันได้ถึงขนาดนี้”“พวกเราปกป้องตัวเองไม่ได้หรือไง?”ผู้หญิงผมสั้นยังคงหยิ่งผยองมากลู่เซินอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เวินหนี่ก็ห้ามเขาไว้แล้วพูดว่า “พูดกับพวกที่ไร้มนุษยธรรมเหล่านี้ไปก็ไร้ความหมาย”หัวใจของลู่เซินกระตุกเพราะว่าเวินหนี่ดึงแขนเขา!แม้ว่ามันจะไม่ได้มีความหมายอะไร แต่สำหรับเขา เวินหนี่คือผู้หญิงที่เขาชอบมากที่สุด และเธอก็เป็นคนที่เขาไม่สามารถรักได้แค่เวินหนี่ทำกับเขาแบบนี้ เขาก็มีความสุขมาก ๆ แล้ว แต่ฉากนี้ถูกเย่หนานโจวที่กลับมาเห็นเข้าอย่างชัดเจน ดวงตาของเย่หนานโจวเต็มไปด้วยความเยือกเย็น เขาโกรธไปทั้งตัวเจียงซิงถงที่อยู่ข้าง ๆ สังเกตเห็นสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจนว่านี่คือความหึงหวงของของผู้ชาย ยิ่งกว่านั้นคือความโกรธ“เลขาเวิน แค่พริบตาเดียวทำไมถึงได้มีคนมากมายอยู่ตรงหน้าคุณแบบนี้ล่ะคะ?” ใบหน้าข
เวินหนี่ตอบ “ช่างเถอะ ไม่จำเป็นหรอก”บางครั้งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจเย่หนานโจวสักเท่าไรแค่มาพบปะเพื่อนร่วมชั้น เย่หนานโจวก็โกรธตึงตัง หากเขายอมฟังคำอธิบาย ก็คงไม่หันหลังแล้วจากไปแบบนั้นหรอก“ลู่เซิน เมื่อกี้ขอบคุณนายมากนะ”ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของลู่เซินก็ช่วยเธอแก้ปัญหาได้ลู่เซินยิ้มเบา ๆ “ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไรเลย”ขณะที่ลู่เซินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เวินหนี่ก็แทรกขึ้นก่อนว่า “ฉันขอตัวกลับไปห้องส่วนตัวก่อนนะ ไว้ฉันจะเลี้ยงข้าวนายวันหลังหากมีเวลา”“พรุ่งนี้ตอนบ่ายฉันว่าง”เขารู้ว่าเวินหนี่แค่พูดไปตามมารยาท แต่เขาคิดจริงจังเวินหนี่นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “งั้นพรุ่งนี้ฉันจะส่งที่อยู่ให้”“ตกลง”ลู่เซินยิ้มและมองดูเวินหนี่จากไป…แม้ว่าเย่หนานโจวจะหันกลับไป และเจียงซิงถงก็ตามอยู่ข้างหลังเขาแต่เขาไม่ได้เข้าไปชมการแสดงดอกไม้ไฟพร้อมกับเจียงซิงถงเขาหยุดเดินและเว้นระยะห่างกับเจียงซิงถงทันที “คุณเจียง ผมไม่มีความสนใจในการแสดงดอกไม้ไฟ หากคุณต้องการให้ใครสักคนไปด้วย ผมจะให้ผู้ช่วยของผมเข้าไปกับคุณ”จู่ ๆ เจียงซิงถงก็รู้สึกสับสน “ประธานเย่ เมื่อกี้เราคุยกันแล้
ตอนที่เขาเข้ารับตำแหน่งนี้ เผยชิงก็อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างเวินหนี่กับเย่หนานโจวให้เขาฟังอย่างละเอียดตั้งแต่ขึ้นมาบนรถเย่หนานโจวก็สูบบุหรี่ไม่หยุดนี่ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังมีปัญหากัน บวกกับที่เย่หนานโจวสั่งให้ลูกน้องติดตามเวินหนี่อย่างใกล้ชิด รวมถึงที่เย่หนานโจวอยากเปิดประตูรถลงไปเมื่อกี้ด้วย เขาเห็นมันทั้งหมดเย่หนานโจวหรี่ตาลงเขาเพียงแค่เหลือบมองคนขับรถคนใหม่เขาตัวสูงมาก ผอมมาก และมีผิวคล้ำนิดหน่อยความเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่หนานโจว “เผยชิงไม่ได้บอกกฎให้นายฟังงั้นเหรอ?”คนขับก้มตัวลง “ผู้ช่วยเผยบอกผมแล้วครับ ประธานเย่ ผมไม่ควรพูดคำเหล่านี้ แต่ผมเคยเสียใจมาก่อน ผมกับภรรยาก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ผมทะเลาะกับเธอและเข้าใจเธอผิด ผมไม่เคยยอมเธอ ส่วนเธอก็ไม่อธิบายอะไร ต่อมาเมื่อผมออกจากไปหาเงิน เธอก็ท้องลูกของคนอื่นแล้วผมก็สูญเสียเธอไปตลอดกาล”เย่หนานโจวเม้มริมฝีปาก หลังจากเงียบไปไม่กี่วินาที เขาก็พูดขึ้นเสียงต่ำ “ออกรถ”สถานการณ์ของคนขับรถจะเกิดขึ้นกับเขาไม่ได้ เขาไม่มีทางยอมให้เวินหนี่ตั้งท้องลูกของคนอื่นเด็ดขาด!เวินหนี่ในเวลานั้น แม้ว่าเธอจะอ
เวินหนี่สงบนิ่ง “ฉันพูดความจริงค่ะ”“แก…”เย่ซูเฟินโกรธมากจนกัดฟันกรอด แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอยู่นอกประตู ก่อนจะเห็นเย่หนานโจวเดินเข้ามาจากด้านนอก“หนานโจว ลูกกลับมาพอดี ดูสิว่าภรรยาที่ดีของลูกต่อล้อต่อเถียงแม่แค่ไหน ไม่มีการศึกษาเอาซะเลย!” เธอลุกขึ้นและรีบเข้าไปฟ้องเย่หนานโจวเย่หนานโจวสาวเท้ายาว ดวงตาลึกมองไปที่เวินหนี่ ก่อนจะมองไปที่เย่ซู่เฟิน “ถ้าคุณไม่ไปยุ่งกับเธอ แล้วเธอจะเถียงคุณได้ยังไง ตลอดเวลาที่อยู่กับผมเวินหนี่อ่อนโยนเสมอ”เขาเดินไปหาเวินหนี่ในไม่กี่ก้าวร่างสูงใหญ่ราวกับภูเขาของเขาทำให้เวินหนี่รู้สึกถูกกดทับ และสิ่งสำคัญที่สุดคือกลิ่นบุหรี่ที่รุนแรงบนร่างกายของเขาเธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน เย่ซูเฟินก็โกรธจนแทบจะกระทืบเท้า “นี่ลูกไม่สนใจว่าแม่จะเป็นหรือตายเลยใช่ไหม!”“ขึ้นไปรอฉันข้างบน” เย่หนานโจวพูดกับเธอเวินหนี่ได้สติอีกครั้ง และขึ้นไปข้างบนตามที่เขาบอก ในห้องนั่งเล่นเหลือเพียงเย่ซูเฟินและเย่หนานโจวเย่ซูเฟินเข้าประเด็น “เย่หนานโจว ลูกจะหลบแม่ไปถึงเมื่อไหร่?”เย่หนานโจวหัวเราะเยาะ “ใครสอนให้คุณใช้คำแบบนี้
เขาสั่งเธอแบบนี้ แล้วเขาเคยบอกกับตัวเองบ้างหรือเปล่า?เย่หนานโจวขมวดคิ้ว “ฉันทำไม?”เวินหนี่มองเขาและไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่บางทีเธออาจไม่มีความกล้ามากพอที่จะเผชิญกับความจริงเธอกำหมัดแน่นแล้วมองไปทางอื่น “ไม่มีอะไรค่ะ”เย่หนานโจวเห็นว่าสีหน้าของเธอดูแปลกไป และดูลังเลที่จะถามอะไรกับเขา เหมือนเธอมีบางอย่างอยู่ในใจเขากำลังจะถามเธอ แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงคะ!” คนรับใช้เรียกเย่หนานโจวอดไม่ได้ที่จะเดินไปเปิดประตูคนรับใช้ยื่นบัตรเชิญให้กับเย่หนานโจว “คุณผู้ชาย นี่คือบัตรเชิญจากตระกูลกู้ค่ะ”มีคำว่า “อายุยืน” เขียนอยู่“ลงไปได้”เย่หนานโจวเปิดบัตรเชิญ มันเป็นคำเชิญจากคุณปู่กู้สำหรับวันเกิดครบรอบ 70 ปีของเขาเขารู้จักคุณปู่กู้มานาน แต่แทบจะไม่ค่อยได้ไปร่วมงานวันเกิดของเขาเลยพวกเขาเข้าใจกันโดยปริยาย และไม่ไปรบกวนอีกฝ่ายมากเกินไปการส่งคำเชิญมาในครั้งนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญของคุณปู่กู้ด้วย เขาควรเข้าร่วมและเนื่องจากคุณปู่กู้เคยเป็นทหารมาก่อน เขาจึงประหยัดไม่ชอบความฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองครั้งนี้มันคงเป็นแค่การทานอาหารเย็นกับครอบครัวเท่านั้น และ
เวินหนี่เดินเข้าไป ก่อนจะหยิบชุดเดรสออกมาจากถุงของขวัญมันเป็นชุดเดรสสีเขียวเข้มแบบกระโปรงบาน ดีไซน์เกาะอกที่ท่อนบน เนื้อผ้าก็ใส่สบาย เธอได้อ่านนิตยสารแฟชั่นเมื่อเร็ว ๆ นี้เจอว่ามันเป็นชุดระดับไฮเอนด์ที่ออกแบบโดยนักออกแบบชื่อดังถึงเธอจะลืมชื่อ แต่เธอก็รู้ว่าเสื้อผ้าที่คนผู้นั้นออกแบบราคาตั้งต้นอยู่ที่สิบล้านบาทจู่ ๆ เธอก็นึกถึงชุดของลู่ม่านเซิงที่เย่หนานโจวใช้เงินห้าล้านซื้อให้เธอ เวินหนี่มองเขาแล้วถามว่า “คงจะแพงมากเลยใช่ไหมคะ”เงินเป็นเพียงตัวเลขสำหรับเย่หนานโจว สิ่งที่เขาต้องการคือความสุขของเวินหนี่ “ตอนที่เห็นฉันคิดว่ามันเหมาะกับเธอมาก”“แล้วชุดที่คุณซื้อให้ลู่ม่านเซิงก็เหมาะกับเธอด้วยเหมือนกันใช่ไหมคะ?” เวินหนี่ถามออกไปอย่างไม่ทันได้คิด ก่อนจะนึกเสียใจทีหลังที่พูดออกไปแบบนั้นทำไมจู่ ๆ เธอถึงพูดถึงเรื่องนี้กันล่ะ มันทำให้พวกเขากระอักกระอ่วนกันหมดเธอเม้มริมฝีปาก คิดว่าเย่หนานโจวจะตำหนิเธอที่พูดมากเกินไป และว่าเธอเป็นคนใจแคบ แต่ทันใดนั้นเธอก็ไม่ได้ยินเสียงเขาพูดอะไรสิ่งนี้ทำให้เวินหนี่รู้สึกสับสนและอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาแต่เธอกลับเห็นว่ามุมปากของเขายกขึ้น แ
แต่เวินหนี่ก็สังเกตเห็นสิ่งที่ผิดปกติ เย่หนานโจวพูดนิ่ง ๆ ตามปกติแต่มันมีความเฉยเมย แฝงไปด้วยความจำใจหรือบางทีเธออาจจะคิดมากไปเองเธอแก้นิสัยชอบวิเคราะห์อารมณ์ของเย่หนานโจวจากคำพูดของเขาไม่หายสักทีเวินหนี่ใส่ใจกับความรู้สึกของเขา ซึ่งเธอไม่ควรกังวลมากนักเมื่อเดินเข้าไปในตระกูลกู้ ก็มีคนมาถึงมากมายแล้ว ประมาณสิบกว่าคนได้บางคนใส่สูท บางคนสวมเครื่องแบบทหารที่ดูไม่ธรรมดาคุณปู่กู้สวมชุดเสื้อคลุมจีน มันไม่ใช่ชุดใหม่ แต่ให้ความรู้สึกถึงยุคสมัยตามที่เย่หนานโจวกล่าวไว้ว่าคุณปู่กู้เป็นคนประหยัดคุณปู่กู้กำลังคุยกับคนเหล่านั้นอย่างมีความสุข เมื่อเขาเห็นเย่หนานโจวและเวินหนี่เข้ามา เขาก็ยิ้มขึ้นทันที “โอ้ หนานโจวมาแล้วเหรอ แม่หนูเวินก็มาด้วย”เขาถือไม้เท้าและยืนขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อทักทายพวกเขาเวินหนี่เดินเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัวเพราะไม่อยากให้คุณปู่กู้ต้องเหนื่อยมากนัก “คุณปู่กู้!”“แม่หนูเวิน” คุณปู่กู้มองเธอแล้วพูดต่อว่า “วันนี้แต่งตัวสวยจริง ๆ ในที่สุดหนานโจวเจ้าเด็กคนนี้ก็เต็มใจซื้อชุดสวย ๆ ให้เธอสักทีนะ!”เขาพูดหยอกล้อ เวินหนี่ยิ้มและพูดว่า “ครั้งที่แล้วที่เจอกันหนูอยู่ในเวลา
อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส
[ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา
ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ
เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู
เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ
เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน
นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล
เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน
เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม