แต่เวินหนี่ก็สังเกตเห็นสิ่งที่ผิดปกติ เย่หนานโจวพูดนิ่ง ๆ ตามปกติแต่มันมีความเฉยเมย แฝงไปด้วยความจำใจหรือบางทีเธออาจจะคิดมากไปเองเธอแก้นิสัยชอบวิเคราะห์อารมณ์ของเย่หนานโจวจากคำพูดของเขาไม่หายสักทีเวินหนี่ใส่ใจกับความรู้สึกของเขา ซึ่งเธอไม่ควรกังวลมากนักเมื่อเดินเข้าไปในตระกูลกู้ ก็มีคนมาถึงมากมายแล้ว ประมาณสิบกว่าคนได้บางคนใส่สูท บางคนสวมเครื่องแบบทหารที่ดูไม่ธรรมดาคุณปู่กู้สวมชุดเสื้อคลุมจีน มันไม่ใช่ชุดใหม่ แต่ให้ความรู้สึกถึงยุคสมัยตามที่เย่หนานโจวกล่าวไว้ว่าคุณปู่กู้เป็นคนประหยัดคุณปู่กู้กำลังคุยกับคนเหล่านั้นอย่างมีความสุข เมื่อเขาเห็นเย่หนานโจวและเวินหนี่เข้ามา เขาก็ยิ้มขึ้นทันที “โอ้ หนานโจวมาแล้วเหรอ แม่หนูเวินก็มาด้วย”เขาถือไม้เท้าและยืนขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อทักทายพวกเขาเวินหนี่เดินเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัวเพราะไม่อยากให้คุณปู่กู้ต้องเหนื่อยมากนัก “คุณปู่กู้!”“แม่หนูเวิน” คุณปู่กู้มองเธอแล้วพูดต่อว่า “วันนี้แต่งตัวสวยจริง ๆ ในที่สุดหนานโจวเจ้าเด็กคนนี้ก็เต็มใจซื้อชุดสวย ๆ ให้เธอสักทีนะ!”เขาพูดหยอกล้อ เวินหนี่ยิ้มและพูดว่า “ครั้งที่แล้วที่เจอกันหนูอยู่ในเวลา
“ทำไมถึงไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงมาก่อนเลยล่ะ?” เวินหนี่คิดอาจเป็นเพราะสัญญาระหว่างพวกเขาสองคนที่ว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของอีกฝ่ายมากเกินไปเกินความจำเป็นยังไงซะเขาเองก็มักไม่เปิดเผยเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่นานเธอก็ถอนสายตากลับมาทันใดนั้นเสียงเรียบ ๆ ของใครบางคนก็ดังขึ้น “คุณปู่กู้ เราทุกคนเข้าใจความหมายของท่านดี และเราก็ไม่ได้อยากจะพูดไร้สาระ แต่ความจริงอยู่ตรงหน้า ผู้หมวดเจี่ยนก็แค่รู้สึกไม่ยุติธรรมแทนท่าน ยังไงท่านก็เป็นถึงผู้อาวุโส รู้จักกันมาก็ตั้งนาน แต่ดูเหมือนว่าหนานโจวจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับท่านเลย”เวินหนี่ฟังคนเหล่านี้ และดูเหมือนเขาจะกัดเย่หนานโจวไม่ปล่อย เธอมองไปที่เย่หนานโจวอีกครั้งและพบว่าเขายังคงเงียบอยู่ตามนิสัยของเขา เขาไม่มีทางปล่อยให้คนเหล่านี้พูดจาไร้สาระตรงหน้าเขาแน่ คงเป็นเพราะเขาเห็นแก่คุณปู่กู้ เพราะยังไงคนเหล่านี้ก็คือคนสนิทของเขา“หนานโจว อย่าว่านะที่เรามีความคิดแบบนี้ ยังไงพวกเราก็เคยผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน ไม่ว่านายจะถ่อมตัวมากแค่ไหน แต่นายจะไม่แจ้งเรื่องสำคัญอย่างการแต่งงานให้เรารู้เลยเหรอ หรือว่างานแต่งงานนี้นายไม่เต็มใจ?” ริมฝีปากของเจี่ยนซื่อเ
“น้องสะใภ้ แก้วนี้ขอดื่มให้กับเธอ”ขณะเดียวกัน เจี่ยนซื่อเฟิงก็ยื่นแก้วเหล้าให้กับเวินหนี่เย่หนานโจวยื่นมือข้างหนึ่งไปโอบไหล่ของเธอ ส่วนอีกข้างก็หยิบแก้วเหล้าจากมือของเจียนซื่อเฟิง “เธอแพ้แอลกอฮอล์ ฉันจะดื่มแทนเธอเอง”เย่หนานโจวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและดื่มเหล้าในมือหมดภายในอึกเดียวคนอื่นเริ่มส่งเสียงแซว “โอ้โห ดูหนานโจวสิ เมื่อก่อนตอนอยู่ในค่าย ลำบากลำบน กล้ารุกกล้าบุก เป็นชายที่มีภาพลักษณ์แข็งแกร่ง ตอนนี้ยอมทำทุกอย่างเพื่อภรรยาตัวน้อย โอ้ เหล็กถูกหลอมจนกลายเป็นคนอ่อนโยนแล้วเหรอเนี่ย!”“ก็นั่นนะสิ”“หนานโจว ในเมื่อพาเธอมาให้พวกเรารู้จักแล้วแล้วจะจัดฃานแต่งใหม่เมื่อไหร่ล่ะ คู่หนุ่มสาวยังไม่ได้จัดงานแต่งงานใช่ไหม? เมื่อถึงเวลานั้น ฉันจะเอาซองแดงใบใหญ่ไปแลกเหล้าดื่มที่งานของนายแน่!”เวินหนี่มองดูคนเหล่านั้นที่กำลังยิ้มแย้มสามารถมองออกได้ว่าแม้เมื่อกี้พวกเขาจะไม่พอใจเย่หนานโจว แต่ก็คลี่คลายลงหลังจากได้ยินคำพูดของคุณปู่กู้ และบางคนก็มีความรู้สึกที่จริงใจต่อเขาเธอยังคงยิ้มบาง ๆริมฝีปากบางของเย่หนานโจวขยับช้า ๆ “หากได้วันแล้วฉันจะบอกทันที”“ต้องอย่างนั้นสิ! การแต่งงานเป็นเรื
กู้อีอีเดินตรงไปหาเย่หนานโจว “ครั้งก่อนตอนอยู่ในงานของคุณอา ฉันยังไม่ทันได้คุยอะไรกับพี่เลย พี่ก็รีบร้อนกลับไปก่อน คราวนี้พี่คงจะอยู่สักสองสามวันใช่ไหมคะ?”เธอคล้องแขนของเย่หนานโจว โดยทิ้งเวินหนี่ไว้ข้างหลังในงานเลี้ยงเธอไม่ได้มีความประพฤติแบบนี้ เพราะเธอไม่รู้ว่าเวินหนี่เป็นคนแบบไหนและในตอนนั้น เธอก็ให้สัญญากับคุณอาว่าจะช่วยลองใจเย่หนานโจว หลายปีที่ผ่านมาเธอถือว่าเย่หนานโจวเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเธอเลยเต็มใจที่จะช่วยเหลือตอนนี้เย่หนานโจวมีภรรยาแล้ว ดังนั้นเธอก็ควรปฏิบัติต่อเวินหนี่อย่างดีเหมือนพี่สะใภ้แต่เธอไม่ชอบเวินหนี่เธอได้ยินจากเพื่อนของเธอว่าเวินหนี่เป็นตัวคนที่ไม่ธรรมดาในที่ทำงาน เธอใช้ตำแหน่งกดขี่ข่มเหงผู้อื่น และยังจองหองอีกด้วย!ได้ยินมาว่าแม่ของเย่หนานโจวก็ไม่ชอบเธอก่อนหน้านี้เธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานของเย่หนานโจวเลยด้วยแต่ตอนนี้พอมาคิดดู การที่ไม่รู้มันก็ดีกว่าเมื่อนึกถึงว่าในอนาคตเธอจะต้องเผชิญหน้ากับพี่สะใภ้ที่มีอำนาจขนาดนี้ เธอไม่อยากโดนรังแก หากพวกเขาหย่ากันได้ก็ยิ่งดี“อยู่ไม่นานหรอก” เย่หนานโจวยื่นมือผลักกู้อีอีออกไปและเตือนขึ้น “มีคนอยู่ท
เธอซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของคุณปู่กู้ทันที อย่างต้องการการปลอบประโลมคุณปู่กู้จับใบหน้าของเธอและตรวจดูอย่างละเอียด มันเป็นเพียงรอยขีดข่วนเล็กน้อยบนผิว ไม่ถึงกับทำให้เสียโฉม “แผลเล็ก ๆ ไม่เป็นไร อีอี คนเยอะแยะขนาดนี้หยุดร้องไห้ได้แล้ว”“คุณปู่” กู้อีอีสูดจมูก “คุณปู่ต้องเอาเรื่องให้หนูนะคะ”ก่อนที่คุณปู่กู้จะพูดอะไร เจี่ยนซื่อเฟิงก็พูดขึ้นว่า “อีอีได้รับบาดเจ็บ ตั้งแต่เด็กมา คุณปู่กู้ไม่เคยปล่อยให้เธอลำบากเลย ใครก็ตามที่กล้ารังแกเธอ ฉันคนหนึ่งละที่จะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด!”เวินหนี่มองไปที่เจียนซื่อเฟิง เขาตัวใหญ่มาก ถ้าเขาลงมือจริง ๆ เธอก็จะเป็นเพียงมดเท่านั้นเธอเยาะเย้ยตัวเองโดยไม่รู้ตัว แต่เย่หนานโจวก็จับมือเธอไว้พร้อมกับจ้องไปที่เจียนซื่อเฟิง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายคิดว่าข้างหลังเวินหนี่ไม่มีใครหนุนหลังงั้นเหรอ?”เวินหนี่มองเย่หนานโจว และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไรเกี่ยวกับเขา เขาก็นิ่งเงียบและไม่เคยตอบโต้ แต่หากเธอถูกรังแก เขาก็จะออกมายืนหยัดเพื่อเธอทันที ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครก็ตามเจียนซื่อเฟิงมองไปที่เย่หนานโจวด้วยแววตาเจือโทสะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เวินหนี่ไม่พูดอะไรเพิ่มเติมอีก คุณปู่กู้พูดถูก การทำร้ายคนอื่นมันง่าย แต่ผลลัพธ์มักไม่เป็นอย่างที่หวัง“ขอโทษค่ะ พี่สะใภ้” กู้อีอีกล่าว“ไม่เป็นไร ฉันให้อภัย” เวินหนี่ตอบด้วยน้ำใจอันกว้างขวางคุณปู่กู้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกพอใจมาก อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นความผิดร้ายแรงนัก จึงกล่าวว่า “รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้ว ที่กลัวคือไม่รู้ว่าผิด แบบนี้แหละถึงจะเป็นคนที่น่าเคารพ ต่อไปอย่าทำเรื่องแบบนี้อีกนะ”กู้อีอีพูดอย่างอ่อนน้อม “ทราบแล้วค่ะคุณปู่ ต่อไปหนูจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่สะใภ้แน่นอน”หญิงสาวพูดพลางคล้องแขนเวินหนี่ต้องทำให้คุณปู่กู้เห็นว่าเธอและเวินหนี่เข้ากันได้ดี และเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกเมื่อเห็นเช่นนี้ คุณปู่กู้ก็ยิ้มออกมา “ดี ๆ เข้าหากันบ่อย ๆ นะ”เวินหนี่รู้สึกไม่ค่อยชินนักความกระตือรือร้นที่มาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ย่อมมีเบื้องหลังเป็นแน่ แต่โชคดีที่กู้อีอีไม่ได้ทำอะไรเกินเลยเธอแค่แสดงท่าทางให้คุณปู่กู้เห็น เพื่อไม่ให้ท่านไม่สบายใจ“คุณปู่คะ วันนี้เป็นวันเกิดครบ 70 ปี อย่าโมโหเลยนะคะ หลานขออวยพรให้คุณปู่มีความสุขเหมือนลมตะวันออกที่พัดมา อายุยืนยาวเหมือนภูเ
เย่หนานโจวเดินเข้ามาหาเวินหนี่ที่กำลังยืนรับลม ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ชินแล้ว ก็เลยไม่คิดจะเปลี่ยนอะไร ยังไงก็เหมือนเดิม”เหมือนเดิม?อะไรที่เหมือนเดิม?เวินหนี่คิดว่าเธอรู้จักเขาดีพอแล้ว แต่กลับพบว่าเขายังมีความลับอีกมาก เธอจึงมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของเขา “ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ทำแบบนี้กับคุณเหรอ? คุณถูกกีดกันออกจากพวกเขาใช่ไหม?”ทำไมนะ? ทั้ง ๆ ที่คนพวกนั้นอายุมากกว่าเย่หนานโจวมากพวกเขาทะนุถนอมกู้อีอีมาก แล้วทำไมถึงไม่อ่อนโยนกับเย่หนานโจวบ้างตอนที่เขาไปเป็นทหาร เขาน่าจะอายุยังน้อยมากเย่หนานโจวตอบ “ต่อไปเราคงเจอพวกเขาไม่บ่อยนัก ไม่ต้องกังวลไปหรอก”“คุณไม่เคยบอกฉันเลยว่าคุณเคยเข้ากองทัพ”เย่หนานโจวมองไปที่เวินหนี่ “เคยอยู่กับหน่วยทหาร แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นการเข้ากองทัพ ตอนนั้นไม่มีใครดูแลฉัน คุณปู่กู้ก็เลยรับฉันไว้”เวินหนี่รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก “ทำไมล่ะ? คนในครอบครัวไม่ดูแลคุณเลยเหรอ?”เย่หนานโจวตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ทุกคนยุ่ง ไม่มีเวลาหรอก”เวินหนี่เม้มริมฝีปาก รู้สึกไม่เข้าใจนัก ต่อให้ยุ่งแค่ไหนเขาก็น่าจะได้อยู่ที่ตระกูลเย่นี่ยังต้องให้คุณปู่กู้ดูแลอีกช่วงหนึ่งด้ว
“อีอี ขอบคุณเธอมากนะ ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะดีกับฉันขนาดนี้” ปลายสายกล่าวขอบคุณ “ทำให้เธอต้องลำบากอีกแล้ว”กู้อีอีพูดว่า “ไม่ต้องขอบคุณหรอก คนที่รังแกเธอก็เหมือนรังแกฉัน ฉันก็ต้องช่วยเพื่อนเต็มที่อยู่แล้ว จะไม่ยอมให้คนเลวได้ชัยชนะหรอกนะ”“ฉันแค่บ่นกับเธอเฉย ๆ เธอกลับเก็บไปใส่ใจ ฉันรู้สึกซาบซึ้งจริง ๆ เธอดีกับฉันขนาดนี้ การมีเพื่อนอย่างเธอนี่ดีมากจริง ๆ” ปลายสายพูดด้วยความซาบซึ้งกู้อีอีเป็นแบบนี้มาตลอดเธอมักจะจริงใจกับเพื่อนเสมอตั้งแต่เล็กจนโต เธอถูกเลี้ยงดูอย่างประคบประหงม ไม่เคยผ่านความลำบากเรื่องร้าย ๆ ในจิตใจคนก็ยิ่งไม่เคยได้สัมผัสเมื่อได้ยินว่าเพื่อนโดนรังแก สิ่งแรกที่เธอคิดคือการออกหน้าช่วยเหลือแม้ว่าในท้ายที่สุด เธอจะต้องเจ็บตัวเองแต่เธอก็ไม่เคยเสียใจ ครั้งหน้าเธอก็จะทำแบบนี้อีกปลายสายพูดต่อว่า “ไม่รู้ว่าเธอพอจะมีเวลาไหม ฉันอยากจะชวนเธอไปกินข้าวเพื่อขอบคุณเธอ”“มีสิ” กู้อีอีกล่าวขณะนอนอยู่บนเตียง “เมื่อไหร่ก็ได้เลยถ้าเธอมีเวลา แต่อย่าขอบคุณเลย เราเป็นเพื่อนกันนี่ เพื่อนก็ควรจะช่วยเหลือกันอยู่แล้ว”ทั้งสองคนคุยโทรศัพท์กันอยู่นานปลายสายก็พูดถึงเรื่องไม่ดีของเวินหนี
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ