แม้ว่าจะจับคนเหล่านี้เข้าคุกไม่ได้ แต่แค่การตักเตือนนั้นทำได้แน่ “เวินหนี่ ไม่มีใครเลวทรามเท่าเธออีกแล้ว!”“คนที่เลวทรามคือพวกเธอต่างหาก! ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน พวกเธอคงรุมเวินหนี่ไปแล้ว!” ลู่เซินด่าผู้หญิงเหล่านั้นอย่างไม่พอใจ“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงจะชั่วร้ายต่อกันได้ถึงขนาดนี้”“พวกเราปกป้องตัวเองไม่ได้หรือไง?”ผู้หญิงผมสั้นยังคงหยิ่งผยองมากลู่เซินอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เวินหนี่ก็ห้ามเขาไว้แล้วพูดว่า “พูดกับพวกที่ไร้มนุษยธรรมเหล่านี้ไปก็ไร้ความหมาย”หัวใจของลู่เซินกระตุกเพราะว่าเวินหนี่ดึงแขนเขา!แม้ว่ามันจะไม่ได้มีความหมายอะไร แต่สำหรับเขา เวินหนี่คือผู้หญิงที่เขาชอบมากที่สุด และเธอก็เป็นคนที่เขาไม่สามารถรักได้แค่เวินหนี่ทำกับเขาแบบนี้ เขาก็มีความสุขมาก ๆ แล้ว แต่ฉากนี้ถูกเย่หนานโจวที่กลับมาเห็นเข้าอย่างชัดเจน ดวงตาของเย่หนานโจวเต็มไปด้วยความเยือกเย็น เขาโกรธไปทั้งตัวเจียงซิงถงที่อยู่ข้าง ๆ สังเกตเห็นสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจนว่านี่คือความหึงหวงของของผู้ชาย ยิ่งกว่านั้นคือความโกรธ“เลขาเวิน แค่พริบตาเดียวทำไมถึงได้มีคนมากมายอยู่ตรงหน้าคุณแบบนี้ล่ะคะ?” ใบหน้าข
เวินหนี่ตอบ “ช่างเถอะ ไม่จำเป็นหรอก”บางครั้งเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจเย่หนานโจวสักเท่าไรแค่มาพบปะเพื่อนร่วมชั้น เย่หนานโจวก็โกรธตึงตัง หากเขายอมฟังคำอธิบาย ก็คงไม่หันหลังแล้วจากไปแบบนั้นหรอก“ลู่เซิน เมื่อกี้ขอบคุณนายมากนะ”ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของลู่เซินก็ช่วยเธอแก้ปัญหาได้ลู่เซินยิ้มเบา ๆ “ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไรเลย”ขณะที่ลู่เซินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เวินหนี่ก็แทรกขึ้นก่อนว่า “ฉันขอตัวกลับไปห้องส่วนตัวก่อนนะ ไว้ฉันจะเลี้ยงข้าวนายวันหลังหากมีเวลา”“พรุ่งนี้ตอนบ่ายฉันว่าง”เขารู้ว่าเวินหนี่แค่พูดไปตามมารยาท แต่เขาคิดจริงจังเวินหนี่นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “งั้นพรุ่งนี้ฉันจะส่งที่อยู่ให้”“ตกลง”ลู่เซินยิ้มและมองดูเวินหนี่จากไป…แม้ว่าเย่หนานโจวจะหันกลับไป และเจียงซิงถงก็ตามอยู่ข้างหลังเขาแต่เขาไม่ได้เข้าไปชมการแสดงดอกไม้ไฟพร้อมกับเจียงซิงถงเขาหยุดเดินและเว้นระยะห่างกับเจียงซิงถงทันที “คุณเจียง ผมไม่มีความสนใจในการแสดงดอกไม้ไฟ หากคุณต้องการให้ใครสักคนไปด้วย ผมจะให้ผู้ช่วยของผมเข้าไปกับคุณ”จู่ ๆ เจียงซิงถงก็รู้สึกสับสน “ประธานเย่ เมื่อกี้เราคุยกันแล้
ตอนที่เขาเข้ารับตำแหน่งนี้ เผยชิงก็อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างเวินหนี่กับเย่หนานโจวให้เขาฟังอย่างละเอียดตั้งแต่ขึ้นมาบนรถเย่หนานโจวก็สูบบุหรี่ไม่หยุดนี่ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังมีปัญหากัน บวกกับที่เย่หนานโจวสั่งให้ลูกน้องติดตามเวินหนี่อย่างใกล้ชิด รวมถึงที่เย่หนานโจวอยากเปิดประตูรถลงไปเมื่อกี้ด้วย เขาเห็นมันทั้งหมดเย่หนานโจวหรี่ตาลงเขาเพียงแค่เหลือบมองคนขับรถคนใหม่เขาตัวสูงมาก ผอมมาก และมีผิวคล้ำนิดหน่อยความเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่หนานโจว “เผยชิงไม่ได้บอกกฎให้นายฟังงั้นเหรอ?”คนขับก้มตัวลง “ผู้ช่วยเผยบอกผมแล้วครับ ประธานเย่ ผมไม่ควรพูดคำเหล่านี้ แต่ผมเคยเสียใจมาก่อน ผมกับภรรยาก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ผมทะเลาะกับเธอและเข้าใจเธอผิด ผมไม่เคยยอมเธอ ส่วนเธอก็ไม่อธิบายอะไร ต่อมาเมื่อผมออกจากไปหาเงิน เธอก็ท้องลูกของคนอื่นแล้วผมก็สูญเสียเธอไปตลอดกาล”เย่หนานโจวเม้มริมฝีปาก หลังจากเงียบไปไม่กี่วินาที เขาก็พูดขึ้นเสียงต่ำ “ออกรถ”สถานการณ์ของคนขับรถจะเกิดขึ้นกับเขาไม่ได้ เขาไม่มีทางยอมให้เวินหนี่ตั้งท้องลูกของคนอื่นเด็ดขาด!เวินหนี่ในเวลานั้น แม้ว่าเธอจะอ
เวินหนี่สงบนิ่ง “ฉันพูดความจริงค่ะ”“แก…”เย่ซูเฟินโกรธมากจนกัดฟันกรอด แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอยู่นอกประตู ก่อนจะเห็นเย่หนานโจวเดินเข้ามาจากด้านนอก“หนานโจว ลูกกลับมาพอดี ดูสิว่าภรรยาที่ดีของลูกต่อล้อต่อเถียงแม่แค่ไหน ไม่มีการศึกษาเอาซะเลย!” เธอลุกขึ้นและรีบเข้าไปฟ้องเย่หนานโจวเย่หนานโจวสาวเท้ายาว ดวงตาลึกมองไปที่เวินหนี่ ก่อนจะมองไปที่เย่ซู่เฟิน “ถ้าคุณไม่ไปยุ่งกับเธอ แล้วเธอจะเถียงคุณได้ยังไง ตลอดเวลาที่อยู่กับผมเวินหนี่อ่อนโยนเสมอ”เขาเดินไปหาเวินหนี่ในไม่กี่ก้าวร่างสูงใหญ่ราวกับภูเขาของเขาทำให้เวินหนี่รู้สึกถูกกดทับ และสิ่งสำคัญที่สุดคือกลิ่นบุหรี่ที่รุนแรงบนร่างกายของเขาเธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน เย่ซูเฟินก็โกรธจนแทบจะกระทืบเท้า “นี่ลูกไม่สนใจว่าแม่จะเป็นหรือตายเลยใช่ไหม!”“ขึ้นไปรอฉันข้างบน” เย่หนานโจวพูดกับเธอเวินหนี่ได้สติอีกครั้ง และขึ้นไปข้างบนตามที่เขาบอก ในห้องนั่งเล่นเหลือเพียงเย่ซูเฟินและเย่หนานโจวเย่ซูเฟินเข้าประเด็น “เย่หนานโจว ลูกจะหลบแม่ไปถึงเมื่อไหร่?”เย่หนานโจวหัวเราะเยาะ “ใครสอนให้คุณใช้คำแบบนี้
เขาสั่งเธอแบบนี้ แล้วเขาเคยบอกกับตัวเองบ้างหรือเปล่า?เย่หนานโจวขมวดคิ้ว “ฉันทำไม?”เวินหนี่มองเขาและไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่บางทีเธออาจไม่มีความกล้ามากพอที่จะเผชิญกับความจริงเธอกำหมัดแน่นแล้วมองไปทางอื่น “ไม่มีอะไรค่ะ”เย่หนานโจวเห็นว่าสีหน้าของเธอดูแปลกไป และดูลังเลที่จะถามอะไรกับเขา เหมือนเธอมีบางอย่างอยู่ในใจเขากำลังจะถามเธอ แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงคะ!” คนรับใช้เรียกเย่หนานโจวอดไม่ได้ที่จะเดินไปเปิดประตูคนรับใช้ยื่นบัตรเชิญให้กับเย่หนานโจว “คุณผู้ชาย นี่คือบัตรเชิญจากตระกูลกู้ค่ะ”มีคำว่า “อายุยืน” เขียนอยู่“ลงไปได้”เย่หนานโจวเปิดบัตรเชิญ มันเป็นคำเชิญจากคุณปู่กู้สำหรับวันเกิดครบรอบ 70 ปีของเขาเขารู้จักคุณปู่กู้มานาน แต่แทบจะไม่ค่อยได้ไปร่วมงานวันเกิดของเขาเลยพวกเขาเข้าใจกันโดยปริยาย และไม่ไปรบกวนอีกฝ่ายมากเกินไปการส่งคำเชิญมาในครั้งนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญของคุณปู่กู้ด้วย เขาควรเข้าร่วมและเนื่องจากคุณปู่กู้เคยเป็นทหารมาก่อน เขาจึงประหยัดไม่ชอบความฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองครั้งนี้มันคงเป็นแค่การทานอาหารเย็นกับครอบครัวเท่านั้น และ
เวินหนี่เดินเข้าไป ก่อนจะหยิบชุดเดรสออกมาจากถุงของขวัญมันเป็นชุดเดรสสีเขียวเข้มแบบกระโปรงบาน ดีไซน์เกาะอกที่ท่อนบน เนื้อผ้าก็ใส่สบาย เธอได้อ่านนิตยสารแฟชั่นเมื่อเร็ว ๆ นี้เจอว่ามันเป็นชุดระดับไฮเอนด์ที่ออกแบบโดยนักออกแบบชื่อดังถึงเธอจะลืมชื่อ แต่เธอก็รู้ว่าเสื้อผ้าที่คนผู้นั้นออกแบบราคาตั้งต้นอยู่ที่สิบล้านบาทจู่ ๆ เธอก็นึกถึงชุดของลู่ม่านเซิงที่เย่หนานโจวใช้เงินห้าล้านซื้อให้เธอ เวินหนี่มองเขาแล้วถามว่า “คงจะแพงมากเลยใช่ไหมคะ”เงินเป็นเพียงตัวเลขสำหรับเย่หนานโจว สิ่งที่เขาต้องการคือความสุขของเวินหนี่ “ตอนที่เห็นฉันคิดว่ามันเหมาะกับเธอมาก”“แล้วชุดที่คุณซื้อให้ลู่ม่านเซิงก็เหมาะกับเธอด้วยเหมือนกันใช่ไหมคะ?” เวินหนี่ถามออกไปอย่างไม่ทันได้คิด ก่อนจะนึกเสียใจทีหลังที่พูดออกไปแบบนั้นทำไมจู่ ๆ เธอถึงพูดถึงเรื่องนี้กันล่ะ มันทำให้พวกเขากระอักกระอ่วนกันหมดเธอเม้มริมฝีปาก คิดว่าเย่หนานโจวจะตำหนิเธอที่พูดมากเกินไป และว่าเธอเป็นคนใจแคบ แต่ทันใดนั้นเธอก็ไม่ได้ยินเสียงเขาพูดอะไรสิ่งนี้ทำให้เวินหนี่รู้สึกสับสนและอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาแต่เธอกลับเห็นว่ามุมปากของเขายกขึ้น แ
แต่เวินหนี่ก็สังเกตเห็นสิ่งที่ผิดปกติ เย่หนานโจวพูดนิ่ง ๆ ตามปกติแต่มันมีความเฉยเมย แฝงไปด้วยความจำใจหรือบางทีเธออาจจะคิดมากไปเองเธอแก้นิสัยชอบวิเคราะห์อารมณ์ของเย่หนานโจวจากคำพูดของเขาไม่หายสักทีเวินหนี่ใส่ใจกับความรู้สึกของเขา ซึ่งเธอไม่ควรกังวลมากนักเมื่อเดินเข้าไปในตระกูลกู้ ก็มีคนมาถึงมากมายแล้ว ประมาณสิบกว่าคนได้บางคนใส่สูท บางคนสวมเครื่องแบบทหารที่ดูไม่ธรรมดาคุณปู่กู้สวมชุดเสื้อคลุมจีน มันไม่ใช่ชุดใหม่ แต่ให้ความรู้สึกถึงยุคสมัยตามที่เย่หนานโจวกล่าวไว้ว่าคุณปู่กู้เป็นคนประหยัดคุณปู่กู้กำลังคุยกับคนเหล่านั้นอย่างมีความสุข เมื่อเขาเห็นเย่หนานโจวและเวินหนี่เข้ามา เขาก็ยิ้มขึ้นทันที “โอ้ หนานโจวมาแล้วเหรอ แม่หนูเวินก็มาด้วย”เขาถือไม้เท้าและยืนขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อทักทายพวกเขาเวินหนี่เดินเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัวเพราะไม่อยากให้คุณปู่กู้ต้องเหนื่อยมากนัก “คุณปู่กู้!”“แม่หนูเวิน” คุณปู่กู้มองเธอแล้วพูดต่อว่า “วันนี้แต่งตัวสวยจริง ๆ ในที่สุดหนานโจวเจ้าเด็กคนนี้ก็เต็มใจซื้อชุดสวย ๆ ให้เธอสักทีนะ!”เขาพูดหยอกล้อ เวินหนี่ยิ้มและพูดว่า “ครั้งที่แล้วที่เจอกันหนูอยู่ในเวลา
“ทำไมถึงไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงมาก่อนเลยล่ะ?” เวินหนี่คิดอาจเป็นเพราะสัญญาระหว่างพวกเขาสองคนที่ว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของอีกฝ่ายมากเกินไปเกินความจำเป็นยังไงซะเขาเองก็มักไม่เปิดเผยเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่นานเธอก็ถอนสายตากลับมาทันใดนั้นเสียงเรียบ ๆ ของใครบางคนก็ดังขึ้น “คุณปู่กู้ เราทุกคนเข้าใจความหมายของท่านดี และเราก็ไม่ได้อยากจะพูดไร้สาระ แต่ความจริงอยู่ตรงหน้า ผู้หมวดเจี่ยนก็แค่รู้สึกไม่ยุติธรรมแทนท่าน ยังไงท่านก็เป็นถึงผู้อาวุโส รู้จักกันมาก็ตั้งนาน แต่ดูเหมือนว่าหนานโจวจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับท่านเลย”เวินหนี่ฟังคนเหล่านี้ และดูเหมือนเขาจะกัดเย่หนานโจวไม่ปล่อย เธอมองไปที่เย่หนานโจวอีกครั้งและพบว่าเขายังคงเงียบอยู่ตามนิสัยของเขา เขาไม่มีทางปล่อยให้คนเหล่านี้พูดจาไร้สาระตรงหน้าเขาแน่ คงเป็นเพราะเขาเห็นแก่คุณปู่กู้ เพราะยังไงคนเหล่านี้ก็คือคนสนิทของเขา“หนานโจว อย่าว่านะที่เรามีความคิดแบบนี้ ยังไงพวกเราก็เคยผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน ไม่ว่านายจะถ่อมตัวมากแค่ไหน แต่นายจะไม่แจ้งเรื่องสำคัญอย่างการแต่งงานให้เรารู้เลยเหรอ หรือว่างานแต่งงานนี้นายไม่เต็มใจ?” ริมฝีปากของเจี่ยนซื่อเ
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ