เย่หนานโจวขมวดคิ้วแน่นก่อนจะก้าวเดินเข้าไปใกล้ลู่ม่านเซิง "คิดมากเกินไปแล้ว โจวเสี่ยวหลินทำตัวเอง มันไม่เกี่ยวกับเธอเลย ทำไมต้องทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้?"ลู่ม่านเซิงกำมือแน่นจนฝ่ามือจิกเข้าหากัน เธอก้มหน้าพึมพำเบา ๆ "นั่นมันชีวิตคนทั้งคน ฉันเห็นกับตา ฉันไม่สามารถทำเหมือนไม่เห็นอะไรได้เลย...หนานโจว ชีวิตช่างเปราะบางเหลือเกิน"เย่หนานโจวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ทุกอย่างมันมีเหตุและผลของมัน ถ้าเธอยังเป็นแบบนี้ฉันคงต้องหาจิตแพทย์ให้เธอแล้ว" เขายืนอยู่ไม่ไกลจากเธอ ร่างสูงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดของเขามองลงมาด้วยสายตาเย็นชาที่แฝงด้วยความห่างเหินลู่ม่านเซิงตกใจ เสียงของเธอสั่นเครือและแหบพร่า "หนานโจว อย่า อย่าเรียกจิตแพทย์นะ ถ้าคุณทำแบบนั้น แล้วละครที่ฉันกำลังถ่ายอยู่จะเป็นยังไง? ทีมงานจะยอมรับคนบ้าที่ไหนกัน! ฉันไม่สามารถร้องเพลงได้เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่ฉันไม่อยากสูญเสียโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้เฉิดฉายต่อหน้าผู้คนไป ฉันขอร้องล่ะ..."ลู่ม่านเซิงพยายามคุกเข่าครึ่งตัวบนเตียง มือของเธอเอื้อมไปคว้าข้อมือของเย่หนานโจว เธอกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นแต่เย่หนานโจวกลับผลักเธอออกด้วยท่าทีเย็นชาก่อนจะตอบเ
ทันใดนั้นเสิ่นฉือก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาเย่หนานโจว พร้อมกับยื่นมือออกมาราวกับจะจับชีพจรของเขาเย่หนานโจวหลบออกอย่างรังเกียจ "นายช่วยหาจิตแพทย์ที่เชื่อถือได้ให้ม่านเซิงที"เมื่อได้ยินว่ามันเกี่ยวกับลู่ม่านเซิง สีหน้าของเสิ่นฉือก็เปลี่ยนไปทันที "พี่ชาย นายแต่งงานมาแล้วสามปีนะ! ทำแบบนี้ไม่กลัวว่าเวินหนี่จะเข้าใจผิดหรือไง?"เย่หนานโจวตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "แค่ช่วยเหลือกันเท่านั้น"ระหว่างเขากับลู่ม่านเซิง เขามักจะรักษาระยะห่างเสมอเสิ่นฉือไม่เชื่อคำพูดของคนตรงหน้าสักนิดจึงหัวเราะเยาะ "ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา มันก็เริ่มจากการช่วยเหลือนี่แหละ พอแต่งงานแล้วก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิต ควรจะรักษาไว้ให้ดี!"เขาตบไหล่เย่หนานโจวเบา ๆ ขณะพูด ในครั้งนี้เขาพูดมากไปสักนิดเย่หนานโจวเพียงแค่ตอบรับเบา ๆ ด้วยเสียง "อืม" อย่างไร้อารมณ์ ใบหน้าของเขายังคงเย็นชาและไม่แสดงความอบอุ่นใด ๆในเมื่อเย่หนานโจวเอ่ยปากแล้ว เสิ่นฉือจึงไม่มีทางปฏิเสธ เขาช่วยติดต่อหาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาให้ลู่ม่านเซิง ขณะที่เย่หนานโจวนั่งจ้องหน้าโทรศัพท์ของตัวเอง หน้าจอโทรศัพท์ยังคงว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวจากเ
เย่หนานโจวยังคงไม่ใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้น มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชาและเย้ยหยัน "ความดีชั่วคราวไม่อาจลบล้างความเลวในอดีตได้หรอกนะครับ"พูดจบเขาเดินเลี่ยงผ่านเย่ซูเฟินขึ้นไปบนชั้นสองโดยไม่หันกลับมามองใบหน้าของเย่ซูเฟินเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มด้วยความโกรธหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ ตำแหน่งนายหญิงตระกูลเย่คงตกเป็นของเวินหนี่แน่ เวินหนี่ไม่เพียงแต่ได้รับความเห็นชอบจากผู้เป็นปู่ของชายหนุ่ม ตอนนี้ยังมีเย่หนานโจวหนุนหลังอีกไม่ได้! เธอไม่อาจปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้!ทันใดนั้น แววตาของเย่ซูเฟินก็แฝงไปด้วยความอำมหิต…เวินหนี่มาถึงอะพาร์ตเมนต์ของถังเยาแล้ว ทันทีที่ถังเยาเห็นสีหน้าอีกฝ่าย เธอก็รู้ว่าเวินหนี่กำลังคิดอะไรอยู่ เธอดูหดหู่และใจลอยอย่างมาก"ถ้าเลิกกันแล้วก็ต้องทำใจให้สบาย มันก็แค่ผลกระทบชั่วคราว เธอต้องหัดมองโลกให้กว้างขึ้น แต่ถ้ายังไม่ได้หย่าก็ต้องคิดว่าจะทำยังไงให้ได้หย่า"ถังเยาจูงมือเวินหนี่ไปนั่งที่โซฟา แล้วเริ่มแกะกล่องอาหารที่สั่งมาเวินหนี่ไม่ได้กินอะไรมากในงานเลี้ยง อีกทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอเหนื่อยล้าและตอนนี้เธอกำลังตั้งท้อง จึงหิวได้ง่ายแต่ยังไม่
"นอกจากที่นี่ เวินหนี่ไม่มีที่ไปแล้ว" น้ำเสียงของเย่หนานโจวแฝงความเด็ดขาดและยังเย็นชาอยู่บ้างเวินหนี่สะดุ้งตื่นขึ้นทันที และพบว่าตอนนี้ฟ้าสว่างแล้วเสียงถากถางของถังเยาดังขึ้นอีกครั้ง "เย่หนานโจว คุณไม่คิดว่าคำพูดนี้มันตลกเหรอ?"นี่ไม่ใช่ความฝัน เย่หนานโจวมาจริง ๆเวินหนี่ลงจากเตียงและเดินออกจากห้องเธอเห็นเย่หนานโจวและถังเยายืนเผชิญหน้ากันอยู่ในห้องนั่งเล่น วันนี้ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีเทาควันบุหรี่ ขณะที่ถังเยาซึ่งสูงเพียงร้อยหกสิบเซนติเมตรยืนอยู่ตรงหน้าเย่หนานโจวที่สูงกว่าเธอมาก"เย่หนานโจว ถ้าคุณมาที่นี่เพื่อทำสิ่งที่ฉันคิด งั้นฉันจะไปกับคุณ" เวินหนี่เม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาและเดินเข้าไปหาเขาทีละก้าวเย่หนานโจวและถังเยาหันมามองเธอพร้อมกันสายตาของเย่หนานโจวสังเกตเห็นชุดนอนที่เวินหนี่สวมเป็นลายการ์ตูนโดราเอมอน ในชั่วขณะนั้นดวงตาของเขาก็ดูลึกซึ้งขึ้นเวินหนี่ที่อยู่ข้างเย่หนานโจวไม่เคยใส่เสื้อผ้าแบบนี้มาก่อน ผมยาวสลวยของเธอปล่อยลงบนไหล่ทั้งสองข้าง ใบหน้าไร้เครื่องสำอางดูสบาย ๆ แต่ในดวงตาที่คมชัดของเธอกลับแฝงด้วยความเย็นชาเย่หนานโจวก้าวเดินเข้ามาหาเธอ "ไปเปลี่ย
เขาสามารถอ่อนโยนได้และก็โหดร้ายได้ด้วย แต่เรื่องเดียวที่เขาไม่เคยพูดถึงเลยคือการหย่าเวินหนี่พยายามดึงมือออก แต่เขากลับจับแน่นขึ้น "เวินหนี่ อย่าทำตัวเป็นเด็ก"คำพูดของเย่หนานโจวทำให้เวินหนี่ยิ่งรู้สึกเจ็บปวด "ฉันแค่พูดแบบนี้ก็กลายเป็นทำตัวเป็นเด็กแล้วเหรอ? ถ้าคุณคิดเหมือนแม่ของคุณ เรื่องหนี้ห้าสิบล้าน ฉันจะคืนให้ก็ได้""เธอจะมีเงินห้าสิบล้านได้ยังไง?" เย่หนานโจวไม่เชื่อเธอในขณะนั้น รถค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ ประตูรถถูกล็อกจากระบบกลาง ทำให้ไม่สามารถเปิดออกได้อีกแล้วเวินหนี่พูดด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้ฉันไม่มี แต่ฉันสามารถหาได้"คนฟังหัวเราะเบา ๆ "แล้วเธอคิดจะหาเงินยังไง? หลังจากออกจากบริษัทตระกูลเย่ไป เธอคิดว่ามีใครจะยอมรับเธอเข้าทำงานอีก? แล้วเธอจะจ่ายคืนฉันเดือนละเท่าไร?"ไม่รอให้เวินหนี่ตอบ เย่หนานโจวก็ตอบรับด้วยเสียงหัวเราะอีกครั้ง "แล้วเธอคิดว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะหาเงินครบห้าสิบล้านได้?"เวินหนี่เงียบไปชั่วครู่ เธอยังไม่ได้คิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่เมื่อเย่หนานโจวถาม เธอก็เริ่มคิดว่าจะหางานพาร์ทไทม์ หรือลองขอยืมเงินจากถังเยาบ้าง เธอสามารถเป็นนางแบบหรื
เวินหนี่ถามขึ้นอย่างเรียบ ๆ "ฉันต้องไม่ทำให้คุณ ไม่ทำให้คุณอาผิดหวัง แล้วก็ต้องทำให้แม่คุณพอใจ แล้วฉันล่ะ?"เย่หนานโจวแสดงความไม่พอใจ "เวินหนี่ อย่าลืมนะ ตอนนั้นเธอเป็นคนบอกคุณปู่ว่าเธออยากแต่งงานกับฉันเอง"เวินหนี่นึกถึงเงินห้าสิบล้านและหุ้นเหล่านั้น หัวของเธอก็เริ่มปวดและหัวใจเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นบีบแน่น เธอรู้สึกหายใจไม่ออกชั่วขณะเธอไม่อยากถกเถียงกับเย่หนานโจวเรื่องนี้อีกแล้ว จึงเอนตัวพิงกระจกแล้วหลับตาลงเย่หนานโจวไม่พูดอะไรอีก คิดว่าเธอคงเหนื่อยไม่นานนัก คนขับก็จอดรถที่หน้าบ้านว่างเจียงหยวน เย่หนานโจวตั้งใจจะไม่ปลุกเธอ ให้เธอได้นอนพักอีกสักหน่อย แต่เวินหนี่กลับเปิดประตูรถออกเองเมื่อเห็นเธอก้าวเดินอย่างมั่นคง เย่หนานโจวก็เริ่มรู้สึกขึ้นมาในใจว่า เธอไม่ได้ง่วง เธอแค่ไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาเย่หนานโจวเม้มริมฝีปาก ก่อนจะเดินตามหลังเธอไป "เธอลองเข้าไปดูข้างในก่อน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเราจะไปหาคุณอากัน""มันจะมีปัญหาอะไรได้ล่ะคะ? วิลล่าของประธานเย่ ต้องตกแต่งด้วยของมีค่าที่สุดอยู่แล้ว" เวินหนี่ยิ้มเล็กน้อยเย่หนานโจวเม้มปากแน่น ไม่ตอบอะไรเขาไม่ได้ตอบ
แม้ว่าเย่จื่อจะมีอายุแล้ว แต่เธอก็ยังชอบให้คนเรียกเธอว่า "คุณหนูเย่" เหมือนคนหนุ่มสาวเย่หนานโจวมองตามหลังอาสาวที่พาเวินหนี่เดินจากไป ก่อนจะเลือกเคารพกฎของงาน เขาหยิบหน้ากากสีเงินโลหะขึ้นมาสวมบนใบหน้าเมื่อเขาเดินเข้าไปด้านใน เย่จื่อก็พาเวินหนี่ขึ้นไปที่ชั้นสองของโถงใหญ่แล้ว บริเวณชั้นสองนั้นจากข้างนอกจะมองไม่เห็นข้างใน แต่จากด้านในกลับสามารถมองเห็นวิวทั้งหมดของชั้นล่างได้ในงานมีผู้คนมากมาย ทุกคนแต่งตัวหรูหรา โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่พยายามเน้นรูปร่างอันงดงามของตนเวินหนี่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของการจัดงานเต้นรำของคุณอาคนนี้"ดื่มน้ำผลไม้หน่อยนะ คืนนี้อาจะช่วยลองใจเจ้าเย่หนานโจวดูสักหน่อย" เย่จื่อยื่นแก้วน้ำผลไม้ให้เวินหนี่ พลางยิ้มอย่างมีเลศนัยแม้ว่าเย่หนานโจวจะบอกว่าเขาแต่งงานกับเวินหนี่เพราะหุ้นที่คุณปู่มอบให้ แต่เย่จื่อไม่เชื่อว่าตลอดสามปีที่พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน เย่หนานโจวจะไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับเวินหนี่เลยเวินหนี่รีบคว้ามือเย่จื่อไว้ "คุณอาคะ อย่าลองใจเขาเลยค่ะ ช่วงนี้หนูทำงานเหนื่อยมาก พึ่งไปร่วมงานเลี้ยงมา แล้วจริง ๆ หนูก็ไม่อยากมา แต่คุณอาบอกว่าอย่าทำให้คุณอาผิดหวัง หนูก
เย่หนานโจวและเวินหนี่หันไปตามเสียงนั้นทันทีพวกเขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดราตรียาวสีชมพู รูปร่างสูง ผิวขาวสะอาด ผมถูกเกล้าขึ้นสูง ทั้งตัวเต็มไปด้วยเครื่องประดับอัญมณีระยิบระยับ เธอสวมหน้ากากสีเงินเหมือนกับที่เย่หนานโจวใส่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือ เมื่อหญิงสาวคนนั้นวิ่งมาหยุดตรงหน้าเย่หนานโจว ความแตกต่างของความสูงระหว่างพวกเขาก็ชัดเจนและการที่เธอสามารถจำเย่หนานโจวได้ทันทีแม้ว่าเขาจะสวมหน้ากาก นั่นแสดงว่าพวกเขาคงสนิทกันมาก"คุณเป็นใคร?" เย่หนานโจวถามเย่หนานโจวขมวดคิ้วเขามั่นใจว่าผู้หญิงตรงหน้านี้ไม่ใช่เวินหนี่เขาไม่รู้ว่าอาของเขากำลังวางแผนอะไรอยู่และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้เวินหนี่กำลังมองดูทุกอย่างอยู่หญิงสาวยิ้มที่มุมปาก "เย่หนานโจว คุณไม่ต้องสนใจว่าฉันเป็นใคร แต่ฉันขอเต้นรำกับคุณสักเพลงได้ไหมคะ? คืนนี้คุณอาจัดงานเลี้ยง ฉันก็ต้องใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดสิ"คำว่า "คุณอา" ที่หญิงสาวพูด ทำให้เย่หนานโจวและเวินหนี่เกิดความสงสัยผู้หญิงคนนี้คือใครกันแน่?เย่หนานโจวปฏิเสธเธออย่างเย็นชา "ผมไม่รับคำเชิญจากคนแปลกหน้า"วินาทีต่อมาเขาก็หันหลังเดินจากไป"เย่หนานโจว คราวนี้คุณยังจะป
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ