เวินหนี่เม้มริมฝีปาก “คุณก็รู้ว่าฉันลาออกแล้วไม่ใช่เหรอ?”“ประธานเย่ยังไม่ได้อนุมัติการลาออกของคุณ ยังไม่มีคนใหม่มาแทนตำแหน่งของคุณ ดังนั้นคุณยังต้องมาทำงานต่อครับ” เผยชิงกล่าวอย่างสุภาพ “เลขาเวิน ตอนนี้คุณควรออกมาจากสำนักงานเขตและรีบมาที่บริษัทได้แล้วครับ”เวินหนี่พูดไม่ออกเลยหย่าก็ยังไม่ได้หย่า แถมยังต้องไปทำงานอีก แต่เรื่องนี้เป็นเพราะเธอไม่ได้คิดอย่างรอบคอบเองหากมีคนมารับช่วงต่อจากเธอก็จะไม่มีใครสามารถวิพากษ์วิจารณ์เธอได้เวินหนี่ถามอีกครั้ง “ถ้ามีคนใหม่เข้ามาแทนฉัน ฉันก็สามารถลาออกได้อย่างราบรื่นแล้วใช่ไหม?”“ตามหลักเหตุผลแล้วก็เป็นเช่นนั้นครับ”“ได้ค่ะ ฉันจะขอให้ฝ่ายบุคคลเลือกคนให้”พูดจบ เวินหนี่ก็วางสายไปเผยชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ราวกับว่าเขาทำภารกิจยาก ๆ สำเร็จแล้วเย่หนานโจวยังตั้งใจฟังและรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าเวินหนี่ไม่ได้ดื้อรั้นที่จะหย่า และไม่ได้ลาออกจากบริษัทเขาจึงรอเวินหนี่กลับมาเวินหนี่ขับรถออกจากสำนักงานเขตอีกครั้งเติ้งจวนยังคงเป็นห่วงเธอ จึงส่งข้อความหาเธอเพื่อถามว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ซึ่งเธอยังไม่รู้คำตอบเลยส่วนถังเยาก็โทรหาเธอหลายสายเพร
เวินหนี่เพ่งความสนใจไปที่เอกสาร และพูดอย่างสงบนิ่ง “ฉันยังดำรงตำแหน่งอยู่ ประธานเย่จำเป็นต้องมีเลขาคนใหม่ ดังนั้นฉันจึงต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเลือกคนที่ดีที่สุดสำหรับคุณค่ะ”ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เย่หนานโจวกลับรู้สึกหงุดหงิด เธอพยายามหนีจากเขามากกว่า“ไม่ทราบว่าประธานจะมีเวลาว่างเมื่อไหร่คะ?” เวินหนี่พูดขึ้นอีกครั้ง “พวกเราจะได้ไปหย่ากัน ตกลงกันไว้แล้วว่าเราจะหย่าเมื่อครบสามปี ประธานเย่คงไม่ผิดคำพูดหรอกใช่ไหมคะ?”เย่หนานโจวเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไรเวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองดูเขาอีกครั้ง “หวังว่าประธานเย่จะรักษาสัญญา มันดีทั้งต่อคุณและต่อฉัน…”“เผยชิง ออกไป!” ทันใดนั้น เย่หนานโจวก็ตะโกนขึ้นอย่างดังเสียงนี้ทำให้เวินหนี่ตกใจเมื่อมองดูเผยชิงเดินออกไป เหลือเพียงเธอและเย่หนานโจวเท่านั้นที่อยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ นี้ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อยเมื่อมองดูเย่หนานโจวอีกครั้ง เธอก็รู้สึกถึงลางไม่ค่อยดีนักเธอไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปการหย่ามันดีต่อพวกเขามากกว่าไม่ใช่เหรอ?เขาได้หุ้น ส่วนเธอก็ได้อิสรภาพ ทุกคนต่างก็ได้สิ่งที่ต้องการแล้วเขาหงุดหงิดอะไรกัน เธอไม่มีเวลาคิด
เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อยอย่างสมเพชตัวเองและมองเย่หนานโจวด้วยสายตาที่เย็นชามากเธอบอกกับตัวเองว่ามันไม่เป็นอะไรเธอเองก็ได้รับประโยชน์จากการแต่งงานครั้งนี้ด้วยเช่นกันแต่ในความเป็นจริงเธอเจ็บช้ำแสนสาหัส และเป็นเพียงเครื่องมือของเย่หนานโจวเท่านั้นบางสิ่งสามารถเข้าใจได้โดยปริยาย และเธอก็ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับสิ่งเหล่านั้น เพราะเธอก็ได้รับผลประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้เช่นกัน จะต้องให้เธอหยิบมันออกมาพูดให้ได้เลยงั้นเหรอ เย่หนานโจวขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”“มันสำคัญด้วยเหรอคะ?” เวินหนี่กล่าว “ขอแค่คุณรู้ไว้ว่าฉันรู้ทุกอย่าง และไม่ต้องการการแต่งงานนี้อีกต่อไปแล้ว!”ใบหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาจับมือเธอแน่นแล้วพูดอย่างดุดัน “ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ?”“ไม่งั้นเหรอ? ทำไมคุณถึงไม่อยากล่ะ?” เวินหนี่พูดด้วยอารมณ์ “นี่เป็นเงื่อนไขเกมของคุณ ฉันก็ปฏิบัติตาม เมื่อทำภารกิจเสร็จแล้ว คุณควรปล่อยฉันไป เย่หนานโจวฉันไม่อยากเล่นกับคุณอีกต่อไปแล้ว และคุณควรหยุดล้อเล่นกับฉันสักที!”“งั้นเธอก็รู้เอาไว้ว่ามันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฉัน” ดวงตาของเย่หนานโจวเย
เย่หนานโจวตบที่บั้นท้ายของเธอจนเธอรู้สึกปวดแสบปวดร้อน“ดูเหมือนว่าเธอยังได้รับบทเรียนไม่เพียงพอสินะ!” เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชาหลังจากนั้นไม่นานเวินหนี่ก็ทนต่อการทรมานของเขาไม่ได้จริง ๆ เธอยังอ่อนประสบการณ์เกินไป เสียงอ่อนหวานหลุดออกมาจากปากของเธอ “หยุด...หยุดเถอะ... ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ…”เย่หนานโจวมองไปที่เวินหนี่ที่อ่อนแรงไร้กระดูกบนโต๊ะ ผมของเธอยุ่งเหยิงและแผ่ออกเต็มโต๊ะ ใบหน้าของเธอแดงก่ำ และมีเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของเธอเสื้อเชิ้ตห้อยหลวม ๆ อยู่รอบเอว ถุงน่องถูกเขาฉีกขาด และกระโปรงก็ร่นขึ้นถึงต้นขาน้ำตาของเธอยังคงไหล จมูกของเธอแดง พลางสะอึกสะอื้น เธอขดตัวดูเหมือนเด็กน้อยผู้น่าสงสารที่ถูกรังแกเขาทำเธอไม่ลง และโอบเธอไว้ทั้งตัวแล้วนั่งลงเวินหนี่ไม่ค่อยมีสติมากนักในขณะนี้ เธอร้องไห้หนักมากจนเสียงแหบแห้ง และการมองเห็นของเธอพร่ามัวเธอเป็นเหมือนตุ๊กตาที่แตกหักในอ้อมแขนของเย่หนานโจว สูญเสียความสามารถในการต่อต้านไปหมดจากนั้นเย่หนานโจวก็สวมเสื้อผ้าให้เธอ และกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ได้ยินเพียงเสียงแหบห้าวของเขาที่พูดขึ้นว่า“ถ้าเธอเชื่อฟัง ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”เวินหนี่ไม่รู้ว
เขาอยากรู้เกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่ออาจ้านมากชายคนนั้นร่ายมนตร์อะไรที่ทำให้เธอจดจำเขาได้นานหลายปีขนาดนั้นถ้าหากผู้ชายคนนั้นเป็นคนไม่ดีล่ะ? มันจะทำให้เธอยอมแพ้ และเลิกคิดที่จะหย่ากับเขาหรือเปล่า!…เวินหนี่ฝันร้าย ฝันว่าตัวเองถูกใส่กุญแจมือเท้าและถูกขังอยู่ในกรง กลายเป็นนกที่ถูกขังอยู่ในกรงอย่างสิ้นเชิงไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ไม่มีใครสนใจเธอเธออยู่ในความมืดมิด และไม่ว่าเธอจะพยายามดิ้นรนเพียงใด เธอก็ไม่สามารถหลุดออกจากโซ่ตรวนได้เวินหนี่ตื่นจากฝันร้าย เธอหายหอบหายใจ และมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอเธอลุกขึ้นนั่ง จับหน้าตัวเองและสงบสติอารมณ์สักพักก่อนจะมองไปรอบ ๆ เธออยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยจริง ๆ ด้วย ในห้องมีเครื่องทำความร้อน มีผ้านวมบางๆ คลุมอยู่บนตัว และเธอก็สวมกระโปรงเอี๊ยมซึ่งเป็นชุดที่เหมือนในฝันของเธอเลยสิ่งนี้ทำให้เวินหนี่ตื่นตระหนก เธอคงไม่ได้ถูกจับมาขังจริง ๆ หรอกใช่ไหม เธอรีบลุกจากเตียงแล้ววิ่งไปที่ประตูทันทีที่เปิดประตู ทุกอย่างที่นี่ดูแปลกตาไปหมด เธอไม่เคยมาที่นี่มาก่อนทำไมตื่นมาแล้วถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?เมื่อวานนี้เธออยู่กับเย่หนานโจว สิ่งนี้ทำให้เธอตัวสั่น
เธอไม่รู้ว่าเย่หนานโจวต้องการทำอะไรแต่เธอก็ไม่อยากรอคอยความตายอยู่ที่นี่เธอไม่เหมาะจะเป็นนกคีรีบูนหรือนกในกรงและเธอก็ไม่ต้องการเช่นกันเย่หนานโจวมองเธอ เธอมีอารมณ์อ่อนไหวและดูระมัดระวังเขามากเขาขมวดคิ้วและพูดว่า “เวินหนี่ เธอต้องเข้าใจว่าเธอเป็นภรรยาของฉัน ทำไมถึงได้เรียกตัวเองว่าสัตว์เลี้ยง มันเป็นเรื่องปกติที่จะอยู่กับฉันไม่ใช่หรือไง”เมื่อก่อนพวกเขาก็เคยอยู่ด้วยกันแบบนี้ ไม่เคยเห็นเธอตื่นตระหนกขนาดนี้มาก่อนเหตุผลที่ทำให้เธอเปลี่ยนไปคืออะไร เขาไม่เข้าใจสักนิดเวินหนี่กำผ้าปูที่นอนแน่นแล้วถามว่า “เราจะไปหย่ากันที่สำนักงานเขตเมื่อไหร่?”“เธอรีบมากหรือไง?”“ค่ะ” เวินหนี่ตอบ “ในเมื่อตกลงกันไว้แล้ว ก็ไม่ควรเลื่อนเวลาแล้วเลื่อนเวลาอีก คุณเข้าใจไหม?”เย่หนานโจวจ้องมองเธอด้วยดวงตาคมเข้ม เธอพูดออกมาราวกับไม่มีควมรู้สึก นี่ไม่ใช่เวินหนี่ในเมื่อก่อนอีกต่อไป ตอนนี้เธอเพียงแค่อยากจะหนีจากเขา ซึ่งทำให้เขาเดาว่า “เป็นเพราะผู้ชายที่ชื่ออาจ้านใช่ไหม?”เวินหนี่ชะงักไปครู่หนึ่ง ตอนนี้สถานการณ์นี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เธอจึงยอมรับไป “ใช่ คุณก็รู้ว่าฉันมีคนอยู่ในใจชื่ออาจ้าน”ใบหน้
ทันใดนั้นน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยน และพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “เธอจะไม่บอกก็ไม่เป็นไร งั้นก็อย่าคิดพูดถึงเรื่องหย่าอีก อยู่ที่นี่ไป!”เวินหนี่ในเย็นวาบ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ เธอเริ่มมีอารมณ์พุ่งขึ้นอีกครั้ง “เย่หนานโจว คุณหมายความว่ายังไง!”“ทำตัวดี ๆ”เย่หนานโจวกระซิบพร้อมกับลูบผมของเธอ “เธอยังไม่ได้กินอะไร คงหิวแล้วใช่ไหม ฉันสั่งให้คนใช้ทำอาหารโปรดของเธอไว้ให้ ลงไปกินเถอะ”เวินหนี่ไม่คาดคิด เขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจเย่หนานโจวดีนัก หรือเธอจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสไตล์ของเขากันนะเธอคิดว่าเขาจะโกรธมาก และทนไม่ไหวที่ว่าเธอมีคนอื่นในใจจนจะหย่ากับเธอทันทีเสียอีกเพราะพวกเธอต่างก็มีคนรักในใจแต่เขายอมกักขังเธอไว้ดีกว่าที่จะหย่ากับเธอเวินหนี่กังวลมาก เธอต้องการหย่า ไม่ใช่อยู่ข้างกายเขาต่อไป “เย่หนานโจว ทำไมคุณไม่ยอมหย่า? บอกฉันทีต้องทำยังไงคุณถึงจะหย่า?”เย่หนานโจวจับมือเธอ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาสงบนิ่ง และริมฝีปากบางของเขาขยับเล็กน้อย “บอกแล้วไงว่าช่วงนี้ฉันไม่มีเวลา”“งั้นคุณก็ต้องมีเวลาที่ว่างบ้างสิ” เวินหนี่เดินเคียงข้างเขาไปเย่หนานโจวตอบ “ตำแหน่งขอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ใครเป็นคนทำอาหารก็อร่อยเหมือน ๆ กัน เพียงแค่วันนี้ฉันหิวก็เลยกินเยอะเป็นพิเศษเท่านั้น” เวินหนี่ไม่อยากรบกวนเขามากเกินไปการที่เขาเอาใจใส่เธอมากเกินไปมันไม่ดีนักยิ่งเขาเอาใจใส่เธอมากเท่าไร เธออาจต้องจ่ายมากยิ่งขึ้นเท่านั้น“ฉันเหนื่อยแล้ว ขอไปพักผ่อนได้ไหม?” เวินหนี่ถาม“อืม” เย่หนานโจวตอบเบา ๆเวินหนี่โล่งอกและรีบขึ้นไปชั้นบนอีกครั้งพรุ่งนี้พอตื่นขึ้นมาเธอก็ต้องไปที่บริษัท บางทีเธออาจจะไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้วก็ได้หลังเลิกงานเธอก็จะได้กลับบ้านเมื่อกลับมาที่ห้อง เวินหนี่ก็ผ่อนคลายขึ้น แต่ใครจะคิดว่าเย่หนานโจวจะตามเข้ามาเมื่อเห็นประตูเปิดออก เวินหนี่ก็ก้าวถอยหลังและถามขึ้นว่า “ทำไมคุณถึงเข้ามาล่ะ?”“นี่คือห้องนอนใหญ่ ถ้าฉันไม่มาที่นี่ แล้วฉันจะไปที่ไหน?” เย่หนานโจวพูดราวกับมันเป็นเรื่องปกติเวินหนี่พูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปนอนที่ห้องรับแขก”เธออยากจะออกไป แต่เย่หนานโจวก็คว้ามือเธอไว้ เขามองเธอก่อนจะพูดขึ้นว่า “จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงฉันแบบนี้เหรอ? เราอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน เคยนอนแยกห้องกันเมื่อไหร่?”เขารู้สึกว่าเขาและเวินหนี่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตราบใดที่ไม่หย
อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส
[ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา
ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ
เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู
เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ
เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน
นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล
เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน
เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม