ถึงจะไม่ได้มาพักที่นี่นาน แต่บ้านนี้ก็มีคนมาคอยทำความสะอาดอยู่บ่อย ๆเวินจ้าวและเติ้งจวนเป็นคนที่รู้จักบุญคุณคน แม้จะรู้ว่าการแต่งงานของพวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ก็ยังบอกให้เวินหนี่ไปขอบคุณเย่หนานโจวเย่หนานโจวกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเวินหนี่เทน้ำให้เขา “พ่อแม่บอกให้ฉันมาขอบคุณคุณน่ะค่ะ”“ไม่ต้องเกรงใจ”เวินหนี่นั่งลงข้างเขาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียดสี “ฉันพูดเป็นครึ่งวันแต่พวกเขาก็ไม่ฟัง พอคุณพูดเพียงไม่กี่คำพวกเขาก็เชื่อซะงั้น เพราะฉันอ่อนแอเกินไปงั้นเหรอ? ทำไมพวกเขาถึงไม่เชื่อฉันแต่กลับเชื่อคุณกันล่ะ?”เธอไม่เข้าใจเธอคิดว่าสามารถจัดการเองได้แท้ ๆ แต่สุดท้ายก็เป็นเย่หนานโจวที่เข้ามาแก้ไขให้เย่หนานโจวดื่มน้ำอุ่นและฟังคำพูดของเวินหนี่ สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก และก็ไม่ได้แปลกใจกับเรื่องแบบนี้ “เธอต้องเข้าใจสิ่งหนึ่ง ธรรมชาติของมนุษย์นั้นน่าเกลียด โดยเฉพาะญาติของเธอเหล่านั้น พวกเขามองเห็นแต่สิ่งไม่ดีและจะไม่ยอมมองด้านดีของเธอ เธอเองก็อย่าใจอ่อนและขี้สงสารให้มากนัก คนที่น่าสงสารย่อมมีจุดน่ารังเกียจ ยิ่งพวกเขาเกลียดเธอมากเท่าไร แสดงว่าเขาไม่พอใจกับชีวิตของตัวเอ
เมื่อเห็นเย่หนานโจวพูดแบบนั้น เวินหนี่จึงไม่ได้ปิดบังและพูดว่า “คุณปู่หาน หนูแต่งงานแล้วค่ะ ปู่ไม่จำเป็นต้องหาคู่ให้หนูแล้ว”“นี่คือสามีของหนีหนี่งั้นเหรอ!”ชายชรากลับรู้สึกมีความสุข ก่อนที่ผู้เฒ่าเวินจะจากไป เวินหนี่ยังคงเป็นเพียงนักเรียนอยู่เลย ตอนนี้เขาได้มาเห็นจึงอดไม่ได้ที่จะมองสำรวจเย่หนานโจวมากขึ้น ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “หน้าตาหล่อเหลาดูเป็นคนที่มีความสามารถ มองแวบเดียวก็รู้ว่าเขาเป็นคนเก่ง หนีหนี่มีสายตาที่เฉียบแหลมจริง ๆ!”“พวกเธอสองสามีภรรยาต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุขล่ะ การได้พบกันคือโชคชะตา และการได้มาอยู่ด้วยกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องรักษามันไว้ให้ดีล่ะ!” ชายชราพูดพล่าม แต่ก็เพราะหวังดีต่อพวกเขาเมื่อได้ยินแบบนั้น มุมปากของเย่หนานโจวก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเวินหนี่ไม่สามารถขัดจังหวะชายชราได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงรับฟังเงียบ ๆ เขาเองก็จะไปกินข้าวกับพวกเธอด้วย เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “เวินเซี่ยนคนนี้เนี่ยนะ โชคดีที่ผู้เฒ่าเวินจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่งั้นหากเขารู้เรื่องนี้คงจะโกรธจนแทบบ้าแน่ ๆ!”เขาเองก็เฝ้าดูเวินเซี่ยนเติบโตมาเช่นกัน เมื่อมองดูเขาค่อย ๆ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นห
เวินหนี่รับแก้วน้ำมา แล้วตอบรับเบา ๆ“หลานเขยของเราช่างเอาใจใส่ดีจริง ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็คิดถึงภรรยา!”การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกเขาอยู่ในสายตาของทุกคนพวกเขาหัวเราะสนุกสนานและส่งเสียงเย้าแหย่ ซึ่งทำให้เวินหนี่ดูระมัดระวังตัวเล็กน้อยเย่หนานโจวยกแก้วเหล้าขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าผมต้องเอาใจภรรยาสิครับ”“โอ้ หลานเขยดีนี่จริง ๆ หากตาแก่ที่บ้านใส่ใจได้ครึ่งหนึ่งของเธอ ฉันกับเขาก็คงไม่ทะเลาะกันทุกวันแบบนี้!”“ฮ่าฮ่าฮ่า…”พวกเขาหัวเราะกันอย่างสนุกสนานเวินหนี่ไม่ได้พูดอะไรมาก เย่หนานโจวให้เกียรติเธอมากพอแล้ว ในสายตาของคนอื่น เธอแต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวย แถมสามียังเป็นคนเอาใจใส่ ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ต้องอิจฉาเวินหนี่ยังรู้สึกสับสนเล็กน้อยและถามว่า “ก่อนนี้ญาติเหล่านั้นยังเมินเฉยต่อฉันอยู่เลย แต่จู่ ๆ ก็ดูเป็นมิตรขึ้นมา คุณแอบไปทำอะไรมาหรือเปล่าคะ?”เย่หนานโจวดูเข้ากับญาติของเธอได้ดี จนดูเหมือนว่าเขาเคยสนทนากับพวกเขาบ่อย ๆ “ไม่มีอะไรหรอก แค่ให้ผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น” เย่หนานโจวกล่าวไม่น่าแปลกใจเลยเธอก็คิดอยู่ว่าทำไมคนอื่นจู่ ๆ ถึงได้ดูชื่นชอบเธอขึ้นมาขนาดนั
“ฉันไม่ได้พูดเอง แต่มันคือความจริง! ได้ยินมาว่าเวินหนี่ได้ทำงานเป็นเลขาก่อนที่จะเรียนจบซะอีก ได้โอกาสอยู่ใกล้คนเป็นเจ้าเป็นนายแบบนี้ แล้วหล่อนจะไม่ได้แต่งงานกับคนรวยได้ยังไง? หล่อนเป็นคนฉลาด ไม่เหมือนพวกแก ตอนนี้เวินซู่ทำอะไรได้บ้าง? งานการก็ไม่มี แถมชื่อเสียงก็แย่อีก แล้วคิดว่าในอนาคตจะมีชีวิตที่ดีได้ไหม?”แม่ของจางลี่หงเป็นคนปากร้าย คำพูดเหล่านี้ทำร้ายจิตใจเวินซู่มาก เธอมองไปที่คุณยายแล้วพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “ยายคะ หนูยังเป็นหลานยายอยู่หรือเปล่า? ทำไมถึงบอกว่าหนูเทียบเวินหนี่ไม่ได้?”พูดจบเธอก็วิ่งร้องไห้ออกไป จางลี่หงเป็นกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอวิ่งออกไป “ซูซู่ เวินซู่!”แล้วเธอก็มองไปที่แม่ของตนอีกครั้ง “แม่คะ ทำไมแม่ถึงพูดแบบนั้นต่อหน้าซูซู่ล่ะคะ แม่ทำให้เรื่องมันยิ่งแย่นะ”“ฉันพูดแบบนี้ก็เพราะอยากให้พวกแกมีแรงผลักดัน บางทีพวกแกต้องต่อสู้คว้ามาด้วยตัวเอง ขอเพียงแค่มีชีวิตที่ดี จะใช้วิธีไหนก็ไม่สำคัญ!” แม่ของจางลี่หงดื่มชาท่าทางสบาย ๆ โดยไม่กังวลถึงความรู้สึกของเวินซู่เลยสักนิดเวินซู่วิ่งออกไปจนมาถึงริมแม่น้ำ เธอหยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วโยนลงน้ำอย่างสุดแรงทุกคนต่างก็บอกว่าเธอเ
ห้องถูกจัดไว้แล้วและภายในก็สะอาดเรียบร้อยแต่เนื่องจากไม่มีใครอยู่มานาน จึงมีกลิ่นอับจาง ๆ ในบ้านเวินหนี่เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศและหยิบผ้าห่มออกมาจากตู้“ถ้าคุณเหนื่อยก็เอนหลังที่นี่สักพักนะคะ”เย่หนานโจวกำลังนั่งหลับตาอยู่บนโซฟา บนตัวเขามีกลิ่นแอลกอฮอล์เวินหนี่สังเกตเห็นว่าเขาดูเงียบ ๆ ซึ่งหมายความว่าเขาน่าจะเหนื่อยแล้วเธอวุ่นวายกับการจัดเตียงเพราะอยากให้เขาได้นอนพักสักหน่อยเย่หนานโจวนวดคิ้วและพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”เวินหนี่ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอหันหลังแล้วเดินลงไปห้องครัวที่อยู่ชั้นล่างในบ้านไม่ค่อยมีของใช้ในชีวิตประจำวัน และคงไม่มีของกินที่ช่วยให้สร่างเมาด้วย เธอคงต้องออกไปซื้อของข้างนอกสักหน่อยขณะนั้นเอง เวินซู่ที่กำลังเตร่ไปรอบ ๆ ก็บังเอิญเห็นเวินหนี่ออกมาข้างนอกเธอรู้ว่าเย่หนานโจวอยู่ชั้นบน เขาดื่มเหล้ากับญาติและเพื่อนบ้านไปเยอะ และตอนนี้ก็คงจะเมาแล้วนี่เป็นโอกาสที่ดีของเธอเธอยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับซุปแก้เมาค้างที่เตรียมเอาไว้ใครต่างก็รู้ว่าเวินหนี่ได้แต่งงานกับคนรวยและมีสามีที่ดี ดังนั้นท่าทีที่มีต่อเวินหนี่จึงได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิ
แต่ทันใดนั้นเสียงเย็นชาก็ดังขึ้นข้างหู “เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นพี่เขยของเธอ?”เวินซู่ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองเย่หนานโจว และพบว่าดวงตาที่เย็นชาของเขากำลังจ้องมองเธออยู่ในสายตาของเขาไม่มีตัณหาอยู่เลย กลับกันกลับมีแต่ความเยือกเย็น ราวกับว่าเธอกำลังร้องเพลงแสดงเดี่ยวอยู่คนเดียว ทำให้แผ่นหลังของเธอรู้สึกเย็นยะเยือกเวินซู่จับกำมือแน่น บังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ และน้ำเสียงของเธอก็นุ่มนวลขึ้น “แน่นอนว่าฉันรู้ว่าพี่คือพี่เขยของฉัน”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเมื่อเห็นแบบนั้น เวินซู่ก็พูดขึ้นอย่างเอาใจ “พี่เขย พี่ปวดหัวเหรอคะ? ให้ฉันนวดให้ไหม”เมื่อเธอยื่นมือออกไป เย่หนานโจวก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาเรียบนิ่ง “ในเมื่อรู้ว่าฉันเป็นพี่เขยของเธอ งั้นก็ควรรู้ถึงความเหมาะสมหน่อย”เวินซู่เห็นว่าเขาทำตัวห่างเหิน และไม่มีความสนใจในตัวเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นไปได้ยังไง?มีผู้ชายคนไหนที่ไม่ชอบผู้หญิงที่อายุน้อยและสวยงามบ้างเวินซู่ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “พี่เขย ฉันแค่อยากช่วยพี่เท่านั้น พี่ฉันไม่อยู่บ้าน ให้ฉันดูแลพี่ก็ได้ ฉันเอาใจเก่งยิ่งกว่าพี่สาวอีกนะคะ”คำพูดของเธอแฝงความหมายเมื่อได้
ทำไมเวินซู่ถึงได้มุ่งความสนใจไปที่เย่หนานโจวล่ะเวินซู่เดินออกมา ศอกของเธอถลอกและน้ำตาไหลพราก เธอกลัวว่าเวินหนี่จะหัวเราะเยาะตน ก่อนจะรีบวิ่งออกไป เวินหนี่มองดูแผ่นหลังของเวินซู่แล้วขมวดคิ้วอีกครั้งจากนั้นเธอก็หันไปมองเย่หนานโจวสีหน้าของเย่หนานโจวไม่ดีขึ้นเลย เขามองเธออย่างไม่แยแส “น้องสาวของเธอกำลังอ่อยฉัน เธอไม่เห็นเหรอ?”เวินหนี่ตอบอย่างสงบ “เห็นค่ะ”คำตอบของเธอทำให้ใบหน้าของเย่หนานโจวมืดมนยิ่งขึ้น “ไม่มีมีปฏิกิริยาอะไรเลย?”เวินหนี่ไม่เข้าใจ “แล้วต้องมีปฏิกิริยาอะไรคะ?”ใบหน้าของเย่หนานโจวเย็นชายิ่งขึ้น ไม่ว่าเธอจะเห็นผู้หญิงคนไหนอ่อยเขาก็ตามเธอก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ไม่โกรธ ไม่เสียใจ และไม่เคยหลั่งน้ำตาเลยสักหยดเดียวแต่สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเอามาก ๆ เธอไม่หึงเขาเลยสักนิดเดียวเวินหนี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “จริง ๆ แล้วฉันรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นเวินซู่ทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเธอไม่เคยชอบฉันเลยและต้องการแก้แค้นฉัน ต้องขอโทษด้วยที่สร้างปัญหาให้คุณ”“แค่นี้เหรอ?” เย่หนานโจวจ้องเธอ“ค่ะ”ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา และเขาถามเสียงต่ำ “เวินหนี่
“เป็นเพราะฉันคิดถึงพวกแกต่างหาก!” แม่ของจางลี่หงพูดอย่างเคร่งขรึม “เวินเซี่ยนเทียบพี่ใหญ่ของเขาไม่ได้! อะไรมันจะดีไปกว่าเงินทองอีกล่ะ? ดูสิว่าเวินหนี่เฉิดฉายแค่ไหน มีคนชื่นชมมากมายเท่าไร เพียงแค่เอ่ยชื่อออกไปคนก็รู้ว่าเวินหนี่เก่งแค่ไหน แล้วลูกสาวของแกล่ะ! แม้ว่าจะแต่งงานกับตาแก่แต่ ขอเพียงแค่มีเงิน ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลในชีวิตแล้ว!”“แม่คะ!” จางลี่หงไม่เห็นด้วย “ฉันไม่ได้เป็นคนที่สนใจแค่เรื่องเงินเหมือนแม่ ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าฉันเป็นพวกบ้าวัตถุ ฉันรู้แล้วล่ะว่าตัวเองเหมือนใคร เหมือนแม่นั่นแหละค่ะ แม่ทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้ แล้วยังจะให้ลูกสาวเดินตามเส้นทางเก่าของฉันอีก!”“แกพูดแบบนั้นได้ยังไง? แบบนั้นแล้วมันไม่ดีตรงไหน?” แม่ของจางลี่หงพูดด้วยความโกรธจางลี่หงรู้สึกสะเทือนใจ “แล้วตอนนี้ฉันอยู่ดีไหมล่ะ? สามีของฉันตาย แล้วแม่ดูสภาพฉันตอนนี้สิ มีอะไรดีบ้าง?”“นั่นเป็นเพราะแกไม่มีประโยชน์” แม่ของเธอด่า“ได้ ฉันมันไม่มีประโยชน์ งั้นแม่ก็ไปหาลูกชายของแม่ อย่ามาหาลูกสาวอย่างฉันอีก!” จางลี่หงเจ็บปวดใจและไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงมีแม่เช่นนี้เวินหนี่ซึ่งอยู่ที่ประตูได้ยินหมดทุกอย่างเธอไม่ได้ส่ง
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ