ทำไมเวินซู่ถึงได้มุ่งความสนใจไปที่เย่หนานโจวล่ะเวินซู่เดินออกมา ศอกของเธอถลอกและน้ำตาไหลพราก เธอกลัวว่าเวินหนี่จะหัวเราะเยาะตน ก่อนจะรีบวิ่งออกไป เวินหนี่มองดูแผ่นหลังของเวินซู่แล้วขมวดคิ้วอีกครั้งจากนั้นเธอก็หันไปมองเย่หนานโจวสีหน้าของเย่หนานโจวไม่ดีขึ้นเลย เขามองเธออย่างไม่แยแส “น้องสาวของเธอกำลังอ่อยฉัน เธอไม่เห็นเหรอ?”เวินหนี่ตอบอย่างสงบ “เห็นค่ะ”คำตอบของเธอทำให้ใบหน้าของเย่หนานโจวมืดมนยิ่งขึ้น “ไม่มีมีปฏิกิริยาอะไรเลย?”เวินหนี่ไม่เข้าใจ “แล้วต้องมีปฏิกิริยาอะไรคะ?”ใบหน้าของเย่หนานโจวเย็นชายิ่งขึ้น ไม่ว่าเธอจะเห็นผู้หญิงคนไหนอ่อยเขาก็ตามเธอก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ไม่โกรธ ไม่เสียใจ และไม่เคยหลั่งน้ำตาเลยสักหยดเดียวแต่สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเอามาก ๆ เธอไม่หึงเขาเลยสักนิดเดียวเวินหนี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “จริง ๆ แล้วฉันรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นเวินซู่ทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเธอไม่เคยชอบฉันเลยและต้องการแก้แค้นฉัน ต้องขอโทษด้วยที่สร้างปัญหาให้คุณ”“แค่นี้เหรอ?” เย่หนานโจวจ้องเธอ“ค่ะ”ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา และเขาถามเสียงต่ำ “เวินหนี่
“เป็นเพราะฉันคิดถึงพวกแกต่างหาก!” แม่ของจางลี่หงพูดอย่างเคร่งขรึม “เวินเซี่ยนเทียบพี่ใหญ่ของเขาไม่ได้! อะไรมันจะดีไปกว่าเงินทองอีกล่ะ? ดูสิว่าเวินหนี่เฉิดฉายแค่ไหน มีคนชื่นชมมากมายเท่าไร เพียงแค่เอ่ยชื่อออกไปคนก็รู้ว่าเวินหนี่เก่งแค่ไหน แล้วลูกสาวของแกล่ะ! แม้ว่าจะแต่งงานกับตาแก่แต่ ขอเพียงแค่มีเงิน ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลในชีวิตแล้ว!”“แม่คะ!” จางลี่หงไม่เห็นด้วย “ฉันไม่ได้เป็นคนที่สนใจแค่เรื่องเงินเหมือนแม่ ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าฉันเป็นพวกบ้าวัตถุ ฉันรู้แล้วล่ะว่าตัวเองเหมือนใคร เหมือนแม่นั่นแหละค่ะ แม่ทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้ แล้วยังจะให้ลูกสาวเดินตามเส้นทางเก่าของฉันอีก!”“แกพูดแบบนั้นได้ยังไง? แบบนั้นแล้วมันไม่ดีตรงไหน?” แม่ของจางลี่หงพูดด้วยความโกรธจางลี่หงรู้สึกสะเทือนใจ “แล้วตอนนี้ฉันอยู่ดีไหมล่ะ? สามีของฉันตาย แล้วแม่ดูสภาพฉันตอนนี้สิ มีอะไรดีบ้าง?”“นั่นเป็นเพราะแกไม่มีประโยชน์” แม่ของเธอด่า“ได้ ฉันมันไม่มีประโยชน์ งั้นแม่ก็ไปหาลูกชายของแม่ อย่ามาหาลูกสาวอย่างฉันอีก!” จางลี่หงเจ็บปวดใจและไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงมีแม่เช่นนี้เวินหนี่ซึ่งอยู่ที่ประตูได้ยินหมดทุกอย่างเธอไม่ได้ส่ง
เวินหนี่รู้ดีว่าคนผู้นี้เคยมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเธอหลังจากที่จางลี่หงระบายอารมณ์เสร็จ เวินหนี่ก็ยังคงถามอย่างเรียบนิ่ง “วันนั้นที่ฉันถูกคุณอาลักพาตัว ในที่เกิดเหตุยังมีผู้หญิงอีกหนึ่งคน หล่อนไม่ต้องการให้ฉันจำได้ดังนั้นจึงดัดแปลงเสียง เรื่องที่พวกอาใส่ร้ายฉัน ฉันก็รู้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง และมีอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ลักพาตัวซึ่งฉันคิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกัน หากอยากหาตัวคนที่ทำให้อาต้องตาย ก็คงต้องพึ่งพวกอาสะใภ้ในการระบุตัวคนร้าย!”“ไร้สาระ ไร้สาระทั้งนั้น เป็นไปไม่ได้!” จางลี่หงไม่เชื่อ “เธอพูดแบบนี้เพื่อแก้ตัวและบรรเทาบาปตัวเองเท่านั้น!”จางลี่หงพูดแบบนั้นเพราะไม่เต็มใจที่จะยอมรับความเป็นจริงว่าเวินเซี่ยนลักพาตัวเวินหนี่ไปถึงได้รับผลเช่นนี้ จางลี่หงไม่เต็มใจที่จะยอมรับ หากโยนความผิดทั้งหมดให้เวินหนี่ พวกเธอก็จะไม่ต้องแบกรับความรู้สึกผิดนี้เวินหนี่พูดไปหมดแล้ว “อาสะใภ้คิดให้ชัดเจนว่ามันคุ้มค่ากับการตายของคุณอาไหม หากไม่คุ้ม ก็บอกฉันมาว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่!”เมื่อเวินซู่ได้ยินแบบนั้น เธอก็คิดตามคำพูดของเวินหนี่ ใบหน้าของเธอซีดเผือดและดูผิดปกติเล็กน้อยเ
โจวเสี่ยวหลินไม่ได้หลบ ใบหน้าเธอเอียงไปตามแรงตบก่อนจะหันมามองเวินหนี่ “พี่เวิน ทำไมพี่ถึงโกรธขนาดนี้ล่ะคะ? การทำร้ายร่างกายคนอื่นมันผิดกฎหมายนะคะ!”เวินหนี่พูดด้วยน้ำเสียงรุนแรง “สิ่งที่เธอทำมันก็พอให้เธอต้องติดคุกตลอดชีวิตแล้ว!”โจวเสี่ยวหลินไม่กลัว เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันทำอะไรคะ? พี่เวิน พี่อย่าใส่ร้ายฉันสิ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยแค่มาเที่ยวที่นี่เท่านั้น”“เวินหนี่ นี่เธอทำอะไร?”ทันใดนั้น เย่ซูเฟินก็เดินมาจากไม่ไกล เมื่อเห็นว่าเวินหนี่ทำร้ายร่างกายคนอื่น สีหน้าก็ดูไม่พอใจและตวาดเธอ “ตอนนี้ไม่เก็บอารมณ์แล้วสินะ กล้าตบแม้กระทั่งเสี่ยวหลิน เธอกำลังตั้งท้องเชื้อสายของตระกูลเย่ หากเสี่ยวหลินเป็นอะไรไป เธอจะรับผิดชอบไหวไหม?”เวินหนี่มองไป เย่ชูเฟินเดินมาถึงและออกหน้าให้โจวเสี่ยวหลินโจวเสี่ยวหลินอาศัยจุดนี้ ดวงตาของเธอฉายแววรอยยิ้มแห่งชัยชนะ “คุณป้า ไม่เป็นไรค่ะ เธอตั้งท้องไม่ได้ แต่ฉันกลับตั้งท้อง พอเห็นฉันพี่เวินก็เลยโมโหเป็นปกติค่ะ”เย่ซูเฟินพูดอย่างรุนแรง “เธอมีลูกไม่ได้เองแล้วยังไม่ยอมให้คนอื่นท้องอีก นิสัยเสียจริง ๆ!”เวินหนี่ขมวดคิ้วและจ้องไปที่โจวเสี่ยวหลิน เธอรู้ว่าโจวเสี่ยว
โจวเสี่ยวหลินเผลอกุมท้องด้วยความประหม่า ฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่เธอก็ฝืนยิ้มตอบอย่างกล้าหาญ “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่กลัวกรรมอะไรหรอกนะ”เย่ซูเฟินรู้สึกได้ว่าทั้งสองคนต้องมีเรื่องอะไรบางอย่าง แต่ก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรทว่าสิ่งที่ทำให้เย่ซูเฟินรู้สึกแปลกใจ คือการเจอเวินหนี่ที่นี่“เธอมาทำอะไรที่นี่?” เย่ซูเฟินถามอย่างเย็นชา “ออกมาเดินเล่นแล้วก็ยังบังเอิญเจอกันงั้นเหรอ?”โจวเสี่ยวหลินรีบตอบก่อน “เมื่อกี้ฉันก็ถามแล้ว เหมือนพี่เวินมางานศพที่นี่น่ะ”"งานศพ?"เย่ซูเฟินทำหน้าไม่พอใจ รีบดึงโจวเสี่ยวหลินออกห่าง "อย่ายืนอยู่ใกล้เธอเลย ไม่เป็นมงคล!"เวินหนี่เม้มริมฝีปาก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ "ที่พวกคุณยืนอยู่ตอนนี้ ทั้งหมดก็เป็นสุสานนะ""เสี่ยวหลิน เธอมาที่นี่ทำไม?" เย่ซูเฟินพูดอย่างไม่พอใจ "ไปเถอะ ไปที่อื่นดีกว่า ที่นี่บมีพลังงานไม่ดี จะเป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง!"ขณะที่พวกเธอกำลังคุยกัน เวินซู่ที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าสุสานพอดี สังเกตเห็นการสนทนานั้นเข้าเมื่อเธอเห็นโจวเสี่ยวหลิน ใบหน้าก็พลันบึ้งตึงขึ้นทันทีผู้หญิงคนนั้น!เวินซู่กำหมัดแน่น คิ้วขมวดมุ่น ผู้หญิงคนนี้มาทำอะไรท
"หนูเป็นคนบอกพ่อเองว่าพี่สาวรังแกแม่และเป็นคนแจ้งตำรวจมาจับแม่ ตอนนั้นพ่อโกรธมากจนไปหาพี่สาว แต่พ่อไม่น่าจะถึงขั้นลักพาตัวพี่สาวเลย แล้วถ้าเป็นอย่างที่พี่สาวบอกล่ะ? มีใครบางคนอยู่เบื้องหลัง? แม่ลองคิดถึงผู้หญิงคนนั้นที่เคยมาช่วยเราสิ หรือว่าคนคนนั้น..."เวินซู่คิดแล้วรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง ความคิดเริ่มถาโถมเข้ามาในใจ ไม่มีทางที่ใครจะช่วยคนอื่นโดยไร้เหตุผล ถ้าไม่ใช่เพราะมีเจตนาบางอย่าง... แล้วพ่อของเธอเองก็อาจจะเชื่อคำพูดของผู้หญิงคนนั้นจนหลงผิดไปเช่นกัน"เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้..." จางลี่หงไม่อยากเชื่อความจริงนี้เวินซู่พูดต่อ "ถ้ามีใครบางคนที่เป็นคนฆ่าพ่อจริง ๆ แล้วเราจะทำยังไงกันดี?"เธอรู้สึกเหมือนอับจนหนทาง ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป จะปล่อยให้พ่อเสียชีวิตไปเปล่า ๆ และปล่อยให้คนร้ายลอยนวลไปแบบนี้ไม่ได้…“เสร็จแล้วเหรอ?”ร่างสูงใหญ่ของเย่หนานโจวยืนรออยู่ข้างรถ เมื่อเห็นเวินหนี่เดินเข้ามาใกล้จึงเอ่ยถามเธอเงยหน้ามองเขา “เสร็จแล้ว”“ทุกคนกลับกันหมดแล้ว แต่ทำไมเธอถึงมาช้าจัง?” เย่หนานโจวถามเมื่อเห็นเธอมาถึงช้ากว่าคนอื่นเวินหนี่ไม่ได้ปิดบังแล้วบอกเขาตรง ๆ “เมื่อกี้ฉ
เวินหนี่มองเย่หนานโจวด้วยความตกใจ สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเขาที่เย็นชาสุดขั้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความเย็นชา ก่อนที่เขาจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “ช่วงนี้เธอดูแปลกไปมาก หรือว่าเธอกลัวว่าฉันจะรู้อะไร?”หัวใจของเวินหนี่เต้นสะดุดไปครู่หนึ่ง "แปลกตรงไหน? คุณ...จะรู้อะไรล่ะ?"เย่หนานโจวพูดต่อ "ตั้งแต่เธอเริ่มพยายามหาผู้หญิงให้ฉัน ฉันก็รู้สึกว่าเธอผิดปกติ แถมยังแอบไปโรงพยาบาลอีก"เธอหลบสายตาเขา "ชีวิตของฉันปกติดี คุณคิดมากไปเอง""ถ้างั้นเธอก็อธิบายมา ให้ฉันฟังเหตุผลที่เชื่อได้หน่อยสิ!" เย่หนานโจวยังคงรู้สึกว่าเวินหนี่แอบซ่อนอะไรบางอย่างไว้ใ และเหมือนกับว่าเขาเกือบจะค้นพบมันแล้วแต่ยังไม่แน่ใจว่าคืออะไร จึงทำได้แค่รอให้เธอพูดออกมาเองเวินหนี่ประสานมือเข้าด้วยกันเพื่อบรรเทาความตึงเครียด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ "เย่หนานโจว คุณไม่รู้สึกเหรอว่าตัวเองก็ไม่ปกติเหมือนกัน?""ฉันเหรอ? ฉันเนี่ยนะไม่ปกติ?"เย่หนานโจวใช้เวลาพักหนึ่งเพื่อประมวลคำตอบของเวินหนี่ คำพูดของเธอทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยน่าเชื่อถือ"ฉันไม่ปกติตรงไหน?"เวินหนี่ตอบ "ช่วงนี้นคุณเอาแต่สนใจเรื่องของฉัน"เมื่อไ
ทั้งสองต่างก็เข้าใจกัน แต่ไม่มีใครพูดอะไรเพิ่มเติมเมื่อกลับมาถึงห้อง เวินหนี่เริ่มเก็บของ หลังจากงานศพของเวินเซี่ยนจบลง ก็ถึงเวลาที่เธอจะต้องกลับแล้ว"หนีหนี่"เติ้งจวนเดินเข้ามาอย่างกะทันหันเวินหนี่หยุดมือแล้วหันกลับไป "แม่"เติ้งจวนมานั่งข้าง ๆ ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่อยากจะพูด เวินหนี่ก็สังเกตเห็นจึงนั่งลงข้าง ๆ "แม่ มีอะไรหรือเปล่าคะ?""ครั้งนี้เย่หนานโจวมาที่นี่ด้วยใช่ไหม" เติ้งจวนเอ่ยขึ้น"อืม" เวินหนี่ตอบเติ้งจวนหันมามองลูกสาวด้วยความสงสัย "ก่อนหน้านี้ไม่ใช่บอกว่าจะหย่ากันแล้วเหรอ? แต่ครั้งนี้เขายังมาช่วยลูกอยู่ ดูแล้วไม่เหมือนคนที่กำลังจะหย่ากันเลยนะ ถ้าลูกกับเขายังเป็นแบบนี้อยู่ ก็อย่าไปรบกวนเขาเลย"พวกเขาไม่อยากติดค้างเย่หนานโจวมากเกินไป เพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องชดใช้ พวกเขาอาจจะไม่มีปัญญาก็ได้นั่นไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีเลยเวินหนี่ตอบ "พวกเรามาบ้านเกิดโดยไม่ได้บอกเย่หนานโจว แต่หนูจะขอบคุณเขาในภายหลังเองค่ะ""แล้วทำไมเขายังช่วยลูกอยู่ล่ะ?"เติ้งจวนยังคงไม่เข้าใจและพูดต่อ "ถ้าไม่บอก แม่ก็ยังนึกว่าลูกแต่งงานได้คนดีเลยนะ การแต่งงานแบบไม่เปิดเผยก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ