เวินหนี่ไม่คิดแบบนั้นแม้ว่าเธอจะเคยพูดดูถูกแบบนั้นใส่ลู่ม่านเซิงก็ตามแต่เธอก็พูดเพียงแค่เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น“คุณก็รู้ว่าฉันมีคนที่ชอบในใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?” เวินหนี่กล่าวเพียงประโยคเดียวก็ทำให้เย่หนานโจวถึงทางตัน เธอมีคนที่ชอบอยู่แล้วแต่เขาก็ไม่เคยเห็นผู้ชายคนนั้น!สิ่งนี้กลายเป็นปริศนาระหว่างพวกเขาใบหน้าของเย่หนานโจวเย็นชาแต่ก็พูดขึ้นว่า “เธอไม่จำเป็นต้องพูดถึงผู้ชายคนนั้น เมื่อถึงเวลาฉันก็จะปล่อยเธอไปเอง และต่อให้เธอไม่เอาใบหย่ามาให้ฉัน ฉันก็จะส่งมันไปถึงมือเธอเอง!”พวกเขารับทราบว่าจนกว่าสัญญาการแต่งงานจะสิ้นสุดลง ตอนนั้นพวกเขาถึงจะได้รับหุ้นเวินหนี่รู้ข้อนี้ดีและเธอให้ความร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดีถือซะว่านี่เป็นการตอบแทนเขาอย่างหนึ่งด้วย“ได้ค่ะ” เวินหนี่หยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะดูปฏิทิน “เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นประธานเย่จะหาเวลาว่างมาได้นะคะ”เย่หนานโจวไม่ได้ตอบทั้งสองได้รับการทำแผลจากคุณหมอ บาดแผลของเวินหนี่ไม่ได้ลึกมาก แค่ผิวถลอก เธอรู้ว่าเวินเซี่ยนไม่ได้ต้องการฆ่าชีวิตเธอทั้งหมดนี้เกิดจากการยุแยงของผู้หญิงคนนั้นไม่นา
เธอรับมันมา นมยังอุ่นอยู่เลย ก่อนจะยกมันขึ้นดื่ม เป็นนมรสหวานและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ มันช่วยบรรเทาความกลัวของเธอ แต่ก็ทำให้รู้สึกโศกเศร้า“พักสักหน่อยเถอะ” เย่หนานโจวทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว “ฉันจะดูแลเรื่องฝั่งตำรวจให้เอง”เขาไม่อยากให้เวินหนี่เหนื่อยเกินไปคดีลักพาตัวร้ายแรงเช่นนี้จำเป็นต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดเขาเองก็ไม่มีเวลาจะพักผ่อนได้เวินหนี่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ไม่นานก็มีคนเข้ามา“หนีหนี่”“แม่คะ” เวินหนี่ตะโกนเรียกเติ้งจวนมาที่โรงพยาบาล และเห็นเวินหนี่นอนอยู่บนเตียงโดยมีบาดแผลที่คอ เธอร้องไห้ออกมาทันทีและเข้ามากอดลูก “เวินหนี่ คนเลวเวินเซี่ยนนั่นมันสมควรตาย มาลักพาตัวและข่มขู่ลูกได้ยังไง? ไอ้สารเลวทำให้ลูกฉันต้องทุกข์ทรมานขนาดนี้! ต่อไปครอบครัวเราจะไม่มีการติดต่อกับครอบครัวของพวกนั้นอีกเด็ดขาด! แม่ว่าพ่อของลูกไปแล้ว เป็นเพราะเขาเห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้องมากเกินไปเรื่องถึงได้เป็นแบบนี้! พ่อเองก็ได้สติแล้ว ไว้พ่อเขาจะไปจัดการกับอาเอง!”เวินจ้าวยืนอยู่ที่ประตู แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความทุกข์และความรู้สึกผิดเป็นเพราะเขาเห็นแก่ความสัมพัน
“ก็ใช่น่ะสิ บางคนเกิดมาก็เพื่อเป็นคนเลว เวินเซี่ยนตายอย่างอนาถจริง ๆ เขาถูกหลานสาวตัวเองฆ่าตาย แถมยังไม่มีใครพูดอะไร น่าสงสารจริง ๆ”“ตำรวจว่ายังไงบ้าง? จะปล่อยให้คนตายไปเฉย ๆ อย่างนี้เหรอ?”“คนตายอย่างเปล่าประโยชน์ แค่ฝังดินเรื่องก็จบ”“นั่นมันไม่ยุติธรรมเลย ชีวิตคนทั้งคน แต่เวินหนี่กลับได้ผลประโยชน์ไปทั้งหมด!”เสียงเหล่านี้ทำให้ใบหน้าของเติ้งจวนบิดเบี้ยว “มันจะมากเกินไปแล้ว ยังไงก็เป็นญาติกันแต่กลับมานินทากันเนี่ยนะ!”พวกเขาแทบไม่ได้ติดต่อกับญาติเหล่านี้เลย อย่างมากก็เพียงแค่เคยทักทายกันผ่าน ๆ เท่านั้น เธอมองไปที่เวินหนี่แล้วพูดว่า “หนีหนี่ อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของพวกเขา เราไหว้เสร็จแล้วก็กลับกัน”เธอไม่อยากสร้างปัญหา หากไม่ใช่เพราะเวินหนี่อยากมา เธอก็คงไม่มา เวินหนี่ไม่เป็นอะไรเลย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกคนอื่นนินทาญาติบางคนนั้นแย่กว่าเพื่อนบ้านเสียอีกเธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อไว้อาลัยอาของเธอเท่านั้น แต่มาเพื่อหาตัวฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังด้วยพอลงจากรถ ทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปที่พวกเธอราวกับจะพูดว่ายังมีหน้ามาที่นี่อีกงั้นเหรอแต่การที่พวกเธอมาก็เป็นเพราะไม่ได้ทำเรื่องไม่
เหตุการณ์นี้กลายเป็นหัวข้อให้พวกเขานินทากันมากกว่าการกล่าวโทษคือความขมขื่นและความอิจฉาริษยาในใจในบรรดาพวกเขา คนที่ได้ดีที่สุดก็คือครอบครัวของเวินหนี่พวกเขาล้วนเป็นเพียงครอบครัวธรรมดา จะมีทางได้แต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยได้อย่างไรพวกเขาไม่เคยได้เห็นชีวิตของตระกูลที่ร่ำรวยที่ตอนนี้เวินหนี่มีด้วยซ้ำความริษยาที่มีก็เปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง และพวกเขาก็ทนเห็นเธอได้ดีไม่ได้ รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมนามสกุลเวินเหมือนกันแล้วพวกเธอมีสิทธิ์อะไรที่แตกต่าง “ใช่ ตระกูลเวินของเราไม่มีที่ให้กับพวกคนสูงส่งอย่างพวกเธอหรอกนะ!”เวินจ้าวเคยชินกับการถูกซุบซิบนินทามานานแล้ว แต่เขาต้องการส่งเวินเซี่ยนอย่างสงบ “พวกเราไม่เคยมีความคิดแบบนั้น พวกเธอพูดเรื่องไร้สาระโดยที่ไม่รู้อะไรเลย! ฉันไม่อยากโต้เถียงกับพวกเธอ วันนี้ฉันมาส่งน้องชายของฉัน ละเว้นการซุบซิบนินทาหน่อยเถอะ!”“ไสหัวออกไปให้พ้นทุกคน พวกเราไม่ต้อนรับ และไม่ต้องการการกราบไหว้ของพวกแก!” จางลี่หงพูดเสียงดัง “ครอบครัวของพวกแกคือฆาตกร!”พวกเขาผลักครอบครัวของเวินหนี่ออกไปอย่างแรง“กลับไปที่เมืองใหญ่ของพวกนายเถอะ นายเคยคิดว่าเขาคือน้องชายด้วยงั้นเ
ทุกคนเงียบลงอย่างพร้อมเพรียงกันก่อนจะมองไปยังที่มาของเสียงและเห็นรถหลายคันจอดอยู่ที่ด้านหลัง ร่างสูงสะดุดตาเดินเข้ามาชายคนนั้นสวมชุดสูทสีดำเทา ใบหน้าเคร่งขรึม ดวงตาลุ่มลึกที่ดูเฉียบคม และรัศมีแห่งความห่างเหินที่ทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้ แถมยังทำให้ผู้คนรู้สึกสะพรึงกลัว พวกเขาพร้อมใจกันแหวกทางออกเวินหนี่หันกลับมา รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเขา เขามาที่นี่ทำไมกัน?ความตึงเครียดในใจเธอคลายออกและเธอโยนสายยางในมือทิ้งไปเหตุการณ์เงียบไปครู่หนึ่ง และทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้นด้วยความโกรธ “คุณเป็นใคร? นี่เป็นเรื่องภายในตระกูลเวิน คุณเข้ามายุ่งได้ยังไง?”เย่หนานโจวมองบุคคลนั้นด้วยสายตาที่คมกริบคนผู้นั้นเงียบปากไปทันที พร้อมทั้งรู้สึกเย็นวาบไปทั่วแผ่นหลังเย่หนานโจวพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ผมเป็นสามีของเวินหนี่ คุณคิดว่าผมมีสิทธิ์เข้ามายุ่งหรือเปล่าล่ะ?”“สามีงั้นเหรอ?”พวกเขาตกใจและพูดขึ้นอย่างสงสัย “งั้นเธอก็แต่งงานเข้าตระกูลที่ร่ำรวยจริง ๆ น่ะสิ”พวกเขาหันไปมองที่ด้านนอกประตูซึ่งมีรถหรูจอดอยู่หลายคันแม้เป็นยี่ห้อที่พวกเขารู้จัก แต่แทบไม่เคยได้พบเห็นในชีวิตจริงพวกเขารู้ว่าบุคคล
ถึงจะไม่ได้มาพักที่นี่นาน แต่บ้านนี้ก็มีคนมาคอยทำความสะอาดอยู่บ่อย ๆเวินจ้าวและเติ้งจวนเป็นคนที่รู้จักบุญคุณคน แม้จะรู้ว่าการแต่งงานของพวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ก็ยังบอกให้เวินหนี่ไปขอบคุณเย่หนานโจวเย่หนานโจวกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเวินหนี่เทน้ำให้เขา “พ่อแม่บอกให้ฉันมาขอบคุณคุณน่ะค่ะ”“ไม่ต้องเกรงใจ”เวินหนี่นั่งลงข้างเขาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียดสี “ฉันพูดเป็นครึ่งวันแต่พวกเขาก็ไม่ฟัง พอคุณพูดเพียงไม่กี่คำพวกเขาก็เชื่อซะงั้น เพราะฉันอ่อนแอเกินไปงั้นเหรอ? ทำไมพวกเขาถึงไม่เชื่อฉันแต่กลับเชื่อคุณกันล่ะ?”เธอไม่เข้าใจเธอคิดว่าสามารถจัดการเองได้แท้ ๆ แต่สุดท้ายก็เป็นเย่หนานโจวที่เข้ามาแก้ไขให้เย่หนานโจวดื่มน้ำอุ่นและฟังคำพูดของเวินหนี่ สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก และก็ไม่ได้แปลกใจกับเรื่องแบบนี้ “เธอต้องเข้าใจสิ่งหนึ่ง ธรรมชาติของมนุษย์นั้นน่าเกลียด โดยเฉพาะญาติของเธอเหล่านั้น พวกเขามองเห็นแต่สิ่งไม่ดีและจะไม่ยอมมองด้านดีของเธอ เธอเองก็อย่าใจอ่อนและขี้สงสารให้มากนัก คนที่น่าสงสารย่อมมีจุดน่ารังเกียจ ยิ่งพวกเขาเกลียดเธอมากเท่าไร แสดงว่าเขาไม่พอใจกับชีวิตของตัวเอ
เมื่อเห็นเย่หนานโจวพูดแบบนั้น เวินหนี่จึงไม่ได้ปิดบังและพูดว่า “คุณปู่หาน หนูแต่งงานแล้วค่ะ ปู่ไม่จำเป็นต้องหาคู่ให้หนูแล้ว”“นี่คือสามีของหนีหนี่งั้นเหรอ!”ชายชรากลับรู้สึกมีความสุข ก่อนที่ผู้เฒ่าเวินจะจากไป เวินหนี่ยังคงเป็นเพียงนักเรียนอยู่เลย ตอนนี้เขาได้มาเห็นจึงอดไม่ได้ที่จะมองสำรวจเย่หนานโจวมากขึ้น ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “หน้าตาหล่อเหลาดูเป็นคนที่มีความสามารถ มองแวบเดียวก็รู้ว่าเขาเป็นคนเก่ง หนีหนี่มีสายตาที่เฉียบแหลมจริง ๆ!”“พวกเธอสองสามีภรรยาต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุขล่ะ การได้พบกันคือโชคชะตา และการได้มาอยู่ด้วยกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องรักษามันไว้ให้ดีล่ะ!” ชายชราพูดพล่าม แต่ก็เพราะหวังดีต่อพวกเขาเมื่อได้ยินแบบนั้น มุมปากของเย่หนานโจวก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเวินหนี่ไม่สามารถขัดจังหวะชายชราได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงรับฟังเงียบ ๆ เขาเองก็จะไปกินข้าวกับพวกเธอด้วย เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “เวินเซี่ยนคนนี้เนี่ยนะ โชคดีที่ผู้เฒ่าเวินจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่งั้นหากเขารู้เรื่องนี้คงจะโกรธจนแทบบ้าแน่ ๆ!”เขาเองก็เฝ้าดูเวินเซี่ยนเติบโตมาเช่นกัน เมื่อมองดูเขาค่อย ๆ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นห
เวินหนี่รับแก้วน้ำมา แล้วตอบรับเบา ๆ“หลานเขยของเราช่างเอาใจใส่ดีจริง ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็คิดถึงภรรยา!”การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกเขาอยู่ในสายตาของทุกคนพวกเขาหัวเราะสนุกสนานและส่งเสียงเย้าแหย่ ซึ่งทำให้เวินหนี่ดูระมัดระวังตัวเล็กน้อยเย่หนานโจวยกแก้วเหล้าขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าผมต้องเอาใจภรรยาสิครับ”“โอ้ หลานเขยดีนี่จริง ๆ หากตาแก่ที่บ้านใส่ใจได้ครึ่งหนึ่งของเธอ ฉันกับเขาก็คงไม่ทะเลาะกันทุกวันแบบนี้!”“ฮ่าฮ่าฮ่า…”พวกเขาหัวเราะกันอย่างสนุกสนานเวินหนี่ไม่ได้พูดอะไรมาก เย่หนานโจวให้เกียรติเธอมากพอแล้ว ในสายตาของคนอื่น เธอแต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวย แถมสามียังเป็นคนเอาใจใส่ ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ต้องอิจฉาเวินหนี่ยังรู้สึกสับสนเล็กน้อยและถามว่า “ก่อนนี้ญาติเหล่านั้นยังเมินเฉยต่อฉันอยู่เลย แต่จู่ ๆ ก็ดูเป็นมิตรขึ้นมา คุณแอบไปทำอะไรมาหรือเปล่าคะ?”เย่หนานโจวดูเข้ากับญาติของเธอได้ดี จนดูเหมือนว่าเขาเคยสนทนากับพวกเขาบ่อย ๆ “ไม่มีอะไรหรอก แค่ให้ผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น” เย่หนานโจวกล่าวไม่น่าแปลกใจเลยเธอก็คิดอยู่ว่าทำไมคนอื่นจู่ ๆ ถึงได้ดูชื่นชอบเธอขึ้นมาขนาดนั
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ