เวินหนี่ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกไร้สาระ “เธอคิดมากเกินไปแล้ว ฉันก็แค่พูดความจริง”“แล้วคุณกล้าพูดว่าคุณไม่ชอบประธานเย่หรือเปล่าคะ?” โจวเสี่ยวหลินถามขึ้นพลางมองเข้าไปในดวงตาของเธอเวินหนี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งเป็นการบอกว่าโจวเสี่ยวหลินพูดตรงประเด็น“คุณไม่ตอบก็แสดงว่ายอมรับแล้ว”ในฐานะผู้หญิง สัมผัสที่หกของเธอนั้นแม่นยำ เวินหนี่ชอบเย่หนานโจวผ่านมาหลายปีแล้วแต่เย่หนานโจวก็ไม่ได้ตกหลุมรักเธอ ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา แต่เวินหนี่ก็ไม่ยอมให้ผู้หญิงคนอื่นชอบประธานเย่ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเขาน้อยมาก เพราะมีเวินหนี่คอยขัดขานี่เอง“คุณเวิน เรามาแข่งขันกันอย่างยุติธรรมเถอะค่ะ แบบนั้นถ้าฉันแพ้ฉันก็ยอม” โจวเสี่ยวหลินพูด “ถ้าประธานเย่ไม่ชอบฉัน ฉันก็จะยอมถอยและไม่เซ้าซี้เขาอีก”เวินหนี่เพียงแค่คิดว่ามันน่าขัน “เธอคิดว่าฉันเห็นเธอเป็นคู่แข่งอย่างนั้นเหรอ?”โจวเสี่ยวหลินเองก็เข้าใจ “ฉันรู้ว่าคุณอยู่กับประธานเย่มาหลายปีแล้ว และเขาก็มีความรู้สึกต่อคุณ แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกระหว่างชายหญิง แต่คือความใส่ใจที่มีต่อลูกน้องฉันเข้าใจคุณค่ะและฉันหวังก็ว่าคุณจะเข
รถแล่นออกไปอย่างรวดเร็วจากหน้าอาคารเวินหนี่มองดูรถที่แล่นออกไป และกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว“เหมือนว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้โกหก เธอรู้จักกับประธานเย่จริง ๆ” แผนกต้อนรับเริ่มไม่แน่ใจแล้ว“อุ้มไปขนาดนั้น ต้องมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา ถ้าประธานเย่เอาผิด พวกเราจะซวยกันแน่ ๆ”เมื่อได้ยินแบบนั้นเวินหนี่รู้สึกหดหู่เล็กน้อย เธอเคยเห็นความเย็นชาของเย่หนานโจวที่มีต่อผู้หญิง และก็เคยเห็นความอ่อนโยนที่เขามีให้ผู้หญิง มันขึ้นอยู่กับว่าเขาชอบเธอคนนั้นหรือไม่เขาชอบลู่ม่านเซิง เขาพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลอย่างเป็นกังวลแม้จะเป็นเพียงบาดแผลเล็ก ๆ และเขาก็กังวลว่าโจวเสี่ยวหลินจะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจึงขับรถพาเธอไปโรงพยาบาลในทันทีแผนกต้อนรับก็พากันกังวลเล็กน้อย กลัวว่าเป็นเพราะพวกตนขวางโจวเสี่ยวหลินไว้เธอถึงได้วิ่งเข้าไปชนรถ เมื่อเห็นเวินหนี่ยังอยู่ที่นี่จึงขอร้องว่า “คุณเวิน ถ้าประธานเย่เอาผิดขึ้นมา คุณต้องช่วยพวกเราพูดด้วยนะคะ”เวินหนี่กลับมามีสติอีกครั้ง เธอปรับอารมณ์ให้สงบลงและพูดว่า “สถานการณ์วันนี้เป็นอุบัติเหตุ พวกคุณไม่ต้องโทษตัวเอง ถ้าประธานเย่เอาผิด ฉันจะพูดให้เอง”“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณเวิน” พวกเธอร
คุณปู่กู้เล่าด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ หลังจากผ่านสงครามมามากมาย เขารู้ดีว่ากว่าจะมีชีวิตสงบสุขอย่างทุกวันนี้ยากลำบากเพียงใด มีเพียงประเทศเข้มแข็งถึงจะไม่ถูกรังแก และเราต้องปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนที่รักษาไว้อย่างยากลำบากเวินหนี่ไม่ได้ประสบกับความโหดร้ายในยุคนั้น แต่เธอก็รู้ว่าช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของคุณปู่กู้คือตอนที่เขายังหนุ่ม แม้จะแก่ตัวแล้วเขาก็ยังอยากจะทำเพื่อประเทศชาติให้มากขึ้น คุณปู่กู้พูดไปจนตาแดงก่ำเวินหนี่ตั้งใจฟัง และเห็นบาดแผลที่เกิดจากถูกยิงที่ขาของเขาก็ตระหนักได้ถึงความยากลำบากของพวกเขา“คุณปู่กู้ ตอนนี้ประเทศนี้แข็งแกร่งขึ้นแล้วและเต็มไปด้วยคนมากความสามารถ จะไม่มีสงครามเกิดขึ้นแล้วค่ะ” เวินหนี่ปลอบใจเขาคุณปู่กู้กล่าว “จะทะนงตนเกินไปไม่ได้”ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แต่คนมีความสามารถนั้นเยอะจริง ๆ หนานโจวเป็นคนที่มีความสามารถ เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย มันเป็นความผิดของคนแก่อย่างตาเฒ่าเย่ที่อยากให้เขากลับมาสืบทอดธุรกิจของครอบครัว หากเขายังติดตามฉัน เกรงว่าคงจะเก่งกว่าฉันตอนหนุ่ม ๆ เสียอีก”คำพูดเหล่านี้ทำให้เวินหนี่ปร
เขากำลังเตือนเวินหนี่ว่าเธอควรจับตาดูสามีของตัวเองให้ดี และอย่าให้คนอื่นฉวยโอกาสจากช่องว่างของความสัมพันธ์ได้เวินหนี่ไม่อยากให้คุณปู่กู้ที่ป่วยอยู่ต้องมากังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับเย่หนานโจว เธอยิ้มและพูดว่า “หนูทราบค่ะ หนานโจวบอกกับหนูแล้ว คุณปู่กู้ นี่ก็เริ่มค่ำแล้ว ด้านนอกอากาศหนาว เราเข้าไปข้างใน กันเถอะค่ะ”“อืม” คุณปู่กู้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรจึงไม่ได้พูดอะไรอีกเวินหนี่ส่งคุณปู่กู้ไปที่วอร์ดก่อนจะบอกลาเขา และลังเลว่าจะไปแผนกสูตินรีเวชหรือไม่แต่โจวเสี่ยวหลินก็โทรมาเธอพอดี “คุณเวิน คุณมาที่โรงพยาบาลหน่อยได้ไหมคะ? ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ”และสุดท้ายเวินหนี่ก็ตัดสินใจไปเผยชิงเฝ้าอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นเวินหนี่เดินเข้ามา เขาก็มีสีหน้าอ้ำอึ้ง ราวกับกลัวว่าเธอจะมาที่นี่ “เลขาเวิน ทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะครับ?” เผยชิงฝืนยิ้มเวินหนี่สงบนิ่งมากและถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ?”“เอ่อ ผมว่าคุณน่าจะโทรหาประธานเย่ให้เขามาที่นี่ก่อน…”เขาดูระมัดระวังมากซึ่งทำให้เวินหนี่เกิดความสงสัย “มีอะไรที่ฉันรู้ไม่ได้งั้นเหรอ?”เผยชิงลังเลว่าจะพูดดีไหม เขามองไปที่โจวเสี่ยวหลินในห้องแล้วถอนหายใจ
เผยชิงเหลือบมองเวินหนี่เวินหนี่พูดขึ้นว่า “คุณออกไปข้างนอกก่อน”เผยชิงปิดประตูลงโจวเสี่ยวหลินยกผ้าห่มออกและนั่งบนขอบเตียง ก่อนจะลูบท้องตัวเองอย่างคาดหวัง“คุณเวิน ฉันรู้ว่าประธานเย่มีคนอยู่ในใจแล้ว”เวินหนี่กำหมัดแน่นโจวเสี่ยวหลินก้มหน้าลงและพูดช้า ๆ “ความอ่อนโยนของประธานเย่ที่มีต่อฉันก็เป็นเพราะคน ๆ นั้น ฉันเหมือนเธอ ประธานเย่ถึงได้ชอบฉัน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ฉันก็พอใจแล้ว ฉันไม่ขออะไรมาก แค่ตั้งครรภ์ลูกของประธานเย่ก็พอแล้ว”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ โจวเสี่ยวหลินก็มองไปที่เวินหนี่แล้วพูดว่า “คุณเวิน คุณก็รู้ดีใช่ไหมคะ? คน ๆ นั้นชื่อเซิงเซิง”สีหน้าของเวินหนี่ซีดเผือด เธอรู้เรื่องนี้ด้วยงั้นเหรอ?“เย่หนานโจวบอกเธอว่าคนที่เขาชอบคือเซิงเซิง และคิดว่าเธอเป็นตัวแทนของเซิงเซิงงั้นเหรอ?” เวินหนี่ถามอีกครั้งโจวเสี่ยวหลินไม่สนใจ “ฉันไม่สนใจว่าจะเป็นตัวแทนของใครหรือไม่ ฉันเกิดมาธรรมดา แค่ได้รับการ ดูแลเป็นพิเศษเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว”ถ้าเย่หนานโจวไม่ได้บอกโจวเสี่ยวหลินเอง เธอจะรู้ได้อย่างไร?เวินหนี่รู้สึกใจสลายมาก เล็บเธอจิกแน่นเข้าไปในเนื้อ ผ่านมาตั้งนานแล้วแต่เธอก็ยังคงไม่สามารถหน
“อะไรนะ?” ใบหน้าของโจวเสี่ยวหลินดูน่าเกลียดอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ แม่ เวลามันลงล็อคพอดีและฉันเองก็จำได้แม่น จะไม่ใช่ประธานเย่ได้ยังไง? แม่นั่นแหละที่เข้าใจผิด”“มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น!” คนในสายพูด “ตอนที่ฉันรู้ว่าพวกเขากำลังตามหาคน ฉันเองก็คิดว่าเธอกำลังจะได้โบยบิน แต่เราทุกคนต่างก็เข้าใจผิด หมายเลขห้องก็ไม่ถูกต้อง คนคืนนั้นไม่ใช่ประธานเย่ แต่เป็น…ผู้ชายในวัยสักสี่สิบห้าสิบ”ตอนนี้ใบหน้าของโจวเสี่ยวหลินซีดเผือด เธอมองไปที่ท้องของตัวเองอีกครั้งและรู้สึกถึงโทสะ “ฉันจะตั้งท้องลูกของผู้ชายอายุสี่สิบห้าสิบปีได้ยังไง?”ความแตกต่างระหว่างความฝันและความเป็นจริงมันมากเกินไปเธอมีความสุขโดยเปล่าประโยชน์หากเธอไม่ได้มีความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เธอก็คงไม่ผิดหวังมากขนาดนี้ตอนที่เธอพบว่าชายในคืนนั้นคือเย่หนานโจว เธอก็รู้สึกว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดที่เธอเคยทำมาในชีวิตเธอเชื่อว่าตนสามารถจับชายที่ร่ำรวยและหล่อเหลาได้คราวเดียวแต่ความเป็นจริงกลับบอกเธอว่าเธอนอนกับชายชราคนหนึ่ง“เสี่ยวหลินยอมรับความจริงซะเถอะ ถึงแม้ว่าเขาจะแก่แล้วแต่ก็มีเงิน เธอสามา
คำพูดของเย่หนานโจวทำเผยชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โจวเสี่ยวหลินกำลังตั้งครรภ์และเธอก็เป็นผู้หญิงในคืนนั้น ดังนั้นเด็กก็ต้องเป็นลูกของเขาสิ“ไปได้แล้ว” จู่ ๆ เย่หนานโจวก็พูดขึ้น“อ้อ” เผยชิงสตาร์ตรถเย่หนานโจวขมวดคิ้ว “ฉันหมายถึงให้ลงจากรถ!”“ประธานเย่ คุณยังมีนัดไม่ใช่เหรอครับ? พวกเขากำลังรออยู่ อีกอย่างที่นี่ก็มีคนมากเกินไป!” เผยชิงเห็นมีคนมากมายที่นี่มันจะต้องแออัดแน่นอนเลขาเวินมาที่นี่ก็ไม่เท่าไร แต่เย่หนานโจวมาที่นี่โดยไม่มีคนคอยรักษาความปลอดภัยคอยเปิดทางให้ ตามนิสัยการใช้ชีวิตของเขาแล้ว เขาไม่มีทางลงไปเดินในที่แบบนี้แน่เย่หนานโจวจ้องไปที่เผยชิงและพูดนิ่ง ๆ “นายชอบที่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”“ครับ?” เผยชิงตอบสนองไม่ทัน เขาชอบสถานที่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?แต่เมื่อเห็นสายตาดุดันของเย่หนานโจว เขาก็ทำได้เพียงพยักหน้า “ครับ ครับ ผมชอบที่นี่”“อืม ลงไปซะ!” เย่หนานโจวเบี่ยงสายตาหันออกไปมองด้านนอก เขาลงจากรถก่อน แล้วมองดูฝูงชนมากมาย นึกไม่ออกเลยว่าการรวมตัวกันของผู้คนในสถานที่แบบนี้มีอะไรน่าสนใจกัน แค่เพื่อมาดูดอกไม้ไฟสิบกว่านาทีเท่านี้เหรอ?เย่หนานโจวอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากด้
โชคดีที่เจ้าของร้านเตรียมรับมือไว้ก่อนแล้ว ทำให้เขาสามารถหลบหลีกได้ทัน“เผยชิง นายยิงได้บ้างไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแสนัก“...” เผยชิงมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของเจ้าของร้านแล้วตอบ “เกือบโดนแล้วครับ!”ลู่เซินถูกเวินหนี่กอดไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอดีใจขนาดนี้ ลู่เซินจึงชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบาง ๆ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนใช่ไหม?”“ไม่ต้องรีบหรอก ฉันดีใจมากเลย” เวินหนี่ยิ้มตอบเจ้าของร้านถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะยิ้มและพูดว่า “หนุ่มน้อย นายนี่เก่งจริง ๆ รู้ไหมว่าไม่ค่อยมีใครสามารถโยนห่วงโดนของที่อยู่ด้านหลังได้เลยนะ!”จากนั้นเขาก็รีบหยิบโดราเอมอนมาส่งให้เวินหนี่เวินหนี่กอดมันไว้แน่น รู้สึกถึงความมั่นคงภายในใจ ราวกับว่าเธอได้ครอบครองสิ่งที่เป็นของตัวเองจริง ๆ แล้ว“แล้วยังมีห่วงเหลืออีกตั้งเยอะ จะทำยังไงดี?” ลู่เซินถามเวินหนี่ตอบว่า “โยนให้หมดเลย โดนอะไรก็เอาอันนั้นแหละ”“โอเค” ลู่เซินตอบตามที่เธอว่า เขายังโชว์ฝีมือได้ดี โยนห่วงโดนทุกครั้ง แต่ของที่ได้มาก็เป็นเพียงของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรแต่ก็ยังสนุกมากทว่าร้านด้านข้างกลับ