ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่สามารถพัฒนาไปได้มากกว่านี้เธอจัดการอารมณ์ทั้งหมดก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้ม จากนั้นก็มองไปที่หวังอินที่ยืนอยู่ด้านหลัง “ประธานเย่ ในฐานะเลขาของคุณ ฉันจะไม่มองสิ่งที่ไม่ควรมอง และจะไม่ฟังสิ่งที่ฉันไม่ควรฟัง สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกคุณที่นี่ฉันจะเก็บเป็นความลับ ไม่พูดออกไปอย่างแน่นอนค่ะ”หวังอินเข้าใจอะไรบางสิ่งบางในทันที และเดินเข้าไปก่อนจะพูดว่า “ประธานเย่ เป็นเพราะมีคนอื่นอยู่ คุณเลยกังวลใช่ไหมคะ หากเป็นเช่นนั้น คน ๆ นี้คือเลขาของคุณ เธอต้องเข้มงวดกับคำพูดของตัวเองอย่างแน่นอน ฉันรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่คุณเย่ไม่มีเรื่องอื้อฉาวและไม่เคยเปิดเผยเรื่องแฟนสาว ฉันไม่จำเป็นต้องมีสถานะก็ได้ เรามาแอบคบกัน ตกลงไหมคะ?”เธอหลงรักเย่หนานโจวอยากอยู่ใกล้เขาและพิชิตใจเขาหากเขาสนใจเธอ เธอก็สามารถเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาได้แบบนี้เขาคงไม่สามารถปฏิเสธได้แน่ ความห่างเหินและความเฉยเมยของเวินหนี่ทำให้เย่หนานโจวไม่พอใจมากพออยู่แล้ว ยังมีหวังอินที่มาพูดจาไร้สาระอยู่ข้างหูของเขาอีก มันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น สายตาเย็นชาของเขาเบี่ยงจากเวินหนี่ไปยังหวังอินเดิ
“ขอโทษค่ะคุณเย่ วันนี้เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ได้เข้าไปห้ามไว้ทันเวลาจนทำให้คุณเย่ไม่พอใจ ฉันจะหลีกเลี่ยงไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตค่ะ” เวินหนี่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองอย่างรวดเร็วด้วยความกลัวว่าเขาจะโกรธและทะเลาะกันใหญ่โตเธอยอมรับความผิดพลาดอย่างรวดเร็วและไม่ได้โต้เถียงเขา เย่หนานโจวจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “เธอรู้สึกตัวเร็วดีนี่ งั้นฉันขอถามเธอหน่อย ที่เธอทำแบบนั้นเป็นเพราะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว”การกระทำของเธอก่อนนี้เป็นเพราะเรื่องส่วนตัวเธอรู้สึกโศกเศร้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เวินหนี่กล่าวขึ้น “แน่นอนว่าเป็นเพราะเรื่องงานค่ะ ตราบใดที่ฉันเป็นเลขาของประธานเย่ ฉันก็จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง คุณเย่ คุณหักเงินเดือนของฉันได้เลยค่ะ ฉันไม่มีข้อโต้แย้ง”“...”เย่หนานโจวพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง และเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็หาความผิดของเธอไม่ได้และเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะสาวความยาวเย่หนานโจวเม้มริมฝีปาก ใบหน้าของเขามืดมนลง เขาปล่อยเธอและห่างเหินราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยพูดคุยกับเธอเวินหนี่รู้สึกโล่งใจและคิดว่าตัวเองผ่านการทดสอบแล้ว แต่เธอกลับเห็นว
เธอลืมตาขึ้น เห็นเผยชิงเปิดประตูรถและเขย่าตัวเธอ เธอลุกขึ้นนั่งแล้วถามขึ้นว่า “มีอะไร?”“วันนี้ประธานเย่ดื่มหนักมาก แถมยังปลุกไม่ตื่นด้วยครับ” เผยชิงกล่าวเวินหนี่รีบมองไปและเห็นว่าเย่หนานโจวกำลังนอนหลับพิงพนักเก้าอี้ในตำแหน่งเดิม เขาหายใจอย่างมั่นคงและไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย บางทีเขาอาจจะดื่มมากเกินไปจนเหนื่อยและหลับไปแล้วแต่เขาไม่ค่อยเป็นแบบนี้ในความทรงจำของเธอ เขาไม่เคยเมาจนหลับลึกแบบนี้มาก่อน เมื่อเห็นว่ามาถึงประตูบ้านแล้ว เธอจึงพูดขึ้นว่า “ฉันจะเรียกให้คนมาพยุงเขาเข้าไป”“เผยชิง นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ” ทันใดนั้นเวินหนี่ก็ได้สติเผยชิงพยักหน้า “ครับ ฝากดูแลประธานเย่ด้วยนะครับ”เวินหนี่ลงจากรถแล้วรีบเข้าไปเรียกคนรับใช้ในบ้านให้ออกมาช่วยพยุงเย่หนานโจวเข้าไปหลังจากพยุงเขามาถึงห้องนอน เย่หนานโจวก็ถูกวางลงบนเตียง เวินหนี่รู้สึกหมดแรงเธอมองดูชายที่หมดสติอยู่บนเตียง ก่อนจะช่วยเขาถอดรองเท้า ถอดเสื้อสูทออกแล้วแขวนไว้บนไม้แขวนเสื้อเธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรงจากบนตัวเขาดูเหมือนว่าจะดื่มไปเยอะจริง ๆ ทันใดนั้น เย่หนานโจวก็พลิกตัวและจับเวินหนี่ไว้ในอ้อมแขนโดยไม
เวินหนี่รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ทำตัวเองให้ดูปกติ จากนั้นก็มองไปที่เขา “วันนี้คุณดื่มไปไม่น้อย รีบนอนลงแล้วพักผ่อนเถอะค่ะ”เย่หนานโจวมองไม่ผิด เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามอีกขึ้นครั้ง “เมื่อกี้เธอร้องไห้เหรอ?”เวินหนี่ก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัว “ฝุ่นเข้าตาน่ะค่ะ”เย่หนานโจวถามต่อ “ร้องไห้ทำไม?”เขาไม่ค่อยเห็นเธอหลั่งน้ำตา หากเธอร้องไห้แสดงว่าเธอจะต้องเสียใจมากดวงตาของเวินหนี่จับจ้องไปที่เขา เธอลังเลก่อนที่จะถามขึ้นว่า “เมื่อกี้ฉันเช็ดตัวให้คุณ และเห็นบาดแผลมากมายบนร่างกายของคุณ”“ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณเคยได้รับบาดเจ็บมามากมายขนาดนี้”มือของเย่หนานโจวหยุดลง ที่แท้เธอก็ร้องไห้เพราะเขา เขาถามขึ้นอีกว่า “เธอสงสารฉันงั้นเหรอ?”คำพูดของเขาทำให้เวินหนี่ใจหวิวและเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เธอตื่นตระหนกราวกับว่าความลับที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ในใจของเธอกำลังจะถูกค้นพบ “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนมีบาดแผลมากมายขนาดนี้ ตอนนั้นคงจะเจ็บไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ”เธอเป็นคนที่ต้องการการเตรียมใจล่วงหน้า แม้ว่าจะถูกแทงด้วยเข็มก็ตามยิ่งไม่ต้องพูดถึงการถูกยิงทันใดนั้นดวงตาของเย่หนานโจวก็อ่อนโยนขึ้น ไม่ได้มีความเฉยเมยแล
ราวกับว่าเขาไม่มีเกราะป้องกันต่อหน้าเธออีกต่อไปเธอคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แผ่นหลังแน่น ๆ ของเขาก็มีบาดแผลเช่นกัน มีรอยแผลเป็นเป็นเส้น ๆ ดูน่ากลัวมาก ทิ้งความงามที่ไม่สมบูรณ์ไว้บนร่างกายที่ไร้ที่ตินั้นเวินหนี่มองแผ่นหลังกว้างของเขา ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขาที่สามารถแบกตระกูลเย่เอาไว้ได้ แต่ใครจะคิดว่าบ่าของเขาต้องทนแบกรับอะไรมามากมายแค่ไหนมือของเธอแตะไปที่แผ่นหลังของเขา ร่างกายของเย่หนานโจวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ดวงตาของเขาลุ่มลึก และไม่ได้ปฏิเสธสัมผัสของเธอ เพียงแค่บอกเธอด้วยเสียงแหบพร่าว่า “มันไม่เจ็บแล้ว”รอยแผลเป็นเหล่านั้นทำร้ายหัวใจเวินหนี่เธอยังคงเงียบและกำหมัดแน่นเขาไม่ต้องการพูดถึงมัน บางทีร่องรอยเหล่านี้อาจเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจทนได้หากมองย้อนกลับไปสำหรับเย่หนานโจวรวมไปถึงส่วนที่มีเธอด้วยเวินหนี่เม้มริมฝีปาก ถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วดึงมือออกเธอค้นพบว่าเย่หนานโจวยังคงมีความลับที่เธอไม่รู้เธอถึงกลับคิดว่า ตอนนั้นคือ “อาจ้าน” ไม่ใช่เย่หนานโจวเย่จื่อเองก็เคยพูดว่าไม่ชอบเย่ซูเฟินและยังบอกด้วยว่าเธอเลี้ยงดูเย่หนานโจวมาจนเติบใหญ่ เย่ซูเฟินไม่มีคุณสมบัติ
คำพูดดังกล่าวทำให้เวินหนี่ตกใจ เธอไม่เคยคิดเลยว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากของเขาจูบของเขาลดต่ำลง จากอ่อนโยนไปสู่ความหนักหน่วงด้วยความหวงแหนของผู้ชาย ซึ่งทำให้เวินหนี่รู้สึกงุนงงอยู่พักหนึ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นบนร่างกาย เย่หนานโจวก็ปลดกระดุมชุดนอนของเธอแล้ว ความหนาวเย็นที่กัดกร่อนทำให้เธอได้สติขึ้นมาทันที เขามองดูหน้าท้องของเธอเล็กน้อย เธอสะดุ้งและรีบผลักเย่หนานโจวออกไปทันที “ไม่นะ!”เดิมทีเย่หนานโจมกำลังได้อารมณ์ เมื่อถูกเธอผลักออกอย่างแรงเขาก็สร่างเมาทันที เขามองดูการกระทำที่ใหญ่โตของเวินหนี่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและปกปิดเสื้อผ้าตัวเองอย่างแน่นหนา เขารู้สึกถึงการต่อต้านและรังเกียจการสัมผัสจากเขาดวงตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของเขาจางหายไปทันที ใบหน้าของเขาเย็นลง และเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เธอกำลังปกป้องร่างกายราวกับหยกไว้เพื่อลู่เซินหรือว่าอาจ้านกันล่ะ?”มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่ทำให้เธอมีปฏิกิริยารุนแรง และไม่อยากถูกเขาแตะต้องเช่นนี้นั่นก็เพื่อผู้ชายที่เธอชอบอยู่ในใจเวินหนี่ใช้มือลูบท้องตัวเอง เธอกำลังตั้งครรภ์ จึงไม่อาจทำ
เวินหนี่กินคำสุดท้ายเสร็จแล้วจึงวางส้อมลงเธอรู้ว่าเย่ซูเฟินได้สะสมความไม่พอใจมาเป็นเวลานานแล้วเย่หนานโจวไม่เชื่อฟังเย่ซูเฟินเพราะเธออยู่หลายครั้ง ซึ่งนั่นทำให้เย่ซูเฟินไม่พอใจเธอมากขึ้นเวินหนี่ยืนขึ้นและมองไปที่เย่ซูเฟิน “คุณแม่ จริง ๆ แล้วคุณไม่เคยคิดที่จะให้ฉันตั้งท้องลูกของหนานโจว อยู่แล้วสินะคะ”จู่ ๆ เธอก็พูดสิ่งนี้ขึ้นมาทำให้เย่ซูเฟินตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะจัดการอารมณ์ “เธอพูดถึงเรื่องนี้ทำไม”เวินหนี่กล่าวต่อ “คุณอยากให้ลู่ม่านเซิงเข้ามาในตระกูลขนาดนั้น แล้วจะอยากให้ฉันตั้งท้องลูกของเย่หนานโจวได้ยังไง? และคุณก็รู้ด้วยว่าเย่หนานโจวจะไม่แตะต้องฉัน แต่คุณก็ยังป้อนยาต้มเหล่านั้นให้กับฉัน บอกว่าฉันไม่ได้เรื่อง นั่นก็เป็นเพียงเพราะแค่อยากหาเรื่องมาดูถูกฉันก็เท่านั้น”คำพูดของเธอชัดเจนขนาดนี้แล้ว เย่ซูเฟินจึงหยุดเสแสร้ง “เธอรู้ก็ดี ลูกหลานตระกูลเย่ของเราจะมีสายเลือดของเธอได้ยังไงกัน” พอพูดเช่นนั้นแล้วเย่ซูเฟินก็รู้สึกได้ใจ เธอนั่งลงและพูดอย่างหยิ่งผยอง “คนที่หนานโจวชอบคือเซิงเซิง แน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางแตะต้องเธอ เป็นเพราะตอนนั้นคุณปู่ตาบอดถึงได้ให้เขาแต่งงานกับเธอ ถ้าเขาไม่แต
ประโยคนี้ทำให้เย่หนานโจวชะงัก และมองกลับไปที่เผยชิง “ผู้หญิงคนไหน?”ในฐานะผู้ส่งสาร เผยชิงรู้สึกเหมือนมีมีดจ่ออยู่คอเป็นคู่สามีภรรยากันแท้ ๆ ทำไมถึงได้ใช้ชีวิตกันแบบนี้ ภรรยาช่วยสามีตามหาคู่นอนส่วนสามีก็เก็บเรื่องแต่งงานเป็นความลับไม่ให้คนอื่นรู้ แต่ก็ใช่ว่าทั้งคู่จะไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อกัน เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดแต่เขาก็ถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ราวกับขนมปังกรอบแซนวิช ทุกวันต้องอยู่กับความหวาดระแวง“คนที่...นอนกับประธานเย่”หลังจากที่เผยชิงพูดสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจบนใบหน้าของเย่หนานโจวเย่หนานโจวยังคงไม่พอใจกับการปฏิเสธของเวินหนี่เมื่อวานนี้ แล้ววันนี้เธอยังพาตัวผู้หญิงคนนั้นมาหาเขาถึงที่อีกใจร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ?อยากจะผลักเขาออกไป เมื่อเขาตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่น เธอถึงจะพอใจอย่างนั้นสินะ!ใบหน้าหงุดหงิดของเย่หนานโจวถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง แต่เขายังคงสงบและพูดอย่างเย็นชา “รู้แล้ว บอกให้เธอรอก่อน!”เมื่อเวินหนี่กลับมายังไม่ทันจะวางกระเป๋าลง เผยชิงก็เข้ามาและพูดว่า “เลขาเวิน ประธานเย่บอกให้พวกคุณรออยู่ในห้องรับรองสักครู่ครับ!”หืม?“พวกคุณ?” เวินหนี่ไม่เข้าใจ
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ