“ขอโทษค่ะคุณเย่ วันนี้เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ได้เข้าไปห้ามไว้ทันเวลาจนทำให้คุณเย่ไม่พอใจ ฉันจะหลีกเลี่ยงไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตค่ะ” เวินหนี่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองอย่างรวดเร็วด้วยความกลัวว่าเขาจะโกรธและทะเลาะกันใหญ่โตเธอยอมรับความผิดพลาดอย่างรวดเร็วและไม่ได้โต้เถียงเขา เย่หนานโจวจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “เธอรู้สึกตัวเร็วดีนี่ งั้นฉันขอถามเธอหน่อย ที่เธอทำแบบนั้นเป็นเพราะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว”การกระทำของเธอก่อนนี้เป็นเพราะเรื่องส่วนตัวเธอรู้สึกโศกเศร้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เวินหนี่กล่าวขึ้น “แน่นอนว่าเป็นเพราะเรื่องงานค่ะ ตราบใดที่ฉันเป็นเลขาของประธานเย่ ฉันก็จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง คุณเย่ คุณหักเงินเดือนของฉันได้เลยค่ะ ฉันไม่มีข้อโต้แย้ง”“...”เย่หนานโจวพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง และเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็หาความผิดของเธอไม่ได้และเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะสาวความยาวเย่หนานโจวเม้มริมฝีปาก ใบหน้าของเขามืดมนลง เขาปล่อยเธอและห่างเหินราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยพูดคุยกับเธอเวินหนี่รู้สึกโล่งใจและคิดว่าตัวเองผ่านการทดสอบแล้ว แต่เธอกลับเห็นว
เธอลืมตาขึ้น เห็นเผยชิงเปิดประตูรถและเขย่าตัวเธอ เธอลุกขึ้นนั่งแล้วถามขึ้นว่า “มีอะไร?”“วันนี้ประธานเย่ดื่มหนักมาก แถมยังปลุกไม่ตื่นด้วยครับ” เผยชิงกล่าวเวินหนี่รีบมองไปและเห็นว่าเย่หนานโจวกำลังนอนหลับพิงพนักเก้าอี้ในตำแหน่งเดิม เขาหายใจอย่างมั่นคงและไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย บางทีเขาอาจจะดื่มมากเกินไปจนเหนื่อยและหลับไปแล้วแต่เขาไม่ค่อยเป็นแบบนี้ในความทรงจำของเธอ เขาไม่เคยเมาจนหลับลึกแบบนี้มาก่อน เมื่อเห็นว่ามาถึงประตูบ้านแล้ว เธอจึงพูดขึ้นว่า “ฉันจะเรียกให้คนมาพยุงเขาเข้าไป”“เผยชิง นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ” ทันใดนั้นเวินหนี่ก็ได้สติเผยชิงพยักหน้า “ครับ ฝากดูแลประธานเย่ด้วยนะครับ”เวินหนี่ลงจากรถแล้วรีบเข้าไปเรียกคนรับใช้ในบ้านให้ออกมาช่วยพยุงเย่หนานโจวเข้าไปหลังจากพยุงเขามาถึงห้องนอน เย่หนานโจวก็ถูกวางลงบนเตียง เวินหนี่รู้สึกหมดแรงเธอมองดูชายที่หมดสติอยู่บนเตียง ก่อนจะช่วยเขาถอดรองเท้า ถอดเสื้อสูทออกแล้วแขวนไว้บนไม้แขวนเสื้อเธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรงจากบนตัวเขาดูเหมือนว่าจะดื่มไปเยอะจริง ๆ ทันใดนั้น เย่หนานโจวก็พลิกตัวและจับเวินหนี่ไว้ในอ้อมแขนโดยไม
เวินหนี่รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ทำตัวเองให้ดูปกติ จากนั้นก็มองไปที่เขา “วันนี้คุณดื่มไปไม่น้อย รีบนอนลงแล้วพักผ่อนเถอะค่ะ”เย่หนานโจวมองไม่ผิด เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามอีกขึ้นครั้ง “เมื่อกี้เธอร้องไห้เหรอ?”เวินหนี่ก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัว “ฝุ่นเข้าตาน่ะค่ะ”เย่หนานโจวถามต่อ “ร้องไห้ทำไม?”เขาไม่ค่อยเห็นเธอหลั่งน้ำตา หากเธอร้องไห้แสดงว่าเธอจะต้องเสียใจมากดวงตาของเวินหนี่จับจ้องไปที่เขา เธอลังเลก่อนที่จะถามขึ้นว่า “เมื่อกี้ฉันเช็ดตัวให้คุณ และเห็นบาดแผลมากมายบนร่างกายของคุณ”“ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณเคยได้รับบาดเจ็บมามากมายขนาดนี้”มือของเย่หนานโจวหยุดลง ที่แท้เธอก็ร้องไห้เพราะเขา เขาถามขึ้นอีกว่า “เธอสงสารฉันงั้นเหรอ?”คำพูดของเขาทำให้เวินหนี่ใจหวิวและเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เธอตื่นตระหนกราวกับว่าความลับที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ในใจของเธอกำลังจะถูกค้นพบ “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนมีบาดแผลมากมายขนาดนี้ ตอนนั้นคงจะเจ็บไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ”เธอเป็นคนที่ต้องการการเตรียมใจล่วงหน้า แม้ว่าจะถูกแทงด้วยเข็มก็ตามยิ่งไม่ต้องพูดถึงการถูกยิงทันใดนั้นดวงตาของเย่หนานโจวก็อ่อนโยนขึ้น ไม่ได้มีความเฉยเมยแล
ราวกับว่าเขาไม่มีเกราะป้องกันต่อหน้าเธออีกต่อไปเธอคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แผ่นหลังแน่น ๆ ของเขาก็มีบาดแผลเช่นกัน มีรอยแผลเป็นเป็นเส้น ๆ ดูน่ากลัวมาก ทิ้งความงามที่ไม่สมบูรณ์ไว้บนร่างกายที่ไร้ที่ตินั้นเวินหนี่มองแผ่นหลังกว้างของเขา ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขาที่สามารถแบกตระกูลเย่เอาไว้ได้ แต่ใครจะคิดว่าบ่าของเขาต้องทนแบกรับอะไรมามากมายแค่ไหนมือของเธอแตะไปที่แผ่นหลังของเขา ร่างกายของเย่หนานโจวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ดวงตาของเขาลุ่มลึก และไม่ได้ปฏิเสธสัมผัสของเธอ เพียงแค่บอกเธอด้วยเสียงแหบพร่าว่า “มันไม่เจ็บแล้ว”รอยแผลเป็นเหล่านั้นทำร้ายหัวใจเวินหนี่เธอยังคงเงียบและกำหมัดแน่นเขาไม่ต้องการพูดถึงมัน บางทีร่องรอยเหล่านี้อาจเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจทนได้หากมองย้อนกลับไปสำหรับเย่หนานโจวรวมไปถึงส่วนที่มีเธอด้วยเวินหนี่เม้มริมฝีปาก ถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วดึงมือออกเธอค้นพบว่าเย่หนานโจวยังคงมีความลับที่เธอไม่รู้เธอถึงกลับคิดว่า ตอนนั้นคือ “อาจ้าน” ไม่ใช่เย่หนานโจวเย่จื่อเองก็เคยพูดว่าไม่ชอบเย่ซูเฟินและยังบอกด้วยว่าเธอเลี้ยงดูเย่หนานโจวมาจนเติบใหญ่ เย่ซูเฟินไม่มีคุณสมบัติ
คำพูดดังกล่าวทำให้เวินหนี่ตกใจ เธอไม่เคยคิดเลยว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากของเขาจูบของเขาลดต่ำลง จากอ่อนโยนไปสู่ความหนักหน่วงด้วยความหวงแหนของผู้ชาย ซึ่งทำให้เวินหนี่รู้สึกงุนงงอยู่พักหนึ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นบนร่างกาย เย่หนานโจวก็ปลดกระดุมชุดนอนของเธอแล้ว ความหนาวเย็นที่กัดกร่อนทำให้เธอได้สติขึ้นมาทันที เขามองดูหน้าท้องของเธอเล็กน้อย เธอสะดุ้งและรีบผลักเย่หนานโจวออกไปทันที “ไม่นะ!”เดิมทีเย่หนานโจมกำลังได้อารมณ์ เมื่อถูกเธอผลักออกอย่างแรงเขาก็สร่างเมาทันที เขามองดูการกระทำที่ใหญ่โตของเวินหนี่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและปกปิดเสื้อผ้าตัวเองอย่างแน่นหนา เขารู้สึกถึงการต่อต้านและรังเกียจการสัมผัสจากเขาดวงตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของเขาจางหายไปทันที ใบหน้าของเขาเย็นลง และเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เธอกำลังปกป้องร่างกายราวกับหยกไว้เพื่อลู่เซินหรือว่าอาจ้านกันล่ะ?”มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่ทำให้เธอมีปฏิกิริยารุนแรง และไม่อยากถูกเขาแตะต้องเช่นนี้นั่นก็เพื่อผู้ชายที่เธอชอบอยู่ในใจเวินหนี่ใช้มือลูบท้องตัวเอง เธอกำลังตั้งครรภ์ จึงไม่อาจทำ
เวินหนี่กินคำสุดท้ายเสร็จแล้วจึงวางส้อมลงเธอรู้ว่าเย่ซูเฟินได้สะสมความไม่พอใจมาเป็นเวลานานแล้วเย่หนานโจวไม่เชื่อฟังเย่ซูเฟินเพราะเธออยู่หลายครั้ง ซึ่งนั่นทำให้เย่ซูเฟินไม่พอใจเธอมากขึ้นเวินหนี่ยืนขึ้นและมองไปที่เย่ซูเฟิน “คุณแม่ จริง ๆ แล้วคุณไม่เคยคิดที่จะให้ฉันตั้งท้องลูกของหนานโจว อยู่แล้วสินะคะ”จู่ ๆ เธอก็พูดสิ่งนี้ขึ้นมาทำให้เย่ซูเฟินตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะจัดการอารมณ์ “เธอพูดถึงเรื่องนี้ทำไม”เวินหนี่กล่าวต่อ “คุณอยากให้ลู่ม่านเซิงเข้ามาในตระกูลขนาดนั้น แล้วจะอยากให้ฉันตั้งท้องลูกของเย่หนานโจวได้ยังไง? และคุณก็รู้ด้วยว่าเย่หนานโจวจะไม่แตะต้องฉัน แต่คุณก็ยังป้อนยาต้มเหล่านั้นให้กับฉัน บอกว่าฉันไม่ได้เรื่อง นั่นก็เป็นเพียงเพราะแค่อยากหาเรื่องมาดูถูกฉันก็เท่านั้น”คำพูดของเธอชัดเจนขนาดนี้แล้ว เย่ซูเฟินจึงหยุดเสแสร้ง “เธอรู้ก็ดี ลูกหลานตระกูลเย่ของเราจะมีสายเลือดของเธอได้ยังไงกัน” พอพูดเช่นนั้นแล้วเย่ซูเฟินก็รู้สึกได้ใจ เธอนั่งลงและพูดอย่างหยิ่งผยอง “คนที่หนานโจวชอบคือเซิงเซิง แน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางแตะต้องเธอ เป็นเพราะตอนนั้นคุณปู่ตาบอดถึงได้ให้เขาแต่งงานกับเธอ ถ้าเขาไม่แต
ประโยคนี้ทำให้เย่หนานโจวชะงัก และมองกลับไปที่เผยชิง “ผู้หญิงคนไหน?”ในฐานะผู้ส่งสาร เผยชิงรู้สึกเหมือนมีมีดจ่ออยู่คอเป็นคู่สามีภรรยากันแท้ ๆ ทำไมถึงได้ใช้ชีวิตกันแบบนี้ ภรรยาช่วยสามีตามหาคู่นอนส่วนสามีก็เก็บเรื่องแต่งงานเป็นความลับไม่ให้คนอื่นรู้ แต่ก็ใช่ว่าทั้งคู่จะไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อกัน เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดแต่เขาก็ถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ราวกับขนมปังกรอบแซนวิช ทุกวันต้องอยู่กับความหวาดระแวง“คนที่...นอนกับประธานเย่”หลังจากที่เผยชิงพูดสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจบนใบหน้าของเย่หนานโจวเย่หนานโจวยังคงไม่พอใจกับการปฏิเสธของเวินหนี่เมื่อวานนี้ แล้ววันนี้เธอยังพาตัวผู้หญิงคนนั้นมาหาเขาถึงที่อีกใจร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ?อยากจะผลักเขาออกไป เมื่อเขาตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่น เธอถึงจะพอใจอย่างนั้นสินะ!ใบหน้าหงุดหงิดของเย่หนานโจวถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง แต่เขายังคงสงบและพูดอย่างเย็นชา “รู้แล้ว บอกให้เธอรอก่อน!”เมื่อเวินหนี่กลับมายังไม่ทันจะวางกระเป๋าลง เผยชิงก็เข้ามาและพูดว่า “เลขาเวิน ประธานเย่บอกให้พวกคุณรออยู่ในห้องรับรองสักครู่ครับ!”หืม?“พวกคุณ?” เวินหนี่ไม่เข้าใจ
เวินหนี่มองไปที่โจวเสี่ยวหลิน เธอมั่นใจว่าเป็นตัวเองจนเวินหนี่เองก็เกือบจะเชื่อแต่เผยชิงอยู่ที่นี่ด้วย แถมเธอยังมีงานที่ต้องจัดการ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาตอบอะไรโจวเสี่ยวหลินเธอทำได้เพียงถอยกลับสามชั่วโมงต่อมา เวินหนี่ก็ยังไม่กลับมาแต่เวลานี้ห้องประชุมได้เปิดออกแล้วหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกัน เย่หนานโจวก็เดินออกมาจากห้องประชุมเผยชิงยืนอยู่ด้านข้างแล้วพูดขึ้นว่า “ประธานเย่ ห้องรับรองครับ”เย่หนานโจวขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเย็นชา เขาเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือและอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเขาหันหลังกลับและเดินไปที่ห้องรับรองในเวลานี้ มีเพียงโจวเสี่ยวหลินเท่านั้นที่อยู่ในห้องนั้นเธอนั่งจนตัวแข็ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่จึงนอนลงบนโซฟาสักพักเย่หนานโจวเปิดประตูและเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่บนโซฟาเขามองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นเวินหนี่ จากนั้นจึงเดินเข้าไปเขาล้วงมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋า ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนนั้น เขามองคนตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เย็นชาเงียบ ๆโจวเสี่ยวหลินรู้สึกเหนื่อยมาก ถึงเธอจะปิดตาลงแต่ก็ไม่กล้านอนหลับ เพราะกลัวว่าหากหลับจะพลาดสิ่งต่าง ๆ ไป เมื่อเธอรู้สึกว่าได