“ลี่คุณเมื่อข้าเลือกทางเดินไปแล้ว มาถึงตอนนี้ มันไม่มีหนทางได้แก้ไขแล้ว”“เสี่ยวหลุน อย่างน้อยตอนนี้เจ้าก็รู้แล้วว่าเจ้ายังมีบุตรชาย มันไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเจ้า แต่ความผิดที่ทำไว้ อย่างไรก็ต้องรับโทษ”“ข้าบอกแล้วว่า ข้าเลือกทางไปแล้ว เจ้าไม่เข้าใจงั้นหรือ ในเมื่อข้าแพ้ให้กับพวกเจ้า ลูกพ่อ ก่อนหน้านี้ชีวิตของเจ้าไม่ได้มีข้า หลังจากนี้เจ้าจงใช้ชีวิตให้ดี”“ฮ่าวหลาน เร็วเข้า เขาจะฆ่าตัวตาย”“ไม่นะ เสี่ยวหลุน เจ้าอย่าทำอะไรโง่ๆ นะ”“ศิษย์พี่ลี่คุณ มาวันนี้ ข้าเป็นเพียงศิษย์ทรยศของสำนัก ต่อไปก็คงไม่สามารถเป็นอย่างอื่นได้อีก เรื่องของข้ามิได้เกี่ยวข้องกับคุณชายเซียว ขอพวกท่าน อย่าได้เอาผิดเขา”“ไม่นะ เติ้งเสี่ยวหลุน!!”เลือดค่อยๆ ออกทั้งเจ็ดทวาร เขาใช้วิชาบีบปราณตัวเองเพื่อจบชีวิต ต่อหน้าผู้เป็นบุตรชาย เซียวจุนวิ่งเข้าไปกอดเขา ฮ่าวหลานปลดพันธนาการทั้งหมดออก ใบหน้าของชายซึ่งตอนนี้ดูชรามากมองหน้าบุตรชายที่วิ่งเข้ามา“พ่อมิอาจดูแลเจ้าได้ แต่ก็ดีใจที่แม่เจ้าสั่งสอนและเลี้ยงดูเจ้าเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างดี ใช้ชีวิตให้ดี อย่าเลือกทางผิดเช่นพ่อ ขอโทษที่หลอกใช้เจ้า….เซียว…จุน.
“ไม่ใช่นะเหยาเหยา เรื่องอาจารย์ของเจ้า นั่นข้าต้องรีบทำข้าแค่ยังไม่ได้มีเวลาบอกเจ้าเท่านั้นเอง”“แต่เรื่องคัมภีร์ท่านมีเวลาแต่ไม่บอกข้า”“อาเหยา เจ้าควรโตได้แล้ว เรื่องแบบนี้คุณชายลู่ต้องรีบดำเนินการ หากมัวแต่บอกเจ้าทุกเรื่อง นอกจากจะไม่ทันการแล้ว อาจจะเสี่ยงให้อีกฝ่ายมีเวลาระวังตัว เจ้าน่ะไม่ควรว่ากล่าวเขาในเรื่องไร้เหตุผลเช่นนี้”“อาจารย์ ท่านก็เข้าข้างเขาไปด้วย”“ข้ามิได้เข้าข้างผู้ใด ข้าแค่พูดเรื่องจริงที่เห็นก็เท่านั้น ข้าเองก็มีหลายเรื่องที่มิได้พูด ไม่ได้บอกผู้อื่น ไม่แปลก ตัวเจ้าเองก็ไม่เห็นจะบอกคุณชายลู่เรื่องต่อโลกันตร์นี่ ใช่หรือไม่”“นั่นมัน!!…ข้าต้องรีบนี่เจ้าคะ หากมิเช่นนั้น…”“เจ้าเข้าใจหรือยัง เอาล่ะ ข้าต้องขอตัวไปรักษาศิษย์พี่ลี่คุณก่อน พวกเจ้าก็…ค่อยๆ คุยกันไปนะ อาเหยา สิ่งที่อยู่ตรงหน้าย่อมสำคัญเสมอข้าสอนเจ้ามาโดยตลอดว่าให้มีสติแล้วเจ้าจะเห็นทุกอย่างชัดขึ้น เจ้าจำได้หรือไม่”“จำได้เจ้าค่ะ”“ดี ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน คุณชายลู่ขอตัว”“เชิญผู้อาวุโสขอรับ”ฮ่าวหลานเดินจากมา ระหว่างนั้นไป๋ซินเหยากับลู่จื่อหยางก็เดินกลับไปที่เรือนพัก เขาหันกลับมายังเห็นลู่จื่อหยางที่เดิน
“แล้วองค์ชายแปดจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ อาจารย์ หากไม่ช่วยเขา มีหวังอวัยวะภายในได้บอบช้ำและ…และ..อาจารย์ข้าขอร้องท่าน ได้โปรดช่วยองค์ชายด้วยเจ้าค่ะ”ไป๋ซินเหยาร้องไห้พร้อมกับคุกเข่าให้ฮ่าวหลานจนพวกเขาตกใจกับการกระทำนี้พวกเขาจึงรีบไปดึงนางขึ้นมา แต่นางไม่ยอมลุกจนกว่าเขาจะรับปาก“อาเหยา เจ้าคุกเข่าทำไมลุกขึ้นเร็วๆ เข้า”“ไม่ อาจารย์ต้องรับปากข้าก่อนว่าจะไปดูอาการขององค์ชายแปด มิเช่นนั้น..ข้า..”“เจ้าอย่าไปแกล้งนางอย่างนั้นเลย อาเหยา รีบลุกขึ้นมาก่อน ฮ่าวหลานแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น”“ท่านหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ อาจารย์ลี่คุณเจ้าคะ พระอาการขององค์ชายหนักมากนะเจ้าคะ”“พวกข้ารู้แล้ว เอาล่ะ เจ้ารีบลุกขึ้นมาแล้วฟังข้าอธิบาย หากนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น เจ้าคงช่วยเขาไม่ทันแล้วล่ะ”“เจ้าค่ะๆ”ไป๋ซินเหยารีบลุกขึ้นและตามฮ่าวหลานไปที่โต๊ะยาที่ก่อนหน้านี้พวกเขาวุ่นวายกันอยู่ ฮ่าวหลานหยิบยามาสามขวดและวางตรงหน้านาง ขวดสีขาวที่มีขนาดเล็กและสูงมีจุกผ้าสีแดงปิดอยู่อีกขวดเป็นกระปุกอวบๆ สีน้ำตาลที่ค่อนข้างใหญ่ที่มีจุกไม้ปิดไว้แน่นหนา ขวดสุดท้ายเป็นกระปุกเล็กๆ รูปสี่เหลี่ยม ฮ่าวหลานวางและอธิบายให้ซินเหยาฟัง“เจ
เขาเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตานางออกและดึงนางเข้ามากอด“เหยาเหยา เจ้ามิใช่ตัวถ่วงข้า ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่ว่าจะในนามองค์...ชาย หรือลู่จื่อหยาง ข้าไม่เคยต้องนึกห่วงผู้ใดมาก่อน เจ้าเป็นคนแรกที่ทำให้ข้ารู้สึกว่าตัวเองก็มีหัวใจ”“ท่านจะไม่บาดเจ็บขนาดนี้ หากว่าไม่ต้องปกป้องข้า”“ข้าไม่นึกเสียใจเลยสักนิด ข้าเคยเจ็บหนักกว่านี้”เขาเริ่มนึกถึงเรื่องราวตอนเด็กที่ต้องหลบซ่อนตัวจากการลอบทำร้ายหลายครั้งในฐานะองค์ไท่จื่อที่ทั้งอายุเยาว์และเสด็จแม่พึ่งสิ้นพระชนม์พอโตขึ้นก็ถูกพระสนมเลี้ยงดู รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้หาอาจารย์ทุกสาขาวิชามาสอนเขาเพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งองค์ไท่จื่อทั้งการบริหารงาน วรยุทธ เพลงดาบ อักษร และกลยุทธ์การศึก รวมไปถึงการนำสตรีมาเพื่อให้เขาเสพสมด้วยในฐานะที่จะต้องเป็นองค์รัชทายาทเพื่อสืบทอดอำนาจจากพระบิดาเขาในตอนนั้นเมื่อถูกจัดการทุกอย่างราวหุ่นเชิด จึงเริ่มจะไร้ความรู้สึกไปเรื่อยๆ ขอเพียงอยากได้สิ่งไหน เขาก็จะใช้อำนาจและกำลังต่อสู้เพื่อแย่งมาจนกระทั่งพิษของไอร้อนในตัวกำเริบ ซึ่งเป็นพิษที่เขาและท่านแม่ได้รับพร้อมกัน เสด็จพ่อจึงได้ปรึกษาหลิวอ๋องว่าบนเขาเซียนซีมีอาจารย์ลี่คุณที่จะช่วยเ
หัวใจของไป๋ซินเหยาเต้นรัวไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง แม้ว่าจะผ่านเรื่องนี้กับเขามาหลายครั้ง แต่ก็ยังรู้สึกไม่ชินกับการจู่โจมด้วยคำพูดตรงๆ ตามแบบของลู่จื่อหยาง เขาไม่ได้รีรอคำตอบ ที่ขอก็เพียงพูดให้รู้ว่าจะทำสิ่งใดเท่านั้น มือหนาจับที่ศีรษะของซินเหยาไม่ให้หนีไปไหนและบรรจงจูบอย่างดูดดื่ม แม้ว่าจะทำอย่างอื่นไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการแสดงความรักของคนทั้งคู่เพียงแค่จูบก็รู้สึกมีความสุขก่อนที่ทั้งสองจะนอนหลับไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน…..ลานประลองรอบชิงชนะเลิศวันนี้มีฮ่าวหลานมาร่วมชมการประลองด้วยเป็นครั้งแรก ทำให้สนามการประลองและดูคึกคักกว่าเดิม เนื่องจากศิษย์หญิงของทุกสำนัก ต่างจับจ้องมาที่อาจารย์หนุ่มรูปงามของเพ่ยเฉิงด้วยความสนใจ“ดูเหมือนว่าวันนี้ท่านจะถูกเบนความสนใจไปนะ องค์ชายแปด”“ดีแล้ว ข้าก็มิได้นึกพึงใจที่มีผู้อื่นมาคอยจับจ้องที่ข้าหรอกนะ เจ้าแอบไม่พอใจหรือไม่ที่มีสตรีอื่นสนใจอาจารย์ของเจ้าน่ะ”“ไม่หรอกเจ้าค่ะ ดีเสียอีก กว่าอาจารย์จะยอมลงเขามาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เขาจะได้รู้ว่าข้างล่างนี่น่าสนใจเพียงใด”“เจ้ากำลังจะหาคู่ให้อาจารย์อยู่งั้นหรือ”“เปล่าเสียหน่อยเจ้าค่ะ นั่นมันเรื่องส่วนตัว
ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อพวกเขาจบจากงานเลี้ยงอำลาที่สนุกสนาน ก็ถึงเวลาที่ต้องส่งทั้งห้าสำนักกลับ บางคนก็กอดคอกันร้องไห้ บางคนก็ร่ำลากันด้วยดี ถงถงและสิงอี้หานก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน“ข้าจะแวะไปเยี่ยมเจ้านะ”“เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ”“เจ้าก็เช่นกัน ถงถง สัญญากับข้า เจ้ารอข้านะ แคว้นจ้าวกับเมืองเยี่ยนไม่ได้ไกลกันมาก”“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ ท่านไปได้แล้ว อาจารย์ท่านรออยู่นะเจ้าคะ”เขายื่นปิ่นปักผมอันใหม่ให้นางเป็นปิ่นไม้แกะสลัก ถงถงมองหน้าเขาอย่างงงๆ“ปิ่นไม้กฤษณา ข้าทำเองกับมือ ทำตอนอยู่ที่นี่ ของหมั้น ข้าจองเจ้าเอาไว้ก่อนเก็บไว้ให้ดีรอข้านะถงถง”“ท่าน…พี่อี้หาน..ข้าจะรอท่านเจ้าค่ะ”“ซินเหยา พี่จินเย่ พวกเจ้าทั้งสามคนด้วย ระหว่างที่อยู่ที่นี่ข้าสนุกมาก หากไม่มีพวกท่าน ชีวิตที่มาเพื่อประลองคงน่าเบื่อสุดๆ วันหน้าหากมีโอกาสคงได้พบกันอีก ขอลา”“พี่อี้หาน ถงถง อย่าลืมคิดถึงพวกเราด้วยนะ เดินทางปลอดภัยนะ”“พี่ซินเหยา ทั้งน้ำใจและมิตรภาพของท่าน ข้าจะไม่มีวันลืมเลยเจ้าค่ะ ข้าคงคิดถึงท่านมากๆ เลย”“เด็กโง่ อย่าร้องไห้สิเดี๋ยวเราก็ได้เจอกัน เอาไว้เจ้ามาเมืองเจียงหยางก็แวะไปหาข้าที
“ข้าเพียงแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเจ้าค่ะ อาจารย์มีธุระอะไรจะใช้ข้าหรือเจ้าคะ”“อาเหยา เจ้ากำลังคิดมากเรื่ององค์ชายแปดงั้นหรือ”“ข้าเพียงแค่นึกสงสัยเท่านั้นเจ้าค่ะ เขาไปโดยไม่ได้บอกลาข้า ปกติแล้วเขาจะไปจะมาก็ไม่ได้บอกอยู่แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้มันต่างกับครั้งอื่นๆ เพราะเขากลับไปเมืองหลวง ซึ่งไม่รู้ว่า….”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเองก็อยากจะมาบอกลาเจ้าเช่นกัน แต่เขาไม่อยากจะขัดจังหวะงานเลี้ยงอำลาของพวกเจ้า และภารกิจนี้ก็เร่งด่วนมากจริงๆ แม้แต่อาจารย์ลี่คุณ เขาเองก็ยังไม่มีโอกาสได้ร่ำลาเลย อย่าตำหนิองค์ชายเลยนะ วันที่เขากลับมา เจ้าก็อย่าได้โกรธเขามาก”“ท่านรู้อะไรที่ข้าไม่รู้หรือเจ้าคะอาจารย์ เหตุใดท่านเอาแต่พูดเข้าข้างเขา เหตุใดต้องกลัวว่าข้าจะโกรธเขาด้วย”“เรื่องบางเรื่อง ข้าก็ไม่สมควรจะเป็นผู้บอกเจ้า รอองค์ชายมาบอกกับเจ้าเองจะดีกว่า”“ข้าอาจจะไม่อยากรอเขาก็ได้เจ้าค่ะ หากกลับลงเขาไปครั้งนี้แล้วเขายังไม่ส่งข่าวคราว ข้าอาจจะ…”“อาเหยา คิดดีๆ ก่อนค่อยพูด เจ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มิใช่เด็กๆ เจ้ารู้จักกับองค์ชาย แม้ว่าจะไม่นาน แต่สิ่งที่เขาทำเพื่อเจ้าและความรู้สึกของเขา เจ้าว่ามันคือเรื่องโกหกงั้นหรือ
“นั่นเป็นเรื่องบังเอิญ เขารับเจ้าทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเจ้าคือผู้ใด จนเขามาทราบจากอาจารย์ลี่คุณนั่นแหละ เขาถึงรับเจ้าเพื่อเป็นศิษย์ และสอนวิชาที่เขาฝึกทั้งหมดให้เจ้า แม้แต่วิชาลับสุดยอดอย่างเรียกต่อโลกันตร์ก็สอนเจ้า”“ข้าอยู่กับเขาตั้งหลายเดือน แต่เขาไม่เคยปริปากบอกข้าว่าข้าเป็นหลานในไส้ของเขา แล้วงานประลองครั้งนี้เขาก็ช่วยข้ากับจื่อหยางเอาไว้ เขามีโอกาสตั้งมากมายที่จะบอกกับข้าแต่กลับไม่พูดอะไรเลย ท่านแม่ท่านคิดว่าเขายังโกรธท่านอยู่หรือไม่เจ้าคะ”“แม่ว่าเวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง การที่ครั้งนี้เขายอมกลับมาที่จวนอ๋องพร้อมกับเจ้า นั่นแสดงว่าเรื่องในอดีตในหัวใจเขาคงคลี่คลายไปแล้ว”“แล้วข้าควรจะทำตัวเช่นไรดี แล้วนี่ข้าจะต้องเรียกเขาว่าอย่างไรเล่าเจ้าคะ เรียกอาจารย์เช่นเดิม หรือว่าให้เรียกว่าท่านอา ท่านแม่ เหตุใดพวกท่านทำเรื่องยุ่งยากให้ข้าอีกแล้ว”“ลูกแม่ จะเรียกอาจารย์ก็ดี เรียกท่านอาก็ได้ เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก เจ้าสะดวกเรียกเช่นไรก็เรียกเถิดนะ ท่านอาเขาไม่ถือสาเจ้าหรอก”“เรื่องในใต้หล้านี้ช่างน่าปวดหัวเสียจริงๆ อยากออกบวชศึกษาพระธรรมเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป”“ดูเจ้าสิ ขึ้นเขาไปไม่กี่วัน คิดจะ
ใบหน้าของเขาตกใจระคนดีใจเมื่อมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของพระชายาที่บอกเขาเรื่องนี้ มิน่าเล่านางจึงไม่ยอมให้เขาทำ เพราะต้องการบอกข่าวดีนี้ก่อนที่จะเข้าหอ“จริงหรือ เหยาเหยา เจ้าจะบอกว่า ในท้องเจ้าตอนนี้…มีลูกของเราอยู่เช่นนั้นหรือ”“เพคะ เพราะฉะนั้น พระองค์จะทำอะไร…ก็ จะหักโหมเช่นเดิมมิได้นะเพคะ”“ข้าดีใจยิ่งนัก ข้าดีใจที่สุดเลย เหยาเหยา นี่มันเรื่องดีมากจริงๆ เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ พิธีการทั้งหลายนั่น ข้าจะได้สั่งลดเพื่อไม่ให้เจ้าและลูกต้องเหนื่อยมากขนาดนี้”“ข้าปรึกษาแม่นมแล้วเพคะ แม่นมก็จัดการทุกอย่างให้รวบรัดแล้ว ก่อนหน้านี้หม่อมฉันมีอาการแพ้ท้องหนัก ทั้งจวนเลยวุ่นวายเกรงว่าข้าจะทนไม่ไหว ทั้งเครื่องประดับและชุดหนักๆ นี่ก็ถูกถอดออกไปหลายชิ้นเหลือเพียงสิ่งที่สำคัญๆ ไว้เท่านั้นเพคะ”“นี่ขนาดเจ้าเอาออกไปบ้างแล้ว แต่เหตุใดมันยังดูเยอะและหนักอยู่เล่า ตอนนี้เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง อยากกินอะไรหรือไม่ เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้านี่นา ข้าจะไปสั่งให้คนยกอาหารมาให้นะ”ว่าแล้วเขาก็รีบเดินไปเปิดประตู แม่สื่อถึงกับตกใจที่เจ้าบ่าวจู่ ๆ ก็เปิดประตูออกมา แต่เขาเพียงสั่งอาหารเพื่อให้เจ้าสาวเ
พระราชพิธีผ่านไปด้วยความราบรื่นและโล่งอกของทั้งแม่นมหวงและพระชายาหลิวอ๋องที่มีความกังวลเกี่ยวกับอาการแพ้ท้องของเจ้าสาวซึ่งไม่ต้องการแจ้งข่าวนี้ให้กับผู้อื่นทราบเจ้าบ่าวเองก็แทบจะไม่อยากรับแขกอีกต่อไป เขาอยากจะเร่งให้จบงานเลี้ยงที่ท้องพระโรงเร็วๆ เสียเหลือเกินเพราะคิดถึงเจ้าสาวที่เฝ้ารอมาหลายสิบวันเต็มที่แล้วตำหนักบูรพา ห้องส่งตัวเจ้าสาว“พระชายา อีกประเดี๋ยวเมื่อองค์ไท่จื่อเข้ามา จะเปิดหน้าเจ้าสาวก่อน และดื่มสุรามงคล คืนนี้จะมีแม่สื่อเฝ้าอยู่หน้าห้องจนกว่าไฟในห้องจะดับลงเพื่อส่งตัวพวกท่านเข้าหอ พิธีเข้าหอ ห้ามมิให้คู่บ่าวสาวออกจากห้องหอจนกว่าจะรุ่งสาง”“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะแม่นม”“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะออกไปแล้วนะเพคะ องค์ไท่จื่อน่าจะกำลังมาแล้ว”“ขอบคุณแม่นมเจ้าค่ะ”เป็นดังคาด องค์ไท่จื่อ เว่ยจื่อหยางเสด็จมาถึงห้องส่งตัวก่อนเวลาถึงสองเค่อ เขาไม่อาจรอได้อีกต่อไปแล้ว เขาทิ้งให้องค์ชายห้า เจ้าบ่าวอีกคนทำหน้าที่รับแขกแทนเขา แล้วเขาก็มาที่ห้องส่งตัวก่อน องค์ชายห้าเข้าใจความรู้สึกของจื่อหยางดี เขาจึงรับหน้าที่ดูแลแขกในงานแทนน้องชายประตูห้องส่งตัวถูกเปิดออก เว่ยจื่อหยางเดินเข้ามา ตอนแรกเขารี
ท่านหมอวิ่งเข้าไปยังห้องที่ซินเหยานอนพักอยู่ ตอนนี้นางหยุดอาเจียนแล้ว เขาเริ่มจับชีพจรของนางก่อนและก็หันมามองที่แม่นมหวงและพระชายาที่มองไปที่คนป่วยอย่างนึกเป็นห่วง ท่านหมอลุกขึ้นมาพร้อมกับความตกใจของทั้งคู่“ท่านหมอ เหตุใดตรวจเพียงนิดเดียว นางเป็นหนักถึงเพียงนี้ ท่านจะรีบลุกไปไหนกัน”“ยินดีกับพระชายาด้วย คุณหนูตั้งครรภ์แล้วขอรับ”ทั้งสองที่รอฟังเบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนดีใจ พร้อมกับแม่นมที่คอยตบแขนพระชายาหลิวอ๋อง“พระชายา ท่านได้ยินหรือไม่ ข่าวดีเช่นนี้ พระชายา”“มีครรภ์ เหยาเหยามีครรภ์ แม่นม ข้ามิได้ฟังผิดไป”“ไม่ผิดเจ้าค่ะ เร็วเข้า พวกเจ้ารีบไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้คุณหนู ท่านน่ะ รีบไปเตรียมอาหารบำรุง ข้าจะรีบจดให้ว่าต้องซื้อสิ่งใดบ้าง พระชายา ท่านอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูก่อน ข้าจะรีบไปช่วยท่านป้าฝูเตรียมของบำรุง”“ท่านหมอ แล้วช่วงนี้ต้องระวังสิ่งใดบ้างเจ้าคะ”“พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป ไม่มีอะไรหนัก ช่วงนี้ให้นางพักผ่อนมาก ๆ อย่ายกของหนัก ห้ามวิ่ง ระวังเรื่องอาหารรสจัด ส่วนเรื่องอื่น ไม่น่าต้องเป็นห่วง ช่วงครรภ์อ่อนๆ การพักผ่อนเป็นเรื่องสำคัญ”“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ”“ยินดีด้วยๆ พระช
พระราชพิธีแต่งตั้งองค์ไท่จื่ออย่างเป็นทางการได้ผ่านไปสองวันแล้ว เหลืออีกเพียงสิบวันก็จะถึงวันพระราชพิธีสมรสและแต่งตั้งพระชายาองค์ไท่จื่อจวนสกุลหลิวต่างเร่งตกแต่งจวนและส่วนหนึ่งก็รีบจัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับงานใหญ่ ไม่คิดว่าการกลับมาเมืองหลวงในครั้งนี้จะเกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้“พวกเขามากันแล้ว อาจารย์ ศิษย์จะไปต้อนรับพวกเขาเอง”“ไปเถอะๆ แล้วพาพวกเขาไปห้องพักด้วย”“ขอรับอาจารย์”เซียวจุนวิ่งออกไปหน้าจวน รถม้าสองคันที่จอดต่อกันอยู่เพื่อมาร่วมงานสำคัญที่จะเกิดขึ้นในอีกสิบวันข้างหน้า เซียวจุนวิ่งออกมารอรับพวกเขา ประตูรถม้าคันแรกเปิดออกมาแล้ว สิงอี้หานเดินนำหน้าออกมาพร้อมกับพยุงอันถงถงลงมาจากรถม้า ก่อนจะลงมาทักทายเซียวจุนที่รออยู่หน้าจวน“คุณชายสิง แม่นางอัน ยินดีต้อนรับ การเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง”""คุณชายเซียว""พวกเขาเอ่ยทักขึ้นพร้อมกัน ไป๋ซินเหยาเล่าเรื่องเซียวจุนในจดหมายให้พวกเขาฟังแล้วก่อนเดินทางมาที่นี่ พวกเขาพบเซียวจุนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ เซียวจุนจะดูเป็นมิตรมากกว่าที่เจอตอนอยู่เขาเซียนซี“พี่เซียว พวกข้าปลอดภัยดี ระยะทางค่อนข้างไกลแต่เดินทางสะดวก ได้ข่าวว่าท่านบาดเจ
จื่อหยางรีบลุกขึ้นจากตักของซินเหยาที่เขากำลังนอนหนุนอย่างสบาย และหันมากอดนางแทน“ข้าก็ไม่ได้อยากโกหกเจ้านะ เพียงแต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้ข้าบอกเจ้าไม่ได้ หากบอกเจ้าไป เรื่องบางเรื่องอาจจะไม่เป็นเช่นนี้ ไหนเจ้าบอกว่าไม่โกรธข้าแล้วอย่างไรเล่า”“ข้าก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เป็นท่านที่ร้อนตัวออกมาเอง”“ก็ได้ๆ ข้าผิดเองๆ ทุกเรื่องเลย ข้าผิดแต่เพียงผู้เดียว”“แล้วหลังจากนั้นเล่าเพคะ”“จากนั้น เซว่านชิงก็เอาขวดยานั่นมาให้ข้ากับเสด็จพี่ตรวจดู พบว่ามันเป็นยาพิษ พวกเราเลยสลับขวดใหม่และซ้อนแผนนาง ทำให้เซว่านชิงทำเหมือนทำตามแผนของนาง ข้ารู้ว่านางกำนัลนั่นเป็นคนของหยุนเซียน นางต้องฟ้องแน่ และก็อย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”“มีเพียงข้าคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องแผนการนี้”“นั่นเพราะพวกเราไม่มีเวลาบอกกับเจ้า เซว่านชิงเองก็บอกเจ้าไม่ได้เพราะนางกำนัลสองคนนั้นจับตาดูพวกเจ้าอยู่ นางจึงทำได้เพียงทำตามแผนเท่านั้น”“ท่านไม่เชื่อว่าข้าจะเป็นคนทำตั้งแต่แรก”“ข้าไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น และคงไม่โง่ขนาดที่จะวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น ดูก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีคนใส่ร้ายเจ้าแน่ ๆ”“ขอเพียงพระองค์เชื่อ หม่อม
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะปฏิเสธข้า ไม่ยอมรับข้า เจ้าเป็นคนรักอิสระดั่งนกที่โบยบินอยู่บนท้องนภาที่ยิ่งใหญ่ แต่ตัวข้าคือพญาอินทรีที่ต้องคอยเฝ้ามองสรรพสิ่ง คอยจัดการกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องและกำจัดเหยื่อที่มารุกราน ข้ากลัวว่าหากเจ้าไม่รักข้าก่อน ข้าจะไม่สามารถกุมหัวใจเจ้าได้ เจ้าจะโบยบินจากข้าไป นั่นคงทำให้ข้าไม่มีแรงที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป”“แต่อย่างไรพระองค์ก็ต้องเลือก และสิ่งที่เลือกก็ช่างยิ่งใหญ่ แม้จะไม่มีหม่อมฉัน พระองค์ก็ยืนหยัดเพื่อราษฎรได้นะเพคะ”“เมื่อก่อนได้ แต่ตอนนี้ข้าไม่แน่ใจ เหยาเหยา เจ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตข้า ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ที่หัวใจข้าถูกเจ้าขโมยมันไปจนหมดสิ้น ข้าไม่เป็นตัวของตัวเอง ข้าผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด กลับกลัวว่าเจ้าจะไม่พอใจ อารมณ์เจ้าขึ้นๆ ลงๆ ก็ทำให้ข้ากลัวจนทำอะไรน่าอับอายมากมาย ข้ามักจะทำตัวไม่ถูกเวลาที่อยู่ต่อหน้าเจ้า นึกๆ ไปแล้ว พอเป็นเรื่องของเจ้า ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นเพียงแค่ลูกนกหัดบินเท่านั้น และไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ ที่ขาดเจ้าไม่ได้ รู้แต่ว่าตอนนี้ อีกครึ่งชีวิตที่เหลือของข้า อยากจะอยู่กับเจ้าตลอดไป”“พระองค์พูดเช่นนี้ ต้องการให้หม่อมฉันยกโทษให้งั
ไป๋ซินเหยาหันมามองหน้าเว่ยจื่อหยางด้วยความตกใจเช่นกัน เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกนางมาก่อน ฐานะที่แท้จริงของเขาพึ่งมาเปิดเผยวันนี้ นางหันไปมองที่ท่านอา ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะรู้ก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว“ที่แท้พระองค์เฝ้าระวังมาโดยตลอด พระองค์ระแวงกระหม่อมมาโดยตลอด หึ นี่คือสิ่งตอบแทนข้ารับรับใช้ที่ซื่อสัตย์”“ซื่อสัตย์ ท่านยังกล้าพูดว่าท่านซื่อสัตย์เช่นนั้นหรือ ท่านอาศัยเอาความบาดหมางของพระชายารองหลิวอ๋อง ยุยงให้แม่ทัพหลิงร่วมมือกับท่านเพื่อจะก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน ยังดีที่เสด็จพี่ข้าเชี่ยวชาญการทูต สามารถเกลี้ยกล่อมให้แม่ทัพหลิงล้มเลิกความคิดนี้ได้ คิดว่าท่านจะหยุด แต่ไม่เลย ท่านกลับหาเรื่องใช้บุตรสาวคิดแผนการร้าย จะป้ายสีให้พระสนมกับองค์หญิงแคว้นเหวยหน่วนมีความผิดเพื่อยุยงให้แคว้นเหวยหน่วนก่อสงครามและท่านก็จะเป็นนกขมิ้นที่ตามเก็บผลประโยชน์ในภายหลัง ท่านยังกล้าพูดว่าท่านเป็นขุนนางซื่อสัตย์ ท่านไม่อายปากบ้างหรือ”“ฮ่าๆๆ องค์ชาย ไม่ ไม่สิ องค์ไท่จื่อ แม้แต่เรื่องนี้ท่านก็สืบรู้จนหมด นับถือจริงๆ ที่แท้ พวกท่านเดินทางไปเจียงหยางเพราะเรื่องแม่ทัพหลิงนี่เอง ถึงว่า เขาไม่คิดจะติดต่อข้ามาอีกเลย ข้าคิดว่าทอ
ฝ่าบาทเป็นผู้สั่งการเองโดยไม่รอให้เสนาบดีเป่าร้องขอชีวิตบุตรสาว เขาเองก็คงไม่ได้อยากทำเช่นนั้น การเก็บบุตรสาวที่ทำให้ชื่อเสียงของสกุลเป่าเสื่อมเสียเอาไว้เป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่ในความคิดของเขา ตัดเนื้อร้ายออก อย่างไรก็ยังดีกว่าที่เสียหายทั้งตระกูล“หมอหลวง อาการฮองเฮาเป็นเช่นไรบ้าง”“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาปลอดภัยดี ชีพจรเต้นคงที่ ราวกับว่าพระองค์กำลังพักผ่อนอยู่ ทางที่ดีปล่อยให้พระองค์นอนพักผ่อนอย่าให้ผู้ใดไปรบกวนจะเป็นการดีพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องนี้ก็ฝากให้พวกท่านจัดการก็แล้วกัน”“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงออกไปแล้ว พระสนมโม่เฟยเองก็ถูกสั่งให้ไปพักพร้อมกับองค์หญิงเซว่านชิง ตอนนี้เหลือเพียงฝ่าบาท องค์ชายทั้งสอง เสนาบดีเป่า ไป๋ซินเหยาและหลิวอ๋องที่อยู่ในกระโจม“ไป๋ซินเหยา เรื่องนี้ต้องขอโทษเจ้าที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม”“ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกังวลเพคะ เพียงเรื่องคลี่คลายได้หม่อมฉันก็ไม่ติดใจเอาความแล้วเพคะ”“ฝ่าบาท บุตรีกระหม่อมอายุยังน้อย ที่ทำไปก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบ หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ลงโทษนางมากเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“หึ เสนาบดีเป่า ท่านบอกว่านางอายุน้อย ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่ที่นางจะเอาชีวิตคือฮ
“เป่าหยุนเซียน แล้วที่เจ้าโวยวายว่าฮองเฮาถูกวางยาพิษและกล่าวโทษผู้อื่นนี่มันอย่างไรกัน ข้าต้องการคำอธิบาย”ฝ่าบาทหันมาถามเอาความกับหยุนเซียนที่นั่งคุกเข่าสั่นอยู่กับพื้น“ฝ่าบาท คิดว่านางคงตกใจเพราะนางนั่งอยู่กับฮองเฮาและคงตกใจเมื่อเห็นว่าฮองเฮาล้มลง จึงคิดว่านางถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ”เป่าอี้หยวนเป็นผู้แก้ต่างให้บุตรสาวเพื่อให้นางได้พ้นข้อกล่าวหาโง่ๆ นี้ หากไม่ใช่นางที่โวยวายทำแตกตื่น เรื่องนี้คงมิได้ลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้“งั้นหรือ แล้วเหตุใดนางถึงได้กล่าวโทษไป๋ซินเหยากับองค์หญิงทันทีที่คิดว่าฮองเฮาโดนยาพิษเล่าท่านเสนาบดี”“เรื่องนี้ข้าคิดว่าข้าอธิบายได้เพคะ”เซว่านชิงเดินก้าวออกมาเผชิญหน้ากับเป่าหยุนเซียนที่นั่งส่ายหน้าร้องขอความเห็นใจจากเซว่านชิงอยู่ แต่ตอนนี้นางเห็นธาตุแท้ของเป่าหยุนเซียนแล้ว เมื่อหลอกใช้นางแล้วยังจะโยนความผิดให้นางและเสด็จอาที่เป็นพระสนมรับเคราะห์ไปด้วยเพื่อให้ตนเองได้พ้นผิด“องค์หญิง เจ้าหมายความว่าเช่นไร”“ทูลฝ่าบาท ก่อนหน้านั้นเป็นท่านหญิงผู้นี้ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับหม่อมฉันและพระสนมเพื่อยุให้หม่อมฉันทำร้ายแม่นางไป๋เพคะ รวมถึงเหตุการณ์วันนี้...”“องค์หญิง ท่