“เพียงแค่เรื่องท่านหญิงเป่า ถึงกับทำให้องค์ชายสองพระองค์ต้องรีบกลับเมืองหลวง หึ ดูท่าท่านหญิงผู้นี้คงมีความสำคัญกับพวกเขามากนะเจ้าคะ”“เจ้ากำลังเข้าใจพวกองค์ชายผิด ที่จริงท่านหญิงเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่เบื้องหลังของนางต่างหากที่น่าเป็นห่วง”“ท่านพ่อหมายถึง ฮองเฮา”“ใช่ ฮองเฮาใช้โอกาสนี้เรียกองค์ไท่จื่อและองค์ชายแปดกลับเข้าเมืองหลวงเพื่อจัดการปัญหานี้ แต่ฝ่าบาทเองไม่เห็นด้วยเนื่องด้วยทางนี้การค้ากำลังไปได้ด้วยดี องค์ไท่จื่อเองก็เริ่มคุ้นเคยกับที่นี่แล้วแต่ว่าฝ่าบาทเองมีวิธีการจัดการตามแบบของพระองค์ จึงต้องรีบให้ทั้งคู่กลับไปก่อน”“แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยเจ้าคะ ท่านพ่อจะบอกอะไรข้างั้นหรือเจ้าคะ”“พ่อเพียงจะบอกเจ้าว่า ให้เจ้าหนักแน่นเข้าไว้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น องค์ชายแปดไม่มีทางทอดทิ้งเจ้า เขามอบสิ่งนี้ให้พ่อเพื่อมอบให้เจ้า”หลิวอ๋องยื่นหยกประจำตำแหน่งขององค์ชายแปดให้กับซินเหยาเพื่อเป็นสิ่งยืนยันคำพูดขององค์ชายแปดก่อนเขาจะลากลับไปเมืองหลวง“พระองค์บอกว่าก่อนลงเขารีบจากมาโดยมิได้บอกลาเจ้าและพอกลับมาถึงก็ต้องรีบเดินทางไปเมืองหลวงทันที พระองค์เลยฝากหยกประจำตัวนี้เอาไว้ให้เจ
“อันนี้สวยดี เอาอันนี้สิ ของเจ้าเลือกได้หรือยัง ข้าซื้อให้”“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านอา ท่านใจดีที่สุดเลย”“ก็เงินพ่อเจ้าทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจ”เมื่อพวกเขาจ่ายเงินแล้ว ชาวบ้านรอบๆ ตัวต่างเริ่มกรูกันเข้ามาเพื่อจะเบียดพวกเขาออกไปดูนอกถนนพร้อมกับส่งเสียงตะโกนจนซินเหยาเกือบจะล้ม ฮ่าวหลานจับนางเอาไว้ได้“พวกเขารีบไปไหนกันเจ้าคะ ข้าเกือบจะล้มอยู่แล้ว”“เร็วๆ เข้าองค์หญิงแคว้นเหวยหน่วนมาถึงแล้ว เข้าประตูเมืองมาแล้ว กระโจมนางงามมากเลย”“ดูเหมือนว่าจะมีแขกบ้านแขกเมืองมานะ เห็นพ่อเจ้าบอกว่าเมื่อเดือนก่อนฮ่องเต้ได้รับพระสนมต่างแคว้นเข้าวังมา เป็นที่ถกเถียงกันในวังหลังไม่น้อยเลย เพราะพระสนมใหม่งดงามยิ่งนัก”“ท่านอา ข้าอยากเห็นขบวนที่ว่าเจ้าค่ะ ข้ายังไม่เคยเห็นขบวนของแคว้นอื่นๆ มาก่อนเลย”“ไปสิ ระวังด้วย คนมากเดี๋ยวจะหลงเอา มานี่ เดินตรงนี้ บนนี้เห็นชัดกว่า”ฮ่าวหลานพาหลานสาวของเขาเดินขึ้นบันไดหน้าร้านเครื่องเขียนที่ปิดประตูเอาไว้ข้างหนึ่งเลยทำให้มีที่ว่างพวกเขาจึงยืนดูและมองเห็นขบวนอย่างชัดเจนขึ้น“นั่นไง มาแล้วเจ้าค่ะ กระโจมสีขาว สวยจังเลยเจ้าค่ะ”“อืม งดงามจริงๆ ด้วย”ฮ่าวหลานเพียงแค่กอดอกและยืนมองตา
เมื่อขบวนมาถึงลานพระตำหนักหน้าท้องพระโรง องค์ชายแปดเว่ยจื่อหยางลงมาจากม้าพร้อมกับเดินไปหาองค์ไท่จื่อพร้อมกับแจ้งรายงานความเรียบร้อยและยืนคู่กับองค์ไท่จื่อ ก่อนที่จะเชิญองค์หญิงเดินลงมาจากเกี้ยวที่ทรงประทับอยู่“องค์หญิงเซว่านชิงแห่งแคว้นเหวยหน่วนเสด็จ”ม่านกระโจมถูกเปิดออกพร้อมกับนางกำนันสองคนที่เดินลงมาก่อนและยื่นมือไปให้องค์หญิงจับและเดินลงมา เซว่านชิงค่อยๆ เดินลงมาจากเกี้ยว การแต่งกายของนางดูแตกต่างจากชาวฉินเนื่องจากมาจากแคว้นที่อากาศค่อนข้างร้อนชื้นในเขตทุ่งหญ้าทางตะวันตกของแคว้นฉินผิวขององค์หญิงเซว่านชิงสีน้ำผึ้งรับกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนดุจตุ๊กตาพื้นเมืองที่มองมายังพวกเขาช่างดูน่าหลงใหลผมยาวสลวยที่ถูกถักเปียและจัดทรงมาอย่างเป็นระเบียบทำให้นางดูงดงามมากขึ้น แม้ว่านางจะดูเยาว์วัยแต่ทั้งท่าทาง การเดินและกิริยามารยาทนั้น ต้องบอกว่าผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี“หม่อมฉันเซว่านชิงถวายบังคมองค์ไท่จื่อ องค์ชายแปดเพคะ”“องค์หญิงเซว่านชิง เชิญตามสบายเถิด”เซว่านชิงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับองค์ไท่จื่อ รัชทายาทแห่งแคว้นฉิน เป็นดั่งที่แม่นมกล่าวเอาไว้ พวกเขาสองคนรูปงามยิ่งนัก อีกคนงามดุจไข่มุกราตรี
“แล้ว ผู้ที่องค์หญิงจะเลือก…”“ถ้าบอกตามตรงก็มีเสด็จพี่ กับข้าเท่านั้นที่พอจะเป็นตัวเลือกของนางได้”“ข้าเข้าใจแล้ว ที่ท่านมาในวันนี้ เพียงมาบอกเรื่องนี้กับข้าเช่นนั้นหรือเพคะ”“ใช่ ข้ามาบอกเรื่องนี้กับเจ้า ว่าไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ไม่ยอมแต่งงานกับสตรีอื่น หากไม่ใช่เจ้า”ไป๋ซินเหยาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากเขา เรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่เขาและนางจะตัดสินใจได้มิใช่หรือ แต่ในขบวนต้อนรับ เขาวิ่งมากอดนางท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายในขบวนต้อนรับ และยังพานางขึ้นม้าตัวเดียวกันกับเขาก็มิได้สนใจสายตาของผู้ใดในเมืองหลวงเลย“แต่ว่าเรื่องนี้ ท่านไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้”“ก่อนหน้านี้ที่ท่านต้องรีบกลับมา ก็เป็นเพราะเป่าหยุนเซียนทำเรื่องไว้มิใช่หรือเจ้าคะ ท่านพ่อบอกข้า”“ออ เรื่องนั้นกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย จะว่าไปมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเท่านั้น”“หมายความว่าเช่นไรเจ้าคะ”"นางกลับมาถึงก็มาฟ้องฮองเฮาเรื่องที่ถูกอาจารย์ลี่คุณและข้าไล่ลงจากเขา ฮองเฮาใช้เรื่องนี้มาหาเรื่องเสด็จพ่อและทะเลาะกันในห้องทรงอักษรจนเกิดเป็นเรื่องใหญ่โต ลุกลามไปจนถึงลงไม้ลงมือกับพระสนมโม่เฟย ทำให้เสด็จพ่อทรงกร
“เอาเถอะ เรื่องนี้ ค่อยเอาไว้พูดกันวันหลัง พรุ่งนี้เราต้องเตรียมตัวเข้าเฝ้าก่อน หลังจากนั้นต้องเตรียมตัวไปงานเลี้ยงอีก ฮ่าวหลาน เจ้าอยู่ใกล้นางเอาไว้ ข้าได้ข่าวว่าท่านหญิงเป่ายังไม่ยอมเลิกรา แม้ว่าจะถูกสั่งห้ามพูดถึงเรื่องการหมั้นหมายกับองค์ชายทุกพระองค์แล้ว แต่ข้าก็ยังไม่ไว้ใจหากว่านางคิดอยากจะทำร้ายอาเหยาขึ้นมา เจ้าจะได้ช่วยนางได้”“ขอรับพี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องห่วง ข้าดูแลอาเหยาเอง”“มีเจ้ามาด้วยในครั้งนี้ข้าก็หมดห่วงไปได้มากเลย”“ข้ายินดีขอรับ เสียดายที่ข้าไม่ได้สั่งสอนนางตั้งแต่อยู่ที่เขาเซียนซี หากครั้งนี้นางยังหาเรื่องไม่หยุด อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”“ท่านอาเจ้าคะ ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีนะเจ้าคะ”“ข้ารู้เพียงว่า ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลของการกระทำของตนเองได้ ในเมื่อกล้ามารังแกศิษย์ของข้า ก็อย่าได้หวังว่าข้าจะปล่อยไปง่ายๆ”""ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์อายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปีพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ""“พวกท่านลุกขึ้นเถิด หลิวอ๋อง ไม่ได้พบเจ้าเสียหลายปี เป็นเช่นไรบ้าง ปีนี้เจ้าก็ยังดูไม่แก่มากเท่าใดเลยนะ ต่างกับข้า”“แต่วันนี้ที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฝ่าบาท กระหม่อมก็ยังเห็นว่าพระองค์ทรงมีพระวร
“เรื่องบางอย่างก็ไม่ใช่ว่าพวกเราต้องเข้าใจ เอาล่ะพี่สะใภ้ กลับกันก่อนเถิด ข้าจะได้ไปรับเซียวจุน เขาน่าจะมาถึงเมืองหลวงก่อนค่ำวันนี้แล้ว”“ได้สิข้าสั่งให้เด็กๆ จัดห้องพักสำหรับแขกให้เขาแล้ว อยู่ใกล้ๆ ห้องท่านจะได้สะดวก”“ขอบคุณพี่สะใภ้”พวกเขาขึ้นรถม้าเพื่อกลับมายังจวนอ๋อง เมื่อมาถึงหน้าจวน ฮ่าวหลานก็พบว่าเซียวจุนที่พึ่งเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้วได้ยืนรอเขาอยู่ที่หน้าจวนอ๋องแล้ว เขาจึงให้ไป๋ชิงอีพระชายาท่านอ๋องเข้าไปในจวนก่อน และตัวเขาจึงเดินออกมารับเซียวจุน“คารวะผู้อาวุโสฮ่าว”“เซียวจุน เจ้าควรจะเรียกข้าว่าอาจารย์ถึงจะถูก บัดนี้เจ้าเป็นศิษย์ข้าแล้ว มิใช่คนของอ้ายเฟย หรือศิษย์ไร้สำนัก”“ขอรับอาจารย์ ศิษย์ขอคารวะอาจารย์”“ช่วงที่อยู่เมืองหลวง เจ้าก็พักอยู่กับข้าที่จวนอ๋องนี่ก่อน เอาไว้กลับไปที่เจียงหยางแล้วเราค่อยกลับขึ้นเขากัน”“ขอรับอาจารย์ แต่ว่าจวนอ๋องนี้ ข้าเป็นคนนอก มันอาจจะไม่เหมาะหรือไม่ขอรับ”“ไม่ต้องห่วงหรอก เจ้าเป็นศิษย์ข้า ข้าเป็นผู้ดูแลเจ้า แค่ไม่ทำความเดือดร้อนให้ข้าก็ไม่มีปัญหา เซียวจุน หลังจากนี้ เจ้าจงตั้งใจฝึกวิชา รักษาตัวเอง ฟื้นฟูพลังกายพลังใจ ปล่อยวางเรื่องในอดีตให้
“อืออ จื่อหยาง อ๊ะ”ลิ้นของทั้งคู่ยังพัันกันอย่างไม่ยอมลดละ ระหว่างที่เว่ยจื่อหยางถอดสายคาดเอวของนางออกพร้อมกับเข็มขัดของเขา ตัวของซินเหยาถอยจนตัวนางติดกับผนัง มือของเขาเริ่มล้วงเข้าไปทักทายด้านในทั้งอกอวบตึงที่บีบแล้วล้นมือออกมา“อื้มม จื่อหยาง คือว่า…”“เหยาเหยา เจ้าตื่นเต้นหรือไม่”“ก็..นิดหน่อยเจ้าค่ะ แต่ว่า ที่นี่มัน…”เขาหยิบเอาสายคาดเอวนางมาพร้อมกับช้อนตัวอุ้มนางออกจากห้อง ขึ้นไปยังชั้นสองโดยที่ซินเหยาร้องทักท้วง“จื่อหยาง ท่านจะทำสิ่งใดกัน ข้าแต่งกายไม่เรียบร้อย ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ”“ชั้นบนมีห้องพักอยู่ ข้าพาเจ้าไปเอง อย่าเสียงดัง”นางยอมเงียบ เขาพานางเดินขึ้นมายังชั้นสองของร้านตัดเสื้อ ชั้นสองนั้นมีห้องพักอยู่ราวๆ สี่ถึงห้าห้อง เขาเปิดไปห้องหนึ่งซึ่งมีเตียงนุ่มอยู่ด้านใน อุปกรณ์เครื่องใช้มีครบครันราวกับว่าห้องพักนี้ถูกใช้งานเป็นประจำ“ที่นี่คือ…”“เหยาเหยา ร้านนี้เป็นร้านของข้าเอง เถ้าแก่ด้านล่างนั่นก็เป็นองครักษ์ของข้า ที่นี่เป็นหอบัญชาการองครักษ์เงาของข้า ไม่มีผู้ใดล่วงรู้นอกจากเจ้า”“หอ หออะไรนะ ท่านมีองครักษ์เงาแล้วเสี่ยวหลุนก็...”“ใช่ เขาเป็นหัวหน้าองครักษ์เงาของข้า แต่
ผู้ที่ถูกถามมองหน้าผู้สนทนากลับโดยมิได้เกรงกลัว ในเมื่อเขากล้าถาม เขาก็กล้าพอที่จะตอบเพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้อย่างชัดเจน“ผู้อาวุโส ข้าขอตอบท่านตามตรง ก็ดั่งที่ท่านเห็น ซินเหยาเป็นสตรีอยู่ในเรือน อีกทั้งยังเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของหลิวอ๋อง พระสหายสนิทของเสด็จพ่อ ท่านที่เป็นอาจารย์ของนางพักอยู่ด้วยกันนั่นเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ แต่กับคุณชายเซียว ข้าออกจะเป็นห่วง พวกท่านล้วนแต่เป็นบุรุษ ข้าเกรงว่ามันจะไม่เหมาะ”“อาเหยาคงยังไม่ได้บอกพระองค์ ว่าข้าเป็นผู้ใดสินะ”จื่อหยางขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัย นี่ฮ่าวหลานต้องการจะบอกอะไรเขากันแน่ หากเขามิใช่อาจารย์ของซินเหยา คงมิได้ยืนอยู่ตรงนี้ ต่อหน้าเขาแน่ๆ“ท่านจะบอกอะไรข้า ท่านมิได้เป็นอาจารย์ของเหยาเหยาเท่านั้นหรอกหรือ นี่หรือว่าท่านคิดกับนางเกินกว่านั้น ผู้อาวุโส ข้าขอเตือนท่าน ข้าไม่มีทางปล่อยนางให้ผู้ใดแน่นอน ท่านเองก็อย่าได้คิดฝันได้อีกเลย”ฮ่าวหลานมองเขาและเพียงส่งยิ้มบางๆ ให้ พร้อมกับหัวเราะเบาๆ ออกมา ทำให้คู่สนทนายิ่งรู้สึกเหมือนว่าถูกดูหมิ่นอยู่ แต่ก็แปลกใจด้วยที่ฮ่าวหลานใจเย็นถึงเพียงนี้“ท่านหัวเราะเรื่องใดกัน ข้าขอบอกท่านไว้ก่อน ถึงแม้ท่านจะมาก
จื่อหยางรีบลุกขึ้นจากตักของซินเหยาที่เขากำลังนอนหนุนอย่างสบาย และหันมากอดนางแทน“ข้าก็ไม่ได้อยากโกหกเจ้านะ เพียงแต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้ข้าบอกเจ้าไม่ได้ หากบอกเจ้าไป เรื่องบางเรื่องอาจจะไม่เป็นเช่นนี้ ไหนเจ้าบอกว่าไม่โกรธข้าแล้วอย่างไรเล่า”“ข้าก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เป็นท่านที่ร้อนตัวออกมาเอง”“ก็ได้ๆ ข้าผิดเองๆ ทุกเรื่องเลย ข้าผิดแต่เพียงผู้เดียว”“แล้วหลังจากนั้นเล่าเพคะ”“จากนั้น เซว่านชิงก็เอาขวดยานั่นมาให้ข้ากับเสด็จพี่ตรวจดู พบว่ามันเป็นยาพิษ พวกเราเลยสลับขวดใหม่และซ้อนแผนนาง ทำให้เซว่านชิงทำเหมือนทำตามแผนของนาง ข้ารู้ว่านางกำนัลนั่นเป็นคนของหยุนเซียน นางต้องฟ้องแน่ และก็อย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”“มีเพียงข้าคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องแผนการนี้”“นั่นเพราะพวกเราไม่มีเวลาบอกกับเจ้า เซว่านชิงเองก็บอกเจ้าไม่ได้เพราะนางกำนัลสองคนนั้นจับตาดูพวกเจ้าอยู่ นางจึงทำได้เพียงทำตามแผนเท่านั้น”“ท่านไม่เชื่อว่าข้าจะเป็นคนทำตั้งแต่แรก”“ข้าไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น และคงไม่โง่ขนาดที่จะวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น ดูก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีคนใส่ร้ายเจ้าแน่ ๆ”“ขอเพียงพระองค์เชื่อ หม่อม
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะปฏิเสธข้า ไม่ยอมรับข้า เจ้าเป็นคนรักอิสระดั่งนกที่โบยบินอยู่บนท้องนภาที่ยิ่งใหญ่ แต่ตัวข้าคือพญาอินทรีที่ต้องคอยเฝ้ามองสรรพสิ่ง คอยจัดการกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องและกำจัดเหยื่อที่มารุกราน ข้ากลัวว่าหากเจ้าไม่รักข้าก่อน ข้าจะไม่สามารถกุมหัวใจเจ้าได้ เจ้าจะโบยบินจากข้าไป นั่นคงทำให้ข้าไม่มีแรงที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป”“แต่อย่างไรพระองค์ก็ต้องเลือก และสิ่งที่เลือกก็ช่างยิ่งใหญ่ แม้จะไม่มีหม่อมฉัน พระองค์ก็ยืนหยัดเพื่อราษฎรได้นะเพคะ”“เมื่อก่อนได้ แต่ตอนนี้ข้าไม่แน่ใจ เหยาเหยา เจ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตข้า ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ที่หัวใจข้าถูกเจ้าขโมยมันไปจนหมดสิ้น ข้าไม่เป็นตัวของตัวเอง ข้าผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด กลับกลัวว่าเจ้าจะไม่พอใจ อารมณ์เจ้าขึ้นๆ ลงๆ ก็ทำให้ข้ากลัวจนทำอะไรน่าอับอายมากมาย ข้ามักจะทำตัวไม่ถูกเวลาที่อยู่ต่อหน้าเจ้า นึกๆ ไปแล้ว พอเป็นเรื่องของเจ้า ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นเพียงแค่ลูกนกหัดบินเท่านั้น และไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ ที่ขาดเจ้าไม่ได้ รู้แต่ว่าตอนนี้ อีกครึ่งชีวิตที่เหลือของข้า อยากจะอยู่กับเจ้าตลอดไป”“พระองค์พูดเช่นนี้ ต้องการให้หม่อมฉันยกโทษให้งั
ไป๋ซินเหยาหันมามองหน้าเว่ยจื่อหยางด้วยความตกใจเช่นกัน เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกนางมาก่อน ฐานะที่แท้จริงของเขาพึ่งมาเปิดเผยวันนี้ นางหันไปมองที่ท่านอา ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะรู้ก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว“ที่แท้พระองค์เฝ้าระวังมาโดยตลอด พระองค์ระแวงกระหม่อมมาโดยตลอด หึ นี่คือสิ่งตอบแทนข้ารับรับใช้ที่ซื่อสัตย์”“ซื่อสัตย์ ท่านยังกล้าพูดว่าท่านซื่อสัตย์เช่นนั้นหรือ ท่านอาศัยเอาความบาดหมางของพระชายารองหลิวอ๋อง ยุยงให้แม่ทัพหลิงร่วมมือกับท่านเพื่อจะก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน ยังดีที่เสด็จพี่ข้าเชี่ยวชาญการทูต สามารถเกลี้ยกล่อมให้แม่ทัพหลิงล้มเลิกความคิดนี้ได้ คิดว่าท่านจะหยุด แต่ไม่เลย ท่านกลับหาเรื่องใช้บุตรสาวคิดแผนการร้าย จะป้ายสีให้พระสนมกับองค์หญิงแคว้นเหวยหน่วนมีความผิดเพื่อยุยงให้แคว้นเหวยหน่วนก่อสงครามและท่านก็จะเป็นนกขมิ้นที่ตามเก็บผลประโยชน์ในภายหลัง ท่านยังกล้าพูดว่าท่านเป็นขุนนางซื่อสัตย์ ท่านไม่อายปากบ้างหรือ”“ฮ่าๆๆ องค์ชาย ไม่ ไม่สิ องค์ไท่จื่อ แม้แต่เรื่องนี้ท่านก็สืบรู้จนหมด นับถือจริงๆ ที่แท้ พวกท่านเดินทางไปเจียงหยางเพราะเรื่องแม่ทัพหลิงนี่เอง ถึงว่า เขาไม่คิดจะติดต่อข้ามาอีกเลย ข้าคิดว่าทอ
ฝ่าบาทเป็นผู้สั่งการเองโดยไม่รอให้เสนาบดีเป่าร้องขอชีวิตบุตรสาว เขาเองก็คงไม่ได้อยากทำเช่นนั้น การเก็บบุตรสาวที่ทำให้ชื่อเสียงของสกุลเป่าเสื่อมเสียเอาไว้เป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่ในความคิดของเขา ตัดเนื้อร้ายออก อย่างไรก็ยังดีกว่าที่เสียหายทั้งตระกูล“หมอหลวง อาการฮองเฮาเป็นเช่นไรบ้าง”“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาปลอดภัยดี ชีพจรเต้นคงที่ ราวกับว่าพระองค์กำลังพักผ่อนอยู่ ทางที่ดีปล่อยให้พระองค์นอนพักผ่อนอย่าให้ผู้ใดไปรบกวนจะเป็นการดีพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องนี้ก็ฝากให้พวกท่านจัดการก็แล้วกัน”“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงออกไปแล้ว พระสนมโม่เฟยเองก็ถูกสั่งให้ไปพักพร้อมกับองค์หญิงเซว่านชิง ตอนนี้เหลือเพียงฝ่าบาท องค์ชายทั้งสอง เสนาบดีเป่า ไป๋ซินเหยาและหลิวอ๋องที่อยู่ในกระโจม“ไป๋ซินเหยา เรื่องนี้ต้องขอโทษเจ้าที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม”“ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกังวลเพคะ เพียงเรื่องคลี่คลายได้หม่อมฉันก็ไม่ติดใจเอาความแล้วเพคะ”“ฝ่าบาท บุตรีกระหม่อมอายุยังน้อย ที่ทำไปก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบ หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ลงโทษนางมากเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“หึ เสนาบดีเป่า ท่านบอกว่านางอายุน้อย ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่ที่นางจะเอาชีวิตคือฮ
“เป่าหยุนเซียน แล้วที่เจ้าโวยวายว่าฮองเฮาถูกวางยาพิษและกล่าวโทษผู้อื่นนี่มันอย่างไรกัน ข้าต้องการคำอธิบาย”ฝ่าบาทหันมาถามเอาความกับหยุนเซียนที่นั่งคุกเข่าสั่นอยู่กับพื้น“ฝ่าบาท คิดว่านางคงตกใจเพราะนางนั่งอยู่กับฮองเฮาและคงตกใจเมื่อเห็นว่าฮองเฮาล้มลง จึงคิดว่านางถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ”เป่าอี้หยวนเป็นผู้แก้ต่างให้บุตรสาวเพื่อให้นางได้พ้นข้อกล่าวหาโง่ๆ นี้ หากไม่ใช่นางที่โวยวายทำแตกตื่น เรื่องนี้คงมิได้ลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้“งั้นหรือ แล้วเหตุใดนางถึงได้กล่าวโทษไป๋ซินเหยากับองค์หญิงทันทีที่คิดว่าฮองเฮาโดนยาพิษเล่าท่านเสนาบดี”“เรื่องนี้ข้าคิดว่าข้าอธิบายได้เพคะ”เซว่านชิงเดินก้าวออกมาเผชิญหน้ากับเป่าหยุนเซียนที่นั่งส่ายหน้าร้องขอความเห็นใจจากเซว่านชิงอยู่ แต่ตอนนี้นางเห็นธาตุแท้ของเป่าหยุนเซียนแล้ว เมื่อหลอกใช้นางแล้วยังจะโยนความผิดให้นางและเสด็จอาที่เป็นพระสนมรับเคราะห์ไปด้วยเพื่อให้ตนเองได้พ้นผิด“องค์หญิง เจ้าหมายความว่าเช่นไร”“ทูลฝ่าบาท ก่อนหน้านั้นเป็นท่านหญิงผู้นี้ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับหม่อมฉันและพระสนมเพื่อยุให้หม่อมฉันทำร้ายแม่นางไป๋เพคะ รวมถึงเหตุการณ์วันนี้...”“องค์หญิง ท่
เป่าหยุนเซียนเมื่อถูกถามเช่นนี้ก็เริ่มโวยวายและลนลานจนต้องตะโกนใส่เขา“ก็ข้าอยู่ใกล้พระองค์ที่สุด เห็นทุกเหตุการณ์ ฮองเฮามิได้เสวยสิ่งใดนอกจากชาที่ไป๋ซินเหยานำมาถวาย มีพยานรู้เห็นมากมาย องค์ชายแปด หากพระองค์ต้องการปกป้องนางข้าก็ไม่ว่า แต่อย่าหลับหูหลับตาเชื่อว่านางไม่มีความผิดเช่นนี้ มันดูไม่ยุติธรรมเลยเพคะ”“องค์ชายแปด เรื่องนี้เพียงแค่เรานำชาที่นางชงให้ฮองเฮาเสวยมาตรวจสอบดูก็จะรู้ พระองค์กล้าหรือไม่”“ท่านเสนาบดี ดูท่านเองก็จะมั่นใจมากเหลือเกินว่าในชานั้นมีสิ่งผิดปกติสินะ”“หมอหลวง ไปนำชาที่เหลือมาตรวจสอบ เราต้องการรู้ผลตอนนี้เลย”ฝ่าบาทเป็นผู้ออกคำสั่ง เว่ยจื่อหยางสบตากับเสนาบดีเป่าอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด หมอหลวงนำเอาใบชาที่เหลือมานั่งตรวจสอบดูและรีบทูลฝ่าบาทให้ทรงทราบ“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมตรวจสอบใบชาที่พระชายาหลิวอ๋องเอามาเสร็จเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ว่าอย่างไร มีอะไรผิดปกติหรือไม่ รีบพูดมา!!”ฝ่าบาทเองก็อยากจะทราบความเป็นจริง พระองค์ไม่คิดว่าครอบครัวของหลิวอ๋องแม้ว่าจะมีเรื่องบาดหมางกับฮองเฮาเพียงใดก็คงมิกล้าจะลอบวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้เป็นแน่“กราบทูลฝ่าบาท ชานี้…. ไม่มีส
นางกำนัลทยอยยกน้ำชาและของว่างมาวางให้พวกท่านหญิงที่นั่งอยู่ด้านใน ซึ่งแยกออกมาจากกระโจมของบุรุษ เพื่อเป็นการพบปะของบรรดาพระสนมและพระชายาของขุนนางที่ได้เข้าร่วมงานในวันนี้“ฮองเฮาเพคะ เห็นว่าวันนี้ชาที่นำมาเป็นชาของพระชายาหลิวอ๋องที่นำมาจากเจียงหยางเชียวนะเพคะ พระองค์ลองเสวยดูเพคะ”“เช่นนั้นหรือ พระชายาช่างใส่ใจเสียจริง”“ขอบพระทัยเพคะฮองเฮา หม่อมฉันเพียงเห็นว่าชาที่นั่นรสชาติดี จึงอยากนำมาถวายในโอกาสสำคัญนี้เพคะ”“ยอดเยี่ยม หากข้ามิได้ลองคงน่าเสียดายแย่ ยกมาสิ”ไป๋ซินเหยาเป็นผู้ชงชานั้นในกระโจมตามหลักวิธีการชงชาโบราณที่มารดานางได้สอนมา ท่วงท่าที่นางเริ่มทำตั้งแต่คั่วใบชาและชงออกมาช่างงดงาม เหล่าบรรดาพระสนมและฮูหยินของเหล่าขุนนางล้วนแต่ชื่นชมนาง ไม่เว้นแม่แต่ฮองเฮาและพระสนมโม่เฟย เมื่อนางเริ่มชงชา กลิ่นชานั้นก็หอมอบอวลในกระโจมทำให้ผู้ที่นั่งอยู่รู้สึกผ่อนคลายแม้ยังมิได้ลิ้มลองเมื่อชาถูกรินสู่กา ไป๋ซินเหยาจึงให้นางกำนัลยกไปถวายให้ฮองเฮาที่นั่งรออยู่เป็นผู้ชิมเป็นคนแรก“ฮองเฮาเพคะ ลองเสวยสิเพคะ”“ท่านหญิงเป่า เหตุใดเจ้าดูตื่นเต้นกว่าข้าเสียอีก เจ้าจะลองดื่มกับข้าหรือไม่”“ไม่ๆๆๆ เพคะ ห
“เปล่านะ ข้าบาดเจ็บจริงๆ แต่ไม่ได้เจ็บมาก ยาที่เจ้าต้มมาได้ผลดีมากต่างหาก”“เอามือของท่านออกไปเลย มิเช่นนั้นข้าจะกลับห้อง”เขากระชับกอดนางพร้อมกับใช้ขาเกี่ยวรัดนางเอาไว้ไม่ให้นางขยับหนี กว่าเขาจะทำให้นางยอมคืนดีด้วยและยอมอยู่กับเขาจนถึงตอนนี้ช่างเป็นเรื่องที่เหนื่อยยิ่งกว่าคุมทหารทั้งกองทัพเสียอีก“เหยาเหยา เรามาต่อเรื่องของเราจากบนรถม้านั่นดีหรือไม่”“ท่านบอกว่าจะไม่รังแกข้า ตอนนี้ท่านน่าจะง่วงแล้วมิใช่หรือ”ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ไหนท่านหมอบอกว่ายานี้กินแล้วจะทำให้ง่วงเพลียและหลับทันทีอย่างไรเล่า แต่ดูท่าทางมือที่เลื้อยลุกลามไปทั่วเช่นนี้ มันไม่เหมือนคนที่บาดเจ็บหนักเลยสักนิด“จื่อหยางท่านจะหยุดหรือไม่หยุ….”“อืมมม หวานจัง..”ซินเหยาหลงกลหันมาเขาจับนางได้ก็ประกบปากอิ่มนั้นทันทีพร้อมกับไม่รั้งรอที่จะล้วงชิมความหวานในปากนั้นอย่างกระหายซินเหยาเองตอนนี้ก็เริ่มปล่อยอารมณ์ไปตามเขา นางรู้ดีว่ายิ่งห้ามก็เหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะทำให้เขาหาเรื่องนางได้มากขึ้นเท่านั้น นางเริ่มจูบเขาตอบจนนางรู้สึกว่าสัมผัสนั้นเริ่มอ่อนลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง….“จื่อหยาง องค์ชาย…เฮ้อ ออกฤทธิ์เสียที”นางห่มผ
องค์ชายแปดเดินเข้าไปในห้องที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดีสำหรับเขา เมื่อเขานั่งอยู่ที่เตียง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นสาวใช้สองคนที่ยกอาหารมาให้เขา“ทูลองค์ชาย ท่านอ๋องให้ยกข้าวต้มมาให้พระองค์ หลังจากนั้นจะยกยามาให้เพคะ”“ขอบใจพวกเจ้ามาก”เขาเดินไปที่โต๊ะอาหารตอนนี้มือขวาที่ถนัดถูกพันผ้าเอาไว้จึงทำให้ยกช้อนลำบาก เมื่อต้องตักข้าวกินเอง ยังไม่ทันที่เขาจะตักข้าว เสียงประตูก็เปิดอีกครั้ง ไป๋ซินเหยายกยามาให้เขา นางเห็นว่าเขากำลังพยายามตักข้าว นางจึงนำถ้วยยาวางลงและนั่งข้างๆ เขา ดึงช้อนที่มือเขามาอย่างแรง เขาจึงร้องเจ็บแต่นางก็ยังไม่ยอมคุยกับเขาสักคำ“เหยาเหยา ข้าขอโทษที่ไม่บอกเจ้าเรื่องโจรป่า”นางป้อนข้าวเขา แต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา ทำเพียงป้อนข้าวเขาต่อไปเรื่อย ๆ“เอ่อ…ที่ให้ท่านอากับเซียวจุนไปช่วยข้าเพราะข้ามีเหตุผล เหยาเหยา คุยกับข้าหน่อยสิ”ข้าวต้มถูกป้อนจนเกือบหมดจนเขายกมือพอแล้ว นางจึงเทน้ำให้เขา เมื่อเขาดื่มจนหมด นางจึงหยิบถ้วยยาส่งให้เขา องค์ชายแปดจึงดื่มรวดเดียวหมดโดยไม่ปริปากบ่นสักคำด้วยความเกรงกลัวว่าคนตรงหน้าจะเริ่มดุเขา“ข้ากินหมดแล้ว”ไป๋ซินเหยายกชามข้าวและยาใส่ถาดเตรียมจ