“อันนี้สวยดี เอาอันนี้สิ ของเจ้าเลือกได้หรือยัง ข้าซื้อให้”“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านอา ท่านใจดีที่สุดเลย”“ก็เงินพ่อเจ้าทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจ”เมื่อพวกเขาจ่ายเงินแล้ว ชาวบ้านรอบๆ ตัวต่างเริ่มกรูกันเข้ามาเพื่อจะเบียดพวกเขาออกไปดูนอกถนนพร้อมกับส่งเสียงตะโกนจนซินเหยาเกือบจะล้ม ฮ่าวหลานจับนางเอาไว้ได้“พวกเขารีบไปไหนกันเจ้าคะ ข้าเกือบจะล้มอยู่แล้ว”“เร็วๆ เข้าองค์หญิงแคว้นเหวยหน่วนมาถึงแล้ว เข้าประตูเมืองมาแล้ว กระโจมนางงามมากเลย”“ดูเหมือนว่าจะมีแขกบ้านแขกเมืองมานะ เห็นพ่อเจ้าบอกว่าเมื่อเดือนก่อนฮ่องเต้ได้รับพระสนมต่างแคว้นเข้าวังมา เป็นที่ถกเถียงกันในวังหลังไม่น้อยเลย เพราะพระสนมใหม่งดงามยิ่งนัก”“ท่านอา ข้าอยากเห็นขบวนที่ว่าเจ้าค่ะ ข้ายังไม่เคยเห็นขบวนของแคว้นอื่นๆ มาก่อนเลย”“ไปสิ ระวังด้วย คนมากเดี๋ยวจะหลงเอา มานี่ เดินตรงนี้ บนนี้เห็นชัดกว่า”ฮ่าวหลานพาหลานสาวของเขาเดินขึ้นบันไดหน้าร้านเครื่องเขียนที่ปิดประตูเอาไว้ข้างหนึ่งเลยทำให้มีที่ว่างพวกเขาจึงยืนดูและมองเห็นขบวนอย่างชัดเจนขึ้น“นั่นไง มาแล้วเจ้าค่ะ กระโจมสีขาว สวยจังเลยเจ้าค่ะ”“อืม งดงามจริงๆ ด้วย”ฮ่าวหลานเพียงแค่กอดอกและยืนมองตา
เมื่อขบวนมาถึงลานพระตำหนักหน้าท้องพระโรง องค์ชายแปดเว่ยจื่อหยางลงมาจากม้าพร้อมกับเดินไปหาองค์ไท่จื่อพร้อมกับแจ้งรายงานความเรียบร้อยและยืนคู่กับองค์ไท่จื่อ ก่อนที่จะเชิญองค์หญิงเดินลงมาจากเกี้ยวที่ทรงประทับอยู่“องค์หญิงเซว่านชิงแห่งแคว้นเหวยหน่วนเสด็จ”ม่านกระโจมถูกเปิดออกพร้อมกับนางกำนันสองคนที่เดินลงมาก่อนและยื่นมือไปให้องค์หญิงจับและเดินลงมา เซว่านชิงค่อยๆ เดินลงมาจากเกี้ยว การแต่งกายของนางดูแตกต่างจากชาวฉินเนื่องจากมาจากแคว้นที่อากาศค่อนข้างร้อนชื้นในเขตทุ่งหญ้าทางตะวันตกของแคว้นฉินผิวขององค์หญิงเซว่านชิงสีน้ำผึ้งรับกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนดุจตุ๊กตาพื้นเมืองที่มองมายังพวกเขาช่างดูน่าหลงใหลผมยาวสลวยที่ถูกถักเปียและจัดทรงมาอย่างเป็นระเบียบทำให้นางดูงดงามมากขึ้น แม้ว่านางจะดูเยาว์วัยแต่ทั้งท่าทาง การเดินและกิริยามารยาทนั้น ต้องบอกว่าผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี“หม่อมฉันเซว่านชิงถวายบังคมองค์ไท่จื่อ องค์ชายแปดเพคะ”“องค์หญิงเซว่านชิง เชิญตามสบายเถิด”เซว่านชิงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับองค์ไท่จื่อ รัชทายาทแห่งแคว้นฉิน เป็นดั่งที่แม่นมกล่าวเอาไว้ พวกเขาสองคนรูปงามยิ่งนัก อีกคนงามดุจไข่มุกราตรี
“แล้ว ผู้ที่องค์หญิงจะเลือก…”“ถ้าบอกตามตรงก็มีเสด็จพี่ กับข้าเท่านั้นที่พอจะเป็นตัวเลือกของนางได้”“ข้าเข้าใจแล้ว ที่ท่านมาในวันนี้ เพียงมาบอกเรื่องนี้กับข้าเช่นนั้นหรือเพคะ”“ใช่ ข้ามาบอกเรื่องนี้กับเจ้า ว่าไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ไม่ยอมแต่งงานกับสตรีอื่น หากไม่ใช่เจ้า”ไป๋ซินเหยาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากเขา เรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่เขาและนางจะตัดสินใจได้มิใช่หรือ แต่ในขบวนต้อนรับ เขาวิ่งมากอดนางท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายในขบวนต้อนรับ และยังพานางขึ้นม้าตัวเดียวกันกับเขาก็มิได้สนใจสายตาของผู้ใดในเมืองหลวงเลย“แต่ว่าเรื่องนี้ ท่านไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้”“ก่อนหน้านี้ที่ท่านต้องรีบกลับมา ก็เป็นเพราะเป่าหยุนเซียนทำเรื่องไว้มิใช่หรือเจ้าคะ ท่านพ่อบอกข้า”“ออ เรื่องนั้นกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย จะว่าไปมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเท่านั้น”“หมายความว่าเช่นไรเจ้าคะ”"นางกลับมาถึงก็มาฟ้องฮองเฮาเรื่องที่ถูกอาจารย์ลี่คุณและข้าไล่ลงจากเขา ฮองเฮาใช้เรื่องนี้มาหาเรื่องเสด็จพ่อและทะเลาะกันในห้องทรงอักษรจนเกิดเป็นเรื่องใหญ่โต ลุกลามไปจนถึงลงไม้ลงมือกับพระสนมโม่เฟย ทำให้เสด็จพ่อทรงกร
“เอาเถอะ เรื่องนี้ ค่อยเอาไว้พูดกันวันหลัง พรุ่งนี้เราต้องเตรียมตัวเข้าเฝ้าก่อน หลังจากนั้นต้องเตรียมตัวไปงานเลี้ยงอีก ฮ่าวหลาน เจ้าอยู่ใกล้นางเอาไว้ ข้าได้ข่าวว่าท่านหญิงเป่ายังไม่ยอมเลิกรา แม้ว่าจะถูกสั่งห้ามพูดถึงเรื่องการหมั้นหมายกับองค์ชายทุกพระองค์แล้ว แต่ข้าก็ยังไม่ไว้ใจหากว่านางคิดอยากจะทำร้ายอาเหยาขึ้นมา เจ้าจะได้ช่วยนางได้”“ขอรับพี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องห่วง ข้าดูแลอาเหยาเอง”“มีเจ้ามาด้วยในครั้งนี้ข้าก็หมดห่วงไปได้มากเลย”“ข้ายินดีขอรับ เสียดายที่ข้าไม่ได้สั่งสอนนางตั้งแต่อยู่ที่เขาเซียนซี หากครั้งนี้นางยังหาเรื่องไม่หยุด อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”“ท่านอาเจ้าคะ ถึงอย่างไรนางก็เป็นสตรีนะเจ้าคะ”“ข้ารู้เพียงว่า ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลของการกระทำของตนเองได้ ในเมื่อกล้ามารังแกศิษย์ของข้า ก็อย่าได้หวังว่าข้าจะปล่อยไปง่ายๆ”""ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์อายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปีพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ""“พวกท่านลุกขึ้นเถิด หลิวอ๋อง ไม่ได้พบเจ้าเสียหลายปี เป็นเช่นไรบ้าง ปีนี้เจ้าก็ยังดูไม่แก่มากเท่าใดเลยนะ ต่างกับข้า”“แต่วันนี้ที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฝ่าบาท กระหม่อมก็ยังเห็นว่าพระองค์ทรงมีพระวร
“เรื่องบางอย่างก็ไม่ใช่ว่าพวกเราต้องเข้าใจ เอาล่ะพี่สะใภ้ กลับกันก่อนเถิด ข้าจะได้ไปรับเซียวจุน เขาน่าจะมาถึงเมืองหลวงก่อนค่ำวันนี้แล้ว”“ได้สิข้าสั่งให้เด็กๆ จัดห้องพักสำหรับแขกให้เขาแล้ว อยู่ใกล้ๆ ห้องท่านจะได้สะดวก”“ขอบคุณพี่สะใภ้”พวกเขาขึ้นรถม้าเพื่อกลับมายังจวนอ๋อง เมื่อมาถึงหน้าจวน ฮ่าวหลานก็พบว่าเซียวจุนที่พึ่งเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้วได้ยืนรอเขาอยู่ที่หน้าจวนอ๋องแล้ว เขาจึงให้ไป๋ชิงอีพระชายาท่านอ๋องเข้าไปในจวนก่อน และตัวเขาจึงเดินออกมารับเซียวจุน“คารวะผู้อาวุโสฮ่าว”“เซียวจุน เจ้าควรจะเรียกข้าว่าอาจารย์ถึงจะถูก บัดนี้เจ้าเป็นศิษย์ข้าแล้ว มิใช่คนของอ้ายเฟย หรือศิษย์ไร้สำนัก”“ขอรับอาจารย์ ศิษย์ขอคารวะอาจารย์”“ช่วงที่อยู่เมืองหลวง เจ้าก็พักอยู่กับข้าที่จวนอ๋องนี่ก่อน เอาไว้กลับไปที่เจียงหยางแล้วเราค่อยกลับขึ้นเขากัน”“ขอรับอาจารย์ แต่ว่าจวนอ๋องนี้ ข้าเป็นคนนอก มันอาจจะไม่เหมาะหรือไม่ขอรับ”“ไม่ต้องห่วงหรอก เจ้าเป็นศิษย์ข้า ข้าเป็นผู้ดูแลเจ้า แค่ไม่ทำความเดือดร้อนให้ข้าก็ไม่มีปัญหา เซียวจุน หลังจากนี้ เจ้าจงตั้งใจฝึกวิชา รักษาตัวเอง ฟื้นฟูพลังกายพลังใจ ปล่อยวางเรื่องในอดีตให้
“อืออ จื่อหยาง อ๊ะ”ลิ้นของทั้งคู่ยังพัันกันอย่างไม่ยอมลดละ ระหว่างที่เว่ยจื่อหยางถอดสายคาดเอวของนางออกพร้อมกับเข็มขัดของเขา ตัวของซินเหยาถอยจนตัวนางติดกับผนัง มือของเขาเริ่มล้วงเข้าไปทักทายด้านในทั้งอกอวบตึงที่บีบแล้วล้นมือออกมา“อื้มม จื่อหยาง คือว่า…”“เหยาเหยา เจ้าตื่นเต้นหรือไม่”“ก็..นิดหน่อยเจ้าค่ะ แต่ว่า ที่นี่มัน…”เขาหยิบเอาสายคาดเอวนางมาพร้อมกับช้อนตัวอุ้มนางออกจากห้อง ขึ้นไปยังชั้นสองโดยที่ซินเหยาร้องทักท้วง“จื่อหยาง ท่านจะทำสิ่งใดกัน ข้าแต่งกายไม่เรียบร้อย ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ”“ชั้นบนมีห้องพักอยู่ ข้าพาเจ้าไปเอง อย่าเสียงดัง”นางยอมเงียบ เขาพานางเดินขึ้นมายังชั้นสองของร้านตัดเสื้อ ชั้นสองนั้นมีห้องพักอยู่ราวๆ สี่ถึงห้าห้อง เขาเปิดไปห้องหนึ่งซึ่งมีเตียงนุ่มอยู่ด้านใน อุปกรณ์เครื่องใช้มีครบครันราวกับว่าห้องพักนี้ถูกใช้งานเป็นประจำ“ที่นี่คือ…”“เหยาเหยา ร้านนี้เป็นร้านของข้าเอง เถ้าแก่ด้านล่างนั่นก็เป็นองครักษ์ของข้า ที่นี่เป็นหอบัญชาการองครักษ์เงาของข้า ไม่มีผู้ใดล่วงรู้นอกจากเจ้า”“หอ หออะไรนะ ท่านมีองครักษ์เงาแล้วเสี่ยวหลุนก็...”“ใช่ เขาเป็นหัวหน้าองครักษ์เงาของข้า แต่
ผู้ที่ถูกถามมองหน้าผู้สนทนากลับโดยมิได้เกรงกลัว ในเมื่อเขากล้าถาม เขาก็กล้าพอที่จะตอบเพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้อย่างชัดเจน“ผู้อาวุโส ข้าขอตอบท่านตามตรง ก็ดั่งที่ท่านเห็น ซินเหยาเป็นสตรีอยู่ในเรือน อีกทั้งยังเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของหลิวอ๋อง พระสหายสนิทของเสด็จพ่อ ท่านที่เป็นอาจารย์ของนางพักอยู่ด้วยกันนั่นเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ แต่กับคุณชายเซียว ข้าออกจะเป็นห่วง พวกท่านล้วนแต่เป็นบุรุษ ข้าเกรงว่ามันจะไม่เหมาะ”“อาเหยาคงยังไม่ได้บอกพระองค์ ว่าข้าเป็นผู้ใดสินะ”จื่อหยางขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัย นี่ฮ่าวหลานต้องการจะบอกอะไรเขากันแน่ หากเขามิใช่อาจารย์ของซินเหยา คงมิได้ยืนอยู่ตรงนี้ ต่อหน้าเขาแน่ๆ“ท่านจะบอกอะไรข้า ท่านมิได้เป็นอาจารย์ของเหยาเหยาเท่านั้นหรอกหรือ นี่หรือว่าท่านคิดกับนางเกินกว่านั้น ผู้อาวุโส ข้าขอเตือนท่าน ข้าไม่มีทางปล่อยนางให้ผู้ใดแน่นอน ท่านเองก็อย่าได้คิดฝันได้อีกเลย”ฮ่าวหลานมองเขาและเพียงส่งยิ้มบางๆ ให้ พร้อมกับหัวเราะเบาๆ ออกมา ทำให้คู่สนทนายิ่งรู้สึกเหมือนว่าถูกดูหมิ่นอยู่ แต่ก็แปลกใจด้วยที่ฮ่าวหลานใจเย็นถึงเพียงนี้“ท่านหัวเราะเรื่องใดกัน ข้าขอบอกท่านไว้ก่อน ถึงแม้ท่านจะมาก
“เหยาเหยา เจ้าจะรีบเดินไปไหนกัน รอก่อนสิ”ซินเหยาเดินไปที่สวนด้านหลังและหันมาเอาเรื่องเขา เว่ยจื่อหยางที่เดินตามมาติดๆ ไม่คิดว่านางจะหยุดกะทันหัน ทำให้เขาหยุดไม่ทันจึงชนกับนางเข้า“โอ๊ย ข้าเจ็บนะ องค์ชาย นี่ท่านจงใจใช่หรือไม่”เขาได้ทีจึงกอดนางเอาไว้เพื่อกันไม่ให้นางหนีได้อีก“ข้าเปล่านะ ใครใช้ให้เจ้าเดินแล้วหยุดไม่บอกเล่า เหยาเหยา อย่าโกรธเลยนะ เสียสุขภาพเปล่าๆ ข้าอยากจะคุยกับเจ้าเรื่องงานล่าสัตว์”“มีอะไรที่ข้าต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหรือเพคะ”“เป่าหยุนเซียน ทางที่ดี เจ้าอย่าได้เข้าไปยุ่งกับนาง แม้ว่าเรื่องของข้ากับนางจะไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ข้าก็ระแวงว่านางคงไม่ยอมเลิกราที่จะแก้แค้นเจ้าอย่างแน่นอน”“ข้ามิได้กลัวนางเสียหน่อย แต่ข้าเชื่อพระองค์ ข้าจะระวังตัวเพคะ”“ทางที่ดี เจ้าอย่าอยู่ห่างข้า หากว่าข้าไม่อยู่ ก็อยู่กับท่านอาหรือเซียวจุนเอาไว้ เข้าใจหรือไม่”“ถ้าเป็นเช่นนั้น เหตุใดท่านมิให้ข้าอยู่จวนเสียเลยเล่าเพคะ ถ้าจะต้องระแวดระวังกันถึงเพียงนี้”“ข้าเพียงแค่ป้องกันเอาไว้เท่านั้น ข้ารู้ว่าเจ้าเอาตัวรอดได้ แต่หากเจ้ามิได้อยู่ในสายตาข้า ไม่มีทางที่ข้าจะหมดกังวลได้เลย ข้าอยากให้เจ้าออกไ
ใบหน้าของเขาตกใจระคนดีใจเมื่อมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของพระชายาที่บอกเขาเรื่องนี้ มิน่าเล่านางจึงไม่ยอมให้เขาทำ เพราะต้องการบอกข่าวดีนี้ก่อนที่จะเข้าหอ“จริงหรือ เหยาเหยา เจ้าจะบอกว่า ในท้องเจ้าตอนนี้…มีลูกของเราอยู่เช่นนั้นหรือ”“เพคะ เพราะฉะนั้น พระองค์จะทำอะไร…ก็ จะหักโหมเช่นเดิมมิได้นะเพคะ”“ข้าดีใจยิ่งนัก ข้าดีใจที่สุดเลย เหยาเหยา นี่มันเรื่องดีมากจริงๆ เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ พิธีการทั้งหลายนั่น ข้าจะได้สั่งลดเพื่อไม่ให้เจ้าและลูกต้องเหนื่อยมากขนาดนี้”“ข้าปรึกษาแม่นมแล้วเพคะ แม่นมก็จัดการทุกอย่างให้รวบรัดแล้ว ก่อนหน้านี้หม่อมฉันมีอาการแพ้ท้องหนัก ทั้งจวนเลยวุ่นวายเกรงว่าข้าจะทนไม่ไหว ทั้งเครื่องประดับและชุดหนักๆ นี่ก็ถูกถอดออกไปหลายชิ้นเหลือเพียงสิ่งที่สำคัญๆ ไว้เท่านั้นเพคะ”“นี่ขนาดเจ้าเอาออกไปบ้างแล้ว แต่เหตุใดมันยังดูเยอะและหนักอยู่เล่า ตอนนี้เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง อยากกินอะไรหรือไม่ เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้านี่นา ข้าจะไปสั่งให้คนยกอาหารมาให้นะ”ว่าแล้วเขาก็รีบเดินไปเปิดประตู แม่สื่อถึงกับตกใจที่เจ้าบ่าวจู่ ๆ ก็เปิดประตูออกมา แต่เขาเพียงสั่งอาหารเพื่อให้เจ้าสาวเ
พระราชพิธีผ่านไปด้วยความราบรื่นและโล่งอกของทั้งแม่นมหวงและพระชายาหลิวอ๋องที่มีความกังวลเกี่ยวกับอาการแพ้ท้องของเจ้าสาวซึ่งไม่ต้องการแจ้งข่าวนี้ให้กับผู้อื่นทราบเจ้าบ่าวเองก็แทบจะไม่อยากรับแขกอีกต่อไป เขาอยากจะเร่งให้จบงานเลี้ยงที่ท้องพระโรงเร็วๆ เสียเหลือเกินเพราะคิดถึงเจ้าสาวที่เฝ้ารอมาหลายสิบวันเต็มที่แล้วตำหนักบูรพา ห้องส่งตัวเจ้าสาว“พระชายา อีกประเดี๋ยวเมื่อองค์ไท่จื่อเข้ามา จะเปิดหน้าเจ้าสาวก่อน และดื่มสุรามงคล คืนนี้จะมีแม่สื่อเฝ้าอยู่หน้าห้องจนกว่าไฟในห้องจะดับลงเพื่อส่งตัวพวกท่านเข้าหอ พิธีเข้าหอ ห้ามมิให้คู่บ่าวสาวออกจากห้องหอจนกว่าจะรุ่งสาง”“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะแม่นม”“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะออกไปแล้วนะเพคะ องค์ไท่จื่อน่าจะกำลังมาแล้ว”“ขอบคุณแม่นมเจ้าค่ะ”เป็นดังคาด องค์ไท่จื่อ เว่ยจื่อหยางเสด็จมาถึงห้องส่งตัวก่อนเวลาถึงสองเค่อ เขาไม่อาจรอได้อีกต่อไปแล้ว เขาทิ้งให้องค์ชายห้า เจ้าบ่าวอีกคนทำหน้าที่รับแขกแทนเขา แล้วเขาก็มาที่ห้องส่งตัวก่อน องค์ชายห้าเข้าใจความรู้สึกของจื่อหยางดี เขาจึงรับหน้าที่ดูแลแขกในงานแทนน้องชายประตูห้องส่งตัวถูกเปิดออก เว่ยจื่อหยางเดินเข้ามา ตอนแรกเขารี
ท่านหมอวิ่งเข้าไปยังห้องที่ซินเหยานอนพักอยู่ ตอนนี้นางหยุดอาเจียนแล้ว เขาเริ่มจับชีพจรของนางก่อนและก็หันมามองที่แม่นมหวงและพระชายาที่มองไปที่คนป่วยอย่างนึกเป็นห่วง ท่านหมอลุกขึ้นมาพร้อมกับความตกใจของทั้งคู่“ท่านหมอ เหตุใดตรวจเพียงนิดเดียว นางเป็นหนักถึงเพียงนี้ ท่านจะรีบลุกไปไหนกัน”“ยินดีกับพระชายาด้วย คุณหนูตั้งครรภ์แล้วขอรับ”ทั้งสองที่รอฟังเบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนดีใจ พร้อมกับแม่นมที่คอยตบแขนพระชายาหลิวอ๋อง“พระชายา ท่านได้ยินหรือไม่ ข่าวดีเช่นนี้ พระชายา”“มีครรภ์ เหยาเหยามีครรภ์ แม่นม ข้ามิได้ฟังผิดไป”“ไม่ผิดเจ้าค่ะ เร็วเข้า พวกเจ้ารีบไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้คุณหนู ท่านน่ะ รีบไปเตรียมอาหารบำรุง ข้าจะรีบจดให้ว่าต้องซื้อสิ่งใดบ้าง พระชายา ท่านอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูก่อน ข้าจะรีบไปช่วยท่านป้าฝูเตรียมของบำรุง”“ท่านหมอ แล้วช่วงนี้ต้องระวังสิ่งใดบ้างเจ้าคะ”“พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป ไม่มีอะไรหนัก ช่วงนี้ให้นางพักผ่อนมาก ๆ อย่ายกของหนัก ห้ามวิ่ง ระวังเรื่องอาหารรสจัด ส่วนเรื่องอื่น ไม่น่าต้องเป็นห่วง ช่วงครรภ์อ่อนๆ การพักผ่อนเป็นเรื่องสำคัญ”“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ”“ยินดีด้วยๆ พระช
พระราชพิธีแต่งตั้งองค์ไท่จื่ออย่างเป็นทางการได้ผ่านไปสองวันแล้ว เหลืออีกเพียงสิบวันก็จะถึงวันพระราชพิธีสมรสและแต่งตั้งพระชายาองค์ไท่จื่อจวนสกุลหลิวต่างเร่งตกแต่งจวนและส่วนหนึ่งก็รีบจัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับงานใหญ่ ไม่คิดว่าการกลับมาเมืองหลวงในครั้งนี้จะเกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้“พวกเขามากันแล้ว อาจารย์ ศิษย์จะไปต้อนรับพวกเขาเอง”“ไปเถอะๆ แล้วพาพวกเขาไปห้องพักด้วย”“ขอรับอาจารย์”เซียวจุนวิ่งออกไปหน้าจวน รถม้าสองคันที่จอดต่อกันอยู่เพื่อมาร่วมงานสำคัญที่จะเกิดขึ้นในอีกสิบวันข้างหน้า เซียวจุนวิ่งออกมารอรับพวกเขา ประตูรถม้าคันแรกเปิดออกมาแล้ว สิงอี้หานเดินนำหน้าออกมาพร้อมกับพยุงอันถงถงลงมาจากรถม้า ก่อนจะลงมาทักทายเซียวจุนที่รออยู่หน้าจวน“คุณชายสิง แม่นางอัน ยินดีต้อนรับ การเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง”""คุณชายเซียว""พวกเขาเอ่ยทักขึ้นพร้อมกัน ไป๋ซินเหยาเล่าเรื่องเซียวจุนในจดหมายให้พวกเขาฟังแล้วก่อนเดินทางมาที่นี่ พวกเขาพบเซียวจุนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ เซียวจุนจะดูเป็นมิตรมากกว่าที่เจอตอนอยู่เขาเซียนซี“พี่เซียว พวกข้าปลอดภัยดี ระยะทางค่อนข้างไกลแต่เดินทางสะดวก ได้ข่าวว่าท่านบาดเจ
จื่อหยางรีบลุกขึ้นจากตักของซินเหยาที่เขากำลังนอนหนุนอย่างสบาย และหันมากอดนางแทน“ข้าก็ไม่ได้อยากโกหกเจ้านะ เพียงแต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้ข้าบอกเจ้าไม่ได้ หากบอกเจ้าไป เรื่องบางเรื่องอาจจะไม่เป็นเช่นนี้ ไหนเจ้าบอกว่าไม่โกรธข้าแล้วอย่างไรเล่า”“ข้าก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เป็นท่านที่ร้อนตัวออกมาเอง”“ก็ได้ๆ ข้าผิดเองๆ ทุกเรื่องเลย ข้าผิดแต่เพียงผู้เดียว”“แล้วหลังจากนั้นเล่าเพคะ”“จากนั้น เซว่านชิงก็เอาขวดยานั่นมาให้ข้ากับเสด็จพี่ตรวจดู พบว่ามันเป็นยาพิษ พวกเราเลยสลับขวดใหม่และซ้อนแผนนาง ทำให้เซว่านชิงทำเหมือนทำตามแผนของนาง ข้ารู้ว่านางกำนัลนั่นเป็นคนของหยุนเซียน นางต้องฟ้องแน่ และก็อย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”“มีเพียงข้าคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องแผนการนี้”“นั่นเพราะพวกเราไม่มีเวลาบอกกับเจ้า เซว่านชิงเองก็บอกเจ้าไม่ได้เพราะนางกำนัลสองคนนั้นจับตาดูพวกเจ้าอยู่ นางจึงทำได้เพียงทำตามแผนเท่านั้น”“ท่านไม่เชื่อว่าข้าจะเป็นคนทำตั้งแต่แรก”“ข้าไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น และคงไม่โง่ขนาดที่จะวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น ดูก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีคนใส่ร้ายเจ้าแน่ ๆ”“ขอเพียงพระองค์เชื่อ หม่อม
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะปฏิเสธข้า ไม่ยอมรับข้า เจ้าเป็นคนรักอิสระดั่งนกที่โบยบินอยู่บนท้องนภาที่ยิ่งใหญ่ แต่ตัวข้าคือพญาอินทรีที่ต้องคอยเฝ้ามองสรรพสิ่ง คอยจัดการกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องและกำจัดเหยื่อที่มารุกราน ข้ากลัวว่าหากเจ้าไม่รักข้าก่อน ข้าจะไม่สามารถกุมหัวใจเจ้าได้ เจ้าจะโบยบินจากข้าไป นั่นคงทำให้ข้าไม่มีแรงที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป”“แต่อย่างไรพระองค์ก็ต้องเลือก และสิ่งที่เลือกก็ช่างยิ่งใหญ่ แม้จะไม่มีหม่อมฉัน พระองค์ก็ยืนหยัดเพื่อราษฎรได้นะเพคะ”“เมื่อก่อนได้ แต่ตอนนี้ข้าไม่แน่ใจ เหยาเหยา เจ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตข้า ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ที่หัวใจข้าถูกเจ้าขโมยมันไปจนหมดสิ้น ข้าไม่เป็นตัวของตัวเอง ข้าผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด กลับกลัวว่าเจ้าจะไม่พอใจ อารมณ์เจ้าขึ้นๆ ลงๆ ก็ทำให้ข้ากลัวจนทำอะไรน่าอับอายมากมาย ข้ามักจะทำตัวไม่ถูกเวลาที่อยู่ต่อหน้าเจ้า นึกๆ ไปแล้ว พอเป็นเรื่องของเจ้า ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นเพียงแค่ลูกนกหัดบินเท่านั้น และไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ ที่ขาดเจ้าไม่ได้ รู้แต่ว่าตอนนี้ อีกครึ่งชีวิตที่เหลือของข้า อยากจะอยู่กับเจ้าตลอดไป”“พระองค์พูดเช่นนี้ ต้องการให้หม่อมฉันยกโทษให้งั
ไป๋ซินเหยาหันมามองหน้าเว่ยจื่อหยางด้วยความตกใจเช่นกัน เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกนางมาก่อน ฐานะที่แท้จริงของเขาพึ่งมาเปิดเผยวันนี้ นางหันไปมองที่ท่านอา ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะรู้ก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว“ที่แท้พระองค์เฝ้าระวังมาโดยตลอด พระองค์ระแวงกระหม่อมมาโดยตลอด หึ นี่คือสิ่งตอบแทนข้ารับรับใช้ที่ซื่อสัตย์”“ซื่อสัตย์ ท่านยังกล้าพูดว่าท่านซื่อสัตย์เช่นนั้นหรือ ท่านอาศัยเอาความบาดหมางของพระชายารองหลิวอ๋อง ยุยงให้แม่ทัพหลิงร่วมมือกับท่านเพื่อจะก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน ยังดีที่เสด็จพี่ข้าเชี่ยวชาญการทูต สามารถเกลี้ยกล่อมให้แม่ทัพหลิงล้มเลิกความคิดนี้ได้ คิดว่าท่านจะหยุด แต่ไม่เลย ท่านกลับหาเรื่องใช้บุตรสาวคิดแผนการร้าย จะป้ายสีให้พระสนมกับองค์หญิงแคว้นเหวยหน่วนมีความผิดเพื่อยุยงให้แคว้นเหวยหน่วนก่อสงครามและท่านก็จะเป็นนกขมิ้นที่ตามเก็บผลประโยชน์ในภายหลัง ท่านยังกล้าพูดว่าท่านเป็นขุนนางซื่อสัตย์ ท่านไม่อายปากบ้างหรือ”“ฮ่าๆๆ องค์ชาย ไม่ ไม่สิ องค์ไท่จื่อ แม้แต่เรื่องนี้ท่านก็สืบรู้จนหมด นับถือจริงๆ ที่แท้ พวกท่านเดินทางไปเจียงหยางเพราะเรื่องแม่ทัพหลิงนี่เอง ถึงว่า เขาไม่คิดจะติดต่อข้ามาอีกเลย ข้าคิดว่าทอ
ฝ่าบาทเป็นผู้สั่งการเองโดยไม่รอให้เสนาบดีเป่าร้องขอชีวิตบุตรสาว เขาเองก็คงไม่ได้อยากทำเช่นนั้น การเก็บบุตรสาวที่ทำให้ชื่อเสียงของสกุลเป่าเสื่อมเสียเอาไว้เป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่ในความคิดของเขา ตัดเนื้อร้ายออก อย่างไรก็ยังดีกว่าที่เสียหายทั้งตระกูล“หมอหลวง อาการฮองเฮาเป็นเช่นไรบ้าง”“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาปลอดภัยดี ชีพจรเต้นคงที่ ราวกับว่าพระองค์กำลังพักผ่อนอยู่ ทางที่ดีปล่อยให้พระองค์นอนพักผ่อนอย่าให้ผู้ใดไปรบกวนจะเป็นการดีพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องนี้ก็ฝากให้พวกท่านจัดการก็แล้วกัน”“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงออกไปแล้ว พระสนมโม่เฟยเองก็ถูกสั่งให้ไปพักพร้อมกับองค์หญิงเซว่านชิง ตอนนี้เหลือเพียงฝ่าบาท องค์ชายทั้งสอง เสนาบดีเป่า ไป๋ซินเหยาและหลิวอ๋องที่อยู่ในกระโจม“ไป๋ซินเหยา เรื่องนี้ต้องขอโทษเจ้าที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม”“ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกังวลเพคะ เพียงเรื่องคลี่คลายได้หม่อมฉันก็ไม่ติดใจเอาความแล้วเพคะ”“ฝ่าบาท บุตรีกระหม่อมอายุยังน้อย ที่ทำไปก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบ หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ลงโทษนางมากเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“หึ เสนาบดีเป่า ท่านบอกว่านางอายุน้อย ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่ที่นางจะเอาชีวิตคือฮ
“เป่าหยุนเซียน แล้วที่เจ้าโวยวายว่าฮองเฮาถูกวางยาพิษและกล่าวโทษผู้อื่นนี่มันอย่างไรกัน ข้าต้องการคำอธิบาย”ฝ่าบาทหันมาถามเอาความกับหยุนเซียนที่นั่งคุกเข่าสั่นอยู่กับพื้น“ฝ่าบาท คิดว่านางคงตกใจเพราะนางนั่งอยู่กับฮองเฮาและคงตกใจเมื่อเห็นว่าฮองเฮาล้มลง จึงคิดว่านางถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ”เป่าอี้หยวนเป็นผู้แก้ต่างให้บุตรสาวเพื่อให้นางได้พ้นข้อกล่าวหาโง่ๆ นี้ หากไม่ใช่นางที่โวยวายทำแตกตื่น เรื่องนี้คงมิได้ลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้“งั้นหรือ แล้วเหตุใดนางถึงได้กล่าวโทษไป๋ซินเหยากับองค์หญิงทันทีที่คิดว่าฮองเฮาโดนยาพิษเล่าท่านเสนาบดี”“เรื่องนี้ข้าคิดว่าข้าอธิบายได้เพคะ”เซว่านชิงเดินก้าวออกมาเผชิญหน้ากับเป่าหยุนเซียนที่นั่งส่ายหน้าร้องขอความเห็นใจจากเซว่านชิงอยู่ แต่ตอนนี้นางเห็นธาตุแท้ของเป่าหยุนเซียนแล้ว เมื่อหลอกใช้นางแล้วยังจะโยนความผิดให้นางและเสด็จอาที่เป็นพระสนมรับเคราะห์ไปด้วยเพื่อให้ตนเองได้พ้นผิด“องค์หญิง เจ้าหมายความว่าเช่นไร”“ทูลฝ่าบาท ก่อนหน้านั้นเป็นท่านหญิงผู้นี้ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับหม่อมฉันและพระสนมเพื่อยุให้หม่อมฉันทำร้ายแม่นางไป๋เพคะ รวมถึงเหตุการณ์วันนี้...”“องค์หญิง ท่