หัวใจของไป๋ซินเหยาเต้นรัวไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง แม้ว่าจะผ่านเรื่องนี้กับเขามาหลายครั้ง แต่ก็ยังรู้สึกไม่ชินกับการจู่โจมด้วยคำพูดตรงๆ ตามแบบของลู่จื่อหยาง เขาไม่ได้รีรอคำตอบ ที่ขอก็เพียงพูดให้รู้ว่าจะทำสิ่งใดเท่านั้น มือหนาจับที่ศีรษะของซินเหยาไม่ให้หนีไปไหนและบรรจงจูบอย่างดูดดื่ม แม้ว่าจะทำอย่างอื่นไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการแสดงความรักของคนทั้งคู่เพียงแค่จูบก็รู้สึกมีความสุขก่อนที่ทั้งสองจะนอนหลับไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน…..ลานประลองรอบชิงชนะเลิศวันนี้มีฮ่าวหลานมาร่วมชมการประลองด้วยเป็นครั้งแรก ทำให้สนามการประลองและดูคึกคักกว่าเดิม เนื่องจากศิษย์หญิงของทุกสำนัก ต่างจับจ้องมาที่อาจารย์หนุ่มรูปงามของเพ่ยเฉิงด้วยความสนใจ“ดูเหมือนว่าวันนี้ท่านจะถูกเบนความสนใจไปนะ องค์ชายแปด”“ดีแล้ว ข้าก็มิได้นึกพึงใจที่มีผู้อื่นมาคอยจับจ้องที่ข้าหรอกนะ เจ้าแอบไม่พอใจหรือไม่ที่มีสตรีอื่นสนใจอาจารย์ของเจ้าน่ะ”“ไม่หรอกเจ้าค่ะ ดีเสียอีก กว่าอาจารย์จะยอมลงเขามาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เขาจะได้รู้ว่าข้างล่างนี่น่าสนใจเพียงใด”“เจ้ากำลังจะหาคู่ให้อาจารย์อยู่งั้นหรือ”“เปล่าเสียหน่อยเจ้าค่ะ นั่นมันเรื่องส่วนตัว
ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อพวกเขาจบจากงานเลี้ยงอำลาที่สนุกสนาน ก็ถึงเวลาที่ต้องส่งทั้งห้าสำนักกลับ บางคนก็กอดคอกันร้องไห้ บางคนก็ร่ำลากันด้วยดี ถงถงและสิงอี้หานก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน“ข้าจะแวะไปเยี่ยมเจ้านะ”“เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ”“เจ้าก็เช่นกัน ถงถง สัญญากับข้า เจ้ารอข้านะ แคว้นจ้าวกับเมืองเยี่ยนไม่ได้ไกลกันมาก”“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะ ท่านไปได้แล้ว อาจารย์ท่านรออยู่นะเจ้าคะ”เขายื่นปิ่นปักผมอันใหม่ให้นางเป็นปิ่นไม้แกะสลัก ถงถงมองหน้าเขาอย่างงงๆ“ปิ่นไม้กฤษณา ข้าทำเองกับมือ ทำตอนอยู่ที่นี่ ของหมั้น ข้าจองเจ้าเอาไว้ก่อนเก็บไว้ให้ดีรอข้านะถงถง”“ท่าน…พี่อี้หาน..ข้าจะรอท่านเจ้าค่ะ”“ซินเหยา พี่จินเย่ พวกเจ้าทั้งสามคนด้วย ระหว่างที่อยู่ที่นี่ข้าสนุกมาก หากไม่มีพวกท่าน ชีวิตที่มาเพื่อประลองคงน่าเบื่อสุดๆ วันหน้าหากมีโอกาสคงได้พบกันอีก ขอลา”“พี่อี้หาน ถงถง อย่าลืมคิดถึงพวกเราด้วยนะ เดินทางปลอดภัยนะ”“พี่ซินเหยา ทั้งน้ำใจและมิตรภาพของท่าน ข้าจะไม่มีวันลืมเลยเจ้าค่ะ ข้าคงคิดถึงท่านมากๆ เลย”“เด็กโง่ อย่าร้องไห้สิเดี๋ยวเราก็ได้เจอกัน เอาไว้เจ้ามาเมืองเจียงหยางก็แวะไปหาข้าที
“ข้าเพียงแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเจ้าค่ะ อาจารย์มีธุระอะไรจะใช้ข้าหรือเจ้าคะ”“อาเหยา เจ้ากำลังคิดมากเรื่ององค์ชายแปดงั้นหรือ”“ข้าเพียงแค่นึกสงสัยเท่านั้นเจ้าค่ะ เขาไปโดยไม่ได้บอกลาข้า ปกติแล้วเขาจะไปจะมาก็ไม่ได้บอกอยู่แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้มันต่างกับครั้งอื่นๆ เพราะเขากลับไปเมืองหลวง ซึ่งไม่รู้ว่า….”“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเองก็อยากจะมาบอกลาเจ้าเช่นกัน แต่เขาไม่อยากจะขัดจังหวะงานเลี้ยงอำลาของพวกเจ้า และภารกิจนี้ก็เร่งด่วนมากจริงๆ แม้แต่อาจารย์ลี่คุณ เขาเองก็ยังไม่มีโอกาสได้ร่ำลาเลย อย่าตำหนิองค์ชายเลยนะ วันที่เขากลับมา เจ้าก็อย่าได้โกรธเขามาก”“ท่านรู้อะไรที่ข้าไม่รู้หรือเจ้าคะอาจารย์ เหตุใดท่านเอาแต่พูดเข้าข้างเขา เหตุใดต้องกลัวว่าข้าจะโกรธเขาด้วย”“เรื่องบางเรื่อง ข้าก็ไม่สมควรจะเป็นผู้บอกเจ้า รอองค์ชายมาบอกกับเจ้าเองจะดีกว่า”“ข้าอาจจะไม่อยากรอเขาก็ได้เจ้าค่ะ หากกลับลงเขาไปครั้งนี้แล้วเขายังไม่ส่งข่าวคราว ข้าอาจจะ…”“อาเหยา คิดดีๆ ก่อนค่อยพูด เจ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มิใช่เด็กๆ เจ้ารู้จักกับองค์ชาย แม้ว่าจะไม่นาน แต่สิ่งที่เขาทำเพื่อเจ้าและความรู้สึกของเขา เจ้าว่ามันคือเรื่องโกหกงั้นหรือ
“นั่นเป็นเรื่องบังเอิญ เขารับเจ้าทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเจ้าคือผู้ใด จนเขามาทราบจากอาจารย์ลี่คุณนั่นแหละ เขาถึงรับเจ้าเพื่อเป็นศิษย์ และสอนวิชาที่เขาฝึกทั้งหมดให้เจ้า แม้แต่วิชาลับสุดยอดอย่างเรียกต่อโลกันตร์ก็สอนเจ้า”“ข้าอยู่กับเขาตั้งหลายเดือน แต่เขาไม่เคยปริปากบอกข้าว่าข้าเป็นหลานในไส้ของเขา แล้วงานประลองครั้งนี้เขาก็ช่วยข้ากับจื่อหยางเอาไว้ เขามีโอกาสตั้งมากมายที่จะบอกกับข้าแต่กลับไม่พูดอะไรเลย ท่านแม่ท่านคิดว่าเขายังโกรธท่านอยู่หรือไม่เจ้าคะ”“แม่ว่าเวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง การที่ครั้งนี้เขายอมกลับมาที่จวนอ๋องพร้อมกับเจ้า นั่นแสดงว่าเรื่องในอดีตในหัวใจเขาคงคลี่คลายไปแล้ว”“แล้วข้าควรจะทำตัวเช่นไรดี แล้วนี่ข้าจะต้องเรียกเขาว่าอย่างไรเล่าเจ้าคะ เรียกอาจารย์เช่นเดิม หรือว่าให้เรียกว่าท่านอา ท่านแม่ เหตุใดพวกท่านทำเรื่องยุ่งยากให้ข้าอีกแล้ว”“ลูกแม่ จะเรียกอาจารย์ก็ดี เรียกท่านอาก็ได้ เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก เจ้าสะดวกเรียกเช่นไรก็เรียกเถิดนะ ท่านอาเขาไม่ถือสาเจ้าหรอก”“เรื่องในใต้หล้านี้ช่างน่าปวดหัวเสียจริงๆ อยากออกบวชศึกษาพระธรรมเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป”“ดูเจ้าสิ ขึ้นเขาไปไม่กี่วัน คิดจะ
“เพียงแค่เรื่องท่านหญิงเป่า ถึงกับทำให้องค์ชายสองพระองค์ต้องรีบกลับเมืองหลวง หึ ดูท่าท่านหญิงผู้นี้คงมีความสำคัญกับพวกเขามากนะเจ้าคะ”“เจ้ากำลังเข้าใจพวกองค์ชายผิด ที่จริงท่านหญิงเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่เบื้องหลังของนางต่างหากที่น่าเป็นห่วง”“ท่านพ่อหมายถึง ฮองเฮา”“ใช่ ฮองเฮาใช้โอกาสนี้เรียกองค์ไท่จื่อและองค์ชายแปดกลับเข้าเมืองหลวงเพื่อจัดการปัญหานี้ แต่ฝ่าบาทเองไม่เห็นด้วยเนื่องด้วยทางนี้การค้ากำลังไปได้ด้วยดี องค์ไท่จื่อเองก็เริ่มคุ้นเคยกับที่นี่แล้วแต่ว่าฝ่าบาทเองมีวิธีการจัดการตามแบบของพระองค์ จึงต้องรีบให้ทั้งคู่กลับไปก่อน”“แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยเจ้าคะ ท่านพ่อจะบอกอะไรข้างั้นหรือเจ้าคะ”“พ่อเพียงจะบอกเจ้าว่า ให้เจ้าหนักแน่นเข้าไว้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น องค์ชายแปดไม่มีทางทอดทิ้งเจ้า เขามอบสิ่งนี้ให้พ่อเพื่อมอบให้เจ้า”หลิวอ๋องยื่นหยกประจำตำแหน่งขององค์ชายแปดให้กับซินเหยาเพื่อเป็นสิ่งยืนยันคำพูดขององค์ชายแปดก่อนเขาจะลากลับไปเมืองหลวง“พระองค์บอกว่าก่อนลงเขารีบจากมาโดยมิได้บอกลาเจ้าและพอกลับมาถึงก็ต้องรีบเดินทางไปเมืองหลวงทันที พระองค์เลยฝากหยกประจำตัวนี้เอาไว้ให้เจ
“อันนี้สวยดี เอาอันนี้สิ ของเจ้าเลือกได้หรือยัง ข้าซื้อให้”“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านอา ท่านใจดีที่สุดเลย”“ก็เงินพ่อเจ้าทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจ”เมื่อพวกเขาจ่ายเงินแล้ว ชาวบ้านรอบๆ ตัวต่างเริ่มกรูกันเข้ามาเพื่อจะเบียดพวกเขาออกไปดูนอกถนนพร้อมกับส่งเสียงตะโกนจนซินเหยาเกือบจะล้ม ฮ่าวหลานจับนางเอาไว้ได้“พวกเขารีบไปไหนกันเจ้าคะ ข้าเกือบจะล้มอยู่แล้ว”“เร็วๆ เข้าองค์หญิงแคว้นเหวยหน่วนมาถึงแล้ว เข้าประตูเมืองมาแล้ว กระโจมนางงามมากเลย”“ดูเหมือนว่าจะมีแขกบ้านแขกเมืองมานะ เห็นพ่อเจ้าบอกว่าเมื่อเดือนก่อนฮ่องเต้ได้รับพระสนมต่างแคว้นเข้าวังมา เป็นที่ถกเถียงกันในวังหลังไม่น้อยเลย เพราะพระสนมใหม่งดงามยิ่งนัก”“ท่านอา ข้าอยากเห็นขบวนที่ว่าเจ้าค่ะ ข้ายังไม่เคยเห็นขบวนของแคว้นอื่นๆ มาก่อนเลย”“ไปสิ ระวังด้วย คนมากเดี๋ยวจะหลงเอา มานี่ เดินตรงนี้ บนนี้เห็นชัดกว่า”ฮ่าวหลานพาหลานสาวของเขาเดินขึ้นบันไดหน้าร้านเครื่องเขียนที่ปิดประตูเอาไว้ข้างหนึ่งเลยทำให้มีที่ว่างพวกเขาจึงยืนดูและมองเห็นขบวนอย่างชัดเจนขึ้น“นั่นไง มาแล้วเจ้าค่ะ กระโจมสีขาว สวยจังเลยเจ้าค่ะ”“อืม งดงามจริงๆ ด้วย”ฮ่าวหลานเพียงแค่กอดอกและยืนมองตา
เมื่อขบวนมาถึงลานพระตำหนักหน้าท้องพระโรง องค์ชายแปดเว่ยจื่อหยางลงมาจากม้าพร้อมกับเดินไปหาองค์ไท่จื่อพร้อมกับแจ้งรายงานความเรียบร้อยและยืนคู่กับองค์ไท่จื่อ ก่อนที่จะเชิญองค์หญิงเดินลงมาจากเกี้ยวที่ทรงประทับอยู่“องค์หญิงเซว่านชิงแห่งแคว้นเหวยหน่วนเสด็จ”ม่านกระโจมถูกเปิดออกพร้อมกับนางกำนันสองคนที่เดินลงมาก่อนและยื่นมือไปให้องค์หญิงจับและเดินลงมา เซว่านชิงค่อยๆ เดินลงมาจากเกี้ยว การแต่งกายของนางดูแตกต่างจากชาวฉินเนื่องจากมาจากแคว้นที่อากาศค่อนข้างร้อนชื้นในเขตทุ่งหญ้าทางตะวันตกของแคว้นฉินผิวขององค์หญิงเซว่านชิงสีน้ำผึ้งรับกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนดุจตุ๊กตาพื้นเมืองที่มองมายังพวกเขาช่างดูน่าหลงใหลผมยาวสลวยที่ถูกถักเปียและจัดทรงมาอย่างเป็นระเบียบทำให้นางดูงดงามมากขึ้น แม้ว่านางจะดูเยาว์วัยแต่ทั้งท่าทาง การเดินและกิริยามารยาทนั้น ต้องบอกว่าผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี“หม่อมฉันเซว่านชิงถวายบังคมองค์ไท่จื่อ องค์ชายแปดเพคะ”“องค์หญิงเซว่านชิง เชิญตามสบายเถิด”เซว่านชิงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับองค์ไท่จื่อ รัชทายาทแห่งแคว้นฉิน เป็นดั่งที่แม่นมกล่าวเอาไว้ พวกเขาสองคนรูปงามยิ่งนัก อีกคนงามดุจไข่มุกราตรี
“แล้ว ผู้ที่องค์หญิงจะเลือก…”“ถ้าบอกตามตรงก็มีเสด็จพี่ กับข้าเท่านั้นที่พอจะเป็นตัวเลือกของนางได้”“ข้าเข้าใจแล้ว ที่ท่านมาในวันนี้ เพียงมาบอกเรื่องนี้กับข้าเช่นนั้นหรือเพคะ”“ใช่ ข้ามาบอกเรื่องนี้กับเจ้า ว่าไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ไม่ยอมแต่งงานกับสตรีอื่น หากไม่ใช่เจ้า”ไป๋ซินเหยาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากเขา เรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่เขาและนางจะตัดสินใจได้มิใช่หรือ แต่ในขบวนต้อนรับ เขาวิ่งมากอดนางท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายในขบวนต้อนรับ และยังพานางขึ้นม้าตัวเดียวกันกับเขาก็มิได้สนใจสายตาของผู้ใดในเมืองหลวงเลย“แต่ว่าเรื่องนี้ ท่านไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้”“ก่อนหน้านี้ที่ท่านต้องรีบกลับมา ก็เป็นเพราะเป่าหยุนเซียนทำเรื่องไว้มิใช่หรือเจ้าคะ ท่านพ่อบอกข้า”“ออ เรื่องนั้นกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย จะว่าไปมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวเท่านั้น”“หมายความว่าเช่นไรเจ้าคะ”"นางกลับมาถึงก็มาฟ้องฮองเฮาเรื่องที่ถูกอาจารย์ลี่คุณและข้าไล่ลงจากเขา ฮองเฮาใช้เรื่องนี้มาหาเรื่องเสด็จพ่อและทะเลาะกันในห้องทรงอักษรจนเกิดเป็นเรื่องใหญ่โต ลุกลามไปจนถึงลงไม้ลงมือกับพระสนมโม่เฟย ทำให้เสด็จพ่อทรงกร
ใบหน้าของเขาตกใจระคนดีใจเมื่อมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของพระชายาที่บอกเขาเรื่องนี้ มิน่าเล่านางจึงไม่ยอมให้เขาทำ เพราะต้องการบอกข่าวดีนี้ก่อนที่จะเข้าหอ“จริงหรือ เหยาเหยา เจ้าจะบอกว่า ในท้องเจ้าตอนนี้…มีลูกของเราอยู่เช่นนั้นหรือ”“เพคะ เพราะฉะนั้น พระองค์จะทำอะไร…ก็ จะหักโหมเช่นเดิมมิได้นะเพคะ”“ข้าดีใจยิ่งนัก ข้าดีใจที่สุดเลย เหยาเหยา นี่มันเรื่องดีมากจริงๆ เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ พิธีการทั้งหลายนั่น ข้าจะได้สั่งลดเพื่อไม่ให้เจ้าและลูกต้องเหนื่อยมากขนาดนี้”“ข้าปรึกษาแม่นมแล้วเพคะ แม่นมก็จัดการทุกอย่างให้รวบรัดแล้ว ก่อนหน้านี้หม่อมฉันมีอาการแพ้ท้องหนัก ทั้งจวนเลยวุ่นวายเกรงว่าข้าจะทนไม่ไหว ทั้งเครื่องประดับและชุดหนักๆ นี่ก็ถูกถอดออกไปหลายชิ้นเหลือเพียงสิ่งที่สำคัญๆ ไว้เท่านั้นเพคะ”“นี่ขนาดเจ้าเอาออกไปบ้างแล้ว แต่เหตุใดมันยังดูเยอะและหนักอยู่เล่า ตอนนี้เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง อยากกินอะไรหรือไม่ เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้านี่นา ข้าจะไปสั่งให้คนยกอาหารมาให้นะ”ว่าแล้วเขาก็รีบเดินไปเปิดประตู แม่สื่อถึงกับตกใจที่เจ้าบ่าวจู่ ๆ ก็เปิดประตูออกมา แต่เขาเพียงสั่งอาหารเพื่อให้เจ้าสาวเ
พระราชพิธีผ่านไปด้วยความราบรื่นและโล่งอกของทั้งแม่นมหวงและพระชายาหลิวอ๋องที่มีความกังวลเกี่ยวกับอาการแพ้ท้องของเจ้าสาวซึ่งไม่ต้องการแจ้งข่าวนี้ให้กับผู้อื่นทราบเจ้าบ่าวเองก็แทบจะไม่อยากรับแขกอีกต่อไป เขาอยากจะเร่งให้จบงานเลี้ยงที่ท้องพระโรงเร็วๆ เสียเหลือเกินเพราะคิดถึงเจ้าสาวที่เฝ้ารอมาหลายสิบวันเต็มที่แล้วตำหนักบูรพา ห้องส่งตัวเจ้าสาว“พระชายา อีกประเดี๋ยวเมื่อองค์ไท่จื่อเข้ามา จะเปิดหน้าเจ้าสาวก่อน และดื่มสุรามงคล คืนนี้จะมีแม่สื่อเฝ้าอยู่หน้าห้องจนกว่าไฟในห้องจะดับลงเพื่อส่งตัวพวกท่านเข้าหอ พิธีเข้าหอ ห้ามมิให้คู่บ่าวสาวออกจากห้องหอจนกว่าจะรุ่งสาง”“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะแม่นม”“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะออกไปแล้วนะเพคะ องค์ไท่จื่อน่าจะกำลังมาแล้ว”“ขอบคุณแม่นมเจ้าค่ะ”เป็นดังคาด องค์ไท่จื่อ เว่ยจื่อหยางเสด็จมาถึงห้องส่งตัวก่อนเวลาถึงสองเค่อ เขาไม่อาจรอได้อีกต่อไปแล้ว เขาทิ้งให้องค์ชายห้า เจ้าบ่าวอีกคนทำหน้าที่รับแขกแทนเขา แล้วเขาก็มาที่ห้องส่งตัวก่อน องค์ชายห้าเข้าใจความรู้สึกของจื่อหยางดี เขาจึงรับหน้าที่ดูแลแขกในงานแทนน้องชายประตูห้องส่งตัวถูกเปิดออก เว่ยจื่อหยางเดินเข้ามา ตอนแรกเขารี
ท่านหมอวิ่งเข้าไปยังห้องที่ซินเหยานอนพักอยู่ ตอนนี้นางหยุดอาเจียนแล้ว เขาเริ่มจับชีพจรของนางก่อนและก็หันมามองที่แม่นมหวงและพระชายาที่มองไปที่คนป่วยอย่างนึกเป็นห่วง ท่านหมอลุกขึ้นมาพร้อมกับความตกใจของทั้งคู่“ท่านหมอ เหตุใดตรวจเพียงนิดเดียว นางเป็นหนักถึงเพียงนี้ ท่านจะรีบลุกไปไหนกัน”“ยินดีกับพระชายาด้วย คุณหนูตั้งครรภ์แล้วขอรับ”ทั้งสองที่รอฟังเบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนดีใจ พร้อมกับแม่นมที่คอยตบแขนพระชายาหลิวอ๋อง“พระชายา ท่านได้ยินหรือไม่ ข่าวดีเช่นนี้ พระชายา”“มีครรภ์ เหยาเหยามีครรภ์ แม่นม ข้ามิได้ฟังผิดไป”“ไม่ผิดเจ้าค่ะ เร็วเข้า พวกเจ้ารีบไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้คุณหนู ท่านน่ะ รีบไปเตรียมอาหารบำรุง ข้าจะรีบจดให้ว่าต้องซื้อสิ่งใดบ้าง พระชายา ท่านอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูก่อน ข้าจะรีบไปช่วยท่านป้าฝูเตรียมของบำรุง”“ท่านหมอ แล้วช่วงนี้ต้องระวังสิ่งใดบ้างเจ้าคะ”“พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป ไม่มีอะไรหนัก ช่วงนี้ให้นางพักผ่อนมาก ๆ อย่ายกของหนัก ห้ามวิ่ง ระวังเรื่องอาหารรสจัด ส่วนเรื่องอื่น ไม่น่าต้องเป็นห่วง ช่วงครรภ์อ่อนๆ การพักผ่อนเป็นเรื่องสำคัญ”“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ”“ยินดีด้วยๆ พระช
พระราชพิธีแต่งตั้งองค์ไท่จื่ออย่างเป็นทางการได้ผ่านไปสองวันแล้ว เหลืออีกเพียงสิบวันก็จะถึงวันพระราชพิธีสมรสและแต่งตั้งพระชายาองค์ไท่จื่อจวนสกุลหลิวต่างเร่งตกแต่งจวนและส่วนหนึ่งก็รีบจัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับงานใหญ่ ไม่คิดว่าการกลับมาเมืองหลวงในครั้งนี้จะเกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้“พวกเขามากันแล้ว อาจารย์ ศิษย์จะไปต้อนรับพวกเขาเอง”“ไปเถอะๆ แล้วพาพวกเขาไปห้องพักด้วย”“ขอรับอาจารย์”เซียวจุนวิ่งออกไปหน้าจวน รถม้าสองคันที่จอดต่อกันอยู่เพื่อมาร่วมงานสำคัญที่จะเกิดขึ้นในอีกสิบวันข้างหน้า เซียวจุนวิ่งออกมารอรับพวกเขา ประตูรถม้าคันแรกเปิดออกมาแล้ว สิงอี้หานเดินนำหน้าออกมาพร้อมกับพยุงอันถงถงลงมาจากรถม้า ก่อนจะลงมาทักทายเซียวจุนที่รออยู่หน้าจวน“คุณชายสิง แม่นางอัน ยินดีต้อนรับ การเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง”""คุณชายเซียว""พวกเขาเอ่ยทักขึ้นพร้อมกัน ไป๋ซินเหยาเล่าเรื่องเซียวจุนในจดหมายให้พวกเขาฟังแล้วก่อนเดินทางมาที่นี่ พวกเขาพบเซียวจุนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ เซียวจุนจะดูเป็นมิตรมากกว่าที่เจอตอนอยู่เขาเซียนซี“พี่เซียว พวกข้าปลอดภัยดี ระยะทางค่อนข้างไกลแต่เดินทางสะดวก ได้ข่าวว่าท่านบาดเจ
จื่อหยางรีบลุกขึ้นจากตักของซินเหยาที่เขากำลังนอนหนุนอย่างสบาย และหันมากอดนางแทน“ข้าก็ไม่ได้อยากโกหกเจ้านะ เพียงแต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้ข้าบอกเจ้าไม่ได้ หากบอกเจ้าไป เรื่องบางเรื่องอาจจะไม่เป็นเช่นนี้ ไหนเจ้าบอกว่าไม่โกรธข้าแล้วอย่างไรเล่า”“ข้าก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เป็นท่านที่ร้อนตัวออกมาเอง”“ก็ได้ๆ ข้าผิดเองๆ ทุกเรื่องเลย ข้าผิดแต่เพียงผู้เดียว”“แล้วหลังจากนั้นเล่าเพคะ”“จากนั้น เซว่านชิงก็เอาขวดยานั่นมาให้ข้ากับเสด็จพี่ตรวจดู พบว่ามันเป็นยาพิษ พวกเราเลยสลับขวดใหม่และซ้อนแผนนาง ทำให้เซว่านชิงทำเหมือนทำตามแผนของนาง ข้ารู้ว่านางกำนัลนั่นเป็นคนของหยุนเซียน นางต้องฟ้องแน่ และก็อย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”“มีเพียงข้าคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องแผนการนี้”“นั่นเพราะพวกเราไม่มีเวลาบอกกับเจ้า เซว่านชิงเองก็บอกเจ้าไม่ได้เพราะนางกำนัลสองคนนั้นจับตาดูพวกเจ้าอยู่ นางจึงทำได้เพียงทำตามแผนเท่านั้น”“ท่านไม่เชื่อว่าข้าจะเป็นคนทำตั้งแต่แรก”“ข้าไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น และคงไม่โง่ขนาดที่จะวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น ดูก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีคนใส่ร้ายเจ้าแน่ ๆ”“ขอเพียงพระองค์เชื่อ หม่อม
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะปฏิเสธข้า ไม่ยอมรับข้า เจ้าเป็นคนรักอิสระดั่งนกที่โบยบินอยู่บนท้องนภาที่ยิ่งใหญ่ แต่ตัวข้าคือพญาอินทรีที่ต้องคอยเฝ้ามองสรรพสิ่ง คอยจัดการกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องและกำจัดเหยื่อที่มารุกราน ข้ากลัวว่าหากเจ้าไม่รักข้าก่อน ข้าจะไม่สามารถกุมหัวใจเจ้าได้ เจ้าจะโบยบินจากข้าไป นั่นคงทำให้ข้าไม่มีแรงที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป”“แต่อย่างไรพระองค์ก็ต้องเลือก และสิ่งที่เลือกก็ช่างยิ่งใหญ่ แม้จะไม่มีหม่อมฉัน พระองค์ก็ยืนหยัดเพื่อราษฎรได้นะเพคะ”“เมื่อก่อนได้ แต่ตอนนี้ข้าไม่แน่ใจ เหยาเหยา เจ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตข้า ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ที่หัวใจข้าถูกเจ้าขโมยมันไปจนหมดสิ้น ข้าไม่เป็นตัวของตัวเอง ข้าผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด กลับกลัวว่าเจ้าจะไม่พอใจ อารมณ์เจ้าขึ้นๆ ลงๆ ก็ทำให้ข้ากลัวจนทำอะไรน่าอับอายมากมาย ข้ามักจะทำตัวไม่ถูกเวลาที่อยู่ต่อหน้าเจ้า นึกๆ ไปแล้ว พอเป็นเรื่องของเจ้า ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นเพียงแค่ลูกนกหัดบินเท่านั้น และไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ ที่ขาดเจ้าไม่ได้ รู้แต่ว่าตอนนี้ อีกครึ่งชีวิตที่เหลือของข้า อยากจะอยู่กับเจ้าตลอดไป”“พระองค์พูดเช่นนี้ ต้องการให้หม่อมฉันยกโทษให้งั
ไป๋ซินเหยาหันมามองหน้าเว่ยจื่อหยางด้วยความตกใจเช่นกัน เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกนางมาก่อน ฐานะที่แท้จริงของเขาพึ่งมาเปิดเผยวันนี้ นางหันไปมองที่ท่านอา ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะรู้ก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว“ที่แท้พระองค์เฝ้าระวังมาโดยตลอด พระองค์ระแวงกระหม่อมมาโดยตลอด หึ นี่คือสิ่งตอบแทนข้ารับรับใช้ที่ซื่อสัตย์”“ซื่อสัตย์ ท่านยังกล้าพูดว่าท่านซื่อสัตย์เช่นนั้นหรือ ท่านอาศัยเอาความบาดหมางของพระชายารองหลิวอ๋อง ยุยงให้แม่ทัพหลิงร่วมมือกับท่านเพื่อจะก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน ยังดีที่เสด็จพี่ข้าเชี่ยวชาญการทูต สามารถเกลี้ยกล่อมให้แม่ทัพหลิงล้มเลิกความคิดนี้ได้ คิดว่าท่านจะหยุด แต่ไม่เลย ท่านกลับหาเรื่องใช้บุตรสาวคิดแผนการร้าย จะป้ายสีให้พระสนมกับองค์หญิงแคว้นเหวยหน่วนมีความผิดเพื่อยุยงให้แคว้นเหวยหน่วนก่อสงครามและท่านก็จะเป็นนกขมิ้นที่ตามเก็บผลประโยชน์ในภายหลัง ท่านยังกล้าพูดว่าท่านเป็นขุนนางซื่อสัตย์ ท่านไม่อายปากบ้างหรือ”“ฮ่าๆๆ องค์ชาย ไม่ ไม่สิ องค์ไท่จื่อ แม้แต่เรื่องนี้ท่านก็สืบรู้จนหมด นับถือจริงๆ ที่แท้ พวกท่านเดินทางไปเจียงหยางเพราะเรื่องแม่ทัพหลิงนี่เอง ถึงว่า เขาไม่คิดจะติดต่อข้ามาอีกเลย ข้าคิดว่าทอ
ฝ่าบาทเป็นผู้สั่งการเองโดยไม่รอให้เสนาบดีเป่าร้องขอชีวิตบุตรสาว เขาเองก็คงไม่ได้อยากทำเช่นนั้น การเก็บบุตรสาวที่ทำให้ชื่อเสียงของสกุลเป่าเสื่อมเสียเอาไว้เป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่ในความคิดของเขา ตัดเนื้อร้ายออก อย่างไรก็ยังดีกว่าที่เสียหายทั้งตระกูล“หมอหลวง อาการฮองเฮาเป็นเช่นไรบ้าง”“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาปลอดภัยดี ชีพจรเต้นคงที่ ราวกับว่าพระองค์กำลังพักผ่อนอยู่ ทางที่ดีปล่อยให้พระองค์นอนพักผ่อนอย่าให้ผู้ใดไปรบกวนจะเป็นการดีพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องนี้ก็ฝากให้พวกท่านจัดการก็แล้วกัน”“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงออกไปแล้ว พระสนมโม่เฟยเองก็ถูกสั่งให้ไปพักพร้อมกับองค์หญิงเซว่านชิง ตอนนี้เหลือเพียงฝ่าบาท องค์ชายทั้งสอง เสนาบดีเป่า ไป๋ซินเหยาและหลิวอ๋องที่อยู่ในกระโจม“ไป๋ซินเหยา เรื่องนี้ต้องขอโทษเจ้าที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม”“ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกังวลเพคะ เพียงเรื่องคลี่คลายได้หม่อมฉันก็ไม่ติดใจเอาความแล้วเพคะ”“ฝ่าบาท บุตรีกระหม่อมอายุยังน้อย ที่ทำไปก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบ หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ลงโทษนางมากเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“หึ เสนาบดีเป่า ท่านบอกว่านางอายุน้อย ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่ที่นางจะเอาชีวิตคือฮ
“เป่าหยุนเซียน แล้วที่เจ้าโวยวายว่าฮองเฮาถูกวางยาพิษและกล่าวโทษผู้อื่นนี่มันอย่างไรกัน ข้าต้องการคำอธิบาย”ฝ่าบาทหันมาถามเอาความกับหยุนเซียนที่นั่งคุกเข่าสั่นอยู่กับพื้น“ฝ่าบาท คิดว่านางคงตกใจเพราะนางนั่งอยู่กับฮองเฮาและคงตกใจเมื่อเห็นว่าฮองเฮาล้มลง จึงคิดว่านางถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ”เป่าอี้หยวนเป็นผู้แก้ต่างให้บุตรสาวเพื่อให้นางได้พ้นข้อกล่าวหาโง่ๆ นี้ หากไม่ใช่นางที่โวยวายทำแตกตื่น เรื่องนี้คงมิได้ลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้“งั้นหรือ แล้วเหตุใดนางถึงได้กล่าวโทษไป๋ซินเหยากับองค์หญิงทันทีที่คิดว่าฮองเฮาโดนยาพิษเล่าท่านเสนาบดี”“เรื่องนี้ข้าคิดว่าข้าอธิบายได้เพคะ”เซว่านชิงเดินก้าวออกมาเผชิญหน้ากับเป่าหยุนเซียนที่นั่งส่ายหน้าร้องขอความเห็นใจจากเซว่านชิงอยู่ แต่ตอนนี้นางเห็นธาตุแท้ของเป่าหยุนเซียนแล้ว เมื่อหลอกใช้นางแล้วยังจะโยนความผิดให้นางและเสด็จอาที่เป็นพระสนมรับเคราะห์ไปด้วยเพื่อให้ตนเองได้พ้นผิด“องค์หญิง เจ้าหมายความว่าเช่นไร”“ทูลฝ่าบาท ก่อนหน้านั้นเป็นท่านหญิงผู้นี้ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับหม่อมฉันและพระสนมเพื่อยุให้หม่อมฉันทำร้ายแม่นางไป๋เพคะ รวมถึงเหตุการณ์วันนี้...”“องค์หญิง ท่