อันอันหันมาอ้าปากค้าง อินจิ๋นเองก็อ้าปากค้างเช่นกันเมื่อเห็นว่าใบหน้างดงามของอันอันที่เขาเคยมองข้าม อีกทั้งริมฝีปากที่เคยเป็นเพียงสีชมพูซีดจางบัดนี้กลับเป็นสีชมพูเข้ม อินจิ๋นเผลอขบเม้มริมฝีปากอย่างลืมตัว เรือนผมยาวสลวยไม่ได้เกล้ามัด ยาวลงมาตัดกับผิวขาวเนียน สายตาคมจ้องมองต่ำลงมายังมือบางที่กุมขมวดผ้าที่อกอิ่ม ยอดประทุมถันดันผ้าผืนน้อยขึ้นมาอวดโฉมสล้างไม่ได้ตกย้อยด้วยอกอิ่มที่หากสัมผัสคงเต็มไม้เต็มมือเต็มปากเต็มคำ ผิวขาวสะอาดตาต่ำลงมาเป็นเรียวขางามที่โผล่พ้นผ้าผืนน้อยที่ปิดไว้เพียงสิ่งสงวน เนื้อเนียนของขาขาวโผล่ออกมาขาวจนอินจิ๋นต้องกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ ชุดขันทีรุ่มร่ามที่เคยคิดว่าขัดตา บัดนี้อินจิ๋นกับรู้สึกว่าผ้าผืนน้อยนั่นขัดตายิ่งกว่า หากมีกระบี่ในมือเขาคงฟันมันขาดยับไปแล้ว สะบัดพับผ้าอาภรณ์ในมือห่มคลุมร่างโป๊ให้อันอันเสียก่อนจะเบือนหน้าหนี อันอันใจหล่นลงไปที่ตาตุ่ม
คงอุจาดตาไม่อยากมองจึงทำเช่นนี้ อินจิ๋นเอามือไพล่หลังหันหลังให้อันอัน
“ข้านำอาภรณ์ชุดใหม่มาให้เจ้า เดิมจะให้นางกำนัลนำมาแต่เห็นว่าเรียกหาพวกนางแล้วต่างเงียบงันคงหลับกันจนสิ้น …อีกอย่างข้านอนไม่หลับ”
ยิ่งมาเห็นอันอันแบบนี้เขายิ่งนอนไม่หลับ
“อาภรณ์ชุดใหม่”
อันอันเลิกคิ้ว จะนอนหลับได้อย่างไรก็คืนนี้ไร้นางในคอยปรนนิบัติให้หลับใหลไปเพราะความอ่อนเพลีย
“ข้าเห็นว่าพรุ่งนี้แขกเมืองจะมาเจ้าก็ไม่แคล้วสวมใส่อาภรณ์ชุดขันทีรุ่มร่าม ข้าขัดนัยน์ตายิ่งนัก”
หันมาเผชิญหน้าอีกครั้ง อันอันพยักหน้ายิ้มบางๆ
“อันอันขอบพระทัยฝ่าบาท”
ดึงอาภรณ์ให้รัดกุม ย่อกายลงแทนที่จะประสานมือเหมือนทุกครั้ง อินจิ๋นถอนหายใจกับท่าทีอ่อนหวานที่เขาเพิ่งจะเคยเห็น
“หากไม่มีอะไรแล้ว ข้ากลับก่อน จะเดินออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์เสียหน่อย”ก้าวเดินสวนเข้ามาในห้อง อันอันอ้าปากค้าง
“ฝ่าบาทประตูอยู่ด้านนั้น”
อินจิ๋นยิ้มโชว์เขี้ยวสวยสองฝั่งซ้ายขวา
“อืม… ข้าคง… ง่วงแล้วต้องไปนอนแล้วเจ้าก็นอนเสียพรุ่งนี้มีงานใหญ่รออยู่”
พูดไปยิ้มไป ก้าวออกจากห้องปิดประตูเบาๆ
อันอันทิ้งตัวลงนอน ไม่วายคิดถึงใบหน้ายิ้มหวานที่มีเขี้ยวสองข้าง อยู่ข้างกายอินจิ๋นมา2ปีนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มของอินจิ๋น นอกนั้นมีแต่สั่งๆๆ และสั่ง
เข้าสดใส นั่งลงบนโต๊ะแป้งเพียงแค่จะผัดหน้ายังคิดดูก่อน ตัดสินใจลุกขึ้นมาอาภรณ์ชุดใหม่ที่อินจิ๋นนำมามอบให้ ถอนหายใจยาวลองสวมดูรึว่าจะไปกันได้กับอันอันไหม อาภรณ์สีขาวพิสุทธิ์ในแบบฮั่นฝู่ รัดหน้าอกเต่งตึงให้กลมมนน่ามองเนินอกถูกดันขึ้นมาด้านบนเอวคอดกิ่ว ที่ถูกรัดด้วยสายรัดเอวเนื้อผ้าบางเบา พลิ้วไหวปักลายดิ้นสีฟ้าที่ชายเสื้อและกระโปรงขับผิวขาวให้ยิ่งขาวเนียนหากจะแต่งแต้มใบหน้าด้วยสีชาดเสียหน่อย อันอันคงงดงามเกินใคร ทว่ากับไม่ยอมแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า ผมยาวสลวยถูกเกล้าไว้เช่นทุกครั้ง ถึงกระนั้นก็งดงามแปลกตากว่าชุดขันที จะติก็ตรงที่ผ้ารัดอกที่รัดจนเนินเนื้อถูกดันให้เชิดสูงเด่นมากเกินไป อันอันดึงเสื้อคลุมสีเดียวกันมาสวมทับเพื่อปกปืดร่องอกและเนินอกเต่งตึงเสีย
ประตูเปิดออกช้าๆ
ร่างสูงในเสื้อคลุมมังกรก้าวเข้ามาข้างใน ตรงเข้ามายืนมองอันอันจากด้านหลัง
อันอันมองจากบานกระจกแล้วหันกลับมาประสานมือตรงหน้า
"อันอันถวายพระพรฝ่าบาท"
สีหน้ายามนี้บ่งบอกว่าไม่ชอบใจนัก เหลือบตามอง อาภรณ์สีขาวกับผิวขาวเรียบเนียน อกอิ่มดันเนื้อผ้าออกมาอวดโฉม แม้จะมีเสื้อคลุม ปิดบังไว้แต่เสื้อคลุมกับบางเบาจนมองเห็นไปถึงไหนถึงไหน แม้จะมองว่างดงาม ทว่ากลับรู้สึกไม่พอใจเมื่ออาภรณ์ชุดนี้ช่างมองแล้วยั่วยวนยิ่ง หากบุรุษอื่นได้เห็นอันอันในอาภรณ์ชุดนี้ เขากลับรู้สึกว่าไม่ชอบใจนัก
"ถอดอาภรณ์นั่นออกเสีย"
อันอันยกมือขึ้นกระชับเสื้อคลุมที่คลุมทับไหล่บางอีกชั้น ดวงตาแสดงความฉงน ไม่เข้าใจในท่าทีขึ้งโกรธของอีกคน
"ข้าบอกให้ถอดอาภรณ์นั่นออกเสีย"
น้ำเสียงอ่อนลงเบือนหน้าหนีจากอกอิ่มที่เขาอยากจะมองมากกว่าเบือนหน้าหนี
"ทำไมกัน ก็อาภรณ์นี่ฝ่าบาทเป็นคนประทานมาให้"
นึกน้อยใจว่า ไม่อยากให้อันอันสวมอาภรณ์งดงามตัวนี้หรือไร อินจิ๋นถอนหายใจยาว
"นั่นล่ะ ข้าไม่อยากให้เจ้าสวมมัน แล้วนี่อาภรณ์ชุดใหม่ที่ข้านำมาด้วยเปลี่ยนไปสวมใส่ตัวนี้แทน”
วางอาภรณ์ลงบนโต๊ะก้าวขาออกจากห้องไปในทันที จะบงการสิ่งใดย่อมได้เสมอก็เขาเป็นฮ่องเต้นี่อันอันจะกล้าขัดบัญชาหรือไร
อันอันหยิบอาภรณ์ตัวใหม่ขึ้นมาสวม อาภรณ์ในแบบจี๋ฝูเผา ผ่าข้างที่มีกระดุมปิดมิดไปถึงลำคอส่วนด้านล่างคลุมยาวมาถึงน่อง
อันอันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก็ดีแล้วแค่นางหน้าพระพักตร์จะงดงามไปทำไมกัน สวมอาภรณ์ในแบบจี๋ฝูเผา ก้าวเดินออกจากห้องไปในทันที
“นายหญิงเจ้าขา ฝ่าบาทเชิญนายหญิงที่ท้องพระโรงทันที”
“ข้าไม่ต้องจัดการเรื่องการต้อนรับหรือไร”
เอ่ยปากถามนางกำนัล
เสี่ยวจื้อทำสีหน้างงงัน“อาภรณ์ชุดไหนกันฝ่าบาท”จึงถามเพื่อความกระจ่าง“ชุดฮั่นฝูสีขาวขลิบฟ้าตัวนั้น” อันอันถอนหายใจ“ฝ่าบาทอาภรณ์นั่น เป็นผ้าเนื้อดีจากทางเหนืออีกอย่างราคาค่อนข้างสูง”“ข้าบอกให้เผาก็เผา”อันอันไม่ได้รู้สึกอะไร หลายอย่างที่อินจิ๋นทำมักไร้เหตุผลเสมอ เสี่ยวจื้อหันประกระซิบกับนางกำนัลก่อนที่นางจะออกจากท้องพระโรงซึ่งไม่ต้องสงสัยว่าไปทำอะไรนางก็คงนำอาภรณ์งดงามยั่วยวนตัวนั้นไปเผาเสียตามบัญชาของคนไร้เหตุผลนามอินจิ๋น“ขบวนราชทูตแคว้นฉี เดินทางมาถึงแล้วววววว”เสียงขันทีพิธีการขานขึ้นดังๆ ขุนนางที่กำลังจับกลุ่มคุยกันกลับเงีบยเสียงหันหน้ามายังทางเดินทอดยาว มุ่งสู่ใจกลางท้องพระโรงที่ด้านบนสุดเป็นบัลลังก์มังกรสูงสง่า“อือหือ อ่าาาา”เสียงแซ่ซ้องเมื่อเห็นว่า ขบวนราชทูตที่เดินเข้ามามีหญิงงามราวเทพีสวรรค์ สวมใส่อาภรณ์สีแดงบ่งบอกถึงความนัยย์บางอย่าง ชุดฮั่นฝูที่สวมใส่ พลิ้วไหวงดงามรับกับใบหน้า ริมฝีปากแต้มด้วยชาดสีแดงเข้ม อวบอิ่มจนน่าจุมพิตยิ่ง อกอวบถูกดันออกมาล้ำหน้ากว่าสิ่งอื่นใด เอวคอดกิ่ว สะโพกกลมมนบั้นท้ายงอนงามจนสะดุดตา อินจิ๋นเหลือบตามององค์หญิงใหญ่แคว้นฉี อันอันยิ้ม แบบนี้ช่า
“เจ้า วันนี้ เข้าถวายตัว”อันอันชี้มือยังร่างบางทว่าหน้าอกหน้าใจบะเริ่มเทิ่มอีกทั้งสะโพกงอนงามเพียงแต่ใบหน้านางไม่ได้งดงามเท่าที่ควร แต่ว่าก็พอที่จะถูไถ ในเมื่อวันนี้อันอันยุ่งกับการมาของคณะราชทูตและเครื่องบรรณาการแม้อินจิ่นจะอนุญาตให้อันอันไปทำเรื่องที่ต้องทำ ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องพิธีการ“นายหญิง ขอบคุณเจ้าค่ะ”สาวน้อยน้ำตาปริ่มขอบตา การแข่งขันเรื่องการถวายตัวเข้มข้นยิ่งนัก บางคนถึงกับตบตีวางยา แต่สุดท้ายก็อยู่ที่อันอันเพียงคนเดียว ว่าวันนี้จะส่งใครเข้าไปในห้องบรรทมของอินจิ๋น“ต่อไปอาจเป็นข้าที่ต้องเรียกเจ้าว่านายหญิงหากฝ่าบาทพึงใจเจ้า ทำให้เต็มที่ตั้งใจปรนนิบัติฝ่าบาท แค่นี้ที่ข้าอยาจะบอกไว้ ความจริงข้าอยากจะส่งพวกเจ้าเข้าไปทุกคน แต่พวกเจ้าต้องเข้าใจ ฝ่าบาทหากวันไหนเหนื่อยล้าหรือราชกิจมากหน่อยก็ไม่รับนางใน วันไหนทรงมีอากาศร้อนก็ไม่รับนางใน วันไหนที่ เมามายมากหน่อยก็ไม่รับนางใน มีเพียงวันที่อากาศหนาวหรือวันที่ดื่มสุราเพียงแค่ปลุกกำหนัด และ…”จะบอกว่าหื่น …ก็กระดากปากวันไหนที่อินจิ๋นพบนางในคนไหนถูกใจเป็นพิเศษจะมากระซิบกับอันอันว่าคืนนี้ ส่งนางในคนนั้นเข้ามาให้เขา วันนั้นเป็นวันที่อันอัน
หันไปถามนางในที่ร้องไห้กระซิกๆ“ฝ่าบาทให้ข้าน้อยกินกล้วยจนอิ่มจนจุก กินกล้วยหมดไปทั้งหวียังไม่พอพระทัย”พูดไปสะอื้นไป“ช่างกล้าฟ้องนาง เจ้ามันไร้สามารถแค่เพียงข้าให้กินกล้วยหอมลูกใหญ่ราดน้ำผึ้งเจ้าก็ยังไม่อาจทำให้ข้าพึงใจได้ แล้วเรื่องอื่นเจ้าจะได้เรื่องหรือไหนเจ้าบอกข้าว่าจัดว่าเด็ด”หันไปทางอันอันที่ส่ายหน้าไปมาด้วยความระอาใจ“อันอันพานางกลับไปก่อน”“ไม่ เจ้าต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ในเมื่อเจ้าเป็นคนจัดหานางมา อีกทั้งยังเป็นคนที่เสี้ยมสอนพวกนางให้ข้าพึงใจ เจ้าจะไม่แสดงให้นางดูหน่อยหรือว่ากินกล้วยหอมอย่างไรให้ข้าพึงใจพวกนาง”อันอันถอนหายใจ“เจ้ากินแบบไหน”หันไปถาม นางในที่ยังสะอื้นแต่ไม่มีน้ำตาแล้ว“ฝ่าบาทให้กินกล้วยข้าน้อยก็กิน กัดกินทั้งลูกจนหมดแต่ฝ่าบาทก็บอกว่ายังไม่พึงใจท่าทางการกินกล้วยราดน้ำผึ้งของข้าน้อย ข้าน้อยจึงกินไปอีกหลายลูกเพื่อเอาใจฝ่าบาท ในที่สุดฝ่าบาทก็ทรงกริ้วเรียกหานายหญิง”อินจิ๋น ลอยหน้าลอยตาทำท่าทีว่าไม่พอใจอย่างที่สุดอันอันเหลือบตามองไหน้ำผึ้งกับกล้วยหอมอีกหวีหนึ่งที่วางไว้ตรงหน้าไปเอามาตอนไหน ห้องบรรทมมีของแบบนี้ด้วยหรือ เหมือนจัดเตรียมไว้เพื่อสิ่งใดกัน“เจ้าดูข้า
อันอันประสานมือ เหลือบตามองริมฝีปากชมพูด้วยสีชาดอย่างดี หน้าอกอิ่มของนางถูกรัดด้วยผ้าคาดอกเพียงครึ่งเดียว ส่งผลให้ เนินถันโผล่ขึ้นมาอวดโฉม น่าขย้ำขยี้ อันอันรู้สึกอิจฉานางยิ่งนักเมื่อก้มมอง สารรูปของตัวเองในชุดขันที สีเข้มกับใบหน้าซีดจาง“องค์หญิง”ชิงซีทรุดกายลง คุกเข่าตรงหน้าอันอันที่ตื่นตกใจอย่างที่สุดรีบพยุงชิงซีให้ลุกขึ้นยืน“องค์หญิง ข้าน้อยต่ำศักดิ์เช่นไรจึงได้เกรงใจเพียงนี้”“ข้ารู้ว่า ท่านหญิงรู้ใจฝ่าบาทกว่าผู้ใด จึงอยากจะขอร้อง”ทรุดกายลงอีกครั้ง“ได้โปรด ทำให้ข้าได้เป็นฮองเฮาของฝ่าบาทด้วยเถิดได้โปรด”อันอัน หลับตาลงช้าๆ“ได้โปรด แล้วท่านหญิงต้องการสิ่งใด ชิงซีคนนี้ยินดีมอบให้”อันอันยิ้มบางๆ“องค์หญิงลุกขึ้นก่อน หากยังคุกเข่าเช่นนี้ใครมาพบเข้าจะคิดว่าข้า ไม่รู้จักสูงต่ำ”“เอาไว้ข้าหาทางช่วยองค์หญิงอย่างสุดกำลัง”ชิงซี ลุกขึ้นมาเขย่าแขนอันอันด้วยความดีใจ“ขอบคุณท่านหญิงยิ่งแล้ว”อินจิ๋น ยืนเอามือไพล่หลังมองจากที่ไม่ไกลนักแม้จะไม่ได้ยินประโยคที่พูดคุยกันแต่ภาษากายที่เห็นเขาเดาออกในทันที“นายหญิง ฝ่าบาทเรียกหาท่าน”เสี่ยวจื้อประสานมือตรงหน้าอันอันชิงซียิ้ม“ท่านหญิง ท่านต้องช่วย
นางในคนเดิมส่ายหน้าไปมา“ฝ่าบาท มิใช่ล้มเลิกเรื่องนี้ไปแล้วหรือ”“ใครบอกเจ้า เจ้าเคยมานอนอยู่ใต้แท่นนอนข้าหรือ จึงรู้ว่าในแต่ละคนแต่ละคืนข้าต้องทำอย่างไร”อันอันถอนหายใจอีกครั้ง“ก็ในเมื่อฝ่าบาทล้มเลิกเรื่องที่ต้องเปลื้องผ้าห่อตัวนางใน แล้วทำไมถึงไม่เลิกล้มเรื่อง เรื่องเรื่องมุดเข้าไปในผ้าห่ม”“อันอันเจ้าเป็นนางหน้าพระพักตร์หรือเป็นไทเฮา”อันอันประสานมือ“อันอันเป็นนางหน้าพระพักตร์”“ดีรู้ก็ดีแล้ว”“เจ้ามุดเข้าไปในผ้าห่มของฝ่าบาท จากปลายพระบาทขึ้นไปด้านบน ก็เท่านั้น”อธิบายกับนางใน“อันนนนอันนน”ส่งเสียงยานคาง“ก็เพียงเรื่องง่ายดายเพียงนี้ ข้าแค่เพียงสาธยายกับนางก็คงไม่ยาก ฝ่าบาทให้นางลองดู”อินจิ๋น ถอนหายใจอันอันดึงมือนางในไปยืนตรงฝ่าพระบาทของอินจิ๋นกดหัวนางในให้ก้มลง ให้มุดจากปลายเท้าขึ้นไปแต่ทว่านางในกับขืนตัวไว้ด้วยความเอียงอาย“นายหญิง”ขืนตัวไว้อันอันถอนหายใจ หนักใจยิ่งนัก“ไม่เห็นจะยาก แค่เพียงมุดเข้าไปแบบนี้ตามธรรมเนียม”ก้มลงมุดหัวเลื้อยตัวขึ้นด้านบนใช้มือเล็กเลื่อนขึ้นสูงไปเรื่อยๆ สัมผัสอ่อนโยนยิ่งนัก อินจิ๋นอมยิ้มหลับตาพลิ้มเมื่ออันอันมุดตัวเข้ามาในผ้าห่ม ชาวาบไปทั้งตัว มีเ
ลานฝึกนางใน “นายหญิงอันอัน”อันอันยิ้ม เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับก็ในเมื่อเรื่องราวที่พูดกับ เสี่ยวจื้อรบกวนจิตใจ“”พวกเจ้ายังไม่รีบคารวะนายหญิง”เหล่านางในต่างย่อกาย“นายหญิง ฝ่าบาทให้ ส่งกล้วยหอมมาที่นี่”อันอันหันมองขันทีที่พากันยกกล้วยหอมหลายหวีมา“กล้วยหอม”มองไปอีกด้านหนึ่งมีไหน้ำผึ้งวางเรียงราย“ใช่แล้วนายหญิง ฝ่าบาทอยากจะให้นายหญิง ช่วยฝึกการกินกล้วยในแบบที่ฝ่าบาทโปรดปรานให้กับนางในฝึกหัดเหล่านี้”ขันทีต่างแจกจ่ายกล้วยคนละลูกให้กับเหล่านางใน อันอันปลิดกล้วย บรรจงแกะเปลือกออกช้าๆ จุ่มกล้วยลงไปในไหน้ำผึ้งร่างสูงของอินจิ๋นเดินก้าวเข้ามาอันอันเลียกล้วยในมือ พลันสายตาเหลือบไปเห็นอินจิ๋นที่ยืนยิ้มด้วยตาสื่อความหมาย อันอันปากล้วยในมือลงพื้นก่อนจะวิ่งออกจากตรงนั้นไปในภายใต้ความตกตะลึงของทุกคน ที่ยังไม่ทันจะได้ทำตามที่อันอันสอน อินจิ๋นถอนหายใจ“ฝ่าบาท ให้ตามนายหญิงหรือไม่”อินจิ๋นห้าม“นายหญิงของพวกเจ้านางคงเหนื่อยเกินไป”ตามอันอันออกไปทันทีศาลาริมน้ำ“ท่านหญิงอันอัน ท่านเป็นอะไร”ชิงซีมองหยาดน้ำตาที่ปริ่มขอบตาของอันอัน“ข้าเพียงแค่ถูกผงเข้าตาหา”ชิงซียิ้มบางๆ“ข้าผ่านมาทางนี้เลยคิดว่าค
"นายหญิงอันอันของเจ้า วันนี้ข้าไม่เห็นนาง"เสี่ยวจื้อก้มหน้า"นำบัญชาข้าบอกกับนางให้พาองค์หญิงใหญ่มาที่นี่เดี๋ยวนี้"เสี่ยวจื้อถอนหายใจ"นายหญิง"อันอันเงยหน้าขึ้นจากกองตำรา"ฝ่าบาทเรียกหานายหญิง"ข้ากำลังจะไป""ฝ่าบาทให้นายหญิงเชิญ...องค์หญิงใหญ่ที่ตำหนัก"อันอันยิ้มบางๆ"ข้าเข้าใจแล้ว ทูลฝ่าบาทว่ารอไม่นานข้าจะนำองค์หญิงใหญ่ไปพบฝ่าบาท"เสี่ยวจื้อยิ้มน้อยๆ"นายหญิง ดีเสียอีกวันนี้ไม่ต้องเหนื่อยไปเลือกนางในด้วยตัวเองฝ่าบาทเลือกที่จะอยู่กับองค์หญิง""ใจจริงเจ้าข้าน่าจะดีใจใช่ไหมจะได้มีเวลายามเย็นมาแช่น้ำอุ่นสบายใจ""อย่างนั้นเสี่ยวจื้อสั่งนางกำนัลให้เตรียมน้ำอุ่นให้ท่าน"อันอันพยักหน้า ยิ้มอ่อนโยน"ท่านหญิง ท่านหาโอกาสให้ข้าแล้วใช่ไหม"ท่าทีดีใจของชิงซีทำเอาอันอันเผลอยิ้ม"มิใช่ข้าหากแต่ฝ่าบาทอยากพบองค์หญิง ข้าน้อยนำนางกำนัลมาถึงนี่อาบน้ำขัดผิวให้องค์หญิงอีกทั้งยังต้องชโลมน้ำปรุงให้ผิวเนื้อหอมหวน"ชิงซียิ้มอายๆ"ทำเช่นข้ากำลังจะต้องถวายตัว"อันอันยิ้มอ่อนโยน"ฝ่าบาทชอบผิวกายหอมหวนอีกทั้งนิยม... มองหญิงที่เพิ่งอาบน้ำขึ้นมาใหม่ๆ ผมยังเปียกชื้นผิวเนื้อนุ่มเนียนด้วยน้ำปรุงยังติดอยู่ เรื่องถวาย
เพียงครู่เดียวรู้สึกปวดศีรษะอย่างมากหรือจะเป็นเพราะกลิ่นดอกไม้หอม และอาการมึนเมาเมื่อผสมกันเข้าจึง ยิ่งทำให้ปวดศรีษะได้เพียงนี้เอนศีรษะลงบนขอบอ่างไม้หลับตานิ่งเผลอหลับไปอันอันสะดุ้งตื่นลืมตาอาการปวดศีรษะยังคงอยู่ลุกขึ้นยืนตั้งใจจะเดินไปสวมอาภรณ์แล้วนอนเสีย ด้านหลังผ้าม่านร่างสูงของอินจิ๋นโผล่เข้ามาพอดีรวบร่างเปลือยไว้ในอ้อมแขน“ฝะฝ่าบาท”อินจิ๋นกระตุกผ้าม่านห่อร่างเปลือยของอันอันอุ้ม พาเดินกลับไปที่แท่นนอน“อย่าส่งเสียง”วางร่างอวบอิ่มลงบนแท่นนอน“ฝ่าบาทตั้งใจทำอะไร”อันอันละล่ำละลัก“ข้า แค่เพียงอยากจะมาอาศัยแท่นนอนของเจ้าก็เท่านั้น”“ฝ่าบาท แล้วองค์หญิงใหญ่เล่าฝ่าบาททำแบบนี้อันอันจะถูกผู้คนครหาว่าเป็นนางหน้าแท่นนอน”ริมฝีปากถูกกดปิดอย่างจัง อันอันเลิกคิ้วสูง เผยอริมฝีปากอย่างลืมตัวกลายเป็นรับรสจูบหอมหวาน“ขะขะข้า ยกแท่นบรรทมให้กับชิงซีไปแล้วนางเมามายจนไร้สติ ซึ่งข้าไม่นิยม ร่วมรักกับหญิงที่เมา”“อันอันก็เมา”รีบพูดเพราะกลัวว่าอินจิ๋นจะอาศัย โอกาสนี้“องค์หญิงใหญ่เมาอาเจียนรดแท่นบรรทมของข้า ข้าเรียกหาเจ้าหรือแม้แต่นางกำนัลหรือเสี่ยวจื้อทุกคนล้วนหนีหายไปหมด ข้าจึงจำต้องมาตามเจ้าแต่…
“ร้ายก็รักรักที่สุด ร้ายเพราะเจ้ารักข้า ทำเพื่อข้าจะไม่รักได้อย่างไรในเมื่อใจข้ามีเพียงเจ้าคนเดียว ถึงเจ้าไม่ทำแบบนี้ข้าก้จะรักเจ้าคนเดียวทำเพื่อเจ้าคนเดียวแต่เมื่อรู้ว่าเจ้าทำเพื่อข้่าเพียงนี้ จะไม่ให้รักได้อย่างไร”โน้มตัวลงกดริมฝีปากกับปากอวบอิ่มเนิ่นนาน อันอันยิ้มสุขสมจะไม่ว่าอย่างไรสำหรับอินจิ๋นก็คือฝ่าบาทของอันอันคนเดียวเช่นกัน ที่ทำไปก็เพื่อสิ่งนี้เพื่อให้ได้ครองใจฝ่าบาทเพียงผู้เดียว “เข้าไปข้างในกันหรือยังข้าอยากได้กลิ่นเซียงเฉ่าอีกครั้ง คราวนี้ ยันเย้นยันเช้าไปเลยดีไหม”อันอันยิ้มหวาน อินจิ๋นอุ้มร่างอวบพาเดินเข้าไปในห้องบรรทม เข้าประตูไปตั้งใจจะลงกลอน “อ๋อ เสี่ยวจื้อบอกอาจารย์ไม่ต้องมาคอยแอบดู แอบฟังข้าหรอกข้าใช้ผ้าหนาบุห้องอีกทั้งยังใช้แผ่นไม่สนบุห้องกันเสียงเล็ดลอด ตามที่อาจารย์สอนมาเรียบร้อยแล้ว”ตะโกนสั่งเสี่ยวจื้อที่ปิดปากหาวตาปรือ อันอันหัวเราะคิกคัก อินจิ๋นอุ้มร่างอวบเดินเข้าไที่แท่นนนอนกลิ่นกำยานที่เป็นกลิ่นเซียงเฉ่าหอมตลบอบอวลไปทมั่ว อันอันถอนหายใจสุดดมกลิ่นแห่งความสุขกลิ่นแห่งความทรงจำแห่งความสุข ต่อไปเมื่อได้กลิ่นนี้ครั้งใดก็จะมีแต่ความสุข อินจิ่น ปลดอาภรณ์ของอ
“ก็ ห้องหออยู่ทางด้านขวา แต่นี่มันห้องทางด้านซ้าย”ชี้มือไปยังอินจิ่นที่พยุงอันอันเดินออกมาหน้าตำหนักจากห้องทางขวาให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่สนามหญ้ารับเครื่องเสวยยามสาย“ค่อยๆเดิน ระวังหน่อยอันอัน ให้ข้าช่วย”เลื่อนแท่นนั่งให้อันอันแล้วพยุงอันอันลงนั่งบนแท่นนั่งอย่างอ่อนโยน“เป็นท่านขุนพลที่ชวนข้ามาทางซ้าย”เสืี่ยวจื้อยังบ่นพึมพัม“เฮ้อ บุญมีแต่กรรมบังมาถึงนี่แต่กลับมาผิดห้องผิดฝั่ง”“อ้าว อาจารย์กับเสี่ยวจื้อสองคนมาเสียพร้อมกันอาอาจาย์ลมอะไรหอบท่านมาถึงนี่”อินจิ๋นเอ่ยทักด้วยใบหน้าอิ่มเอิบ ผิดกับอันอันที่ก้มหน้าด้วยความเขินอาย“ข้ามาเดินสุดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า”จงเจี้ยน รีบแก้ตัว“แต่นี่มันสายแล้ว”เสี่ยวจื้อก้มหน้านิ่ง“ขะข้าแวะมาหาเสี่ยวจื้อ”อินจิ๋นเลิกคิ้วสูง จงเจี้ยนอยบากจะถามเรื่องที่เมื่อคืนที่ผ่านมาใจแทบขาดแต่เกรงใจอันอันยิ่งนัก“เมื่อคืน ฝ่าบาทกับฮองเอาหลหับสบายไหม”อ้อมค้อมก็เป็นอันอันหันสบตาอินจิ่นอายๆ“หลับสบายยิ่งอากาศหนาวนอนสองคนกำลังดี”เสี่ยวจื้อปิดปากหาวบ้าง“ข้ากับท่านขุนพลไม่ได้นอนทั้งคืน”บ่นเบาๆ“เสี่ยวจื้อเจ้าว่าอย่างไรนะ”“ปะปะเปล่าเสี่ยวจื้อมากับข้า”จงเจี้ยนดึงเสื่ยว
ร่างอวบอิ่มที่สวมอาภรณ์ปิดมิดไปถึงคอเสื้อ ผ้าคลุมสีแดงปิดบังใบหน้างดงามริมฝีปากอวบอิ่มแต้มชาดสีแดงสดกัดริมฝีปากเบาๆอย่างใช้ความคิดป่านี้ อินจิ๋นยังำม่ข้ามาทั้งๆที่อันอันนั่งรอตั้งแต่ฟ้ามืด“เสี่ยวจื้อเอามาให้หมด เอาทุกอย่างมารวมกันแล้วก็กินเสียทีเดียวพร้อมกันให้หมด”ฮึกเหิมยิ่งนัก“ฝะฝะฝ่าบาทแต่ ของพวกนี้เป็นยาบำรุงกำหนัดอย่างดีทั้งนั้น เกรงว่าหากกินเข้าไปเพียงนี้ฝ่าบาทจะเอาไม่ลงนะพ่ะย่ะค่ะ เสี่ยวจื้อกลัวว่าจะเกิดปัญหาตามมา” ยื้อสารพัดสารพัน ยาปลุกกำหนัดไว้ในมืออินจิ๋นถอนหายใจ“เสี่ยวจื้อข้าเป็นฮ่องเต้หรือเจ้าเป็นฮ่องเต้”“ฝ่าบาทไม่ได้ พ่ะย่ะค่ะเสี่ยวจื้อหวังที่สุดแล้ว”ล้มลงไปทับยาปลุกกำหนัดไว้ อาศัยร่างกายหนักอึ้งทับไว้“ก็ได้ ข้ากินเท่านี้”วางห่อยาลงบนโต๊ะ เสี่ยวจื้อวิ่งปู๊ดมามาคว้าห่อยา แล้ววิ่งแน่บออกจากห้องไปทิ้ง ห่อยาไว้ให้เพียงหนึ่งห่อ“เสี่ยวจื้อ กลับมานะมานี่เลยนะเสี่ยวจื้อ”“ฝ่าบาท ฮองเฮาทรง ทรง…ทรงให้ข้าน้อยมาทูลว่าหากฝ่าบาทยังไม่ไปที่ตำหนักชิงหนิงกงในตอนนี้ ฮองเอาบอกว่าจะปิดประตูเสียไม่ให้ฝ่าบาทเข้าไป”พูดรัวเร็วก่อนจะก้มหน้าด้วยความกลัวว่าอินจิ่นจะโมโห อินจิ๋นลุกพลวดวิ่ง
“จงเจี้ยน” อินจิ๋นเดินเอามือไพล่หลังเมื่อจงเจี้ยนอยู่เพียงลำพัง“จงเจี้ยนถวายพระพรฝ่าบาท”ประสานมือตรงหน้าด้วยรอยยิ้มใบหน้าอิ่มเอิบ อีกทั้งแววตายังเปล่งประกาย“ข้ามีเรื่องสำคัญ”“ฝ่าบาทหากเป็นเรื่องของฟางหลัน ข้าน้อยพิจารณาแล้วว่าควร ให้นางออกบวชสำนึกผิดบำเพ็ญตนเป็นเวลาสามเดือน ฝ่าบาทเห็นสมควรประการใดหรือคิดว่าโทษที่นางได้รับน้องไปหรือไม่”“แล้วแต่ท่านท่านขุนพล”“ฝ่าบาทวัดที่นางจะเดินทางไปบำเพ็ญเพียรสำนึกตน อยู่ห่างจากวังหลวงเกือบพันลี้ ฝ่าบาทคิดว่าใกล้ไกลเพียงใด”“แล้วแต่ท่านขุนพล”“นายหญิง อันอันขอร้องแทนนางให้นางบำเพ็ญเพียรที่วัด ตำหนักฟ้าไม่ไกลจากวังหลวงแต่ข้าน้อยอยากให้นางสำนึกผิดจนจริงจังเป็นข้าดูแลบุตรีไม่ได้จึงทำให้นายหญิงอันอันต้องพลอย ลำบากไปด้วยฝ่าบาทเห็นว่าควรไม่ควรอย่างไร”“แล้วแต่ท่านขุนพล”“ข้าน้อยเมื่อเสร็จงานสถานปนา ฮองเฮาก็จะเดินทางกลับไปที่ด่านชายแดนตามที่ประสงค์ไว้ในแต่แรก ตั้งใจปกป้องด่านชายแดนแคว้นหานเช่นเดิม”“แล้วแต่ท่านขุนพล”“ฝ่าบาท ฝ่าบาทจะเอาแต่พูดว่า แล้วแต่ข้าไม่ได้ในใจฝ่าบาทคิดเช่นไรจงเจี้ยนจะรู้ได้อย่างไร หรือว่าฝ่าบาทยังโกรธเคืองจงเจี้ยน ที่ผ่านมาไม่พู
จงเจี้ยนเปิดผ้าคลุมหน้าของชิงซี ก่อนจะรวบร่างบางกระโจนขึ้นบนแท่นนอน“ท่านพี่ท่านอย่าใจร้อนยังไม่ทันปลดแกะอาภรณ์”“ไม่จำข้าอยากจะเห็นเจ้าควบม้าเสียเต็มที่แล้ว คิดถึงท่าทีควบม้าของเจ้าครั้งใดข้าน้ำลายไหลทุกที”“ที่ชิงซีควบ เพราะว่าม้าหนุ่มงุ่นง่าน ไม่ได้ดั่งใจชิงซีอยากให้ทุกอย่างเสร็จสมจึงต้องลงทุนลงมือเอง”“นี่เจ้าตำหนิข้าหรือ ดีข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่าม้าแก่เช่นข้าชำนาญศึกไกลใกล้ ไม่ยอมให้ใครดูถูก การศึกหนักหนากว่านี้ยังผ่านมาได้ เรื่องเอาใจภรรยาก็ไม่ให้น้อยหน้าใคร”ดึงเอวบางเข้าหาตัว เปิดกระโปรงขึ้นกระแทกบั้นเอวแรงสุดแรงจนชิงซีแทบจะสำลัก“ท่านขุนพลลลลล อ่าท่านขุนพลท่านขุนพลของข้าช่างองอาจเสียจริงอ่าาาา”เสียงครางระงมลั่นไปทั่วห้องแต่จะบอกไว้ก่อนอย่าหวังว่าใครจะได้ยิน ในเมื่อชิงซี ให้คนผ้าหนามาบุไปทั่วห้องอ้างว่าเพราะอากาศหนาวแล้วยังบุด้านในสุดอีกชั้นด้วยแผ่นไม้แปะทับเพื่อการนี้ ไม่ว่าจะส่งเสียงดังเพียงใด ก็หาเล็ดลอดออกไปด้านนอกได้ไม่ บทรักหฤหรรษ์ท่ามกลางความสุขสมของคนทั้งคู่จึงไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมหรือเขินอายในเมื่อเขินอายกันมามากพอแล้วควรจะตักตวงความสุขกันเสียทีที่หัวใจสองดวงตรงกัน ทุก
“พวกเจ้าไปนำตัวนางจากตำหนักข้ามา ที่นี่”สั่งคนสนิทและองครักษ์เบาๆอินจิ๋นถอนหายใจโล่งอก“อินจิ๋นขอบพระทัยฝ่าบาทที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์สองแคว้น”ชิงไฉ่โบกมือไปมา“ข้าผิดกับฝ่าบาท คนของแคว้นฉีผิดกับฝ่าบาทจึงต้องขออภัย หาใช่ดันทุรังไม่”คนสนิทมาพยุงชิงกวานให้ลุกขึ้นยืนทั้งยังก้มหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลายคล้ายกับดังถูกตบหน้าต่อธารกำนัล ร้ซึ่งคนคอยปกป้อง ชิงไฉ่ฮ่องเต้ที่เคยปกป้องมาตลอดบัดนี้กลับมีเพียงออกตัวก็เท่านั้น“ไท่จือไปเถิด”ส่ายหน้าไปมาก่อนจะทะลึ่งพลวดดึงมีดสั้นที่พกติดตัวมาตลอดออกมาจากแขนเสื้อ พุ่งตัวเข้าหา ชิงไฉ่ที่ก้าวลงมาจากบัลลังก์เพื่อให้เกียรติกับอินจิ๋น มีดในมือ จ่อที่คอหอยของชิงไฉ่ มืออีกข้างล็อกแขนไว้แน่น หลายคนในที่นั้นต่างตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก“ชิงกวาน กล้าทำเรื่องเลวทรามเพียงนี้เชียวรึ ตายไปเป็นผีจะกล้ามองหน้าบรรพบุรุษหรือไร”ชิงไฉ่ตวาดลั่นหาได้สะทกสะท้านไม่ จงเจี้ยนขยับเข้าไปช้าๆ ด้วยสัญชาตญาณของ นักรบยามคับขัน“เสด็จพ่ออย่าบีบคั้นข้า ข้าไม่ได้อยากทำแบบนี้ ข้าเป็นองค์ชายเพียงคนเดียวสิ่งที่ต้องการหรือไม่ก็คือบัลลังก์ เสด็จพ่อทำใจเถิดว่าอย่างไรบัลลังก์นี้ก็จะต้องเ
“แต่ฝ่าบาทจงเจี้ยนกังวลเรื่องความปลอดภัย”“ชิงซีไม่ปล่อยให้มีการเข้าใจผิด ไม่มีใครต้องไปไหนทั้งนั้น เราจะเข้าไปพร้อมกันหากครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นกับฝ่าบาทแคว้นหานข้าคงไม่ให้อภัยตัวเองแล้วยังจะมีหน้าไปพูดกับอันอันว่าอย่างไร”เขต วังหลวงแคว้นฉีที่ยิ่งใหญ่งดงามไม่แพ้แคว้นหาน“หยุดดดด”ทหารยามใช้ทวนในมือกางกั้นไว้ ชิงซีก้าวลงจากเกี้ยวตรงหน้าประตูวังหลวง“ถวายพระพรองค์หญิงใหญ่”“รู้ก็ดีแล้วนี่คือกองกำลังจากแคว้นหานที่อารักขาข้ามาถึงนี่ พวกเจ้ากล้าขวางอันคันตุกะที่ดี เชียวหรือ”ทหารยาม ยกมือขึ้นตรงหน้า“ข้าน้อยผิดไปแล้วเชิญองค์หญิง และแขกเมืองด้านใน”ชิงซี เดินนำคนทั้งหมดเข้าไปยัง วังหลวงแคว้นฉีที่ยอ่งใหญ่ ไม่แพ้แคว้นหานท้องพระโรงบนบัลลังก์สูง ฮ่องเต้แคว้นฉีวัยกลางคนนามชิงไฉ่ในอาภรณ์เสื้อคลุมมังกรเลื้อมลายทอง นั่งสง่าอยู่ด้านบน สนมและนางกำนัลอีกทั้งขันทีรายล้อม“อินจิ๋นฮ่องเต้ ถวายพระพรฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี”ชิงไฉ่เลิกคิ้วสูงมองไปยังอินจิ๋นด้วยความชื่นชม“ฝ่าบาท มาถึงนี่เชียวรึ”“ข้าน้อย ตั้งใจมาทูลเชิญเสด็จด้วยตัวเองในงาน สถาปนาตำแหน่งฮองเฮาของแคว้นหาน อีกทั้งยังได้นำคนอารักขาองค์หญิงใหญ่ม
“จงเจี้ยนอยากแน่ใจว่าฝ่าบาทจะเป็นธุระสู่ขอองค์หญิงให้กับจงเจี้ยน”อินจิ๋นถอนหายใจมาเป็นก้างขวางคอทั้งๆ ที่เขากำลังจะตักตวงความหอมหวานที่ไม่พบเจอมาหลายวัน“ข้ารับปาก”จงเจี้ยนประสานมือวิ่งหายลับกลับไปบอกข่าวดีกับชิงซีขบวนเสด็จของอินจิ๋น มุ่งหน้ายังวังหลวงแคว้นฉีอันอันเปิดม่านออกเพื่อชื่นชม ร้านรวงและความเป็นอยู่ของชาวแคว้นฉี ชิงซีชี้ชวนให้ดูข้างของที่ขายเกลื่อนกลาด บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างทาง รูปร่างสูงโปร่งใบหน้าคมคาย ละม้ายใบหน้าของชิงซี สายตาคมจับจ้องใบหน้าผ่องใสของอันอันไม่วางตา กระตุกยิ้มที่ริมฝีปาก“นางสวรรค์หรือไร เจ้าเห็นไหมนางคงเป็น องค์หญิงหรือพระญาติของฮ่องเต้แคว้นหานเป็นแน่”สายตายังจับจ้องอันอันไม่วางตา“ไหนคนของเราบอกว่าอินจิ๋นก็เดินทางมาด้วย”“ไท่จือ เบื้องหน้านั่นขุนพลจงเจี้ยน ถัดมาเป็นอินจิ๋นฮ่องเต้ที่แม้จะแต่งกายอำพรางทว่าใบหน้าหล่อเหลาอีกทั้งบารมีเปล่งปลั่ง ไม่เหมือนทหารนายกองหรือองครักษ์”“เจ้าแน่ใจหรือ”“ไท่จือข้างๆ อินจิ่นนั่น เป็นองครักษ์เกราะทองที่แม้จะเพียงพาม้าเดินเคียงข้างแต่พร้อมจะอารักขาสุดกำลัง”ชิงกวานยิ้มหยัน“จะฆ่าอินจิ๋นฮ่องเต้ก่อน หรือว่าชิงตัว
อันอันตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ ชิงซีก็มีน้ำตาบนเกี้ยวที่นั่งมาด้วยกัน“ความจริงข้าพยายามจะไม่คิดเป็นอื่นใด แต่อันอันเจ้าเห็นไหม หลายวันมานี้ท่านขุนพลเฉยชากับข้ายิ่งนัก”ยังปาดน้ำตา“อันอัน จะลองถามท่านขุนพลดูด้วยความเป็นท่านขุนพลซื่อๆ เพียงนั้นคงไม่กล้า โป้ปดว่าทำไมถึงกล้าเฉยชากับองค์หญิง”อันอันรับปากมั่นเหมาะชิงซี ยิ้มน้อยๆ“ข้าไม่ได้ห่วงเรื่องอื่นห่วงแต่ ท่านขุนพลใจไม่สู้เรื่องที่จะสู่ขอข้าต่อหน้าเสด็จพ่อ เสด็จพ่อนับว่าเป็นฮ่องเต้ที่ ห้าวหาญดุดันคนหนึ่งทีเดียว”“อันอัน สัญญาว่าจะช่วยพูดเรื่องนี้กับฝ่าบาทเชื่อว่าหากฝ่าบาทรักและปรารถนาดีต่อองค์หญิงฝ่าบาทจะต้องมองเห็นความจริงใจในตัวท่านขุนพล"ชิงซียิ้มเสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาด้วยความเร็ว จงเจี้ยนและเหล่าทหารรอบเกี้ยวของอันอันและชิงซีไว้"หยุดดดดด"อินจิ๋นกระตุกบังเหียนม้า ให้หยุดกระโดดลงมายืนหน้าเกี้ยว"ขุนพล หลงจงเจี้ยนถวายพระพรฝ่าบาท"อันอันเปิดม่านแล้วกระโดดลงจากเกี้ยววิ่งเข้าไปกอดอินจิ๋นด้วยความถวิลหาอย่างที่สุดอินจิ๋นกอดรวบร่างบางแนบกายไม่ปล่อยกดริมฝีปากลงบนหน้าผาก“คิดถึงเจ้ายิ่งนัก”อันอันปาดน้ำตา“ฝ่าบาทมาช้า”“ข้าผิดเองที่มัวแต่ยุ่