"นายหญิงอันอันของเจ้า วันนี้ข้าไม่เห็นนาง"เสี่ยวจื้อก้มหน้า"นำบัญชาข้าบอกกับนางให้พาองค์หญิงใหญ่มาที่นี่เดี๋ยวนี้"เสี่ยวจื้อถอนหายใจ"นายหญิง"อันอันเงยหน้าขึ้นจากกองตำรา"ฝ่าบาทเรียกหานายหญิง"ข้ากำลังจะไป""ฝ่าบาทให้นายหญิงเชิญ...องค์หญิงใหญ่ที่ตำหนัก"อันอันยิ้มบางๆ"ข้าเข้าใจแล้ว ทูลฝ่าบาทว่ารอไม่นานข้าจะนำองค์หญิงใหญ่ไปพบฝ่าบาท"เสี่ยวจื้อยิ้มน้อยๆ"นายหญิง ดีเสียอีกวันนี้ไม่ต้องเหนื่อยไปเลือกนางในด้วยตัวเองฝ่าบาทเลือกที่จะอยู่กับองค์หญิง""ใจจริงเจ้าข้าน่าจะดีใจใช่ไหมจะได้มีเวลายามเย็นมาแช่น้ำอุ่นสบายใจ""อย่างนั้นเสี่ยวจื้อสั่งนางกำนัลให้เตรียมน้ำอุ่นให้ท่าน"อันอันพยักหน้า ยิ้มอ่อนโยน"ท่านหญิง ท่านหาโอกาสให้ข้าแล้วใช่ไหม"ท่าทีดีใจของชิงซีทำเอาอันอันเผลอยิ้ม"มิใช่ข้าหากแต่ฝ่าบาทอยากพบองค์หญิง ข้าน้อยนำนางกำนัลมาถึงนี่อาบน้ำขัดผิวให้องค์หญิงอีกทั้งยังต้องชโลมน้ำปรุงให้ผิวเนื้อหอมหวน"ชิงซียิ้มอายๆ"ทำเช่นข้ากำลังจะต้องถวายตัว"อันอันยิ้มอ่อนโยน"ฝ่าบาทชอบผิวกายหอมหวนอีกทั้งนิยม... มองหญิงที่เพิ่งอาบน้ำขึ้นมาใหม่ๆ ผมยังเปียกชื้นผิวเนื้อนุ่มเนียนด้วยน้ำปรุงยังติดอยู่ เรื่องถวาย
เพียงครู่เดียวรู้สึกปวดศีรษะอย่างมากหรือจะเป็นเพราะกลิ่นดอกไม้หอม และอาการมึนเมาเมื่อผสมกันเข้าจึง ยิ่งทำให้ปวดศรีษะได้เพียงนี้เอนศีรษะลงบนขอบอ่างไม้หลับตานิ่งเผลอหลับไปอันอันสะดุ้งตื่นลืมตาอาการปวดศีรษะยังคงอยู่ลุกขึ้นยืนตั้งใจจะเดินไปสวมอาภรณ์แล้วนอนเสีย ด้านหลังผ้าม่านร่างสูงของอินจิ๋นโผล่เข้ามาพอดีรวบร่างเปลือยไว้ในอ้อมแขน“ฝะฝ่าบาท”อินจิ๋นกระตุกผ้าม่านห่อร่างเปลือยของอันอันอุ้ม พาเดินกลับไปที่แท่นนอน“อย่าส่งเสียง”วางร่างอวบอิ่มลงบนแท่นนอน“ฝ่าบาทตั้งใจทำอะไร”อันอันละล่ำละลัก“ข้า แค่เพียงอยากจะมาอาศัยแท่นนอนของเจ้าก็เท่านั้น”“ฝ่าบาท แล้วองค์หญิงใหญ่เล่าฝ่าบาททำแบบนี้อันอันจะถูกผู้คนครหาว่าเป็นนางหน้าแท่นนอน”ริมฝีปากถูกกดปิดอย่างจัง อันอันเลิกคิ้วสูง เผยอริมฝีปากอย่างลืมตัวกลายเป็นรับรสจูบหอมหวาน“ขะขะข้า ยกแท่นบรรทมให้กับชิงซีไปแล้วนางเมามายจนไร้สติ ซึ่งข้าไม่นิยม ร่วมรักกับหญิงที่เมา”“อันอันก็เมา”รีบพูดเพราะกลัวว่าอินจิ๋นจะอาศัย โอกาสนี้“องค์หญิงใหญ่เมาอาเจียนรดแท่นบรรทมของข้า ข้าเรียกหาเจ้าหรือแม้แต่นางกำนัลหรือเสี่ยวจื้อทุกคนล้วนหนีหายไปหมด ข้าจึงจำต้องมาตามเจ้าแต่…
กลิ่นสุราคละคลุ้ง เมาแต่ไม่ยอมนอน ร่างเปลือยท่อนบนอกกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามใบหน้าหล่อเหลา ผมยาวสลวยเต็มแผ่นหลัง กับกางเกงบางเบามองเห็นไปถึงไหนถึงไหนพวงองุ่นที่ห้อยย้อยเลือนรางภายใต้เปลวไฟสลัว อันอันกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นอินจิ๋นทิ้งตัวลงนอนหงายบนแท่นบรรทม อันอันขึ้นไปนั่งคุกเข่าบนแท่นบรรทมเอื้อมมือบีบนวดเบาๆ“แรงหน่อย”อันอันออกแรงอีกนิด“ขึ้นมาข้างบนหน่อย อืม นั่นแหละนั่นแหละขึ้นมาข้างบนอีก”ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงขาอ่อน“อืม กำลังดี เสี่ยวจื้อเจ้านี่มือเบาเป็นบ้า”อันอันไม่กล้าเอ่ยปาก ยังคงเงียบแต่อินจิ๋นขมวดคิ้ว สูดดมกลิ่นหอมที่ลอยมาปะทะจมูกก่อนจะผุดลุกขึ้น โถมร่างใหญ่เข้าใสอันอัน กดลงบนแท่นนอน อกนุ่มปะทะกับอกเปลือยเปล่า เลิกคิ้วสูงเบิกตากว้าง“เจ้าเข้ามาทำไม”อยู่ๆ ก็ลืมว่าอันอันคืออันอันคือนางหน้าพระพักตร์ หรือเพราะความเมา“อ๋อเข้าใจแล้วคงเป็นนางในที่เข้ามาถวายตัว”มือไวกว่าความคิดปลดแกะกระดุมที่อกเสื้อ อันอันคว้ามืออินจิ๋นไว้“ฝ่าบาท อย่า”ตกใจแทบสิ้นสติ“หือ อย่าช้าหรือไร”เสียงแหบแห้งหายไปในลำคอเมื่อพบหญิงถูกใจ กดจมูกลงบนอกนุ่ม ทั้งๆ ที่ยังมีอาภรณ์ห่อหุ้มอยู่“นุ่มจริง ไหนขอดู
อันอันลืมตาตื่นจากที่นอน ข้างกายว่างเปล่าทั้งๆ ที่เมื่อคืนรู้สึกถึงอ้อมกอดอบอุ่นทั้งคืนอ้อมกอดที่ไม่ยอมห่าง ถอนหายใจคงกลัวว่าใครจะมาพบเข้าแล้วนำไปครหา ก็อันอันแค่เพียงนางหน้าพระพักตร์จะมานอนร่วมแท่นนอนให้คน ครหาทำไมกันยิ้มหยันให้กับตัวเอง อินจิ๋นจะรู้สึกอะไรแค่เพียงหาที่หลับนอนหลบกลิ่นอาเจียนขององค์หญิงใหญ่ก็เท่านั้น“ใต้เท้าจิ้งอันอัน”ร่างสูงของขุนพลจงเจี้ยนประสานมือตรงหน้า อันอันเงยหน้าจากตำราในมือ ข้างกายมีสาวน้อยหน้าแฉล้มท่าทีแช่มช้อยดวงตาซุกซน“ข้าน้อยคุณพลจงเจี้ยนและนี่บุตรีข้าน้อยฟางหลัน”ลอบมองใบหน้าของอันอันอย่างจงใจ สายตาพึงใจอย่างที่สุด"ฟางหลันคารวะนายหญิง"ยิ้มทั้งมใบหน้าและดวงตา"ท่านขุนพลมาถึงนี้เกรงใจยิ่งแล้ว""เราพ่อลูกตั้งใจมาคารวะใต้เท้าจิ้ง"อันอันเผลอยิ้มจงเจี้ยนกลับเขินอายรอยยิ้มของอันอันเหมือนดังว่าอันๆ ตั้งใจยิ้มให้เขาเปล่าเลยอันอันแค่เพียงเผลอยิ้ม"ไม่ต้องเกรงใจเพียงนี้หากข้าต้องแบกรับความเกรงใจของพวกท่านเสียทั้งหมดเมื่อใครจะส่งบุตรีเข้าคัดตัวนางใน ป่านนี้อันอันคงต้องตอนรับผู้คนที่มาคารวะไม่เว้นแต่ละวัน""สำคัญยิ่งแล้วบุตรีข้าดวงไม่ดีเข้ามาพร้อมกับเครื่องบรร
เสี่ยวจื้อยิ้มอย่างรู้ทันวิ่งหายลับไปทันที บัวหลวงสีชมพูออกดอกชูช่อหนาทึบทั้งใบทั้งดอกอินจิ๋นก้าวลงไปในลำเรือดึงมืออันอันตั้งใจให้อกนุ่มชนเข้ากับอกกว้างของเขานิดหนึ่งหน่อยนึงก็ชื่นหัวใจ คนมันปักใจอดกลั้นได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว อันอันล้มลงไปบนอกกว้างอินจิ๋นยิ้มกรุ้มกริ่มสัมผัสได้ถึงเนินเนื้อนุ่มยุ่น"อือ ดีจริง"นอนหงายบนลำเรือร่างอวบอั๋นของอันอันทับอยู่ด้านบนมือสองข้างกดเอวให้แนบชิดไม่ให้ขยับกาย"ฝ่าบาท"ดิ้นรนขยับกายยิ่งขยับกายร่างอวบอั๋นยิ่งถูไถที่จุดยุทธศาสตร์"ดิ้นๆ แบบนี้ ข้ายิ่งคิดเตลิดไปไกล""ปล่อยอันอันเสีย อันอันเป็นนางหน้าพระพักตร์"ส่งเสียงเข้ม อินจิ๋นถอนหายใจ"เมื่อไหร่จะเลิกกำหนดกฎเกณฑ์เสียที"กอดรัดแน่นขึ้นกว่าเดิมอันอันยิ่งดิ้นยิ่งรัดแน่น ผงกศีรษะจุมพิตที่ปากอวบอิ่ม อันอันยังดิ้นรนลำเรือโยกคลอนแต่อินจิ๋นกับพลิกร่างอวบอิ่มลงใต้ร่างเขาบดเบียดริมฝีปากอย่างไม่อาจห้ามใจเรือน้อยไหลเรื่อยหลบเข้าไปใต้ใบบัวหนาจนมองไม่เห็นด้วยแรงขยับกายของคนสองคนบนลำเรือจูบรุกเร้ากลายเป็นอ่อนหวานนุ่มนวล ขมเม้มริมฝีปากลิ้นอุ่นซอกซอน อันอันพยายามหลบหลีกลิ้นอุ่นที่ตวัดรัดลิ้นเล็กด้วยความกระสันกลายเป็นเร่
“หุบปากเจ้าเสียคุณหนูฟางหลัน หากยังเรียกข้าว่านายหญิงไม่เช่นนั้นค่ำนี้ ข้าจะส่งนางในคนอื่นเข้าไปปรนนิบัติฝ่าบาทแทนเจ้า แค่เหตุผลเล็กน้อยที่ข้าจะแก้ตัวกับฝ่าบาท เกรงว่าฝ่าบาทคงจะเชื่อข้าได้ไม่ยาก”เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับอันอันยิ่งกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย ฟางหลันเหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังข้ามสะพานไม้ได้เพียงครึ่งไม่ควรจะขย่มสะพานไม้เกรงว่าสะพานจะหักเสียก่อนจึงนิ่งเงียบเสีย“ไปรอที่พำนักของคุณหนูเสีย ข้าจะส่งนางกำนัลไปขัดผิว พรมน้ำอบให้คุณหนูในอีกสองชั่วยามก่อนจะมืด”ก้าวเดินจากไป ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เจ้ากำลังเปิดศึกกับนายหญิงอันอัน“เจ้านำอาภรณ์เหล่านี้ไปให้คุณหนูฟางหลันเลือก”ส่งอาภรณ์ให้กับนางกำนัลนางกำนัลขมวดคิ้ว“ไปได้แล้ว”ไล่ส่ง“เดี๋ยว น้ำอบของคุณหนูฟางหลันเอาเป็นกลิ่นดอกมู่หลาน”นางกำนัลย่อกายจากไปฟางหลัน ยืนรอท่าในอาภรณ์สีเหลืองอ่อน อันอันยังสวมอาภรณ์ขันทีเช่นเดิม“วันนี้ให้เสี่ยวจื้อนำเจ้าไป ข้า… รู้สึกไม่ค่อยสบาย”ฟางหลันยิ้ม นางไม่ไปยิ่งดีเกลียดสายตาที่ฝ่าบาทมองนาง เหมือนมีบางอย่างในนั้น ทั้งเกรงใจและเว้าวอนเสี่ยวจื้อก้าวเดินนำฟางหลันเข้าไปข้างในตำหนักอันอันหันหลั
”นายหญิง ฝ่าบาทมีบัญชาปลดนายหญิงออกจากตำแหน่งนางหน้าพระพักตร์”เสี่ยวจื้อประสานมือสีหน้าเศร้าสร้อย“ดีแล้ว”พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย“นายหญิงฝ่าบาทอนุญาตให้ท่านยังอยู่ในวังหลวงต่อไปได้”“ข้าเพิ่ง20ความจริงออกไปนอกวังหลวงเสียก้คงจะหาใครสักคนแต่งงานได้ด้วยไม่ยาก เงินเก็บก็พอจะมีเหลือทำการค้าขายหรือโรงเตี๊ยมเล็กๆ ก็คงพอเลี้ยงตัวได้”“แต่นายหญิง ฝ่าบาทไม่ให้ท่านไปฝ่าบาทใจดีให้ท่านอยู่ที่นี่”“ข้าไม่ได้เป็นนางหน้าพระพักตร์แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่”เสี่ยวจื้อ ขอบใจเจ้ายิ่งนัก สองปีที่รู้จักกันมาเจ้าดีกับข้ายิ่งกว่าญาติเสียอีก”เสี่ยวจื้อปาดน้ำตา“นายหญิงท่านกับฝ่าบาทมีปัญหาใดกัน เสี่ยวจื้อหาสนใจไม่ แต่เมื่อท่านกำลังจะจากไป เสี่ยวจื้อขอร้องท่านอย่าจากเราไปเลย”ทรุดกายลงกับพื้นคุกเข่าตรงหน้าอันอัน“ข้าเข้ามาในวังหลวงไม่อยากจะเป็นนางในเพียงเพื่อได้ทำงานมีรายได้จุนเจือครอบครัวให้ได้กินอิ่มๆ จึงพยายามที่จะไม่ต้องเป็นนางใน และจะไม่ดีใจหากต้องเป็นสนม แต่ที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าความพยายามของข้าล้มเหลว ข้าไม่อาจเอาชนะใจตัวเอง แล้วยังเผลอตัวเผลอใจ เสี่ยวจื้อข้าไปเสียจึงดีต่อทั้งฝ่าบาทและตัวข้า
“ฝ่าบาทไม่ได้ล่อหลอกอันอันให้ยอมถวายตัวใช่ไหมฝ่าบาทไม่ได้ทำเหมือนเช่นที่เคยทำกับพวกนางในใช่ไหม”“เพียงคืนนั้นที่เจ้าเข้ามาสนห้องแทนเสี่ยวจื้อในครั้งแรกสิ่งเดียวที่ข้าตั้งใจจะทำคือ ทำอย่างไรจะได้ใจเจ้าและให้เจ้ามีใจให้ข้า”“แต่ฝ่าบาทใจร้ายฝ่าบาท ยังให้อันอันจัดหานางใน”“สองปีอันอันข้าให้โอกาสเจ้าถึงสองปีแต่เจ้ากับใช้คำว่านางหน้าพระพักตร์กีดกันข้าออกห่างจากเจ้า ทั้งๆ ที่ในใจข้ากลับมีเจ้าเข้าไปอยู่ในนั้นมากขึ้นมาในทุกวัน”“ฝ่าบาทเรียกหาพวกนางในทุกค่ำคืน”“ข้า ทำทุกอย่างที่จะไม่ต้องให้พวกนางถวายตัว คนเดียวที่ข้าอยากให้นอนร่วมแท่นนอนคือเจ้าอันๆ แต่เจ้ากับไม่เคยรู้ให้กินกล้วยก็แล้วให้มุดผ้าห่มตามธรรมเนียมปฏิบัติก็แล้ว เจ้ายังตีความเป็นอื่นจะว่าไปอันอันมองข้าผิดมาตลอด”“ฝ่าบาทอยู่กับพวกนางสองต่อสองอันอันไม่เชื่อว่าฝ่าบาทไม่ได้ทำอะไรพวกนาง”“เจ้าเคยมุดอยู่ใต้แท่นนอนข้าหรือจึงรู้ดีเพียงนี้ หรือว่าอันอันของข้าลูกไม้แพรวพราวหาเรื่องสอดแนมเรื่องบนแท่นนอนของข้าเพราะกลัวว่าข้าจะมีใจให้นางในเหล่านั้น”อันอันอมยิ้ม น้ำตาแห้งเหือดหายไป“อันอันไม่อยากเป็นนางในของฝ่าบาทเป็นสิ่งที่คิดไว้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาใ
“ร้ายก็รักรักที่สุด ร้ายเพราะเจ้ารักข้า ทำเพื่อข้าจะไม่รักได้อย่างไรในเมื่อใจข้ามีเพียงเจ้าคนเดียว ถึงเจ้าไม่ทำแบบนี้ข้าก้จะรักเจ้าคนเดียวทำเพื่อเจ้าคนเดียวแต่เมื่อรู้ว่าเจ้าทำเพื่อข้่าเพียงนี้ จะไม่ให้รักได้อย่างไร”โน้มตัวลงกดริมฝีปากกับปากอวบอิ่มเนิ่นนาน อันอันยิ้มสุขสมจะไม่ว่าอย่างไรสำหรับอินจิ๋นก็คือฝ่าบาทของอันอันคนเดียวเช่นกัน ที่ทำไปก็เพื่อสิ่งนี้เพื่อให้ได้ครองใจฝ่าบาทเพียงผู้เดียว “เข้าไปข้างในกันหรือยังข้าอยากได้กลิ่นเซียงเฉ่าอีกครั้ง คราวนี้ ยันเย้นยันเช้าไปเลยดีไหม”อันอันยิ้มหวาน อินจิ๋นอุ้มร่างอวบพาเดินเข้าไปในห้องบรรทม เข้าประตูไปตั้งใจจะลงกลอน “อ๋อ เสี่ยวจื้อบอกอาจารย์ไม่ต้องมาคอยแอบดู แอบฟังข้าหรอกข้าใช้ผ้าหนาบุห้องอีกทั้งยังใช้แผ่นไม่สนบุห้องกันเสียงเล็ดลอด ตามที่อาจารย์สอนมาเรียบร้อยแล้ว”ตะโกนสั่งเสี่ยวจื้อที่ปิดปากหาวตาปรือ อันอันหัวเราะคิกคัก อินจิ๋นอุ้มร่างอวบเดินเข้าไที่แท่นนนอนกลิ่นกำยานที่เป็นกลิ่นเซียงเฉ่าหอมตลบอบอวลไปทมั่ว อันอันถอนหายใจสุดดมกลิ่นแห่งความสุขกลิ่นแห่งความทรงจำแห่งความสุข ต่อไปเมื่อได้กลิ่นนี้ครั้งใดก็จะมีแต่ความสุข อินจิ่น ปลดอาภรณ์ของอ
“ก็ ห้องหออยู่ทางด้านขวา แต่นี่มันห้องทางด้านซ้าย”ชี้มือไปยังอินจิ่นที่พยุงอันอันเดินออกมาหน้าตำหนักจากห้องทางขวาให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่สนามหญ้ารับเครื่องเสวยยามสาย“ค่อยๆเดิน ระวังหน่อยอันอัน ให้ข้าช่วย”เลื่อนแท่นนั่งให้อันอันแล้วพยุงอันอันลงนั่งบนแท่นนั่งอย่างอ่อนโยน“เป็นท่านขุนพลที่ชวนข้ามาทางซ้าย”เสืี่ยวจื้อยังบ่นพึมพัม“เฮ้อ บุญมีแต่กรรมบังมาถึงนี่แต่กลับมาผิดห้องผิดฝั่ง”“อ้าว อาจารย์กับเสี่ยวจื้อสองคนมาเสียพร้อมกันอาอาจาย์ลมอะไรหอบท่านมาถึงนี่”อินจิ๋นเอ่ยทักด้วยใบหน้าอิ่มเอิบ ผิดกับอันอันที่ก้มหน้าด้วยความเขินอาย“ข้ามาเดินสุดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า”จงเจี้ยน รีบแก้ตัว“แต่นี่มันสายแล้ว”เสี่ยวจื้อก้มหน้านิ่ง“ขะข้าแวะมาหาเสี่ยวจื้อ”อินจิ๋นเลิกคิ้วสูง จงเจี้ยนอยบากจะถามเรื่องที่เมื่อคืนที่ผ่านมาใจแทบขาดแต่เกรงใจอันอันยิ่งนัก“เมื่อคืน ฝ่าบาทกับฮองเอาหลหับสบายไหม”อ้อมค้อมก็เป็นอันอันหันสบตาอินจิ่นอายๆ“หลับสบายยิ่งอากาศหนาวนอนสองคนกำลังดี”เสี่ยวจื้อปิดปากหาวบ้าง“ข้ากับท่านขุนพลไม่ได้นอนทั้งคืน”บ่นเบาๆ“เสี่ยวจื้อเจ้าว่าอย่างไรนะ”“ปะปะเปล่าเสี่ยวจื้อมากับข้า”จงเจี้ยนดึงเสื่ยว
ร่างอวบอิ่มที่สวมอาภรณ์ปิดมิดไปถึงคอเสื้อ ผ้าคลุมสีแดงปิดบังใบหน้างดงามริมฝีปากอวบอิ่มแต้มชาดสีแดงสดกัดริมฝีปากเบาๆอย่างใช้ความคิดป่านี้ อินจิ๋นยังำม่ข้ามาทั้งๆที่อันอันนั่งรอตั้งแต่ฟ้ามืด“เสี่ยวจื้อเอามาให้หมด เอาทุกอย่างมารวมกันแล้วก็กินเสียทีเดียวพร้อมกันให้หมด”ฮึกเหิมยิ่งนัก“ฝะฝะฝ่าบาทแต่ ของพวกนี้เป็นยาบำรุงกำหนัดอย่างดีทั้งนั้น เกรงว่าหากกินเข้าไปเพียงนี้ฝ่าบาทจะเอาไม่ลงนะพ่ะย่ะค่ะ เสี่ยวจื้อกลัวว่าจะเกิดปัญหาตามมา” ยื้อสารพัดสารพัน ยาปลุกกำหนัดไว้ในมืออินจิ๋นถอนหายใจ“เสี่ยวจื้อข้าเป็นฮ่องเต้หรือเจ้าเป็นฮ่องเต้”“ฝ่าบาทไม่ได้ พ่ะย่ะค่ะเสี่ยวจื้อหวังที่สุดแล้ว”ล้มลงไปทับยาปลุกกำหนัดไว้ อาศัยร่างกายหนักอึ้งทับไว้“ก็ได้ ข้ากินเท่านี้”วางห่อยาลงบนโต๊ะ เสี่ยวจื้อวิ่งปู๊ดมามาคว้าห่อยา แล้ววิ่งแน่บออกจากห้องไปทิ้ง ห่อยาไว้ให้เพียงหนึ่งห่อ“เสี่ยวจื้อ กลับมานะมานี่เลยนะเสี่ยวจื้อ”“ฝ่าบาท ฮองเฮาทรง ทรง…ทรงให้ข้าน้อยมาทูลว่าหากฝ่าบาทยังไม่ไปที่ตำหนักชิงหนิงกงในตอนนี้ ฮองเอาบอกว่าจะปิดประตูเสียไม่ให้ฝ่าบาทเข้าไป”พูดรัวเร็วก่อนจะก้มหน้าด้วยความกลัวว่าอินจิ่นจะโมโห อินจิ๋นลุกพลวดวิ่ง
“จงเจี้ยน” อินจิ๋นเดินเอามือไพล่หลังเมื่อจงเจี้ยนอยู่เพียงลำพัง“จงเจี้ยนถวายพระพรฝ่าบาท”ประสานมือตรงหน้าด้วยรอยยิ้มใบหน้าอิ่มเอิบ อีกทั้งแววตายังเปล่งประกาย“ข้ามีเรื่องสำคัญ”“ฝ่าบาทหากเป็นเรื่องของฟางหลัน ข้าน้อยพิจารณาแล้วว่าควร ให้นางออกบวชสำนึกผิดบำเพ็ญตนเป็นเวลาสามเดือน ฝ่าบาทเห็นสมควรประการใดหรือคิดว่าโทษที่นางได้รับน้องไปหรือไม่”“แล้วแต่ท่านท่านขุนพล”“ฝ่าบาทวัดที่นางจะเดินทางไปบำเพ็ญเพียรสำนึกตน อยู่ห่างจากวังหลวงเกือบพันลี้ ฝ่าบาทคิดว่าใกล้ไกลเพียงใด”“แล้วแต่ท่านขุนพล”“นายหญิง อันอันขอร้องแทนนางให้นางบำเพ็ญเพียรที่วัด ตำหนักฟ้าไม่ไกลจากวังหลวงแต่ข้าน้อยอยากให้นางสำนึกผิดจนจริงจังเป็นข้าดูแลบุตรีไม่ได้จึงทำให้นายหญิงอันอันต้องพลอย ลำบากไปด้วยฝ่าบาทเห็นว่าควรไม่ควรอย่างไร”“แล้วแต่ท่านขุนพล”“ข้าน้อยเมื่อเสร็จงานสถานปนา ฮองเฮาก็จะเดินทางกลับไปที่ด่านชายแดนตามที่ประสงค์ไว้ในแต่แรก ตั้งใจปกป้องด่านชายแดนแคว้นหานเช่นเดิม”“แล้วแต่ท่านขุนพล”“ฝ่าบาท ฝ่าบาทจะเอาแต่พูดว่า แล้วแต่ข้าไม่ได้ในใจฝ่าบาทคิดเช่นไรจงเจี้ยนจะรู้ได้อย่างไร หรือว่าฝ่าบาทยังโกรธเคืองจงเจี้ยน ที่ผ่านมาไม่พู
จงเจี้ยนเปิดผ้าคลุมหน้าของชิงซี ก่อนจะรวบร่างบางกระโจนขึ้นบนแท่นนอน“ท่านพี่ท่านอย่าใจร้อนยังไม่ทันปลดแกะอาภรณ์”“ไม่จำข้าอยากจะเห็นเจ้าควบม้าเสียเต็มที่แล้ว คิดถึงท่าทีควบม้าของเจ้าครั้งใดข้าน้ำลายไหลทุกที”“ที่ชิงซีควบ เพราะว่าม้าหนุ่มงุ่นง่าน ไม่ได้ดั่งใจชิงซีอยากให้ทุกอย่างเสร็จสมจึงต้องลงทุนลงมือเอง”“นี่เจ้าตำหนิข้าหรือ ดีข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่าม้าแก่เช่นข้าชำนาญศึกไกลใกล้ ไม่ยอมให้ใครดูถูก การศึกหนักหนากว่านี้ยังผ่านมาได้ เรื่องเอาใจภรรยาก็ไม่ให้น้อยหน้าใคร”ดึงเอวบางเข้าหาตัว เปิดกระโปรงขึ้นกระแทกบั้นเอวแรงสุดแรงจนชิงซีแทบจะสำลัก“ท่านขุนพลลลลล อ่าท่านขุนพลท่านขุนพลของข้าช่างองอาจเสียจริงอ่าาาา”เสียงครางระงมลั่นไปทั่วห้องแต่จะบอกไว้ก่อนอย่าหวังว่าใครจะได้ยิน ในเมื่อชิงซี ให้คนผ้าหนามาบุไปทั่วห้องอ้างว่าเพราะอากาศหนาวแล้วยังบุด้านในสุดอีกชั้นด้วยแผ่นไม้แปะทับเพื่อการนี้ ไม่ว่าจะส่งเสียงดังเพียงใด ก็หาเล็ดลอดออกไปด้านนอกได้ไม่ บทรักหฤหรรษ์ท่ามกลางความสุขสมของคนทั้งคู่จึงไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมหรือเขินอายในเมื่อเขินอายกันมามากพอแล้วควรจะตักตวงความสุขกันเสียทีที่หัวใจสองดวงตรงกัน ทุก
“พวกเจ้าไปนำตัวนางจากตำหนักข้ามา ที่นี่”สั่งคนสนิทและองครักษ์เบาๆอินจิ๋นถอนหายใจโล่งอก“อินจิ๋นขอบพระทัยฝ่าบาทที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์สองแคว้น”ชิงไฉ่โบกมือไปมา“ข้าผิดกับฝ่าบาท คนของแคว้นฉีผิดกับฝ่าบาทจึงต้องขออภัย หาใช่ดันทุรังไม่”คนสนิทมาพยุงชิงกวานให้ลุกขึ้นยืนทั้งยังก้มหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลายคล้ายกับดังถูกตบหน้าต่อธารกำนัล ร้ซึ่งคนคอยปกป้อง ชิงไฉ่ฮ่องเต้ที่เคยปกป้องมาตลอดบัดนี้กลับมีเพียงออกตัวก็เท่านั้น“ไท่จือไปเถิด”ส่ายหน้าไปมาก่อนจะทะลึ่งพลวดดึงมีดสั้นที่พกติดตัวมาตลอดออกมาจากแขนเสื้อ พุ่งตัวเข้าหา ชิงไฉ่ที่ก้าวลงมาจากบัลลังก์เพื่อให้เกียรติกับอินจิ๋น มีดในมือ จ่อที่คอหอยของชิงไฉ่ มืออีกข้างล็อกแขนไว้แน่น หลายคนในที่นั้นต่างตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก“ชิงกวาน กล้าทำเรื่องเลวทรามเพียงนี้เชียวรึ ตายไปเป็นผีจะกล้ามองหน้าบรรพบุรุษหรือไร”ชิงไฉ่ตวาดลั่นหาได้สะทกสะท้านไม่ จงเจี้ยนขยับเข้าไปช้าๆ ด้วยสัญชาตญาณของ นักรบยามคับขัน“เสด็จพ่ออย่าบีบคั้นข้า ข้าไม่ได้อยากทำแบบนี้ ข้าเป็นองค์ชายเพียงคนเดียวสิ่งที่ต้องการหรือไม่ก็คือบัลลังก์ เสด็จพ่อทำใจเถิดว่าอย่างไรบัลลังก์นี้ก็จะต้องเ
“แต่ฝ่าบาทจงเจี้ยนกังวลเรื่องความปลอดภัย”“ชิงซีไม่ปล่อยให้มีการเข้าใจผิด ไม่มีใครต้องไปไหนทั้งนั้น เราจะเข้าไปพร้อมกันหากครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นกับฝ่าบาทแคว้นหานข้าคงไม่ให้อภัยตัวเองแล้วยังจะมีหน้าไปพูดกับอันอันว่าอย่างไร”เขต วังหลวงแคว้นฉีที่ยิ่งใหญ่งดงามไม่แพ้แคว้นหาน“หยุดดดด”ทหารยามใช้ทวนในมือกางกั้นไว้ ชิงซีก้าวลงจากเกี้ยวตรงหน้าประตูวังหลวง“ถวายพระพรองค์หญิงใหญ่”“รู้ก็ดีแล้วนี่คือกองกำลังจากแคว้นหานที่อารักขาข้ามาถึงนี่ พวกเจ้ากล้าขวางอันคันตุกะที่ดี เชียวหรือ”ทหารยาม ยกมือขึ้นตรงหน้า“ข้าน้อยผิดไปแล้วเชิญองค์หญิง และแขกเมืองด้านใน”ชิงซี เดินนำคนทั้งหมดเข้าไปยัง วังหลวงแคว้นฉีที่ยอ่งใหญ่ ไม่แพ้แคว้นหานท้องพระโรงบนบัลลังก์สูง ฮ่องเต้แคว้นฉีวัยกลางคนนามชิงไฉ่ในอาภรณ์เสื้อคลุมมังกรเลื้อมลายทอง นั่งสง่าอยู่ด้านบน สนมและนางกำนัลอีกทั้งขันทีรายล้อม“อินจิ๋นฮ่องเต้ ถวายพระพรฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี”ชิงไฉ่เลิกคิ้วสูงมองไปยังอินจิ๋นด้วยความชื่นชม“ฝ่าบาท มาถึงนี่เชียวรึ”“ข้าน้อย ตั้งใจมาทูลเชิญเสด็จด้วยตัวเองในงาน สถาปนาตำแหน่งฮองเฮาของแคว้นหาน อีกทั้งยังได้นำคนอารักขาองค์หญิงใหญ่ม
“จงเจี้ยนอยากแน่ใจว่าฝ่าบาทจะเป็นธุระสู่ขอองค์หญิงให้กับจงเจี้ยน”อินจิ๋นถอนหายใจมาเป็นก้างขวางคอทั้งๆ ที่เขากำลังจะตักตวงความหอมหวานที่ไม่พบเจอมาหลายวัน“ข้ารับปาก”จงเจี้ยนประสานมือวิ่งหายลับกลับไปบอกข่าวดีกับชิงซีขบวนเสด็จของอินจิ๋น มุ่งหน้ายังวังหลวงแคว้นฉีอันอันเปิดม่านออกเพื่อชื่นชม ร้านรวงและความเป็นอยู่ของชาวแคว้นฉี ชิงซีชี้ชวนให้ดูข้างของที่ขายเกลื่อนกลาด บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างทาง รูปร่างสูงโปร่งใบหน้าคมคาย ละม้ายใบหน้าของชิงซี สายตาคมจับจ้องใบหน้าผ่องใสของอันอันไม่วางตา กระตุกยิ้มที่ริมฝีปาก“นางสวรรค์หรือไร เจ้าเห็นไหมนางคงเป็น องค์หญิงหรือพระญาติของฮ่องเต้แคว้นหานเป็นแน่”สายตายังจับจ้องอันอันไม่วางตา“ไหนคนของเราบอกว่าอินจิ๋นก็เดินทางมาด้วย”“ไท่จือ เบื้องหน้านั่นขุนพลจงเจี้ยน ถัดมาเป็นอินจิ๋นฮ่องเต้ที่แม้จะแต่งกายอำพรางทว่าใบหน้าหล่อเหลาอีกทั้งบารมีเปล่งปลั่ง ไม่เหมือนทหารนายกองหรือองครักษ์”“เจ้าแน่ใจหรือ”“ไท่จือข้างๆ อินจิ่นนั่น เป็นองครักษ์เกราะทองที่แม้จะเพียงพาม้าเดินเคียงข้างแต่พร้อมจะอารักขาสุดกำลัง”ชิงกวานยิ้มหยัน“จะฆ่าอินจิ๋นฮ่องเต้ก่อน หรือว่าชิงตัว
อันอันตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ ชิงซีก็มีน้ำตาบนเกี้ยวที่นั่งมาด้วยกัน“ความจริงข้าพยายามจะไม่คิดเป็นอื่นใด แต่อันอันเจ้าเห็นไหม หลายวันมานี้ท่านขุนพลเฉยชากับข้ายิ่งนัก”ยังปาดน้ำตา“อันอัน จะลองถามท่านขุนพลดูด้วยความเป็นท่านขุนพลซื่อๆ เพียงนั้นคงไม่กล้า โป้ปดว่าทำไมถึงกล้าเฉยชากับองค์หญิง”อันอันรับปากมั่นเหมาะชิงซี ยิ้มน้อยๆ“ข้าไม่ได้ห่วงเรื่องอื่นห่วงแต่ ท่านขุนพลใจไม่สู้เรื่องที่จะสู่ขอข้าต่อหน้าเสด็จพ่อ เสด็จพ่อนับว่าเป็นฮ่องเต้ที่ ห้าวหาญดุดันคนหนึ่งทีเดียว”“อันอัน สัญญาว่าจะช่วยพูดเรื่องนี้กับฝ่าบาทเชื่อว่าหากฝ่าบาทรักและปรารถนาดีต่อองค์หญิงฝ่าบาทจะต้องมองเห็นความจริงใจในตัวท่านขุนพล"ชิงซียิ้มเสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาด้วยความเร็ว จงเจี้ยนและเหล่าทหารรอบเกี้ยวของอันอันและชิงซีไว้"หยุดดดดด"อินจิ๋นกระตุกบังเหียนม้า ให้หยุดกระโดดลงมายืนหน้าเกี้ยว"ขุนพล หลงจงเจี้ยนถวายพระพรฝ่าบาท"อันอันเปิดม่านแล้วกระโดดลงจากเกี้ยววิ่งเข้าไปกอดอินจิ๋นด้วยความถวิลหาอย่างที่สุดอินจิ๋นกอดรวบร่างบางแนบกายไม่ปล่อยกดริมฝีปากลงบนหน้าผาก“คิดถึงเจ้ายิ่งนัก”อันอันปาดน้ำตา“ฝ่าบาทมาช้า”“ข้าผิดเองที่มัวแต่ยุ่