จวนเฉินหลี่หมิง เขามักจะชอบไปนั่งเล่นที่เรือนเล็กที่เคยเป็นของเพ่ยอิง เขามักจะเหม่อมองและเห็นไปว่าในเรือนเล็กนั้นมีร่างของนางเดินไปมาทำกิจวัตรประจำวันอยู่ บางครั้งก็เห็นบ่าวของนางเดินไปมาในนั้นอยู่ไหวเมื่อมองจากที่ไกล ๆ หรือไม่ เขามองมาก็มักจะเห็นเพ่ยอิงนั่งอยู่ที่ชิงช้าและไกวมันเล่นช้าๆ บางครั้งเห็นนางรดน้ำต้นไม้หรือถอนหญ้าหน้าเรือนของนาง บางครั้งเขานอนหลับก็ฝันไปว่านางทำอาหารและขนมมาให้เขารับประทานเช่นที่นางเคยทำ ในฝันนั้นเขารับมันเอาไว้อย่างเต็มใจ โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนและหอมแก้มนางอย่างรักใคร่ เขาพานางไปนั่งที่โต๊ะกลมในห้องโถงกลางของเรือนเขา แล้วชิมอาหารหรือขนมของนางอย่างเอร็ดอร่อย นางหยิบมันป้อนให้เขา ทั้งสองนั่งหยอกเย้ากัน พลอดรักกันอย่างมีความสุข บางครั้งเขาก็ฝันถึงวันที่เขาบรรเลงเพลงรักกับนางอย่างเร่าร้อน รุนแรง ในฝันนั้นเขามีความสุขมากเหลือเกิด เมื่อจบเพลงรักนั้นเขาโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนแกร่งของเขาแล้วผล็อยหลับไปด้วยกัน เขายิ้มมุมปากอย่างมีความสุขเหลือเกิน หากเขาไปทำงานในตอนเช้านางจะมาส่งเขาขึ้นรถม้าและนางมักจะห่ออาหารหรือขนมที่นางทำเองส่งให้เขาเพื่อนำไปกินที่ทำงาน แล
จงเพ่ยอิง เฝ้ารักเฉินลี่หมิง มานานตั้งแต่เห็นเขาครั้งแรกในงานเลี้ยงขุนนางใหม่เมื่อสองปีก่อน แม้เขาจะไม่เคยใส่ใจหรือมองนางดังเช่นคนรัก นางประทับใจที่เขาเป็นคนดีช่วยนางจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่รถม้าเกือบจะชนนาง เลยเริ่มเฝ้ามองเขาเห็นความน่ารักหลายๆอย่าง นานวันเข้าจึงรู้สึกปักใจว่าจะต้องแต่งงานนกับชายคนนี้ให้ได้ ยิ่งเลยการปักปิ่นมาสองปี นางจึงรบเร้าขอท่านพ่อใช้ความดีความชอบในราชการที่ไปช่วยอุทกภัยที่เมืองติดชายแดน จนชาวเมืองรอดพ้นภัยและยังแก้ปัญหาระยะยาวให้ชาวเมืองไม่ต้องพบปัญหาอุทกภัยนี้ต่อไปอีกด้วย ความดีความชอบนี้ นางขอร้องท่านพ่อให้ขอพระราชทานสมรสให้นาง เพื่อที่นางจะได้ตบแต่งกับเฉินลี่หมิง ขุนนางคลังหนุ่มอนาคตไกล ท่านเสนาบดีจงพ่อของนาง รักลูกสาวคนนี้มาก จึงยอมตามที่นางร้องขอ เมื่อฮ่องเต้พระราชทานราชโองการมานั้น เฉินลี่หมิงกระอักกระอ่วนใจมากเขาไม่เคยมองจงเพ่ยอิงดังเช่นคนรัก พูดคุยกับนางดังคนรู้จักธรรมดา แต่เขารู้ว่านางหลงไหลเขา เฝ้ามองเขาด้วยดวงตาหวานฉ่ำ เขาพยายามหลีกเลี่ยงนาง นานวันเข้าเปลี่ยนเป็นรังเกียจและไม่อยากจะพบนาง เจอนางที่ไหนเขามักจะหลีกห่าง แต่นางก็ยังไม่รู้ตัวว่
จงเพ่ยอิงลืมตาตื่นมาขึ้นมา แสงร่ำไรสว่างเข้ามาในห้อง เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้อง สักพักใช่ใช่ก็เดินเข้ามาที่เตียง “คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ เมื่อคืนดื่มเหล้ามงคลคนเดียวจนหมด ใช่ใช่สงสารคุณหนูเหลือเกิน ” เพ่ยอิงกระพริบตาทบทวบเรื่องราวต่างๆ ตอนนี้นางอยู่ที่จวนของเฉินลี่หมิง แต่งงานแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่มาเข้าหอ เพ่ยอิงถอนใจ ตอนนี้นางถอยกลับไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะเป็นสมรสพระราชทานจำต้องทนอยู่ในจวนนี้ ทำดีกับเขา เอาใจเขามากๆหน่อย เขาอาจจะเห็นมันบ้างกระมังคิดพลางค่อยๆลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ตื่นขึ้นมานั่งกินข้าวที่ใช่ใช่ยกมาให้ที่โต๊ะกลางในห้อง ตามปกติถ้าเป็นคนอื่นคงต้องไปยกน้ำชาให้แม่สามี แต่จวนนี้ พ่อกับแม่สามีอยู่ต่างเมืองออกไปไกลมากไม่ได้มาร่วมงานแต่ง วันนี้นางจึงไม่ต้องไปยกน้ำชาให้ใคร จวนนี้มีเพียงเฉินลี่หยาง อยู่เพียงคนเดียว กับบ่าวไพร่ ไว้ตอนกลางวันนางค่อยไปสำรวจก็แล้วกันว่าอะไรอยู่ที่ไหนบ้างเพื่อจะได้เตรียมทำหน้าที่ ฮูหยินแม้นางจะรู้เต็มอกว่าเจ้าของจวนเขาไม่ต้องการ เขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่า รังเกียจนางขนาดไหน ไม่อยากจะได้นางเป็นภรรยา เขาจึงได้แสดงให้นางรู้โดยการที่เขาทำทั้งหมดเมื่อวาน ไ
หลายวันผ่านไปจงเพ่ยอิง นั่งครุ่นคิดวิธีการว่าจะทำยังไง เฉินลี่หมิงจึงจะหันมาสนใจนาง รักนาง หลงไหลนางอย่าง ลี่ชิงอันบ้าง ทั้งๆนี้รูปโฉมนางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า ลู่ชิงอันเลย ออกจะงามกว่าด้วยซ้ำ ขณะนั้นนางก็คิดออกมาได้ว่านางจะ วางยาปลุกกำหนัดเขา เพราะตั้งแต่งงานกันมานางยังไม่ได้เข้าหอกับเขาเลย ไม่ลองก็ไม่รู้ เขาอาจจะสนใจนางขึ้นมาบ้างเพราะเป็นผัวเมียกันแล้ว คิดได้ดังนั้นจึงให้ใช่ใช่ไปแอบซื้อยาปลุกกำหนัดมาใส่ในน้ำชาของลี่หมิง และซื้อแบบที่เป็นกำยานมาด้วย ใ้ห้บ่าวผู้ชายที่จวนเสนาบดีไปซื้อหามาให้ก็ได้ เมื่อได้สิ่งที่ต้องการมาแล้ว จึงให้ใช่ใช่แอบนำไปใส่ไว้ในน้ำชาของหลี่หมิงและแอบจุดกำยานในห้องหนังสือในวันที่บ่าวในจวนได้รับอนุญาตให้ไปดูงิ้วที่งานฉลองตลาดหลังจากคาดว่าหลี่หมิงคงเริ่มดื่มชาไปบ้างแล้วนางค่อยๆแอบเข้าประตูไปเงียบๆ หลี่หมิงนั่งที่เตียงเล็กในห้อง เขาดูกระสับกระส่าย เหงื่อแตก เมื่อหันมาเห็นเพ่ยอิง ก็มองมายังนางดวงตาครึ้มไปด้วยความเสน่หา ตรงเข้ามาประกบจูบดูดดื่ม สอดลิ้นร้อนเข้าพัวกันกับลิ้นเล็ก มือหนาบีบเค้นทรวงอกอวบใหญ่เต็มมือ เมื่อจูบจนพอใจแล้ว จากนั้นไล้เลียใบหน้าหวานดูดดึงใบหูเล
ความหวังของนางที่คิดว่าเขาจะหันมาสนใจนางบ้าง หลังจากกลายเป็นผัวเมียกันแล้ว กลายเป็นหมัน เมื่อเขายิ่งรังเกียจนางเข้าไส้กว่าเดิม พบเห็นนางเมื่อเดินสวนกันเขาจะทำเป็นไม่เห็นเดินผ่านไปเหมือนไร้ตัวตน สั่งพ่อบ้านมาบอกว่าถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องมาพบเขา ให้อยู่ในที่ของนาง หากมีงานของทางการที่จำต้องพาครอบครัวไปนั้น เขาจะให้คนมาบอกนาง จะให้ดีไม่ต้องมาให้เขาเห็นหน้า ตรงกันข้ามแม่นางลู่ชิงอันมาหาเขาที่จวนบ่อยมาก นั่งพลอดรักกัน ทานอาหารที่นางนำมาให้อย่างเต็มอกเต็มใจ และเริ่มมีข่าวว่าเขาจะไปสู่ขอนางมาเป็นฮูหยินอีกคนหนึ่ง เรื่องนี้ใช่ใช่ได้ยินมาจากวงสนทนาของฮูหยินจวนอื่นๆที่ตลาด และ นำมาบอกเพ่ยอิหลังจากนั้นไม่นานข่าวลือที่ว่าก็เป็นจริง เฉินหลี่หมิงที่ปกติไม่เคยเหยียบย่างมาที่เรือนของเพ่ยอิงเลยตั้งแต่ กลับเปิดประตูเข้ามา และบอกนางว่า "ข้าจะตบแต่งลี่ชิงอันเข้ามาเป็นฮูหยินอีกคนหนึ่ง ในอีกไม่กี่วันนี้ ที่จวนจะมีงาน ให้เจ้าเก็บตัวอยู่แต่ในเรือนนี้ อย่าออกไปวุ่นวายให้งานข้าเสียหายเป็นอันขาด" เมื่อพูดจบ ก็เดินออกไป ใช่ใช่มองหน้าเพ่ยอิงมสายตาเต็มไปด้วยความเห็นใจ "คูณหนูเจ้าขาจะยังอยู่ที่จวนนี้อีกหรือเจ้าคะ "
เป็นเช้าวันแต่งงาน ที่วุ่นวายกันมากเพราะครั้งนี้เฉินหลี่หมิงจัดงานใหญ่โตมาก เพื่อแสดงความสำคัญของเจ้าสาวที่จะแต่งเข้าจวนมาใหม่นี้ เขาไปรับเจ้าสาวด้วยตนเอง งานแต่งจัดเต็มพิธีการ เมื่อทำพิธีสร็จส่งตัวเจ้าสาวแล้ว ก็เริ่มงานกินเลี้ยง คนมาร่วมงานในจวนคึกคักมากแขกมากกว่างานที่แล้วของเพ่ยอิงหลายเท่าเสียงดื่มฉลองอวยพรกันเกรียวกราว เพ่ยอิงนั่ง ร้องไห้เงียบๆ ในเรือนของตนเอง บรรยากาศข้างนอกกับในเรือนของนางนั้นแตกต่างกันราวกับไม่ได้อยู่ในจวนเดียวกัน เมื่องานเลี้ยงจบลงแล้ว แขกต่างแยกย้ายกันกลับจวนของตัวเอง จงเพ่ยอิงจึงค่อยๆ เดินออกไปยืนข้างเรือนใหญ่ตรงตำแหน่งห้องหอของสามีที่เขาไม่ต้องการนางได้ยินเสียงพลอดรัก และเสียงครวญครางผสานกันทั้งหญิงและชาย นางจำได้ดีว่าเสียงคำรามด้วยความสุขสมนั้นคือเสียงของสามีมีนางเอง ใช่ใช่เอื้อมมือมาจับมือนางแน่น เพ่ยอิงน้ำตาคลอเล็กน้อย ปล่อยน้ำตาไหลรินลงมาเงียบๆ วันรุ่งขึ้นนางตัดสินใจว่า นางจะเลิกทำบ้าๆแบบนี้เสียทีจะไปเฝ้ารักเฝ้าหวงคนที่เขาไม่ต้องการทำไม ความรักเป็นสิ่งที่บังคับใจกันไม่ได้ นางหลงรักเขาคิดไปเองว่าทำดีกับเขามากๆเขาคงเห็นใจและหันกลับมารักนางบ้าง แต่
เป็นเช้าวันแต่งงาน ที่วุ่นวายกันมากเพราะครั้งนี้เฉินหลี่หมิงจัดงานใหญ่โตมาก เพื่อแสดงความสำคัญของเจ้าสาวที่จะแต่งเข้าจวนมาใหม่นี้ เขาไปรับเจ้าสาวด้วยตนเอง งานแต่งจัดเต็มพิธีการ เมื่อทำพิธีสร็จส่งตัวเจ้าสาวแล้ว ก็เริ่มงานกินเลี้ยง คนมาร่วมงานในจวนคึกคักมากแขกมากกว่างานที่แล้วของเพ่ยอิงหลายเท่า เสียงดื่มฉลองอวยพรกันเกรียวกราว เพ่ยอิงนั่ง ร้องไห้เงียบๆ ในเรือนของตนเอง บรรยากาศข้างนอกกับในเรือนของนางนั้นแตกต่างกันราวกับไม่ได้อยู่ในจวนเดียวกัน เมื่องานเลี้ยงจบลงแล้ว แขกต่างแยกย้ายกันกลับจวนของตัวเอง จงเพ่ยอิงจึงค่อยๆ เดินออกไปยืนข้างเรือนใหญ่ตรงตำแหน่งห้องหอของสามีที่เขาไม่ต้องการนางได้ยินเสียงพลอดรัก และเสียงครวญครางผสานกันทั้งหญิงและชาย นางจำได้ดีว่าเสียงคำรามด้วยความสุขสมนั้นคือเสียงของสามีมีนางเอง ใช่ใช่เอื้อมมือมาจับมือนางแน่น เพ่ยอิงน้ำตาคลอเล็กน้อย ปล่อยน้ำตาไหลรินลงมาเงียบๆ วันรุ่งขึ้นนางตัดสินใจว่า นางจะเลิกทำบ้าๆแบบนี้เสียทีจะไปเฝ้ารักเฝ้าหวงคนที่เขาไม่ต้องการทำไม ความรักเป็นสิ่งที่บังคับใจกันไม่ได้ นางหลงรักเขาคิดไปเองว่าทำดีกับเขามากๆเขาคงเห็นใจและหันกลับมารักนางบ้าง แต่ม
เฉินหลี่หมิงบังเอิญเดินผ่านเรือนหลังเล็กที่เขาเคยให้จงเพ่ยอิงอยู่ เมื่อเดินถึงหน้าเรือนเขาเห็นใบไม้ร่วงหล่นที่หน้าเรือนเต็มไปหมด มองไปที่ชิงช้าที่เขาเคยเห็นนางเคยนั่งเล่นตอนบ่ายๆ ดอกไม้ที่นางปลูกเมื่อมาอยู่ที่เรือนนี้ใหม่ๆเริ่มเหี่ยวเฉาเพราะเจ้าของมันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว มองเข้าไปในเรือนเงียบเชียบ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเคลื่อนไหวในนั้น เขารู้สึกแปลบๆในใจเล็กน้อย จึงเปิดประตูเรือนก้าวเข้าไปภายในเรือนนั้น นับเป็นครั้งที่สองตั้งแต่เพ่ยอิงเข้ามาอยู่ที่เรือนนี้ที่เขาเหยียบย่างเข้ามา ในเรือนเงียบเชียบทุกอย่างที่เคยเห็นนางตั้งวางไว้ ทุกอย่างที่ดูจะเป็นของนางไม่มีหลงเหลือแม้เพียงชิ้นเดียว ในเรือนเหลือแต่งเครื่องตกแต่งดั้งเดิมของเรือนเท่านั้น หลี่หมิงเดินเข้าไปเรื่อยๆมองโต๊ะกลางห้องที่ว่างเปล่า มีแจกันที่มีดอกไม้ปักแห้งๆร่วงหล่นอยู่บนโต๊ะ รวมถึงแจกันรอบๆในเรือนและในห้องก็มีแต่ดอกไม้ที่แห้งๆปักคาอยู่เท่านั้น ฝุ่นเริ่มจับบางๆไปตามเครื่องเรือนที่ตั้งอยู่ไม่กี่ชิ้น เขาเดินเรื่อยไปจนเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของนาง เห็นทุกอย่างว่างเปล่าเหมือนข้างนอก นางไม่แม้จะทิ้งอะไรที่แสดงให้เห็นว่านางเคยอยู่ที่น
จวนเฉินหลี่หมิง เขามักจะชอบไปนั่งเล่นที่เรือนเล็กที่เคยเป็นของเพ่ยอิง เขามักจะเหม่อมองและเห็นไปว่าในเรือนเล็กนั้นมีร่างของนางเดินไปมาทำกิจวัตรประจำวันอยู่ บางครั้งก็เห็นบ่าวของนางเดินไปมาในนั้นอยู่ไหวเมื่อมองจากที่ไกล ๆ หรือไม่ เขามองมาก็มักจะเห็นเพ่ยอิงนั่งอยู่ที่ชิงช้าและไกวมันเล่นช้าๆ บางครั้งเห็นนางรดน้ำต้นไม้หรือถอนหญ้าหน้าเรือนของนาง บางครั้งเขานอนหลับก็ฝันไปว่านางทำอาหารและขนมมาให้เขารับประทานเช่นที่นางเคยทำ ในฝันนั้นเขารับมันเอาไว้อย่างเต็มใจ โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนและหอมแก้มนางอย่างรักใคร่ เขาพานางไปนั่งที่โต๊ะกลมในห้องโถงกลางของเรือนเขา แล้วชิมอาหารหรือขนมของนางอย่างเอร็ดอร่อย นางหยิบมันป้อนให้เขา ทั้งสองนั่งหยอกเย้ากัน พลอดรักกันอย่างมีความสุข บางครั้งเขาก็ฝันถึงวันที่เขาบรรเลงเพลงรักกับนางอย่างเร่าร้อน รุนแรง ในฝันนั้นเขามีความสุขมากเหลือเกิด เมื่อจบเพลงรักนั้นเขาโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนแกร่งของเขาแล้วผล็อยหลับไปด้วยกัน เขายิ้มมุมปากอย่างมีความสุขเหลือเกิน หากเขาไปทำงานในตอนเช้านางจะมาส่งเขาขึ้นรถม้าและนางมักจะห่ออาหารหรือขนมที่นางทำเองส่งให้เขาเพื่อนำไปกินที่ทำงาน แล
ท่านแม่ทัพตงเหวินเดินเป็นเสือติดจั่นที่หน้าเรือนตัวเอง สลับกับพ่อตาท่านเสนาบดีจง ผลัดกันเดินสลับไปมาจนกระทั่งท่านแม่ทัพตงฮั่วกับฮูหยินใหญ่ทนไม่ไหว “โอ้ย จะเดินไปมาทำไมกันข้าเวียนหัวจะตายแล้ว ใช่ใช่เอายามาให้ข้าเดี๋ยวนี้ข้าไม่ไหวแล้ว ”ฮูหยินใหญ่เอ่ยขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว เพราะเฝ้ามองทั้งสองคนเดินสวนสนามกันไปมาได้สักพักใหญ่แล้ว เสียงกรีดร้องเจ็บปวดของเพ่ยอิงดังขึ้นเป็นระยะ ทำให้ทั้งหมดขะเง้อคอมองเข้าไปในห้องแม้จะไม่มีใครเห็นอะไรก็ตาม ก็ยังจะชะเง้อกันเป็นระยะถ้าได้ยินเสียงอะไรดังขึ้น สักพักแม่นมลู่วิ่งออกมารายงานใกล้แล้วเจ้าค่ะ อีกสักครู่ก็น่าจะได้เห็นคุณหนูตัวน้อยๆแล้ว ทุกคนพยักหน้าพร้อมกันดีใจสุดๆ จากนั้นแม่นมลู่ก็กลับเข้าไปในเรือนอีกครั้ง เสียงกรีดร้องของเพ่ยอิงดังขึ้นกว่าเดิมจนทุกคนตะลึง จากนั้นก็มีเสียงทารกร้องแว่วๆออกมา ทุกคนพากันโห่ร้องขึ้นมาแม้แต่บ่าวไพร่ก็ร่วมขบวนนี้ด้วย จากนั้นแม่นมลู่ก็ออกมาอีกครั้ง “ ได้คุณหนูแฝดเจ้าค่ะ ชายหนึ่ง หญิงหนึ่งคน ”สิ้นเสียงแม่นมลู่ เสียงโห่ร้องดีใจประสานกันอีกครั้ง หน้าท่านแม่ทัพตงเหวินบานยิ่งกว่าจานเชิง ส่วนพ่อตาเสนาบดีจงก็บานแข่งกัน พากันวิ่งแ
เมื่อท่านแม่ทัพตงเหวินและฮูหยินน้อยมาถึงห้องโถงกลาง พบว่าทุกคนนั่งรออยู่บนเก้าอี้มุกรอบๆหลายๆคน มีทั้งท่านแม่ทัพตงฮั่วและฮูหยินใหญ่ ข้างมีบิดามารดาของฟางถิงถิงซึ่งเป็นญาติผู้น้องของฮูหยินเหม่ยเซียง ถัดมาเป็นบิดามารดาของรองแม่ทัพซีห้าวเมื่อเดินไปถึงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ทั้งสองสามีภรรยาก็นั่งลงข้างกัน ทั้งสองมองที่บนพื้นตรงหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่กับฮูหยินมี รองแม่ทัพซีห้าว และฟางถิงถิงนั่งอยู่ข้างกัน “ เมื่อมาครบกันแล้ว เรื่องราวเป็นอย่างไร เจ้าลองเล่ามา ใครจะพูดก่อน ” เสียงท่านแม่ทัพใหญ่ดังขึ้นวันนี้เสียงค่อนข้างจะเกรี้ยวกราดผิดจากทุกวันเพ่ยอิงมองไปที่คู่ที่นั่งอยู่ข้างล่าง แม่ทัพซีห้าวเอ่ยปากพูดขึ้นก่อนว่าเขามาเยี่ยมท่านแม่ทัพตงเหวินแล้วเข้าไปในห้องหนังสือที่ปกติเขาเข้าไปพบปะกันที่นั่นเป็นประจำ วันนี้เข้าไปไม่พบท่านแม่ทัพ แต่มีถ้วยน้ำแกงวางอยู่เขารู้สึกระหายก็เลยยกขึ้นดื่มจนหมดถ้วย จากนั้นเขารู้สึกร้อนรุ่มเกิดอารมณ์กำหนัดอย่างรุนแรงเขาเป็นทหารที่เคยฝึกเกี่ยวกับเรื่องพิษมาก่อนจึงรู้ว่าใช่อาการของยาปลุกกำหนัดแต่มันเป็นชนิดรุนแรงมาต้องใช้ยาแก้ทันทีหรือไม่ก็ต้องเสพสมกับสตรีในทันทีเช่นกันไม่อ
เพ่ยเอ๋อลงจากรถม้าหน้าจวนแม่ทัพพร้อมใช่ใช่ บ่าวหน้าจวนดูลุกลี้ลุกลนชอบกล ชักช้าเหมือนถ่วงเวลา จากนั้นรีบไปเรียนฮูหยินใหญ่ว่าฮูหยินน้อยมาแล้ว ใช่ใช่เห็นความผิดปกติของบ่าวหน้าจวนสังหรณ์ใจว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน "ฮูหยินน้อยรีบเข้าไปหาท่านแม่ทัพในจวนเถิดเจ้าค่ะ ใช้ใช่สังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องกับท่านแม่ทัพ ไปเจ้าค่ะ"ใช่ใช่ รีบฉุดมือฮูหยินน้อยวิ่งไปโดยเร็ว เมื่อไปถึงหน้าเรือนที่พำนักกับสามี เมื่อแม่ทัพตงได้ยินเสียงเมียก็รีบส่งเสียงเรียก" เพ่ยเอ๋อรีบเข้ามาช่วยพี่เร็วๆ" เพ่ยอิงตรงเข้าไปหลังฉากกั้นที่มีถังอาบน้ำขนาดใหญ่ที่แช่ได้ครั้งละสามคน เห็นแม่ทัพตงเหวินถอดเสื้อผ้าแช่ตัวอยู่ ใบหน้าขึ้นสีแดงแปลกๆดวงตาแดงก่ำ จึงรีบตรงไปหา “ท่านพี่เป็นอะไร” แม่ทัพตงร้องเสียงดัง “ถอดเสื้อผ้าเจ้าเดียวนี้ แล้วรีบลงมาในอ่างพี่ถูกยาปลุกกำหนัดเร็วๆเข้า” เพ่ยเอ๋อรีบถอดเสื้อจนหมดก้าวลงไปในอ่างทันทีพร้อมขึ้นคร่อมสามี แม่ทัพตงประกบจูบเมียรัก ไล้เลียผลอิงเถาสีแดงเล็กน้อย ก่อนค่อยๆขยับลำกายแกร่งเข้าสอดใส่จนสุดลำกาย แล้วขยับโยกช้าๆ เพ่ยอิงยกสะโพกกระแทกลงมาจนร่องอวบกลืนกินท่อนแกร่งของสามีจนมิดลำกาย ยกสะโพกขึ้นลงข
ฟางถิงถิงอึ้งงันไป "หลานจะขอให้ท่านป้าช่วยหลานเรื่องหนึ่งจะได้หรือไม่เจ้าคะ " ฮูหยินใหญ่เงยหน้ามองหลานสาว "จะให้ป้าช่วยอะไร " ถิงถิงยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่หูของท่านป้า เมื่อได้ฟังเรื่องราวจบลงแล้วนั้น นางเอามือทาบอก ทำหน้าตกใจกึ่งประหลาดใจในแผนการณ์ของถิงถิง" เจ้าจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้จริงหรือ หากว่ามีอะไรผิดพลาดเจ้าจะอับอายมากนะ จะแต่งให้ใครอื่นอีกจะได้หรือ " ถิงถิง จับมือท่านป้าอ้อนวอนน้ำตาคลอ หลานรักปักใจเพียงท่านพี่มามาเนิ่นนานแล้ว แม้หลานจะรู้ว่าท่านพี่ไม่มีใจให้หลาน แต่หลานไม่มีวิธีการใดอีกที่หลานจะสมหวังกับท่านพี่ จึงต้องทำเช่นนี้ ขอท่านป้าได้โปรดเห็นใจหลานด้วยเจ้าค่ะ" ฮูหยินใหผ่นิ่งงันไปครู่ใหญ่ มองใบหน้านองน้ำตาอย่างเห็นใจ " เอาละป้าจะช่วยเจ้าอีกครั้งหนึ่ง หากสำเร็จเจ้าก็จะสมหวัง ตงเหวินคงต้องรับผิดชอบเจ้า ป้าก็คิดว่าหากจะทำทางอื่นคงไม่สำเร็จเพราะตงเหวินไม่ยินยอมรับใครมาเป็นเมียรองอย่างแน่นอนๆ ถิงถิงเช็ดน้ำตาป้อยๆ เหมือนเด็กๆ"เจ้าค่ะ" หลายวันผ่านไป วันนั้นเพ่ยอิงกลับจวนไปเยี่ยมท่านเสนาบดีจง เมื่อฮูหยินใหญ่และถิงถิงเห็นเป็นโอกาสที่เฝ้ารอกันมาหลายๆวัน อีกทั้งท่านแม่ทัพตงฮั
สายๆวัยต่อมา ฮูหยินใหญ่เอ่ยขึ้นหลังทั้งหมดทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว "ข้าจะให้ถิงถิงแต่งเข้ามาเป็นเมียรองอีกคน เจ้าจะว่าอย่างไร " พลางหันไปที่ท่านแม่ทัพตงเหวิน เมื่อได้ยินคำพูดของมารดา เขานิ่งงันไปชั่วขณะ หันไปมองหน้าของเมียรักเห็นนางนิ่งเงียบไป เขาใจไม่ค่อยดีกลัวนางจะน้อยใจ จึงหันไปบอกท่านแม่ว่า"ข้าไม่ได้รักชอบถิงถิงในเชิงชู้สาว เห็นนางมาตั้งแต่เด็กคิดกับนางเพียงน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น " ฮูหยินใหญ่อึ้งไปครู่หนึ่งกับคำตอบของบุตรชาย " แล้วเพ่ยเอ๋อจะว่าอย่างไร ถ้าแม่จะให้ถิงถิงมาเป็นเมียรอง " เพ่ยอิงเงยหน้าขึ้นมองแม่สามีในใจนางเจ็บแปลบเล็กๆ พลางตอบว่า" เรื่องอย่างนี้แล้วแต่ท่านพี่เจ้าค่ะ หากท่านพี่ต้องการมีเมียรอง หรืออนุเพิ่มข้าคงจะไม่สามารถขัดท่านพี่ได้" เพ่ยอิงตอบไปตามตรงแม้นางจะไม่อยากให้สามีมีภรรยาและอนุหลายคน กังวลว่าจะมีเรื่องวุ่นวายในครอบครัว เช่นท่านพ่อของนางที่รักเดียวใจเดียวไม่คิดจะแต่งงานใหม่ มีเพียงหญิงอุ่นเตียงที่ไม่ค่อยสร้างความวุ่ยวายในจวนเลยเท่านั้น“ลูกไม่อยากมีเมียหลายคนขอรับ ลูกรักเพ่ยเอ๋อมากไม่อยากให้นางเสียใจ หรือทุกข์ใจอันใด ลูกจะยังไม่รับใครมาเป็นเมียรองหรือนุ
เพ่ยอิงตื่นขึ้นแต่เช้า เหลือบตามองสามีเห็นยังไม่รู้สึกตัวจึงค่อยๆยกแขนล่ำสันนั้นออกจากเอวบางของนาง และค่อยๆขยับกายลงจากเตียงขึ้นช้าๆ จึงเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย จากนั้นให้ใช่ใช่เกล้าผมให้นาง เลือกปักปิ่นน่ารักอันเล็กๆ สีเขียวสดใส แค่อันเดียว กับต่างหูเข้าชุดกัน เมื่อแต่งกายเสร็จเรียบร้อยก็ออกไปดูสามีเห็นยังนอนอยู่จึงค่อยๆขยับกายออกไปเงียบๆ เดินออกไปที่โรงครัวเพื่อดูอาหารที่จะนำมาขึ้นโต๊ะให้สามีเช้านี้ ในโรงครัวกำลังตระเตรียมอาหารเช้าอยู่ บ่าวไพร่ในโรงครัวเมื่อเห็นฮูหยินน้อย ต่างทำความเคารพฮูหยินน้อยคนใหม่ เพ่ยอิงเข้าไปดูอาหารว่ามีอะไรบ้าง เห็นผัดผักสองอย่าง น้ำแกงปลา ขาหมูต้มเค็ม ปลานึ่งซีอี๊วก็พึงพอใจจึงคิดว่าไม่ต้องทำอย่างอื่นเพิ่มแล้วจึงให้นำอาหารขึ้นโต๊ะเพียงเท่านี้ จากนั้นถามถึงหัวหน้าคนครัว คนชื่ออี้ชวนบอกว่าเขาคือหัวหน้าที่ควบคุมเรื่องในโรงครัวทั้งหมด นางจึงทำความรู้จักเขาไว้และชมว่าอาหารที่จวนนี้อร่อยมาก อี้ชวนยิ้มปลื้มใจ นางสอบถามว่าจวนนี้ตั้งอาหารเวลาเท่าไหร่ จากนั้นก็เดินกลับไปเรือนของตนเองเพื่อปลุกสามีไปรับอาหารเช้าพร้อมท่านพ่อท่านแม่ของสามี เมื่อถึงเรือนต
จากนั้นประคองนางไปนั่งลงที่เตียงวิวาห์ ร่างหนาเชยคางนางขึ้นมา ประกบริมฝีปากหนาลงไปบนปากอวบอิ่มนั้น ค่อยสอดแทรกเรียวลิ้นสากเจ้าไปในปากจิ้มลิ้มนั้น ควานชิมความหวานในปากจนเจอลิ้นเล็ก จึงตรงเข้าเกี่ยวพันกันดูดดื่ม เพ่ยอิงรู้สึกถึงรสสุราในปากของสามีหมาดๆจูบนั้นยาวนานจนแทบสูบวิญญาณ ร่างบางอ่อนระทวย เมื่อละจากริมฝีปากจิ้มลิ้มนั้น แม่ทัพตงประคองร่างอวบขึ้น มือหนาถอดเครื่องประดับของเจ้าสาว และชุดเจ้าสาวอย่างเร่งรีบ จนร่างบางเปลือยเปล่า จากนั้นจึงถอดชุดเจ้าบ่าวของตัวเอง ทิ้งลงกับพื้นหน้าเตียง และเข้ากอดรัดร่างอวบ ใบหน้าคมก้มลงประกบจูบร่างอวบอย่างเร่าร้อน จูบนั้นยาวนานจนพอใจจึงเลื่อนไปพรมจูบแก้มนวลปลั่งนั้น เลี้ยไล้ใบหูเล็กจนร่างอวบสั่นระริก เลาะเล็มลงไปเรื่อยๆจนถึงทรวงอกอวบบีบเค้นจนขึ้นสี ไล้เลี้ยผลอิงเถาจนแข็งเป็นไตและอ้าปากดูดดึงเข้าไปจนเกือบทั้งเต้า ร่างอวบสั่นสะท้านจนหลังแอ่นโค้งขึ้น มือหนาเลื่อนลงไปฟอนเฟ้นเนินอวบด้านล่างกรีดนิ้วร้ายเข้าไปในร่องอวบนั้น จนสุดโคนนิ้ว ค่อยชักเข้าสุดออกสุด เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนเพ่ยอิงครางเสียงกระเส่า สะโพกอวบเกร็งกระตุกหลายๆครั้ง ร่างอวบเสร็จสมไปทันที เ
ท่านแม่ทัพตงฮั่วส่งแม่สื่อไปทาบทามสู่ขอจงเพ่ยอิง และได้ส่งสินสอดไปที่จวนเสนาบดีจงแล้ว จากนั้นเหลือเพียงแค่หาฤกษ์ที่ดีตบแต่งนางให้บุตรชายของเขา เมื่อเขาและฮูหยินได้พูดคุยกับแม่ทัพตงเหวินแล้ว เขาไม่ยินยอมที่จะเลิกคบหากับจงเพ่ยอิงเพราะเขานั้นหลงรักนางนานมานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีเวลาเกี้ยวนางมาเป็นภรรยา เลยทำให้นางหลุดลอยไปเป็นของคนอื่น จนเมื่อได้โอกาสที่นางจะหย่าร้างเขาถึงกับขอราชโองการเพื่อให้นางหย่าร้างโดยสมบูรณ์เพื่อจะได้นางมาเป็นภรรยา แถมยังสารภาพว่าได้เสียกับนางแล้วในวันที่ขออนุญาติท่านเสนาบดีพานางออกไปเที่ยว เขาสารภาพว่าตั้งใจจะให้เรื่องเป็นแบบนี้ เขากลัวนางหลุดลอยไปอีก เมื่อท่านแม่ทัพได้ยินเช่นนั้นแล้ว จึงบังคับบุตรชายไม่ลงเพราะเขามุ่งมั่นทำขนาดนี้คงจะรักนางมากจริงๆ เพราะเขารู้จักลูกชายตัวเองดี หากต้องการสิ่งใดมักจะมุ่งมั่นทำสิ่งนั้นให้สำเร็จให้จงได้ จึงได้จัดการสู่ขอนางให้บุตรชาย เมื่อได้ฤกษ์ที่ดีแล้ว จึงจัดพิธีแต่งงานใหญ่โตให้บุตรชายทันที เมื่อถึงวันแต่งงาน เกี้ยวมารับเจ้าสาวที่หน้าประตูจวน เจ้าบ่าวขี้ม้ามารับเจ้าสาวด้วยตัวเอง คงไม่ต้องถามว่าอยากจะแต่งงานมากเพียงใดหน้าเจ้าบ่าวบ