ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ทว่าพุงพุ้ยที่ยื่นออกมานั้นทำให้ร่างสูงดูภูมิฐานและน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น บุคลิกนิ่งๆ ที่มีเพียงสายตาที่กวาดมองรอบด้านอย่างจะประเมินมองสถานการณ์ ภายใต้ชุดตำรวจครึ่งท่อนนั้นยิ่งทำให้คนของอีกฝ่ายต้องทำท่าแขยงๆ ไม่กล้าจะทำตามที่นายสั่ง
“เฮ้ย! กูสั่งให้รุมมันไง ทำไมมึงถึงไม่ทำ”
“ฮะ..เฮีย เอาจริงหรือครับ ผมกลัวปืนผู้กำกับ”
ไอ้ลูกน้องที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าหันมาบอกปากคอสั่น ขณะที่ดวงตาหวาดๆ ของมันส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่ล้อมรอบผู้กำกับบัญชาให้อยู่เฉยๆ อย่าได้ทำอะไรวู่วาม
“โธ่โว๊ย! แค่ตำรวจแก่ๆ คนนึง พวกมึงก็ป๊อดซะแล้ว ต้องให้ถึงมือกูทุกที”
เสียงพูดอย่างไม่เกรงกลัวใครเอ่ยบอกก่อนจะดันลูกน้องที่ยืนขวางอยู่ให้พ้นทาง เสี่ยพงศกรมองดูผู้กำกับบัญชาที่อยู่ในวงล้อมลูกน้องเขาอย่างเป็นต่อ ใบหน้าหล่อเหลาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนยกยิ้ม ดวงตาคมปานเหยี่ยวที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อจ้องมองผู้กำกับวัยใกล้เกษียณที่จ้องประสานสายตาไม่หลบเช่นกัน
“ผู้กำกับ วันนี้มันคิวผม ผู้กำกับจะมาชุบมือเปิบได้ไง โน่น! เด็กใหม่ๆ เยอะแยะ ทำไมต้องมาแย่งเฉพาะคนของผมด้วย”
เสียงวางอำนาจไม่กลัวใครดังขึ้น ซึ่งได้ผลทั้งแขกในร้านทั้งพนักงานก็ต่างหันมามองดูคู่อาฆาตที่ก่อเหตุการณ์ซ้ำๆ กันแบบนี้ทุกครั้งที่เจอกัน และเมื่อตาอินกับตานาแย่งปลา สุดท้ายตาอยู่ที่ชื่อ ภควัฒน์ ก็จะได้ปลาอวบอิ่มไปกินทุกครั้งไป แต่ครั้งนี้ท่าจะไม่ใช่ เพราะตาอยู่ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเข้ามา
“อั๊วรู้ แต่อั๊วมาก่อน อั๊วก็ต้องได้สิทธิก่อนซิ เหอะน่าเฮียกร อาทิตย์หน้าอั๊วต้องไปราชการทั้งอาทิตย์ ตอนนั้นลื้อค่อยมาชดเชย” ผู้กำกับบัญชาพูดอย่างใจเย็น ทว่าน้ำเสียงเข้มปนอำนาจกับสายตาที่ยังชำเลืองมองคนรอบกายก็ทำให้ไอ้พวกที่ยืนล้อมอยู่นี้รู้สึกจะหายใจไม่ทั่วท้อง
“เฮ้ย! นั่นมันไม่เกี่ยว ถ้าผู้กำกับไม่อยู่มันก็เป็นสิทธิของผมหรือใครที่จะมาก็ได้ จะมาชดเชยกันได้ไง น้องดาไม่ใช่ขนมหรือถ้วยชามที่ผู้กำกับจะมาขอไปใช้ก่อนแล้วค่อยเอามาคืนนะ” พงศกรเสี่ยใหญ่วัย 44 ปี เพิ่มเสียงดังขึ้นอย่างไม่กลัว พร้อมแสดงท่าทางหวงเต็มที่
“เอาล่ะค่ะ ทะเลาะกันพอหอมปากหอมคอแล้วนะคะ อย่าทำให้แขกของดากลัวซิคะ”
แม่เล้าสาวสวยโผล่ออกมาห้ามทัพ เมื่อเด็กไปตามว่าสองหนุ่มใหญ่จะเปิดศึกกันอีกแล้ว ร่างอวบอิ่มในชุดเดรสสั้นสีดำกว้างลึกลงไปถึงร่องอก ผมม้วนลอนขมวดไว้หลวมๆ อย่างไม่ตั้งใจทำให้ลูกผมหลุดลุ่ยลงมาด้านหน้าเพิ่มความเซ็กซี่ที่เจ้าตัวตั้งใจให้เกิด มือบางคล้องแขนผู้กำกับบัญชาก่อนจะล็อคอีกข้างไว้กับท่อนแขนของเสี่ยพงศกร
“ไปหาอะไรดื่มให้อารมณ์เย็นก่อนนะคะ แล้วเราค่อยคุยกัน คืนนี้ดาจะเป็นคนเลือกเองค่ะว่าจะอยู่กับใคร อะ..เสี่ยอย่าเพิ่งโวยค่ะ ยังไงดาก็ไม่ทำให้เสี่ยผิดหวังแน่ และดาก็จะไม่ทำให้ผู้กำกับผิดหวังเหมือนกันค่ะ ไปนะคะ เดี๋ยวแขกดาตกใจ แล้วถ้าดาหมดอาชีพ ทั้งสองท่านต้องรับผิดชอบชีวิตดานะคะ”
ริมฝีปากบางที่เคลือบลิปสติกสีแดงสดเป็นมันวาวเอ่ยน้ำเสียงไพเราะช่างจำนรรจา และเธอมีวิธีรับมือเสี่ยพงศกรที่ทำท่าจะไม่ยอม พร้อมทั้งสามารถคล้องแขนตาอินกับตานาให้เดินตามเข้าไปในห้องวีไอพีได้อย่างตลอดรอดฝั่งแน่นอน
“เฮ้อ! เกือบจะได้ไปเที่ยวฮ่องกงแล้วกู”
ลูกน้องคนสนิทของเสี่ยพงศกรถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือหยาบปาดเหงื่อที่ละใบหน้า ความกลัวทั้งเจ้านายและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มีมากพอๆ กัน ก็..ผู้กำกับบัญชาน่ากลัวใช่ย่อย ความเด็ดขาดของแกที่เป็นโจษขานในกลุ่มนักก่ออาชญากรรม ไม่รวมทั้งมันที่เกือบจะโดนรวบตัวได้หลายรอบ ถ้าไม่ติดว่าเสี่ยช่วยไว้มันก็คงมีหวังได้ตีตั๋วรอบพิเศษไปเที่ยวฮ่องกงนานแล้วแน่ๆ
.
.
ภคินชะงักฝีเท้าที่กำลังเดินผ่านโซนสระว่ายน้ำที่จัดเป็นสวนสวยสไตล์บาหลีตัดผ่านไปยังบ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่แยกออกมาจากตึกใหญ่ บ้านที่เขาตั้งใจจะสร้างให้แม่เป็นของขวัญ ให้เป็นที่รวบรวมบรรดาหนังสือที่แม่ของเขาสะสมไว้หรือใช้เป็นที่สังสรรค์กับเพื่อนฝูง ด้วยเพราะอยู่ใกล้สระว่ายน้ำและบริเวณสวนสวยทั้งยังไกลจากตึกใหญ่พอสมควร จึงทำให้เป็นสถานที่ที่เป็นส่วนตัวได้เป็นอย่างดี ทว่ามารดากลับไม่มีโอกาสได้ใช้ บ้านหลังน้อยที่อุ่นไอความรักจากเขาสู่แม่จึงกลายเป็นบ้านที่แสนอบอุ่นทุกครั้งที่เขากลับมา
ภาพบิดาที่นั่งทอดอารมณ์พร้อมโปรยอาหารลงในบ่อปลาคาร์ฟที่ว่ายวนไปมาราวกับจะปลุกปลอบใจเปลี่ยวเหงาของเจ้านาย ดวงตาคมเข้มผ่านพ้นวันเวลานั้นทอดมองสายน้ำที่ทำลดหลั่นเป็นธารน้ำตกจำลองให้อากาศได้หมุนเวียนและเพิ่มความเย็นให้กับสายน้ำให้อยู่ในระดับอุณหภูมิที่เจ้าปลาสีสวยเหล่านี้ชื่นชอบ
“อ้าว! พ่อครับ คืนนี้ไม่ออกไปข้างนอกหรือครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามตรงประเด็น เพราะไม่บ่อยนักที่จะเห็นบิดาอยู่ติดบ้านและดูเหมือนเขาจะรู้คำตอบนั้นเสียด้วย
“อืม.. ให้โอกาสคนอื่นบ้าง” คำตอบส่งมาทว่าดวงตายังไม่ละไปจากหมู่ปลาด้านล่าง
“โอกาส..พ่อเรียกสิ่งนั้นว่าโอกาสหรือครับ”
น้ำเสียงปนหยันที่จับได้ ทำให้ภควัฒน์ต้องเงยหน้าขึ้นมองลูกชายคนเดียว “ภคิน บริรักษ์” บุตรชายเพียงคนเดียวที่ขณะนี้อำนาจการบริหารงานในบริษัททั้งหมดเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว เพราะนับตั้งแต่วางมือ เขาก็ไม่เคยเข้าไปยุ่มย่ามในบริษัทหรือในโรงงานอีกเลย และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ภคินจะไม่มายุ่งเกี่ยวในเรื่องส่วนตัวของเขาด้วย“คิน.. ทำไมถึงพูดอย่างนั้น โอกาสของคินและของพ่อมันไม่ได้แตกต่างกันนะ โอกาสในเชิงธุรกิจกับโอกาสที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคน”“พ่อครับ!”“อย่ามาคุยกันเรื่องนี้เลย แค่พ่อยอมให้เจ้ายอดมันขับรถรับส่งให้ทุกวัน มันก็เป็นสิ่งที่คินต้องการแล้วไม่ใช่รึ ถ้าคินรู้แล้วก็อย่าถาม นอกเสียจากคินอยากรู้ความจริงจากปากพ่อ”แววตาที่มองสบมาเขารู้ว่าพ่อทำจริง สิ่งที่เขารู้พ่อจะทำจริงๆ แต่จะให้เขายอมรับคงไม่มีทาง ผู้หญิงดีๆ มีถมเถและทำไมต้องเป็นผู้หญิงพรรค์นั้น ผู้หญิงที่บินสูงเกินตัว“คิน.. กินข้าวมาหรือยัง พ่อให้ยายนุ่มเตรียมอาหารไว้ให้ คงจะยังร้อนๆ อยู่”ภคินหันหลังก้าวเดินทว่าเสียงทุ้มที่เอ่ยบอกขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องมองฝูงปลาในน้ำอยู่เช่นเคยทำให้ภคินชะงักฝีเท้าอีกหน ใบหน้าหล่อคมสลดวูบก่อนจะ
เสียงเพลงเคล้าคลอบาดอารมณ์เหมือนวันก่อนจนดูคล้ายจะเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ไปเสียแล้ว ทั้งแสง สี เสียง ล้วนถูกจัดสรรให้สำหรับปลุกเร้าอารมณ์ฝ่ายต่ำให้กระเจิงไปกับแรงยั่วเย้าทั้งจากน้องนางข้างเคียง ทั้งจากนักร้องและแดนเซอร์บนเวที ดวงตาคมเข้มกวาดมองทั่วทั้งคาเฟ่ทว่าไม่เห็นเจ้าของคนงามออกมาเยื้องกายด้วยมาดนางพญาเหมือนเช่นเคย“พี่คะ มีใครเคยบอกพี่หรือเปล่าคะ ว่า..พี่หล่อม๊ากมาก.. พี่หล่อที่สุดในบรรดาแขก..ที่หนูเคยรับ”สาวน้อยวัยไม่น่าเกิน 20 เบียดกระแซะหน้าอกอวบกับท่อนแขนเขา ขณะที่นิ้วมือกรีดกรายอยู่บริเวณเรียวปากและไล่เรื่อยลงมาตามลำคอแกร่งจนถึงแผงอก ความหยุ่นนุ่มสัมผัสรุกเร้าและพยายามอย่างยิ่งที่จะเสนอในสิ่งที่เขาอยากจะสนองเสียรู้แล้วรู้รอดกันไป ถ้าไม่ติดที่ว่าต้องรอคอย“คะ..คุณคิน ขอโทษครับที่ผมมาช้า”นุติในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์รีบกระหืดกระหอบเข้ามาเพราะถูกโทรจิกให้มาเจอที่สถานที่แห่งนี้โดยด่วน! ภายใน 10 นาที แค่บึ่งรถออกจากบ้านมาถึงที่นี่ก็ 15 นาทีเข้าไปแล้ว แถมยังต้องขับรถไปคิดถึงหน้าบึ้งๆ นี้ไป แล้วเขาจะทำได้ไงภคินโน้มร่างระหงลงมาหาก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้ใบหน้างามเหมือนจะเง้า
เจ้าของรองเท้าผ้าใบสีชมพูบอบบางค่อยๆ ก้าวเท้าลงที่บันไดอย่างเบาที่สุด เพราะตลอดทางเดินออกจากห้องนอนมาจนถึงบันไดด้านหน้า เจ้าตัวก็ทั้งหมอบคลานทั้งเดินย่องเพื่อไม่ให้เกิดเสียงซึ่งอาจทำให้คนที่คิดว่าหลับอยู่ตื่นขึ้นมาเห็นได้ ในมือประคองกระเป๋าสะพายใบย่อม ใบหน้านวลหันรีหันขวางก่อนจะค่อยๆ กระเถิดลงบันไดทีละขั้นๆ “ยายจ๋า ลิลขอโทษนะจ๊ะ ลิลอยากไปดูให้แน่ใจว่าแม่.. ยังอยู่ดีหรือเปล่า ลิลขอโทษ” ใบหน้าแหงนมองขึ้นไปบนเรือนที่ยังมืดมิดไร้แสงไฟ สองมือพนมไหว้ ดวงตาหวานสั่นเครือไปด้วยหยาดน้ำตา ลลิลถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดใจมุ่งสู่ทางออก สองเท้าพาก้าวไปแต่หัวใจกลับรู้สึกเบาโหวง เพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่จะจากบ้านไปไหนไกลๆ แม้สมุทรปราการจะไม่ไกลเท่าใดนัก ทว่าก็ไม่เคยคิดว่าจะไปไหนห่างบ้านเกินกว่า 3 วัน เว้นเสียแต่เวลาโรงเรียนพาไปเข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารีเท่านั้น แต่สถานที่ที่คิดจะไปอยู่นั้นอาจต้องใช้เวลากว่า 4 เดือน และก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าคนที่จะไปหานั้นจะเต็มใจที่จะรับผิดชอบลูกที่เหมือนจะทิ้งขว้างนี้หรือไม่ลลิลหยุดเดินพลางหันมองเรือนไม้อีกครั้ง แสงไฟที่ถูกตามขึ้นในห้องทำให้รู้ว่
ขอบตาหวานและปลายจมูกรั้นๆ แดงระเรื่อที่เห็น ทำไมนะเขาถึงคิดว่าเธอเหมือนพึ่งจะผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ ทว่าเพราะแก้มเปล่งที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นอย่างกะทันหันต่อหน้าต่อตาเขานี้ สิ่งที่เขาคิดอาจจะไม่ใช่ก็ได้ รวมทั้งริมฝีปากที่เผยอค้างอย่างตะลึงมองเขาเช่นกันนั้นมันน่าจูบเสียจนทำให้เขาอดใจไม่ได้ “อุ๊บ!..อื้อ..” ความอุ่นวาบฉกทาบประทับที่ริมฝีปากน้อยๆ นั้นในทันที ลลิลเบิกตาโตอย่างตกใจ ใบหน้าส่ายไปมาไม่ยอมขณะที่ฝ่ามือยันแผงอกเขาและดิ้นรนให้อ้อมแขนรัดนั้นคลายออก ทว่ายิ่งดิ้นเหมือนจะยิ่งเพิ่มความรุกเร้ามากยิ่งขึ้น ลิ้นชำนาญงานชอกชอนดันดูดความอ่อนเดียงสาอย่างจาบจ้วง ลลิลรู้สึกเหมือนโลกหมุนคว้างอยู่กลางอากาศเมื่อรับรู้ได้ว่าการหายใจกับอากาศที่ได้รับเริ่มจะไม่สัมพันธ์กัน “หึหึหึ.. ไก่ยังบินไม่เป็นเลยนี่ ท่าทางจะต้องสอนกันอีกนาน” ภคินรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อประสบการณ์สอนสั่งให้รู้ว่า “ไก่หลง” ตัวนี้ช่างอ่อนเดียงสานัก “จูบแรก” ของเธอคือสิ่งที่เขาได้รับเป็นรางวัลยามเช้า ดวงตาคมเข้มทอดมองหญิงสาวในอ้อมกอดที่ดูเหมือนจะเป็นลมจนมือเท้าอ่อ
ใบหน้าอ้าปากหวออย่างคาดไม่ถึงยิ่งทำให้ภคินถูกใจเธอมากขึ้น ใบหน้าใสๆ ไร้เดียงสาแบบนี้ให้ความรู้สึกเร้าอารมณ์เขาอย่างแรง หากต้องปล่อยให้เธอกร้านโลกไปตามลำพังสู้เขาเลี้ยงเธอไว้เองจะดีกว่า เสียงหัวเราะในลำคอนั้นเพราะขำขันกับความคิดของตัวเอง มันจะแปลกไหมนะที่ชายโสดอย่างเขาอยากจะเลี้ยงสาวๆ ไว้ใช้งานส่วนตัวสักครั้ง “บ้า! คุณมันบ้า คุณคิดว่าฉันมาฝึกงานอะไร คุณมัน..” “แล้วในเล้านี้เธอคิดว่าจะมาฝึกอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่...” ร่างสูงคุกคามถึงตัวภายในพริบตายิ่งทำให้ลลิลสะดุ้งชิดผนังตัวลีบ หัวใจเต้นรัวทั้งตื่นกลัวทั้งตกใจกับคำนั้น “เล้า” เล้าอะไร อย่างนั้น “ไก่” ที่เขาพูดถึงก็คงคือ... “เล้า..ไก่..” “อือฮึ!..”แววคมเข้มล้อๆ ที่โค้งกายคร่อมอยู่ด้านบนทำเอาลลิลสั่นไปทั้งตัว ใบหน้างามหันรีหันขวางหาทางหนีหรือคนช่วย และโชคก็เข้าข้างแม้สภาพของคนที่เห็นจะดูเหมือนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ “ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!” ร่างอวบอัดเต็มตึงไปทุกสัดส่วนที่ยืนนิ่งอยู่ที่บันไดและกำลังจ้องมองมาที่เธอและเขา ทั่วทั้งกา
หลอดไฟสีแดงนวลที่ติดประดับไว้ตามจุดทำให้บรรยากาศที่มองเห็นสามารถสร้างความรู้สึกบางอย่างให้เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี บวกกับเสียงเพลงขับร้องและท่วงทำนองเครือคลอเหมือนจะปลุกเร้าอารมณ์ดิบๆ ของคนออกมาทำให้ชายหนุ่มไม่รีรอที่จะเลี้ยวเข้าไปจับจองในมุมประจำที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ เพียงแค่สัมผัสเบาะนุ่ม สิ่งยั่วยวนที่จับต้องได้ก็แทบจะถลาขึ้นมาเกยอยู่บนตัก แสงไฟสลัวแดงระเรื่อส่งผลให้ความอวบอิ่มหยาดเยิ้มดูจะเพิ่มมากขึ้น เอวคอดส่ายสะบัดตามท่วงทำนองและบทเพลงปลุกเร้า ประกอบกับความหยุ่นนุ่มที่เสิร์ฟให้ถึงมือและปาก ก็แทบทำให้เขาไม่สามารถเก็บกดความเป็นชายไว้ได้อีกต่อไป “ขึ้นห้องกันเถอะ พะ..พี่จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” หญิงสาวที่ยึดตักแกร่งของเขาเป็นที่นั่ง แหงนหน้าหัวเราะอย่างใส่จริตพลางบดเบียดบั้นท้ายสัมผัสสิ่งเร้าที่อยู่ด้านล่างอย่างเย้ายั่ว ก่อนจะเคลื่อนกายยักย้ายส่ายสะโพกตรงไปยังจุดที่เขาคิดจะปีนไปให้ถึง ทว่าดวงตาหวานที่แต่งแต้มงดงามก็ยังไม่วายหันมาเชิญชวนและกระดิกนิ้วเรียก ก่อนจะเคลื่อนย้ายนิ้วน้อยๆ นั้นเข้าสู่อุ้งปาก และดูดดึงราวเอร็ดอร่อยเสียเต็มประดา ชายหนุ่มนั่งมองตาค้
“แล้วไงครับ วันนี้แขกคนสำคัญของดาไม่มาเหรอ ดาถึงได้เจียดเวลามาคุยกับผมได้” คำพูดเหมือนจะงอนๆ ทว่าน้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความหยอกเย้า “เอ..ผู้กำกับไปราชการต่างจังหวัดคะ ส่วนเฮียกรยังไม่เห็น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มานะคะ” เสียงตอบรวนๆ ปนงอน เมื่อคนถามไม่ได้แสดงความหึงหวงแถมยังมาหยอกเย้าถึงแขกขาประจำของเธอเสียอีก แขกประจำของเธอ รู้กันดีว่ามีเพียง 3 คน เพราะนอกนั้นลินลดาลาขาดที่จะรับคนอื่นเพิ่มด้วยเหตุผลที่ว่าเธอแก่แล้ว ทว่าก็ยังมีแขกขาจรและขาประจำอีกมากที่ยินดีจะทุ่มให้ถ้าเธอยอม แต่ก็อีกนั่นแหละ ใครๆ ก็คงสู้แรงทุ่มของภควัฒน์ไม่ไหว สุดท้ายแขกขาประจำของเธอก็คงเหลือ 3 คนเหมือนเดิมสำหรับผู้กำกับบัญชาและเสี่ยพงศกรเป็นแขกที่เธอขอไม่ให้ภควัฒน์เข้ามาก้าวก่าย เพราะว่ากิจการของเธอต้องการคนมีสีมาคุ้มครอง และเสี่ยพงศกรก็ยังเป็นคนที่ช่วยเหลือทางด้านการเงินจนทำให้เธอมีทุกวันนี้ ซึ่งภควัฒน์ก็เข้าใจและจะไม่ยุ่งหาก 1 ตำรวจและ 1 เสี่ยนี้จะมา แต่จะว่าไม่ยุ่งก็ไม่ได้เพราะหาก 2 หนุ่มเหลือน้อยทั้งสองคนนั้นเปิดศึกชิงเธอกันเมื่อไร สุดท้ายแล้วภควัฒน์ก็จะได้ไปทุกครั้ง“งั้น.. คืนนี้ ดาไ
เสียงเพลงปลุกเร้าอารมณ์ที่ดังลอดออกมาจนถึงบานประตูใหญ่ดั่งใครกำลังครวญครางกับกิจกรรมหฤหรรษ์ในยามค่ำคืน ส่งผลชายหนุ่มมากหน้าหลายตาต้องชะงักหยุดเดินก่อนที่จะพาตัวเองเข้าไปด้านใน ชายร่างใหญ่สองนายยืนคุมอยู่บริเวณประตูทำหน้าที่ตรวจบัตรประจำตัวเพื่อไม่ให้เดือดร้อนหากมีการจับกุมของเจ้าหน้าที่“นายอายุถึง 18 หรือเปล่า”แววตาใสซื่อหันมาถาม นุติถึงกับสะอึกรับมุขดอกนี้ของเจ้านายไม่ทันมือเกาศีรษะตัวเองไปมาเพราะไม่ทันที่จะตอบและก็ไม่ทันที่จะรั้งเจ้านายไว้ได้ทัน เมื่อคนที่ทำให้งงนั้นเปิดประตูรถและเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในทิศทางของเสียงเพลง โดยไม่รอเขาสักนิด แถมฝ่ามือนั้นยังเหวี่ยงมาข้างหลังทำท่าจะกดรีโมตล็อครถ นุติรีบถลาลงจากรถตาหูเหลือกก่อนจะรีบถลันตามเจ้านายที่ถึงจะหล่อจนสาวละลายแต่ก็เอาแต่ใจ “ฉิบ” อย่างฉุดไม่อยู่“จับมือฉันไว้ถ้ากลัวหลง”นุติถลึงตามองภคินที่ยังเล่นไม่เลิกอย่างงอนๆ ยามอยู่ในบริษัท เขาเห็นภคินเป็นเจ้านายที่ดีพร้อม ทั้งเก่งทั้งฉลาดรอบรู้เรื่องราวได้สารพัด แต่ในยามหน้าที่หมดไป ภคินก็คือเพื่อนที่ยังติดต่อกันอยู่จนถึงปัจจุบัน น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเขากับภคินนั้นเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต