เสียงเพลงปลุกเร้าอารมณ์ที่ดังลอดออกมาจนถึงบานประตูใหญ่ดั่งใครกำลังครวญครางกับกิจกรรมหฤหรรษ์ในยามค่ำคืน ส่งผลชายหนุ่มมากหน้าหลายตาต้องชะงักหยุดเดินก่อนที่จะพาตัวเองเข้าไปด้านใน ชายร่างใหญ่สองนายยืนคุมอยู่บริเวณประตูทำหน้าที่ตรวจบัตรประจำตัวเพื่อไม่ให้เดือดร้อนหากมีการจับกุมของเจ้าหน้าที่
“นายอายุถึง 18 หรือเปล่า”
แววตาใสซื่อหันมาถาม นุติถึงกับสะอึกรับมุขดอกนี้ของเจ้านายไม่ทันมือเกาศีรษะตัวเองไปมาเพราะไม่ทันที่จะตอบและก็ไม่ทันที่จะรั้งเจ้านายไว้ได้ทัน เมื่อคนที่ทำให้งงนั้นเปิดประตูรถและเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในทิศทางของเสียงเพลง โดยไม่รอเขาสักนิด แถมฝ่ามือนั้นยังเหวี่ยงมาข้างหลังทำท่าจะกดรีโมตล็อครถ นุติรีบถลาลงจากรถตาหูเหลือกก่อนจะรีบถลันตามเจ้านายที่ถึงจะหล่อจนสาวละลายแต่ก็เอาแต่ใจ “ฉิบ” อย่างฉุดไม่อยู่
“จับมือฉันไว้ถ้ากลัวหลง”
นุติถลึงตามองภคินที่ยังเล่นไม่เลิกอย่างงอนๆ ยามอยู่ในบริษัท เขาเห็นภคินเป็นเจ้านายที่ดีพร้อม ทั้งเก่งทั้งฉลาดรอบรู้เรื่องราวได้สารพัด แต่ในยามหน้าที่หมดไป ภคินก็คือเพื่อนที่ยังติดต่อกันอยู่จนถึงปัจจุบัน น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเขากับภคินนั้นเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยม และไม่คิดว่าวงโคจรของโลกจะทำให้พวกเขาได้เจอกันแต่มาอยู่ในสถานะของเจ้านายและลูกน้อง
นับตั้งแต่บิดาของเขาประสบปัญหาในธุรกิจจนต้องกลายเป็นบุคคลล้มละลายจนเลือกที่จะตัดช่องน้อยแต่พอตัวจากไปอย่างไม่มีวันกลับก็ทำให้เขาต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย โชคดีที่ท่านภควัฒน์ยื่นมือให้ความช่วยเหลือให้ทุนเรียนต่อ โดยแลกกับการที่เขาจะต้องมาคอยเป็นผู้ช่วยจัดเตรียมเอกสารสำหรับงานประจำวันซึ่งเขารู้ดีว่ามันเป็นทางช่วยเหลือที่ไม่คิดเลยว่าจะมีใครยื่นมือเข้าช่วยและให้โอกาสได้มากขนาดนี้ การจัดเตรียมเอกสารสำหรับท่านภควัฒน์ก็ไม่ต่างอะไรกับการฝึกงานเป็นผู้บริหารในอนาคต
ตลอดเวลา 5 ปีที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยจนจบปริญญาโท เส้นทางธุรกิจที่ได้เรียนรู้มันทำให้เขาสามารถปลีกตัวไปสร้างบริษัทเป็นของตัวเองได้เลยหากวันหนึ่งที่เขาจะมีเงินทุนเพียงพอ และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ที่ท่านภควัฒน์วางมือและมอบอำนาจสิทธิ์ขาดในการบริหารให้แก่บุตรชายเพียงคนเดียว เส้นทางของเขาและภคินจึงเดินทางมาบรรจบกันอีกครั้ง เพื่อนที่เป็นนายใครจะว่าอย่างไรเขาไม่รู้ แต่สำหรับเขาแล้ว ภคิน..เป็นมากกว่านั้นเพราะเขาเป็นคนที่จะต้องตอบแทนและดูแลให้ดีที่สุด เพราะถ้าไม่ได้ภคินก็คงไม่มีวันที่ท่านภควัฒน์จะรู้จักนายนุติ
“นายมองฉันเหมือนอยากจะกินฉันเข้าไปทั้งตัวแน่ะว่ะ เจ้านุ”
คำพูดสัพยอกพร้อมแววตาหวานเชื่อมที่มองมาทำให้นุติผวาเฮือกกระโจนไปอีกทางอย่างไม่ไว้วางใจเจ้าของดวงตาคมเข้มที่เปลี่ยนเป็นหวานหยาดเยิ้มเพียงแค่เข้ามาถึงข้างใน
“คุณคิน ยะ..อย่าบอกนะว่า คุณคินเพิ่งมาค้นพบตัวเองตอนนี้”
“ไอ้บ้า! นุ นายนี่มันทำงานมากเสียจนเบลอแล้วมั้ง นี่นายเป็นฉันเป็นเก้งตั้งแต่เมื่อไรว่ะ”
“ก็ตั้งแต่คุณคินมองผมอย่างกับอยากจะกินเมื่อกี้น่ะครับ”
“นายนี่มัน..”
เสียงทุ้มเข่นเขี้ยวต้องหยุดลงเพราะเจ้าของสถานที่กำลังก้าวมาเยือน เรือนร่างอวบอิ่มที่เห็นทำให้ดวงตาคมถึงกับกระตุกวาบ “เธอสวยจริงๆ” นั่นคือสิ่งที่คิดขึ้นมาได้ ผู้หญิงตรงหน้าไม่มีส่วนไหนที่บ่งบอกเลยว่าไม่สวยและไม่น่าเชื่อว่าเธอจะอายุมากกว่าเขา “ลินลดา..แม่เล้าสาวสวยแห่ง ลินลดาคาเฟ่ สมคำเล่าลือจริงๆ มิน่า..”
“สวัสดีค่ะ เพิ่งเคยมาครั้งแรกใช่ไหมคะ ดาไม่เคยเห็นพวกคุณเลย” ใบหน้างามแย้มยิ้มส่งมาซึ่งนุตินั้นเหมือนจะละเมอยิ้มค้างไม่หุบเมื่อเห็นสิ่งสวยงามตรงหน้า
“ลินลดาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ..เอ่อ..”
น้ำเสียงขาดห้วงใส่จริตอย่างต้องการให้เขาบอกชื่อ ใบหน้าสวยหวานรับกับดวงตาคมที่ดูแพรวพราวไปด้วยจริตจะกร้านอย่างผู้หญิงกลางคืนจะพึงมียังคงแย้มยิ้ม
“เธอดูแตกต่าง แตกต่างไปจากผู้หญิงอย่างว่าที่เคยเห็น”
ภคินมองใบหน้าสวยหวานนั้นอย่างอึ้งๆ กิริยาที่อ่อนหวานพร้อมจริตที่เธอปรุงแต่งขึ้นมานั้น เมื่อรวมๆ กันแล้วมันไม่ได้ดูน่าเกลียดทว่ามันกลับดูน่ามองน่าสัมผัส สมแล้วที่ “ลินลดาคาเฟ่” จะสามารถยืนหยัดมาได้กว่า 5 ปี แม้จะถูกกวาดล้างและต้องจ่ายค่าปรับบ่อยครั้งแต่ก็ดูเหมือนเจ้าหน้าที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเธอมากกว่า ดังนั้นแล้วข่าวที่ได้รับมาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอและท่านผู้กำกับบัญชาก็ดูท่าว่าจะจริง
“ผมคินครับและนี่นุเพื่อนผม” เสียงทุ้มเอ่ยบอกในขณะที่ดวงตาคมเข้มยังไม่ได้ละไปจากใบหน้าสวยนั้นสักวินาทีเดียว
“เดี๋ยวเด็กจะเข้ามารับรายการอาหารและถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมแจ้งกับเด็กๆ ได้เลยนะคะ ดาต้องขอตัวก่อน แต่ถ้ามีอะไรให้รับใช้ก็ให้เด็กๆ ไปตามได้ค่ะ”
รอยยิ้มหวานส่งมาให้ไม่มีวี่แววเคอะเขินสักนิดทั้งที่เขาพยายามหว่านเสน่ห์อย่างสุดฤทธิ์ รอยยิ้มบาดใจที่สาวเล็กสาวใหญ่ถวิลหาแต่กับเธอคนนี้เหมือนจะเป็นเพียงสิ่งเคยชินของเธอเท่านั้น อย่างนั้นแล้วก็คงหมายถึงว่า การที่เธอเดินเข้ามาทักทายนั้นก็เป็นเพียงหน้าที่ของเธอที่ต้องทำอย่างนั้นซิ
“เดี๋ยวซิครับคุณดา จะให้เกียรตินั่งคุยกันสักครู่ได้ไหมครับ”“ขอเป็นโอกาสหน้าได้ไหมคะ วันนี้ดาไม่สะดวกแล้วน่ะค่ะ ต้องขออภัยจริงๆ”“ครับ..ผมเข้าใจ หวังว่าโอกาสหน้าคงจะเป็นของผม”ดวงตาคมเข้มที่ส่งมามันฉายแววปรารถนาไว้อย่างชัดเจนคือสิ่งที่เธอเห็น ทว่าประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 5 ปี ในฐานะที่เป็นแม่เล้า และ 4 ปีก่อนหน้านั้นในฐานะของลูกเล้า มันทำให้เธอแยกแยะออกว่า แววตาที่ปรารถนากับแววตาที่อยากลองของยากๆ สักครั้งมันเป็นอย่างไร และทั้งสองอย่างนั้นไม่ได้มีอยู่ในแววคมเข้มนั้นเลยสักนิด สิ่งที่เธอเห็นมันกลับเป็นแววถือดีอยากเอาชนะเสียมากกว่าร่างอวบอิ่มที่เดินจากไปทิ้งอะไรบางอย่างไว้ให้เขาฉุกคิด เพราะความไม่สะดวกของเธอนั้นเหมือนจะยิ้มรอท่าอยู่ในมุมหนึ่ง มุมประจำของบิดาคือสิ่งที่นุติกระซิบบอก ผู้หญิงคนนั้นทิ้งผู้ชายอย่างเขาเพื่อยอมรับความไม่สะดวกในสิ่งที่บิดาเขาหยิบยื่นอย่างนั้นหรือ มุมปากยกยิ้มอย่างถือดี เมื่อฉุกคิดได้ว่า“ลินลดา เธอบินได้สูงดีทีเดียว”...“ลิล..ลิล..ลิลลี่ เอ๊ย! อยู่ข้างบนหรือเปล่าลูก”เสียงยายเรียกดังมาจากใต้ถุนเรือนทำให้ลลิลละสายตาขึ้นจากหนังสือเรียน ก่อนจะลุกขึ้นยืดแขนยืดขาเ
ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ทว่าพุงพุ้ยที่ยื่นออกมานั้นทำให้ร่างสูงดูภูมิฐานและน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น บุคลิกนิ่งๆ ที่มีเพียงสายตาที่กวาดมองรอบด้านอย่างจะประเมินมองสถานการณ์ ภายใต้ชุดตำรวจครึ่งท่อนนั้นยิ่งทำให้คนของอีกฝ่ายต้องทำท่าแขยงๆ ไม่กล้าจะทำตามที่นายสั่ง “เฮ้ย! กูสั่งให้รุมมันไง ทำไมมึงถึงไม่ทำ” “ฮะ..เฮีย เอาจริงหรือครับ ผมกลัวปืนผู้กำกับ” ไอ้ลูกน้องที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าหันมาบอกปากคอสั่น ขณะที่ดวงตาหวาดๆ ของมันส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่ล้อมรอบผู้กำกับบัญชาให้อยู่เฉยๆ อย่าได้ทำอะไรวู่วาม “โธ่โว๊ย! แค่ตำรวจแก่ๆ คนนึง พวกมึงก็ป๊อดซะแล้ว ต้องให้ถึงมือกูทุกที” เสียงพูดอย่างไม่เกรงกลัวใครเอ่ยบอกก่อนจะดันลูกน้องที่ยืนขวางอยู่ให้พ้นทาง เสี่ยพงศกรมองดูผู้กำกับบัญชาที่อยู่ในวงล้อมลูกน้องเขาอย่างเป็นต่อ ใบหน้าหล่อเหลาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนยกยิ้ม ดวงตาคมปานเหยี่ยวที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อจ้องมองผู้กำกับวัยใกล้เกษียณที่จ้องประสานสายตาไม่หลบเช่นกัน “ผู้กำกับ วันนี้มันคิวผม ผู้กำกับจะมาชุบมือเปิบได้ไง โน่น! เด็กใหม่ๆ เยอะแยะ ทำไมต้
น้ำเสียงปนหยันที่จับได้ ทำให้ภควัฒน์ต้องเงยหน้าขึ้นมองลูกชายคนเดียว “ภคิน บริรักษ์” บุตรชายเพียงคนเดียวที่ขณะนี้อำนาจการบริหารงานในบริษัททั้งหมดเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว เพราะนับตั้งแต่วางมือ เขาก็ไม่เคยเข้าไปยุ่มย่ามในบริษัทหรือในโรงงานอีกเลย และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ภคินจะไม่มายุ่งเกี่ยวในเรื่องส่วนตัวของเขาด้วย“คิน.. ทำไมถึงพูดอย่างนั้น โอกาสของคินและของพ่อมันไม่ได้แตกต่างกันนะ โอกาสในเชิงธุรกิจกับโอกาสที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคน”“พ่อครับ!”“อย่ามาคุยกันเรื่องนี้เลย แค่พ่อยอมให้เจ้ายอดมันขับรถรับส่งให้ทุกวัน มันก็เป็นสิ่งที่คินต้องการแล้วไม่ใช่รึ ถ้าคินรู้แล้วก็อย่าถาม นอกเสียจากคินอยากรู้ความจริงจากปากพ่อ”แววตาที่มองสบมาเขารู้ว่าพ่อทำจริง สิ่งที่เขารู้พ่อจะทำจริงๆ แต่จะให้เขายอมรับคงไม่มีทาง ผู้หญิงดีๆ มีถมเถและทำไมต้องเป็นผู้หญิงพรรค์นั้น ผู้หญิงที่บินสูงเกินตัว“คิน.. กินข้าวมาหรือยัง พ่อให้ยายนุ่มเตรียมอาหารไว้ให้ คงจะยังร้อนๆ อยู่”ภคินหันหลังก้าวเดินทว่าเสียงทุ้มที่เอ่ยบอกขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องมองฝูงปลาในน้ำอยู่เช่นเคยทำให้ภคินชะงักฝีเท้าอีกหน ใบหน้าหล่อคมสลดวูบก่อนจะ
เสียงเพลงเคล้าคลอบาดอารมณ์เหมือนวันก่อนจนดูคล้ายจะเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ไปเสียแล้ว ทั้งแสง สี เสียง ล้วนถูกจัดสรรให้สำหรับปลุกเร้าอารมณ์ฝ่ายต่ำให้กระเจิงไปกับแรงยั่วเย้าทั้งจากน้องนางข้างเคียง ทั้งจากนักร้องและแดนเซอร์บนเวที ดวงตาคมเข้มกวาดมองทั่วทั้งคาเฟ่ทว่าไม่เห็นเจ้าของคนงามออกมาเยื้องกายด้วยมาดนางพญาเหมือนเช่นเคย“พี่คะ มีใครเคยบอกพี่หรือเปล่าคะ ว่า..พี่หล่อม๊ากมาก.. พี่หล่อที่สุดในบรรดาแขก..ที่หนูเคยรับ”สาวน้อยวัยไม่น่าเกิน 20 เบียดกระแซะหน้าอกอวบกับท่อนแขนเขา ขณะที่นิ้วมือกรีดกรายอยู่บริเวณเรียวปากและไล่เรื่อยลงมาตามลำคอแกร่งจนถึงแผงอก ความหยุ่นนุ่มสัมผัสรุกเร้าและพยายามอย่างยิ่งที่จะเสนอในสิ่งที่เขาอยากจะสนองเสียรู้แล้วรู้รอดกันไป ถ้าไม่ติดที่ว่าต้องรอคอย“คะ..คุณคิน ขอโทษครับที่ผมมาช้า”นุติในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์รีบกระหืดกระหอบเข้ามาเพราะถูกโทรจิกให้มาเจอที่สถานที่แห่งนี้โดยด่วน! ภายใน 10 นาที แค่บึ่งรถออกจากบ้านมาถึงที่นี่ก็ 15 นาทีเข้าไปแล้ว แถมยังต้องขับรถไปคิดถึงหน้าบึ้งๆ นี้ไป แล้วเขาจะทำได้ไงภคินโน้มร่างระหงลงมาหาก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้ใบหน้างามเหมือนจะเง้า
เจ้าของรองเท้าผ้าใบสีชมพูบอบบางค่อยๆ ก้าวเท้าลงที่บันไดอย่างเบาที่สุด เพราะตลอดทางเดินออกจากห้องนอนมาจนถึงบันไดด้านหน้า เจ้าตัวก็ทั้งหมอบคลานทั้งเดินย่องเพื่อไม่ให้เกิดเสียงซึ่งอาจทำให้คนที่คิดว่าหลับอยู่ตื่นขึ้นมาเห็นได้ ในมือประคองกระเป๋าสะพายใบย่อม ใบหน้านวลหันรีหันขวางก่อนจะค่อยๆ กระเถิดลงบันไดทีละขั้นๆ “ยายจ๋า ลิลขอโทษนะจ๊ะ ลิลอยากไปดูให้แน่ใจว่าแม่.. ยังอยู่ดีหรือเปล่า ลิลขอโทษ” ใบหน้าแหงนมองขึ้นไปบนเรือนที่ยังมืดมิดไร้แสงไฟ สองมือพนมไหว้ ดวงตาหวานสั่นเครือไปด้วยหยาดน้ำตา ลลิลถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดใจมุ่งสู่ทางออก สองเท้าพาก้าวไปแต่หัวใจกลับรู้สึกเบาโหวง เพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่จะจากบ้านไปไหนไกลๆ แม้สมุทรปราการจะไม่ไกลเท่าใดนัก ทว่าก็ไม่เคยคิดว่าจะไปไหนห่างบ้านเกินกว่า 3 วัน เว้นเสียแต่เวลาโรงเรียนพาไปเข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารีเท่านั้น แต่สถานที่ที่คิดจะไปอยู่นั้นอาจต้องใช้เวลากว่า 4 เดือน และก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าคนที่จะไปหานั้นจะเต็มใจที่จะรับผิดชอบลูกที่เหมือนจะทิ้งขว้างนี้หรือไม่ลลิลหยุดเดินพลางหันมองเรือนไม้อีกครั้ง แสงไฟที่ถูกตามขึ้นในห้องทำให้รู้ว่
ขอบตาหวานและปลายจมูกรั้นๆ แดงระเรื่อที่เห็น ทำไมนะเขาถึงคิดว่าเธอเหมือนพึ่งจะผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ ทว่าเพราะแก้มเปล่งที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นอย่างกะทันหันต่อหน้าต่อตาเขานี้ สิ่งที่เขาคิดอาจจะไม่ใช่ก็ได้ รวมทั้งริมฝีปากที่เผยอค้างอย่างตะลึงมองเขาเช่นกันนั้นมันน่าจูบเสียจนทำให้เขาอดใจไม่ได้ “อุ๊บ!..อื้อ..” ความอุ่นวาบฉกทาบประทับที่ริมฝีปากน้อยๆ นั้นในทันที ลลิลเบิกตาโตอย่างตกใจ ใบหน้าส่ายไปมาไม่ยอมขณะที่ฝ่ามือยันแผงอกเขาและดิ้นรนให้อ้อมแขนรัดนั้นคลายออก ทว่ายิ่งดิ้นเหมือนจะยิ่งเพิ่มความรุกเร้ามากยิ่งขึ้น ลิ้นชำนาญงานชอกชอนดันดูดความอ่อนเดียงสาอย่างจาบจ้วง ลลิลรู้สึกเหมือนโลกหมุนคว้างอยู่กลางอากาศเมื่อรับรู้ได้ว่าการหายใจกับอากาศที่ได้รับเริ่มจะไม่สัมพันธ์กัน “หึหึหึ.. ไก่ยังบินไม่เป็นเลยนี่ ท่าทางจะต้องสอนกันอีกนาน” ภคินรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อประสบการณ์สอนสั่งให้รู้ว่า “ไก่หลง” ตัวนี้ช่างอ่อนเดียงสานัก “จูบแรก” ของเธอคือสิ่งที่เขาได้รับเป็นรางวัลยามเช้า ดวงตาคมเข้มทอดมองหญิงสาวในอ้อมกอดที่ดูเหมือนจะเป็นลมจนมือเท้าอ่อ
ใบหน้าอ้าปากหวออย่างคาดไม่ถึงยิ่งทำให้ภคินถูกใจเธอมากขึ้น ใบหน้าใสๆ ไร้เดียงสาแบบนี้ให้ความรู้สึกเร้าอารมณ์เขาอย่างแรง หากต้องปล่อยให้เธอกร้านโลกไปตามลำพังสู้เขาเลี้ยงเธอไว้เองจะดีกว่า เสียงหัวเราะในลำคอนั้นเพราะขำขันกับความคิดของตัวเอง มันจะแปลกไหมนะที่ชายโสดอย่างเขาอยากจะเลี้ยงสาวๆ ไว้ใช้งานส่วนตัวสักครั้ง “บ้า! คุณมันบ้า คุณคิดว่าฉันมาฝึกงานอะไร คุณมัน..” “แล้วในเล้านี้เธอคิดว่าจะมาฝึกอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่...” ร่างสูงคุกคามถึงตัวภายในพริบตายิ่งทำให้ลลิลสะดุ้งชิดผนังตัวลีบ หัวใจเต้นรัวทั้งตื่นกลัวทั้งตกใจกับคำนั้น “เล้า” เล้าอะไร อย่างนั้น “ไก่” ที่เขาพูดถึงก็คงคือ... “เล้า..ไก่..” “อือฮึ!..”แววคมเข้มล้อๆ ที่โค้งกายคร่อมอยู่ด้านบนทำเอาลลิลสั่นไปทั้งตัว ใบหน้างามหันรีหันขวางหาทางหนีหรือคนช่วย และโชคก็เข้าข้างแม้สภาพของคนที่เห็นจะดูเหมือนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ “ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!” ร่างอวบอัดเต็มตึงไปทุกสัดส่วนที่ยืนนิ่งอยู่ที่บันไดและกำลังจ้องมองมาที่เธอและเขา ทั่วทั้งกา
หลอดไฟสีแดงนวลที่ติดประดับไว้ตามจุดทำให้บรรยากาศที่มองเห็นสามารถสร้างความรู้สึกบางอย่างให้เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี บวกกับเสียงเพลงขับร้องและท่วงทำนองเครือคลอเหมือนจะปลุกเร้าอารมณ์ดิบๆ ของคนออกมาทำให้ชายหนุ่มไม่รีรอที่จะเลี้ยวเข้าไปจับจองในมุมประจำที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ เพียงแค่สัมผัสเบาะนุ่ม สิ่งยั่วยวนที่จับต้องได้ก็แทบจะถลาขึ้นมาเกยอยู่บนตัก แสงไฟสลัวแดงระเรื่อส่งผลให้ความอวบอิ่มหยาดเยิ้มดูจะเพิ่มมากขึ้น เอวคอดส่ายสะบัดตามท่วงทำนองและบทเพลงปลุกเร้า ประกอบกับความหยุ่นนุ่มที่เสิร์ฟให้ถึงมือและปาก ก็แทบทำให้เขาไม่สามารถเก็บกดความเป็นชายไว้ได้อีกต่อไป “ขึ้นห้องกันเถอะ พะ..พี่จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” หญิงสาวที่ยึดตักแกร่งของเขาเป็นที่นั่ง แหงนหน้าหัวเราะอย่างใส่จริตพลางบดเบียดบั้นท้ายสัมผัสสิ่งเร้าที่อยู่ด้านล่างอย่างเย้ายั่ว ก่อนจะเคลื่อนกายยักย้ายส่ายสะโพกตรงไปยังจุดที่เขาคิดจะปีนไปให้ถึง ทว่าดวงตาหวานที่แต่งแต้มงดงามก็ยังไม่วายหันมาเชิญชวนและกระดิกนิ้วเรียก ก่อนจะเคลื่อนย้ายนิ้วน้อยๆ นั้นเข้าสู่อุ้งปาก และดูดดึงราวเอร็ดอร่อยเสียเต็มประดา ชายหนุ่มนั่งมองตาค้