หลังจากการต่อสู้ที่หนักหน่วง ซาเอบะและหลินหลินกับทีมของพวกเขาได้พักเพื่อทบทวนสถานการณ์ ทุกคนต่างรู้ว่าการเอาชนะครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และยังมีศัตรูอีกมากมายที่รออยู่ การเผชิญหน้าครั้งต่อไปอาจยิ่งใหญ่และอันตรายกว่าเดิม“แม้เราจะชนะได้ในครั้งนี้” ซาเอบะพูดขึ้นในขณะที่ทุกคนกำลังพักผ่อน “แต่เราต้องไม่ประมาท ศัตรูของเรายังคงแข็งแกร่งและมีพลังมากกว่าที่เราเห็นวันนี้”หลินหลินนั่งอยู่ข้างๆ ซาเอบะ เธอมีสีหน้าที่สงบนิ่ง แต่ในใจเธอยังคงกังวลกับสิ่งที่พวกเขาจะต้องเผชิญหน้าในอนาคต “คุณคิดว่าแผนการต่อไปควรเป็นอย่างไรคะ?” เธอถามด้วยความสงสัยซาเอบะเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบ “เราต้องค้นหาว่าศัตรูของเรามีแผนการอะไร และทำอย่างไรพวกเราจะสามารถทำลายมันได้”“ฉันมีข้อมูลบางอย่าง” โจ สมาชิกในทีมอีกคนหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับหยิบแผนที่เก่าที่เขาเพิ่งค้นพบมาให้ซาเอบะดู “นี่คือที่ตั้งของศูนย์บัญชาการลับที่พวกเขาใช้ในการวางแผนโจมตีเรา ถ้าเราสามารถไปที่นั่นได้ เราอาจค้นพบแผนการที่พวกเขากำลังดำเนินอยู่”ซาเอบะมองแผนที่อย่างละเอียด เขารู้ว่าการบุกเข้าไปในศูนย์บัญชาการนี้จะเป็นภารกิจที่เสี่ยงอันตราย แต่หากพวกเ
หลังจากที่ซาเอบะและหลินหลินหนีออกมาจากศูนย์บัญชาการลับ พวกเขารีบกลับไปยังฐานของพวกเขาเพื่อเตือนให้ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีที่กำลังจะมาถึง คืนนี้เป็นคืนที่เงียบสงบ แต่ความเงียบงันนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียดของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้เมื่อมาถึงฐาน ซาเอบะและหลินหลินรายงานข้อมูลที่พวกเขาได้ค้นพบให้กับหัวหน้าทีมและสมาชิกทุกคน “ศัตรูกำลังวางแผนโจมตีครั้งใหญ่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเขามีอาวุธและกำลังคนจำนวนมากที่พร้อมจะเคลื่อนตัว” ซาเอบะบอกอย่างจริงจัง“เราต้องรีบวางแผนป้องกัน” หัวหน้าทีมกล่าว “แต่จะทำยังไงเมื่อพวกมันมีจำนวนมากกว่าเรา?”หลินหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “เรายังมีโอกาส ถ้าเราใช้ความเร็วและความฉลาดเป็นอาวุธ การโจมตีไม่จำเป็นต้องใช้กำลังมาก แต่ต้องใช้ความแม่นยำและกลยุทธ์ที่เฉียบแหลม”“เราจะจัดทีมเป็นกลุ่มเล็กๆ แล้วเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วโจมตีจุดยุทธศาสตร์ของพวกมัน” ซาเอบะเสริม “ถ้าเราทำให้พวกมันเสียหายก่อนที่จะเริ่มการโจมตี พวกเราจะมีโอกาสมากขึ้น”หลังจากการปรึกษากันเป็นเวลานาน ทีมทั้งหมดตกลงที่จะทำตามแผนของซาเอบะ พวกเขาแบ่งกลุ่มออกเป็นสามทีม โดยมีเป้าหมา
ซาเอบะรู้สึกหัวใจตกวูบเมื่อได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากทิศทางที่หลินหลินอยู่ เขาตะโกนสั่งทีมให้ระวังตัวและเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วไปยังพื้นที่ของเธอ ขณะที่เท้าของเขาวิ่งผ่านความมืดมิด หัวใจของเขาเต้นอย่างบ้าคลั่ง ห่วงหลินหลินและความปลอดภัยของเธอเกินกว่าจะหยุดคิดเมื่อเขามาถึงจุดเกิดเหตุ ทีมของหลินหลินกำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มศัตรูที่เข้ามาอย่างไม่หยุด หลินหลินซ่อนตัวอยู่หลังซากปรักหักพัง มือของเธอสั่นเล็กน้อยขณะพยายามหยิบปืนขึ้นมา แต่การตอบโต้ของเธอดูไม่มั่นคงเหมือนนักรบฝีมือดี เพราะในฐานะนักศึกษา การเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับเธอ“หลินหลิน!” ซาเอบะตะโกนพลางกระโจนเข้ามาเพื่อปกป้องเธอ ขณะที่กระสุนวิ่งผ่านอากาศใกล้ศีรษะของพวกเขา เขารีบจัดการศัตรูสองคนที่อยู่ใกล้ๆ อย่างรวดเร็ว แต่ศัตรูยังคงเข้ามาไม่หยุด หลินหลินพยายามทำตามคำสั่งของซาเอบะ ยิงออกไปบ้างเป็นครั้งคราวแม้จะยังไม่ค่อยมั่นใจนัก“หลินหลิน เธอโอเคไหม?” ซาเอบะถามพร้อมกับมองไปยังใบหน้าของเธอที่ดูเหนื่อยล้าหลินหลินพยักหน้า แม้จะยังคงมีความกลัวในแววตา แต่เธอก็พยายามจะเข้มแข็ง “ฉัน…ฉันไม่เป็นไร แต่พวกเขามากเกินไป” เธอพูดเ
หลังจากได้รับโทรศัพท์ลึกลับ ซาเอบะนั่งอยู่ในห้องที่เงียบสงัด สายตาของเขามองออกไปนอกหน้าต่าง ขณะที่ข้อมูลที่ได้รับยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เขาพลิกดูบันทึกที่เขียนสรุปแผนการไว้บนกระดาษอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางความเงียบ หลินหลินเดินเข้ามาใกล้“ใครโทรมาคะ?” หลินหลินถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย เธอมองไปยังแผ่นกระดาษในมือของซาเอบะก่อนจะนั่งลงที่โซฟาข้างๆซาเอบะหันมามองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว “เป็นข้อมูลที่อาจเปลี่ยนแผนของเราได้ แต่มันเสี่ยงมาก”“แล้วคุณจะไปเจอเขางั้นเหรอ?” หลินหลินถาม ขณะที่ความไม่สบายใจปรากฏชัดบนใบหน้าของเธอ ดวงตาของเธอสะท้อนแสงไฟจากหน้าต่าง เธอรู้ดีว่าทุกครั้งที่ซาเอบะออกไปทำภารกิจ มันเต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่สามารถคาดเดาได้“ใช่ ฉันต้องไป” ซาเอบะตอบพลางลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขาเปี่ยมด้วยความตั้งใจ “แต่ครั้งนี้เธอควรพัก หลินหลิน เธอทำงานหนักมาตลอด และตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สถานการณ์อาจรุนแรงเกินไป”หลินหลินขมวดคิ้วและยืนเงียบไปครู่หนึ่ง แม้ว่าเธออยากจะไปช่วย แต่เธอก็รู้ดีว่าซาเอบะต้องการให้เธอพักจริงๆ “ถ้าอย่างนั้น คุณต้องระวังตัวด้วยนะคะ ฉันไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกั
ซาเอบะจ้องมองชายลึกลับที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา แม้จะมีหมอกจางๆ ปกคลุมท่าเรือร้าง แต่ความเย็นชาของสถานการณ์ไม่ได้บรรเทาลงเลย ความเงียบงันที่แฝงไปด้วยความระแวดระวังทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียด ชายที่ยืนอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าวแฝงไปด้วยความน่ากลัว แม้ไม่เห็นชัดเจนในเงามืด แต่ซาเอบะรู้ดีว่าเขาคนนี้ไม่ธรรมดา“นายมีข้อมูลอะไรบ้าง?” ซาเอบะเอ่ยถาม น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่แฝงไปด้วยความระมัดระวัง ดวงตาคู่คมของเขาจับจ้องอยู่ที่ชายลึกลับ ผู้ซึ่งยืนท่ามกลางเงามืด หายใจเงียบๆ เหมือนกับการเฝ้ารออะไรบางอย่าง“ฉันมีทุกอย่างที่นายต้องการ” ชายคนนั้นตอบ เสียงแหบแห้งเหมือนคนที่เก็บซ่อนอะไรบางอย่างไว้ภายในลึกๆ “แผนการเคลื่อนไหวของพวกมัน ตำแหน่งที่มั่นขององค์กร และจุดอ่อนที่เราจะโจมตีได้”ซาเอบะยังคงนิ่งฟัง ขณะที่ชายคนนั้นค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ แสงไฟริบหรี่จากเรือขนสินค้าที่ห่างไกลสะท้อนบนผิวหน้าอันกร้านของชายลึกลับ ดวงตาของเขาแฝงไปด้วยความเด็ดขาดและเจ้าเล่ห์“แล้วทำไมนายถึงต้องการความช่วยเหลือจากฉัน?” ซาเอบะถามต่อโดยไม่ลดความระแวดระวังลง รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ กับชายคนนี้ แต่เขาต้องเก็บอารมณ์ของตัวเองไว้ใต้
แสงแดดยามบ่ายที่สาดส่องผ่านตึกสูงในเขตใจกลางเมือง ซาเอบะมองกระจกหลังขณะขับรถอยู่บนถนน สายตาเขายังติดอยู่กับภาพของกลุ่มที่เขาเพิ่งจากมา โดยเฉพาะโจ ชายหนุ่มผู้กล้าหาญที่ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาในช่วงเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าการร่วมมือกันของพวกเขาจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว แต่ความผูกพันที่เกิดขึ้นนั้นกลับลึกซึ้งเกินกว่าที่จะลืมได้ในเวลาอันสั้น“นายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะไปคนเดียว?” หลินหลินถามเสียงเบา ขณะที่เธอนั่งข้างๆ เขาในรถ ความสงสัยและกังวลยังคงแฝงอยู่ในน้ำเสียง เธอไม่เคยเห็นซาเอบะปล่อยให้คนอื่นเข้ามาในชีวิตมากนัก และการที่เขาตัดสินใจจะไปเผชิญหน้าคนเดียวในครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจซาเอบะพยักหน้าพลางยิ้มเล็กๆ “มันอันตรายเกินไป ฉันไม่อยากให้เธอและคนอื่นๆ เข้ามาเสี่ยงอีก” น้ำเสียงของเขามีความมุ่งมั่น แต่ในสายตาของหลินหลินกลับมองเห็นความห่วงใยที่แฝงอยู่ การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ สำหรับซาเอบะเช่นกันความทรงจำถึงการต่อสู้อันดุเดือดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังคงชัดเจน โจและพรรคพวกของเขาเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ซาเอบะผ่านอุปสรรคต่างๆ มาได้ แม้ว่าทั้งคู่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่พวก
ซาเอบะยืนคุมปืนในมืออย่างมั่นคง สายตาเขาจับจ้องกลุ่มชายชุดดำที่ล้อมรอบเข้ามาอย่างเงียบงัน แม้ความเงียบจะครอบงำพื้นที่โดยรอบ แต่ในใจของเขากลับรู้สึกเหมือนมีพายุหมุนวนอยู่ในนั้น กลิ่นควันจากรถที่พลิกคว่ำยังลอยคลุ้ง ราวกับเป็นสัญญาณว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่จบง่ายๆ “ซาเอบะ ฉันไม่คิดว่านายจะทำให้มันง่ายขนาดนี้” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มคนในชุดดำ ชายที่ก้าวออกมาจากกลุ่มนั้นเป็นคนที่ซาเอบะรู้จักดี คนที่เขาเคยต่อสู้เคียงข้างในอดีต และคนที่ตอนนี้กลายมาเป็นศัตรูอย่างเต็มตัว ชายคนนั้นคือ โทโมะ หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างที่เคยมีชื่อเสียงในวงการใต้ดิน “โทโมะ…” ซาเอบะเอ่ยชื่อเขาเบาๆ พร้อมกับปล่อยให้สายตาสำรวจหาช่องทางที่จะหลบหนีออกจากการล้อมนี้ แต่ดูเหมือนว่ากลุ่มของโทโมะจะเตรียมการมาอย่างดี ทั้งทางซ้ายและขวาต่างมีคนของเขาคอยเฝ้าระวังอยู่ “นายไม่คิดจะพูดอะไรเลยเหรอ? หลังจากทุกสิ่งที่เราผ่านมาด้วยกัน” โทโมะยิ้มเยาะ น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนคนที่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับซาเอบะ แต่ซาเอบะรู้ดีว่าทุกคำพูดนั้นเต็มไปด้วยการเสียดสีและความเกลียดชังที่สะสมอยู่ในใจของโทโมะมานาน “ฉันไม่มีอะไรจะพูด นายเลือกเ
ลมจากใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ที่โทโมะยืนอยู่ฟาดแรงจนเสื้อผ้าของซาเอบะสะบัดอย่างรุนแรง เขาจ้องมองศัตรูเก่าของเขาอย่างแน่วแน่ ขณะเดียวกัน เสียงหัวเราะของโทโมะดังขึ้นกลบเสียงลม เสียงนั้นแสดงถึงความเหนือกว่าที่ชัดเจน ซึ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น“นายคิดจริงๆ เหรอว่าหนีไปจากฉันได้?” โทโมะพูดพร้อมกับหยิบปืนสไนเปอร์จากลูกน้องของเขา โทโมะไม่ใช่คนที่มักจะลงมือเองบ่อยๆ แต่เมื่อถึงคราวสำคัญ เขาก็ไม่ลังเลที่จะทำซาเอบะกวาดตามองหาช่องทางหนี แม้เขาจะเป็นนักสู้ที่เก่งกาจและมีประสบการณ์ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในภารกิจที่ยากที่สุดในชีวิต เขาไม่เพียงแต่ต้องปกป้องตัวเอง แต่ยังต้องปกป้องหลินหลินด้วย“นายควรจะยอมแพ้ได้แล้ว ซาเอบะ!” โทโมะตะโกนสั่ง น้ำเสียงที่แฝงด้วยความมั่นใจว่าชัยชนะอยู่ในมือเขา“ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกโทโมะ” ซาเอบะพูดเสียงต่ำ ขณะที่เขาขยับเท้าอย่างระมัดระวัง รอจังหวะเหมาะๆหลินหลินที่อยู่ใกล้เขาพยายามจะช่วยเหลือ แต่ซาเอบะรีบยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เธอหยุด “อย่าเข้ามาเกี่ยว ฉันจัดการเอง” เขากล่าวอย่างเด็ดขาด สายตาของเขามองไปยังเฮลิคอปเตอร์อย่างแน่วแน่โทโมะยิงปืนสไนเปอร์ลงมาด้วย