ลมจากใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ที่โทโมะยืนอยู่ฟาดแรงจนเสื้อผ้าของซาเอบะสะบัดอย่างรุนแรง เขาจ้องมองศัตรูเก่าของเขาอย่างแน่วแน่ ขณะเดียวกัน เสียงหัวเราะของโทโมะดังขึ้นกลบเสียงลม เสียงนั้นแสดงถึงความเหนือกว่าที่ชัดเจน ซึ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น“นายคิดจริงๆ เหรอว่าหนีไปจากฉันได้?” โทโมะพูดพร้อมกับหยิบปืนสไนเปอร์จากลูกน้องของเขา โทโมะไม่ใช่คนที่มักจะลงมือเองบ่อยๆ แต่เมื่อถึงคราวสำคัญ เขาก็ไม่ลังเลที่จะทำซาเอบะกวาดตามองหาช่องทางหนี แม้เขาจะเป็นนักสู้ที่เก่งกาจและมีประสบการณ์ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในภารกิจที่ยากที่สุดในชีวิต เขาไม่เพียงแต่ต้องปกป้องตัวเอง แต่ยังต้องปกป้องหลินหลินด้วย“นายควรจะยอมแพ้ได้แล้ว ซาเอบะ!” โทโมะตะโกนสั่ง น้ำเสียงที่แฝงด้วยความมั่นใจว่าชัยชนะอยู่ในมือเขา“ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกโทโมะ” ซาเอบะพูดเสียงต่ำ ขณะที่เขาขยับเท้าอย่างระมัดระวัง รอจังหวะเหมาะๆหลินหลินที่อยู่ใกล้เขาพยายามจะช่วยเหลือ แต่ซาเอบะรีบยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เธอหยุด “อย่าเข้ามาเกี่ยว ฉันจัดการเอง” เขากล่าวอย่างเด็ดขาด สายตาของเขามองไปยังเฮลิคอปเตอร์อย่างแน่วแน่โทโมะยิงปืนสไนเปอร์ลงมาด้วย
ภายในห้องมืด ซาเอบะและโทโมะยังคงยืนประจันหน้ากัน ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกดดัน โทโมะเป็นคู่ปรับที่เก่งกาจ ไม่ใช่แค่ในเรื่องการต่อสู้ แต่ยังในแง่จิตวิทยา เขามักจะใช้คำพูดเพื่อบีบให้ศัตรูเสียสมาธิ“คิดเหรอว่าแผนการของนายจะสำเร็จได้ง่ายๆ” โทโมะพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ขณะที่เขายิ้มอย่างมั่นใจ “นายประเมินฉันต่ำไปนะ ซาเอบะ”ซาเอบะจ้องโทโมะด้วยสายตาที่นิ่งสงบ แม้ภายนอกจะดูไม่หวั่นไหว แต่ในใจเขารู้ดีว่าโทโมะเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตรายกว่าที่ใครหลายคนคิด ซาเอบะพยายามรวบรวมสมาธิ เขาต้องคิดหาทางออกโดยไม่ให้ตกอยู่ในแผนของโทโมะ“แผนของฉันไม่ต้องการการยอมรับจากนายหรอก” ซาเอบะตอบกลับสั้นๆ “ฉันมาเพื่อหยุดนาย และฉันจะทำให้สำเร็จ”การสนทนาจบลงทันทีที่โทโมะเริ่มเคลื่อนไหว เขาพุ่งเข้าหาซาเอบะอย่างรวดเร็ว การโจมตีของเขาเฉียบคมและหนักหน่วง ซาเอบะพยายามหลบหลีกและตอบโต้กลับ แต่ก็พบว่าโทโมะสามารถอ่านการเคลื่อนไหวของเขาได้เกือบหมดการต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ทั้งสองแลกหมัดและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วภายในห้องที่แคบ แต่แล้วโทโมะก็พลิกแผนอย่างฉับพลัน เขาดึงมีดเล่มเล็กออกมาจากเสื้อด้านหลัง และฟาดฟันไปทางซาเอบ
เสียงฝีเท้าของพวกสมุนโทโมะที่ใกล้เข้ามาทำให้ซาเอบะรู้ว่าเขามีเวลาไม่มากนัก โทโมะยังคงนอนทรุดอยู่ที่พื้น ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้จากแรงกระแทกที่ซาเอบะพุ่งเข้าหาเมื่อครู่ แม้ว่าโทโมะจะพยายามคว้าปืนของตัวเองขึ้นมา แต่แรงเจ็บจากกระดูกซี่โครงที่ถูกถีบจนหักก็ทำให้มันไม่มีแรงสู้ต่อ ซาเอบะใช้โอกาสนี้ประเมินสถานการณ์รอบตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อหาทางหนี ก่อนจะนึกถึงหลินหลินที่ยังซ่อนตัวอยู่ในอีกมุมของอาคาร“ต้องพาหลินหลินออกไปจากที่นี่ด้วย…” เขาพึมพำกับตัวเอง ขณะที่มือหนึ่งคว้าปืนของโทโมะที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปืนของโทโมะยังมีลูกกระสุนอีกไม่กี่นัดพอให้เขาใช้ป้องกันตัวในสถานการณ์นี้เสียงปืนที่ดังมาจากนอกอาคารทำให้ซาเอบะรู้ว่าเวลาเขาสั้นมากแล้ว เขารีบตรงไปที่ซอกหนึ่งในมุมห้องที่หลินหลินแอบอยู่ เธอตัวสั่นเล็กน้อย แต่สายตาของเธอยังคงเด็ดเดี่ยว พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ ซาเอบะยื่นมือไปหาเธอ พร้อมพูดเสียงหนักแน่น“หลินหลิน เราต้องออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้ พวกมันมาแล้ว”หลินหลินพยักหน้าอย่างเงียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เธอก้าวออกจากที่ซ่อนอย่างรวดเร็ว ราวกับเข้าใจถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์นี้ ซาเอบะพยายามท
ซาเอบะและหลินหลินนั่งอยู่ในรถเก่า หมุนพวงมาลัยด้วยมือที่สั่นระริก ขณะที่รถเคลื่อนตัวออกไปจากที่เกิดเหตุ รถที่พวกเขาขโมยมานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอับและเสียงของเครื่องยนต์ที่เก่าและไม่แน่นอน แต่อิสระภาพที่ได้รับกลับมานั้นเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าความสะดวกสบายใดๆ“เราต้องหาที่ซ่อนตัวที่ปลอดภัยก่อน” ซาเอบะกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะที่เขามองไปยังหลินหลินที่นั่งอยู่ข้างๆ สภาพของเธอดูตึงเครียดและเต็มไปด้วยความวิตกกังวล“แล้วเราจะไปที่ไหน?” หลินหลินถามขึ้น ขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นแสงไฟของเมืองที่ค่อยๆ เลือนลางไป“มีที่หนึ่งที่ฉันคิดว่าน่าจะปลอดภัย” เขาตอบ “มันอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก แต่เราต้องไปอย่างระมัดระวัง”เมื่อรถเคลื่อนตัวไป ซาเอบะตั้งใจขับไปยังห้องเช่าขนาดเล็กในย่านที่เงียบสงบ สถานที่ที่เขาเคยใช้เป็นที่หลบภัยเมื่อหลายปีก่อน เขารู้ว่าที่นั่นมีทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ แต่เขาก็รู้ดีว่ามันอาจจะไม่ปลอดภัยตลอดไป“ทำไมคุณถึงมาที่นี่?” หลินหลินถามอย่างสงสัย ขณะเธอมองไปที่ซาเอบะที่มีสีหน้าเคร่งเครียด“ที่นี่เป็นสถานที่ที่ฉันเคยซ่อนตัวจากผู้ที่ตามล่าฉันในอดีต” เขาอธิบาย “มันเป็นที่ที่ไม่มีใครค
ขณะที่ซาเอบะและหลินหลินซ่อนตัวในบ้านร้างแห่งหนึ่ง ซาเอบะรู้ดีว่าการหนีจากกลุ่มคนที่ไล่ล่าพวกเขายังไม่จบลง หลินหลินที่ดูเงียบไปบ้างหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังคงจับมือของเขาแน่น ดวงตาของเธอแสดงความตื่นตระหนก แต่ก็ยังมีความเชื่อมั่นในตัวเขา “เราต้องวางแผนขั้นต่อไปแล้ว” ซาเอบะกระซิบเบาๆ ขณะที่ตรวจสอบอาวุธของเขา ปืนขนาดกลางที่ยังมีกระสุนพอจะใช้งานได้ไม่กี่นัด สิ่งนี้ทำให้เขารู้ว่าการเผชิญหน้ากับศัตรูอีกครั้งอาจเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายหากไม่มีการเตรียมตัวอย่างดี หลินหลินพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เราจะทำยังไงต่อดี? พวกเขารู้ว่าเราอยู่ที่ไหนตลอดเวลา มันเหมือนมีคนตามทุกฝีก้าว” ซาเอบะนิ่งคิด เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ คนของโทโมะไม่ใช่แค่กลุ่มนักฆ่าทั่วไป แต่เหมือนมีสายข่าวที่บอกพวกเขาได้ว่าทั้งสองอยู่ที่ไหนตลอดเวลา การถูกติดตามโดยไม่รู้ตัวนี้ทำให้เขานึกถึงอุปกรณ์ที่เขาและหลินหลินใช้อยู่ อาจจะมีสิ่งที่ติดตามพวกเขามาโดยไม่รู้ตัว “เราต้องหาวิธีที่จะลบเงาของเราออกจากสายตาของพวกนั้น” ซาเอบะกล่าวก่อนจะยิ้มให้หลินหลิน “เธอเก่งเรื่องเทคโนโลยีมาก ฉันว่าเธอช่วยได้” หลินหลินที่ดูตึงเครี
หลังจากที่ซาเอบะและหลินหลินหนีออกจากบ้านร้าง ทั้งสองต้องหาทางหลบหนีจากการไล่ล่าของกลุ่มคนที่ยังคงตามมาอย่างไม่ลดละ เวลานี้ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำทิ้งแสงสุดท้ายของวันไว้ พวกเขาทั้งสองเหนื่อยล้า แต่การหยุดพักหมายถึงความตาย พวกเขารู้ดีว่าศัตรูจะตามมาติดๆ ในไม่ช้าซาเอบะพยายามหาทางออกจากตรอกซอยเล็กๆ ที่แคบและมืดสลัวขณะที่หลินหลินคอยสังเกตและฟังเสียงจากด้านหลัง แม้ตอนนี้เธอจะรู้สึกอ่อนล้า แต่ความกลัวและความตื่นตัวก็ทำให้เธอต้องสู้ต่อ“เราต้องหาทางออกไปจากย่านนี้ก่อน” ซาเอบะพูดขณะมองไปรอบๆ เพื่อหาทางหนีที่ปลอดภัยที่สุด “ฉันคิดว่าเราควรหารถสักคันเพื่อจะหนีไปไกลๆ แต่แถวนี้ไม่ค่อยมีรถที่ใช้ได้เลย”หลินหลินมองไปทางถนนใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมาก แต่การเดินไปถึงนั้นดูเหมือนจะเสี่ยงเกินไป เพราะมีคนเฝ้ารออยู่ในซอกมุมต่างๆ เธอพยักหน้า “ฉันเห็นด้วย แต่เราต้องระวัง พวกเขาอาจจะคอยดักเราอยู่”ทั้งคู่หลบไปทางถนนซึ่งเป็นทางแยกที่ไม่ค่อยมีคนผ่าน ซาเอบะสังเกตเห็นรถเก่าคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกล รถดูทรุดโทรม แต่ก็ดูเหมือนยังใช้งานได้อยู่“นั่นล่ะ รถคันนั้นน่าจะพอช่วยเราได้” ซาเอบะเอ่ยขณะกวาดสายตาดูรอบๆ เพื่อแ
ซาเอบะและหลินหลินขับรถออกจากตรอกเล็กๆ ที่เกือบจะเป็นหลุมพรางของพวกเขาได้อย่างปลอดภัย แต่ทั้งสองรู้ดีว่ามันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น พวกเขายังคงถูกไล่ล่า และความตายยังอยู่ไม่ไกลนักดวงไฟข้างถนนสลัวทำให้บรรยากาศยิ่งดูน่าหวาดหวั่น ถนนเบื้องหน้าว่างเปล่าและไร้ผู้คน แต่ซาเอบะไม่อาจวางใจได้ เขารู้ว่าศัตรูของเขามีวิธีตามตัวได้ทุกเมื่อ“ซาเอบะ เราจะทำยังไงต่อไป?” หลินหลินถามเสียงสั่น เธอยังคงหวาดกลัว แม้ว่าจะพยายามควบคุมสติตนเองอยู่ก็ตาม“เราต้องออกจากเมืองนี้ให้ได้ก่อนที่พวกมันจะหาพวกเราเจออีก” ซาเอบะตอบ เขากำพวงมาลัยแน่น มือที่เคยมั่นใจเริ่มสั่นเล็กน้อยจากความเหนื่อยล้าทางกายและจิตใจเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ซาเอบะมองหน้าจอที่แสดงหมายเลขไม่รู้จัก เขารู้สึกได้ถึงลางร้ายที่กำลังมาถึง แต่ก็ไม่สามารถเมินมันได้ เขารับสาย“คิดว่าจะหนีไปได้ไกลแค่ไหนล่ะ?” เสียงเย็นชาของโทโมะดังขึ้นจากอีกฝั่งหนึ่งของสายซาเอบะกัดฟันกรอด เขารู้ทันทีว่าโทโมะคงมีแผนลับอยู่เบื้องหลัง “แกจะเอาอะไรอีก โทโมะ?”โทโมะหัวเราะในสาย “แกจะรู้เอง ซาเอบะ…แกไม่มีทางหนีพ้นหรอก ไม่ว่าจะแอบอยู่ที่ไหน ฉันจะเจอแกเสมอ”สายถูกตัดอย่างกระทันหัน
ซาเอบะยังคงนั่งเงียบๆ อยู่ในมุมหนึ่งของห้อง แม้ว่าทุกอย่างรอบตัวจะสงบเงียบไปแล้ว แต่ภายในใจของเขายังคงเต้นไม่หยุด เหตุการณ์ที่พวกเขาผ่านมานั้นช่างน่าหวาดหวั่นและเสี่ยงอันตราย แต่ในท่ามกลางความเครียดเหล่านั้น เขารู้สึกถึงบางอย่างที่เริ่มเปลี่ยนไปเขาหันมองหลินหลินที่นอนหลับอยู่ข้างๆ ใบหน้าเธอแม้จะเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่กลับดูสงบลงอย่างเห็นได้ชัด แสงจันทร์อ่อนๆ สาดส่องผ่านหน้าต่างบ้านร้างเข้ามา ทำให้เห็นใบหน้าของหลินหลินอย่างชัดเจนมากขึ้น ซาเอบะจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน“เราเจอกับอะไรกันมามากเหลือเกิน” ซาเอบะคิดในใจ เขาพยายามย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่เขาและหลินหลินได้ร่วมฝ่าฟันด้วยกัน ตั้งแต่วันแรกที่เขาตัดสินใจช่วยเธอ แม้เขาจะบอกตัวเองอยู่ตลอดว่าเธอเป็นเพียงแค่ภารกิจ แต่ตอนนี้หัวใจของเขากลับไม่ได้คิดเช่นนั้นอีกแล้วในช่วงเวลานี้ ซาเอบะรู้สึกว่าหลินหลินไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่เขาต้องปกป้อง แต่เธอกลายเป็นคนสำคัญ ที่เขาไม่อาจปล่อยให้ห่างไกลได้เสียงลมหายใจเบาๆ ของหลินหลินทำให้ซาเอบะรู้สึกอุ่นใจขึ้นเล็กน้อย เขานั่งมองเธออยู่นาน จนในที่สุดความเหนื่อยล้าที่ก่
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น รถของซาเอบะและทาเคชิก็แล่นกลับมายังสำนักงานลับที่พวกเขาใช้เป็นฐานชั่วคราว เมย์ หลินหลิน และอาคิระยืนรออยู่ด้านหน้าอาคารเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของเขตชานเมือง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและเหน็ดเหนื่อย “กลับมาแล้ว” ทาเคชิกล่าวพลางเปิดประตูรถ “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” “ได้ข้อมูลที่ต้องการไหม?” หลินหลินถามทันที ซาเอบะพยักหน้า เขาชูแฟลชไดรฟ์ในมือขึ้น “รายชื่อเป้าหมายทั้งหมดอยู่ในนี้ รวมถึงที่ตั้งขององค์กรด้วย” “แล้วแผนต่อไปล่ะ?” เมย์ถาม สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความกดดัน “เราต้องพักก่อน” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ “ทุกคนต้องพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้” พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในสำนักงาน ทาเคชิล็อกประตูทันทีเพื่อป้องกันการถูกติดตาม ห้องภายในดูเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะทำงานเก่าๆ และแผนที่ขนาดใหญ่ที่ปิดทับผนังด้านหนึ่ง “พักฟื้นก่อน” ซาเอบะพูดพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ลง “คืนนี้เราจะเริ่มวางแผนตอบโต้” หลังจากพักผ่อนและรักษาบาดแผลจากการปะทะที่ผ่านมา ทุกคนรวมตัวกันในห้องประชุมขนาดเล็ก แสงไฟจากโคมเพดานทำให้บรรยากาศดูจริงจัง “นี่คือเป้าหมายที่เราต้องจัดการ” ซาเอบ
รถคันเล็กแล่นผ่านเส้นทางเปลี่ยวในยามเช้าตรู่ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแผ่วๆ กลมกลืนกับบรรยากาศเงียบสงบ ซาเอบะและทาเคชิยังคงอยู่ในชุดที่พร้อมสำหรับการต่อสู้ โดยทั้งคู่ไม่มีการพูดคุยมากนักระหว่างทาง ทั้งสองต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง “ใกล้ถึงแล้ว” ทาเคชิเอ่ยขึ้นขณะมองแผนที่ GPS บนหน้าจอคอนโซล “อีกห้านาทีก็จะถึงจุดพักที่เราวางแผนไว้” ซาเอบะพยักหน้า “อย่าลืมว่าเราต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าตรงๆ เข้าไปแบบเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้” “แน่นอน” ทาเคชิตอบ พร้อมกับขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ เส้นทางนี้นำไปสู่จุดซ่อนตัวซึ่งห่างจากโกดังเป้าหมายเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เมื่อจอดรถเสร็จ ทั้งสองก็ลงจากรถและตรวจสอบอุปกรณ์เป็นครั้งสุดท้าย ซาเอบะสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และระเบิดขนาดเล็ก ส่วนทาเคชิถือปืนไรเฟิลติดกล้องซึ่งเขาใช้เพื่อการป้องกันระยะไกล “พร้อมไหม?” ทาเคชิถาม ขณะที่ทั้งสองคนเริ่มเดินเท้าไปยังจุดเป้าหมาย “พร้อม” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ โกดังขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ ท่ามกลางความมืดสลัวของเงาต้นไม้ อาคารนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่รกร้าง มีรั้วลวดหนามล้อมรอบแล
ความเงียบยามค่ำคืนปกคลุมสำนักงานลับของทาเคชิ แม้สมาชิกในทีมคนอื่นๆ จะพักผ่อนอยู่ในห้องต่างๆ แต่ซาเอบะกับทาเคชิยังคงนั่งจมอยู่กับกองข้อมูลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พวกเขารู้ดีว่าทุกนาทีมีค่า และการตอบโต้ต้องเกิดขึ้นก่อนที่ศัตรูจะได้เปรียบ “ข้อมูลนี้…” ทาเคชิชี้ไปที่ไฟล์รายชื่อบุคคลสำคัญในองค์กรร้ายที่ปรากฏบนหน้าจอ “ฉันเจาะเข้าไปในระบบของพวกมันได้บางส่วน รายชื่อเหล่านี้คือคนที่มีบทบาทสำคัญในการตามล่าเรา” ซาเอบะก้มลงอ่านรายละเอียด ชื่อแต่ละชื่อถูกบันทึกไว้พร้อมตำแหน่ง หน้าที่ และความเชื่อมโยงกับหัวหน้าองค์กร หลายคนเป็นผู้ที่พวกเขาเคยเจอหน้าในสนามรบก่อนหน้านี้ “เราจะเริ่มยังไงดี?” ซาเอบะถามเสียงเบา “ก่อนอื่น เราต้องตัดกำลังพวกมัน” ทาเคชิกล่าว “คนพวกนี้แต่ละคนเป็นเหมือนเสาหลักขององค์กร ถ้าเราสามารถจัดการพวกเขาได้แม้เพียงบางส่วน ความสามารถในการเคลื่อนไหวของพวกมันจะลดลง” “แต่นั่นก็หมายความว่าเราต้องเสี่ยงอีกครั้ง” ซาเอบะเอ่ยพร้อมถอนหายใจ “เรายังไม่รู้เลยว่าพวกมันจะวางแผนอะไรต่อ” ทาเคชิพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นแหละที่ทำให้มันยากขึ้น แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น
บรรยากาศภายในสำนักงานลับของทาเคชิเริ่มเงียบสงบลงหลังจากความโกลาหลที่พวกเขาเผชิญมาตลอดหลายวัน ซาเอบะเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบในขณะที่ทาเคชิกำลังตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งคู่รู้ดีว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ “ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ” ซาเอบะเอ่ยเสียงเรียบขณะหันมองหลินหลิน เมย์ และอาคิระที่ดูอ่อนล้าจนเห็นได้ชัด หลินหลินถอนหายใจยาว ก่อนพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกันค่ะ ฉันแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว” เมย์ยิ้มบางๆ พร้อมกับพยุงหลินหลินเดินไปยังโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่มุมห้อง “พักก่อนเถอะหลินหลิน ฉันจะหาน้ำมาให้” อาคิระนั่งลงกับเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วเอนหลังพิงกำแพง “พวกนายควรพักเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกที่เหนื่อย นายสองคนก็คงไม่ต่างกัน” ทาเคชิหัวเราะเบาๆ พลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลจากชั้นวาง “ยังมีงานที่ต้องจัดการ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะพักบ้าง” เมื่อทุกคนเริ่มผ่อนคลาย ซาเอบะจึงเดินไปที่ห้องครัวเล็กๆ ที่มุมสำนักงาน เขาเปิดตู้เย็นและหยิบขวดน้ำออกมา มือที่หยิบขวดน้ำยังมีรอยช้ำจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ขยับเขารู้สึกเจ็บแปลบ แต่ก็พยายามไม่แสดงออก “เจ็บอยู่ใช่ไหม?” ทาเคชิถามขณะเดิ
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อผ่านป่าเขาที่หนาแน่น ทิวไม้สูงตระหง่านและเสียงนกกาหม่นมัวในอากาศให้บรรยากาศที่ทั้งสงบและน่าหวาดหวั่น ทุกคนยังคงระวังภัย แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มห่างจากการไล่ล่าของคนร้ายไปแล้ว หลินหลินเดินอยู่ข้างเมย์ มือของเธอแตะไหล่เพื่อนอย่างปลอบโยน “ไม่ไกลแล้ว เมย์ เราต้องออกจากป่านี้ได้แน่” ซาเอบะซึ่งนำหน้าอยู่หันกลับมามอง “พวกเราต้องเก็บแรงไว้ ถ้าออกจากป่านี้เมื่อไร เราต้องหารถเพื่อเดินทางต่อให้เร็วที่สุด” อาคิระที่เดินตามหลังก้มมองแผนที่กระดาษในมือ “เส้นทางนี้ควรนำเราไปถึงถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าออกจากป่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด เราอาจเจอใครสักคนที่ช่วยได้” การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป เสียงฝีเท้าของพวกเขาเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังก้องอยู่ในป่า แม้ทุกคนจะเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่มีใครบ่น ทุกก้าวที่เดินคือการเข้าใกล้ความปลอดภัย จนกระทั่งในที่สุด ขอบป่าก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลินหลินยิ้มให้เมย์ “เห็นไหม? เราทำได้แล้ว!” เมื่อพวกเขาออกมาจากป่า ก็พบกับถนนลูกรังสายเล็กที่ทอดยาวไปยังพื้นที่ชนบท มีป้ายบอกทางเก่าๆ ตั้งอยู่ริมถนน ซาเอบะมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น “เรา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมป่า กลุ่มของซาเอบะที่เพิ่งผ่านพ้นการหนีตายอย่างหวุดหวิดเริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง พวกเขาได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านในแบบเรียบง่าย ผู้คนในหมู่บ้านนี้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไร้ความวุ่นวายจากโลกภายนอก ชายแปลกหน้าที่เป็นผู้นำทางมายังหมู่บ้านยืนอยู่ห่างออกไปจากกลุ่ม สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความลังเลบางอย่าง ซาเอบะมองเขาแล้วเดินเข้าไป “คุณดูเหมือนมีเรื่องจะพูด” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ชายแปลกหน้าหันมามองเขา ก่อนจะถอนหายใจ “พวกคุณปลอดภัยแล้ว ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องแยกตัวไป” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในกลุ่มหันมาสนใจ หลินหลินถามขึ้น “ทำไมคุณต้องไปตอนนี้? พวกเรายังต้องการความช่วยเหลือของคุณอยู่นะ” ชายแปลกหน้ายิ้มเล็กน้อย “ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ พวกคุณมีจุดหมายที่ชัดเจนแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณซาเอบะจะนำพวกคุณไปสู่ทางออกได้” ซาเอบะจับจ้องชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “คุณช่วยเรามากแล้ว เราไม่มีสิทธิ์รั้งคุณไว้” “แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออีก คุณจะหาผมได้ที่ไหน?” ซาเอบะถาม ชายแปลกหน้าหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ออกมา เขียนข้อความสั้นๆ แล้วส่งให
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อไปในป่าที่เริ่มเบาบางลง ใบไม้และกิ่งไม้ที่ทึบจนบดบังแสงจันทร์ก่อนหน้านี้เริ่มเปิดทางให้มองเห็นฟ้ากว้าง พวกเขาทุกคนเหนื่อยล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดยังคงขับเคลื่อนพวกเขาให้เดินหน้าต่อไป หลินหลินหันไปมองซาเอบะที่เดินอยู่ข้างหน้า แม้ใบหน้าของเขาจะเปื้อนไปด้วยรอยเหนื่อยล้า แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “คุณแน่ใจหรือว่าพวกมันไม่ตามมาแล้ว?” เธอถามเสียงเบา “น่าจะปลอดภัยแล้ว” ซาเอบะตอบกลับพลางมองไปรอบๆ เขาหยุดเดินชั่วครู่เพื่อฟังเสียงรอบตัว เสียงใบไม้ไหวเบาๆ จากลมและเสียงแมลงกลางคืนคือสิ่งเดียวที่ดังขึ้น ทาเคชิที่เดินอยู่ด้านหลังพูดขึ้นมา “เราหนีมาไกลพอสมควร ถ้าพวกมันจะตามมา ก็คงไม่เร็วขนาดนี้” “แต่เราก็ประมาทไม่ได้” ชายแปลกหน้าพูดเสริม “เราไม่รู้ว่าพวกมันมีคนมากแค่ไหน หรือมีแผนอะไรอีก” ทุกคนหยุดพักกันใกล้ลำธารเล็กๆ น้ำใสเย็นช่วยให้พวกเขาเติมพลัง หลินหลินใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าของตัวเอง ในขณะที่เมย์นั่งซบอยู่ข้างอาคิระ ท่าทางของเธอสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าทางจิตใจ “พวกเราควรวางแผนต่อไปยังไง?” เมย์ถาม ขณะดื่มน้ำจากมือที่วักขึ้นจากลำธาร ซาเอบะมองทุกคนก่
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนเส้นทางแคบที่ทอดยาวเข้าสู่ป่าทึบ ซาเอบะเดินนำหน้ากลุ่ม โดยมีชายแปลกหน้าติดตามอยู่ใกล้ๆ เสียงกรอบแกรบของใบไม้ใต้ฝ่าเท้าเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นในความเงียบงันของค่ำคืน “ทางนี้แหละ,” ชายแปลกหน้ากระซิบ พลางชี้ไปที่ซอกหินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ “เส้นทางนี้จะนำเราไปสู่ป่าด้านหลังหมู่บ้าน ถ้าพวกมันยังอยู่ในหมู่บ้าน เราจะมีโอกาสหลบหนีไปได้” หลินหลินเงยหน้ามองเถาวัลย์และพึมพำเบาๆ “มันดูเหมือนไม่เคยมีใครใช้มานานแล้ว คุณแน่ใจนะว่าพวกเราจะปลอดภัย?” ชายแปลกหน้าพยักหน้า “ทางนี้เป็นทางลับที่คนในหมู่บ้านใช้หลบภัยเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ไม่มีใครใช้มันอีกเพราะป่าเส้นทางนี้รกและอันตราย” ทาเคชิที่เดินอยู่ข้างหลังส่ายหน้าเล็กน้อย “อันตรายแค่ไหนก็ต้องลอง ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว” ซาเอบะหันมาสบตาทุกคน “เราไม่มีทางเลือก เราต้องเดินต่อไป ถ้าหยุดตอนนี้ พวกมันจะตามมาถึงแน่” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ชายแปลกหน้าจะยกมือขึ้นเปิดเถาวัลย์ออก เผยให้เห็นช่องแคบที่พอให้คนผ่านเข้าไปได้ทีละคน พวกเขาเดินเรียงกันเข้าไปในเส้นทางแคบนี้ โดยมีซาเอบะเป็นคนนำหน้า ทาเคชิเป็นคนปิดท้าย ทางเดินในซอ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในบ้านหลังเก่า ซาเอบะนั่งอยู่บนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ ยกมือขึ้นสัมผัสแผลที่ข้อมือของเขา ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนร่วมทีมที่นั่งกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ของห้อง ทุกคนดูเหนื่อยล้าและเครียดจากการไล่ล่าอย่างหนัก แต่ในแววตาของพวกเขากลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น “เราจะอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก” ซาเอบะพูดเบาๆ พลางลุกขึ้นจากพื้นไม้แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอก หมู่บ้านที่เงียบสงบในตอนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าโลกภายนอกนั้นห่างไกลออกไปทุกที คนร้ายที่ตามล่าพวกเขากำลังอยู่แค่ไม่กี่ก้าว และไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีไปได้อีกนานแค่ไหน ทาเคชิยืดตัวออกจากเก้าอี้ไม้และหันไปมองซาเอบะ “พวกเราต้องคิดแผนใหม่ให้เร็วที่สุด อย่าลืมว่าพวกเขาตามมาใกล้แล้ว และพวกเราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้จนถึงรุ่งเช้า” “จริงของนาย” ซาเอบะตอบเสียงเครียด “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าจะมีแผนอะไร เราต้องไม่ยึดติดกับที่เดิมเกินไป” หลินหลินที่นั่งเงียบมองไปที่พวกเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แม้จะพยายามกลั้นอารมณ์แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ “พวกเราจะทำยังไงถ้าหมู่บ้านนี้ไม่ไ