แชร์

บทที่ 89

ผู้เขียน: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
“แล้วรถคุณเล่า?” ฉันเอ่ยถามพลางติดเครื่องยนต์

ฉันรู้ว่าเขาต้องขับรถมาเองหรือไม่คงเป็นคนขับรถขับมาส่ง คนอย่างโรแวนไม่มีทางเรียกรถรับจ้างมารับอย่างแน่นอน

“เดี๋ยวเดนนิสขับรถผมกลับบ้านเอง…ผมโทรเรียกเขามาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ” เขากล่าวเป็นเวลาเดียวกับที่ฉันถอยรถและขับออกไป

“บ้าน…ฉันไม่มีอีกแล้ว” ฉันกระซิบเสียงเบาด้วยความเศร้า

“เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”

“คิดงั้นหรือ?” ฉันเอ่ยถามด้วยความเศร้า

ด้วยเหตุผลบางประการ ฉันรู้ว่าไม่มีอะไรดีขึ้นทั้งนั้น มันกลับจะยิ่งแย่ลงไปเรื่อย ๆ

ฉันหยิบโทรศัพท์ออกพร้อมกดโทรไปหานายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เขารับสายตั้งแต่เสียงดังครั้งแรก

“ผมเสียใจด้วยจริง ๆ นะครับคุณเอวา ผมเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านของคุณหมดแล้ว” เขาเอ่ยด้วยโทนเสียงที่แตกต่างจากเคย

“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันหยุดเพียงครู่ “บอกฉันหน่อยได้ไหมคะว่าคุณเตรียมอะไรไว้ให้ฉันบ้าง อะไรก็ได้ค่ะ เพราะตอนนี้ฉันไม่มีบ้านให้อยู่แล้ว”

ฉันไม่ใช่คนที่ชอบนอนค้างอ้างแรมในโรงแรมเสียเท่าไรนัก ยิ่งในเวลาเช่นนี้ด้วย ฉันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรหากเขาตอบกลับมาว่าไม่มีบ้านหลังไหนเหลืออยู่เลย

“มีครับ มีอยู่หลังหนึ่ง มันเหมาะกับคุ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ธุลีใจ   บทที่ 90

    “แล้วตอนนี้ทุกอย่างก็ดำเนินมามากกว่าห้าปีแล้วใช่ไหม?” เขาเอ่ยถามเสียงเบา“ใช่…ตอนที่ฉันได้เงินล้านก้อนแรก ฉันอยากจะบอกคุณใจจะขาด อยากให้คุณภูมิใจในตัวฉัน อยากให้รู้ไว้ว่าฉันไม่ใช่คนขี้แพ้พวกนั้น” ฉันรู้สึกเหมือนย้อนไปในวันนั้น “ฉันจำได้ว่ารอคุณกลับถึงบ้าน แต่คุณก็ไม่ได้กลับมาบ้าน ฉันจึงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้จนเช้า แต่ฉันก็อยากจะบอกคุณอยู่ดี ตอนที่เห็นคุณอยู๋ในครัววันต่อมา ฉันจึงเดินเข้าไปนั่งข้างคุณ แล้วบอกว่าฉันมีเรื่องจะบอก”ฉันหยุดไปครู่หนึ่งและสูดลมหายใจเข้าลึก ความทรงจำนั้นฝังลึกในสมองฉัน“แทนที่คุณจะตั้งใจฟังฉัน คุณกลับหันหน้ามาแล้วทำสายตาเย็นชาใส่ แล้วก็บอกว่าไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ฉันจะพูด บอกว่าไม่ได้สนใจชีวิตฉันหรือว่าฉันจะทำอะไร คุณยังใจร้ายบอกอีกว่าฉันจะไปตายที่ไหนก็ไป ไม่ว่าจะไปที่ไหนคุณก็ไม่ได้สนใจทั้งนั้น แทนที่จะมานั่งเสียเวลาตรงนี้แล้วทำให้ช่วงเวลาตอนเช้าของคุณเสียเปล่าไป ทำไมออกไปกวนคนอื่นแทนเล่า”ความเงียบสงัดที่ก่อตัวขึ้นในรถคันนี้ช่างหนักอึ้ง ฉันเหลือบเห็นลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงขณะกลืนน้ำลาย“เอวา…” เขาเริ่มพูดออกมา กระนั้นฉันขัดจังหวะเขาเสียก่อน “ดังนั้นฉ

  • ธุลีใจ   บทที่ 91

    ฉันเดินทางมาซื้อเฟอร์นิเจอร์ กระนั้นจิตกลับไม่ได้จดจ่ออยู่มันเลย ฉันซื้อบ้านหลังใหม่ มันเหมาะสมและเข้ากับความชื่นชอบของฉันเป็นอย่างมาก เรียบง่ายแต่ก็อบอุ่น บ้านหลังใหม่อยู่ในระแวกเพื่อนบ้านที่ดีและยังอยู่ใกล้กับโรงเรียนของโนอาอีกด้วย ฉันรู้สึกชอบทันทีที่ได้เห็น อีกทั้งยังมีสนามหญ้าหลังบ้านขนาดใหญ่ซึ่งโนอาสามารถวิ่งเล่นได้เต็มที่ไม่เหมือนบ้านหลังเก่า“คุณตั้งใจเลือกอยู่หรือเปล่าเนี่ย?” เล็ตตี้เอ่ยถามด้วยความหงุดหงิดเธอมาช่วยฉันเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านใหม่ ซึ่งฉันก็ซื้อบ้านมาได้สามวันแล้ว บ้านหลังใหม่ยังเป็นบ้านโล่ง ๆ อยู่เลย พูดกันตามตรงฉันยังไม่มีเตียงนอนเลยด้วยซ้ำ ฉันต้องเอาฟูกมาปูนอนกับพื้นอยู่“ขอโทษทีนะเล็ตตี้…พอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะ” ฉันกล่าวขอโทษเมื่อคิดว่ามีคนจ้องจะเอาชีวิตของคุณอยู่ หลายสิ่งหลายอย่างก็กลายเป็นด้อยความสำคัญไป เรื่องพวกนี้ไม่ได้มีความสำคัญเทียบเท่ากับการมีชีวิตอยู่ให้นานมากพอที่จะเห็นลูกน้อยของคุณเติบโต ฉันยังคงทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่แม้รู้ว่าเพิ่งเฉียดความตายมาได้อีกครั้ง มีใครบางคนตั้งใจลอบวางเพลิงบ้านฉัน คนเหล่านั้นต้องการให้ฉันไฟครอกตายทั้งเป็น

  • ธุลีใจ   บทที่ 92

    ฉันส่งยิ้มให้เธอเราหาร้านน่ารัก ๆ แห่งหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว เมื่อนั่งประจำที่อาหารของพวกเราทั้งสองก็มาเสิร์ฟในเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น เราสั่งอาหารพื้น ๆ เหมือนกัน เฟรนช์ฟรายซ์ เบอร์เกอร์ ปีกไก่ทอดและมิลก์เชคบทสนทนาของเรานั้นลื่นไหลอย่างมาก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องใหญ่อะไรเพียงแค่มุกตลก เพลิดเพลินกับมื้ออาหารและรู้สึกสนุกที่ได้อยู่ด้วยกัน ช่วงเวลานั้นฉันลืมปัญหาที่มีและรู้สึกดีจริง ๆ“โอ้ย อิ่มจนแทบจะคิดอะไรอย่างคนอื่นเขาไม่ได้แล้ว” เล็ตตี้เล่นมุก ฉันจึงหัวเราะออกมา ความสุขเอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่นั้นของเธอ ซึ่งดูน่ารักใช่ย่อย“แหม พูดอย่างกับถึงจุดสุดยอดอย่างนั้นแหละ” ฉันเล่นมุกบ้างเธอหัวเราะตอบโต้ “ใช่เลยจ้า อาหารทำให้ฉันถึงจุดสุดยอด”ฉันหัวเราะพลางบอกเธอว่ามันไม่มีเรื่องแบบนั้นสักหน่อย คำว่าอาหารและจุดสุดยอดไม่ควรมารวมกันในประโยคเดียว“ได้สิ…ก็อาหารทำให้เรามีความสุขใช่ไหมเล่า แม้จะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่ก็เป็นความสุขเดียวกับที่เจ้าหนูน้อยของทราวิส…”ฉันสำลัก “อย่ากล้าพูดจนจบประโยคนะ…ไม่เคยได้ยินหรือว่าปลาหมอน่ะตายเพราะปาก” ฉันมองเธอด้วยสายตาหวาดหวั่น “บอกเอาไว้เลยนะว่าสิ

  • ธุลีใจ   บทที่ 93

    “ก็แกหลงโรแวนขนาดนั้น คิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดของแกลงหรือไง?” เอมม่าเย้ยหยันและฉันก็ตอกกลับ“แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเป็นเธอมากกว่านะที่หลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้น…แล้วถ้าไม่ว่าอะไรฉันขอตัวนะ เธอทำให้ฉันเสียเวลามากเกินพอแล้ว”“ฉันยังพูดไม่จบนะ นางบ้า” ฉันไม่สนใจเธอแต่คำพูดต่อมาทำให้ฉันตัวแข็งทื่อ“ฉันสาบานเอาไว้ตรงนี้เลย เอวา ถ้าแกเดินไปอีกก้าวเดียว ฉันจะตามล่าหาไอ้เด็กเหลือขอลูกชายแกให้มาชดใช้เรื่องนี้ มันเองก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องเสียทุกอย่างไปเหมือนกัน”ฉันได้ยินเสียงสูดหายใจจากทราวิส แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจฉันขยับร่างกายไปโดยไม่ได้คิดฉันหมุนตัวและผลักเธอกระแทกเข้ากับรถตู้คันหนึ่ง ฉันใช่ท่อนแขนกดเข้าที่คอของเอมม่า ตรึงร่างของเธอเอาไว้กับรถตู้และบีบคอเธอจนหายใจไม่ออกหลักสูตรการเรียนป้องกันตัวที่ฉันเสียเงินเรียนไปเมื่ออาทิตย์ก่อนได้ใช้งานเสียที อีกทั้งฉันยังมีใบอนุญาตการครอบครองอาวุธปืนด้วย อีธานแนะนำให้ฉันพกปืนเอาไว้ป้องกันตัวหลังจากที่บ้านเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งนั้นในหัวฉันว่างโล่งตอนที่ฉันควักปืนออกมาจ่อเข้าที่ขมับของเอมม่า“ถ้าหล่อนพูดข่มขู่โนอาอีกแค่ครั้งเดียว ฉันเอาหล่อนตายแน่ ฉันจะ

  • ธุลีใจ   บทที่ 94

    ฉันยังคงรู้สึกหัวเสียอยู่แม้ว่าจะเดินทางถึงบ้านใหม่แล้วก็ตาม อาจต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งเพื่อคุ้นเคยกับการเรียกที่แห่งนี้ว่าบ้านฉันจอดรถและเดินออกมาด้วยความรู้สึกแปลกใจ โรแวนนั่งรอฉันอยู่นอกบ้าน ฉันเดินเข้าใกล้เขาพร้อมกับสายตาของเขาที่กำลังจับจ้องหน้าฉัน“ถ้าอยากจะมาด่าฉันเพราะเรื่องเอมม่า ก็เชิญเดินกลับไปที่รถแล้วขับออกไปเสียเถอะ”ฉันสาบานเลยหากเขามาที่เพื่อสร้างปัญหาแล้วล่ะก็ ฉันก็พร้อมไล่ตะเพิดเขากลับออกไปโดยไวเลย“พูดเรื่องอะไรของคุณ?” เขาเอ่ยถามพร้อมลุกขึ้นยืน ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง“ฉันมั่นใจว่านางผู้หญิงคนนั้นโทรหาคุณแล้วก็เล่าเรื่องโกหกให้ฟังใช่ไหม?” ฉันเดือดพล่านเมื่อนึกถึงคำพูดของเอมม่าฉันกระแทกเท้าและยืนรอเพื่อให้เขายืนยันเรื่องนี้ ไม่งั้นทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่ไม่นานหลังจากที่ฉันกับเอมม่าเพิ่งจะมีปากเสียงกันล่ะ?“ผมไม่รู้นะว่าคุณกำลังพูดเรื่องบ้าบออะไรอยูู่ แต่ผมไม่ได้มาเพราะปัญหาระหว่างคุณทั้งสองนะ” เขาเอ่ยพร้อมนำมือขึ้นมาเสยผม “ถ้างั้นคุณมาที่นี่ทำไม?” ฉันเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“ทราวิสโทรมาหา แล้วบอกว่าคุณอาจต้องการคนช่วยจัดย้ายของเข้าบ้าน” เขาเดินตรงเข้าม

  • ธุลีใจ   บทที่ 95

    ฉันปลดล็อกรถขนของก่อนหันหน้ามองเขาทั้งสอง หกมืออย่างไรเสียก็ดีกว่าสี่มือ ยิ่งกว่านั้นของบางชิ้นก็มีน้ำหนักมากเสียด้วย คงเป็นเรื่องง่ายขึ้นหากให้ชายหนุ่มทั้งสองขนของเหล่านั้นแทนที่จะเป็นฉันและอีธาน “จะเลิกจ้องหน้ากันแล้วมาช่วยฉันขนของได้ไหม?” ฉันเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าไม่มีใครขยับมาช่วยเลย โรแวนเปล่งเสียงฮึดฮัดและเดินกระทืบเท้ามาทางฉัน อีธานเดินตามมาหลังจากนั้น “แล้วจะยกอะไรก่อนดี?” ฉันเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าไม่มีใครขยับตัวยกของเลยชายหนุ่มทั้งสองเริ่มทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิด ฉันมั่นใจเลยหากบอกให้กลับไปก็จะไม่มีใครไปอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่มีใครลงมือช่วยทำงานเลย หากรู้ว่ามันจะออกมาเป็นเช่นนี้ ฉันยอมจ้างคนมาช่วยเสียดีกว่า ในที่สุดอีธานจริงเริ่มขยับก่อนเป็นคนแรกและเดินไปจับปลายด้านหนึ่งของโซฟา หลังจากยืนสบสันกรามอยู่นาน โรแวนจึงเดินไปจับปลายอีกฝั่งพวกเขาย้ายโซฟาเข้าไปในห้องนั่งเล่นโดยไม่พูดอะไรเลย ฉันเดินตามเข้าไปด้วยโดยหยิบของที่ขนได้ไปเราทำงานกันอย่างเงียบเชียบ ฉันพยายามเข้าไปเชื่อมสัมพันธ์ทั้งสอง กระนั้นทั้งสองกลับดูเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ดีอย่างยิ่ง สามสิบนาทีต่อมา ของที่มีน้ำหนักเกือบท

  • ธุลีใจ   บทที่ 96

    โรแวน“ไปโดนใครซัดมา?” เกเบรียลเอ่ยถามพร้อมมองมองถุงน้ำแข็งที่ประคบอยู่บนใบหน้าผม“ไอ้อีธาน” ผมฮึดฮัด และตอนนี้ก็ไม่มีอารมณ์รับมือเจ้าน้องชายด้วยให้ตายสิ! ผมยังไม่อยากเชื่อตัวเองเลยว่าจะไปต่อยกับไอ้เวรนั่น ผมหัวเสียมากจนคล้อยตามไปกับคำพูดมันเสียได้“ตำรวจนั่นน่ะหรือ?” เขาเอ่ยถามอย่างอยากรู้ “แฟนใหม่เอวาใช่หรือเปล่า?”เมื่อคำพูดนั้นจบลง ผมก็ขว้างถุงน้ำแข็งในมือกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจัง“มันไม่ใช่แฟนเธอเว้ย” ผมเอ่ยพร้อมลุกขึ้นยืนอารมณ์ของผมตอนนี้เดือดดาลและพร้อมจะระเบิดออกมา ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเอวาถึงมองไม่เห็นว่าไอ้เวรนั่นมันเป็นจอมหลอกลวงผมไม่สามารถสืบค้นอะไรที่ลึกลงไปได้เลย ตามรายงานบอกว่าเขาเป็นชายที่ดีคนหนึ่ง ไม่มีอะไรผิดจากธรรมดา กระนั้นลางสังหรณ์ของผมบอกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตาเห็น มันต้องมีบางอย่างที่กวนใจผม บางสิ่งที่เขาปิดบังเอาไว้ สังหรณ์ของผมไม่เคยผิดพลาดมาก่อน “แต่จากที่ได้ยินมา เขาเป็นแฟนกันนะ… เกิดอะไรขึ้น?”ผมสูดหายใจเข้าพร้อมระงับไฟความโกรธเกรี้ยวในจิตใจลง“เรากำลังช่วยเอวาขนของเข้าบ้านใหม่อยู่และมันก็บอกให้ฉันเลิกยุ่งเสีย บอกอีกว่าเอวาเป็นของมันและมันจะไ

  • ธุลีใจ   บทที่ 97

    เกเบรียลคงเสียสติไปแล้วจริง ๆ มันก็ไม่ได้แปลกนี่ที่คนเราจะแต่งงานอยู่กินกันไปแม้ว่าจะไม่ได้รักกันเลยก็ตาม ระยะเวลาเก้าปีไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ผมไม่ได้รักเอวาเลย โดยเฉพาะหลังจากลูกไม้ที่เธอใช้เพื่อหลับนอนกับผม“ถ้างั้นก็อธิบายให้ฟังหน่อยสิว่าทำไมถึงได้หัวเสียตอนที่รู้ว่าเอวาคบหากับอีธานขนาดนี้?” เขายืนกรานถาม“ก็บอกไปแล้วไงเล่า! เอวาจะคบกับใครฉันก็ไม่ได้สนใจ แต่กลับไอ้หมอนี่มันไม่ใช่ มันมีเรื่องไม่ชอบมาพากลอยู่แน่”เราทั้งสองเอาแต่พูดเรื่องเดิมวนไปวนมาไม่จบสิ้นและนั่นทำให้ผมหัวเสียมากกว่าเดิม ผมคิดว่าอย่างน้อยเกเบรียลคงเข้าใจ แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่เข้าใจเลย เขากลับมีความคิดสุดไร้สาระว่าที่ผมโกรธเกรี้ยวอยู่เช่นนี้เป็นเพราะว่าผมมีใจให้กับเอวาและรู้สึกหึงเธออยู่“ฉันเป็นคนแรกที่ยอมรับว่าสิ่งที่เอวาทำเมื่อเก้าปีที่แล้วนั่นมันเป็นเรื่องผิด เราต่างปฏิบัติต่อเธอไม่ดีเลยเพราะเรื่องนี้ แต่ถ้าสมมติว่าเธอไม่ได้โกหกล่ะ หากเธอเมาไร้สติตามที่บอกจริง ๆ เล่า? สมมติว่าสิ่งที่เธอพูดมันคือความจริงเล่า?“เป็นไปไม่ได้”“อย่างนั้นหรือ? พวกเราทุกคนต่างพากันจับคู่ให้นายกับเอมม่า แล้วกีดกันเอวา หลังจ

บทล่าสุด

  • ธุลีใจ   บทที่ 400

    ฮาร์เปอร์"ดึกดื่นปานนี้ กำลังมองอะไรอยู่เหรอ?" เสียงทุ้มทำให้ฉันสะดุ้งจากด้านหลัง"ตกใจหมดเลย" ฉันพึมพำขณะพยายามสงบใจที่เต้นแรง "อย่าโผล่มาจากข้างหลังอย่างนั้นสิ"เกเบรียลเดินวนรอบเคาน์เตอร์ครัวและมายืนตรงข้ามกับฉัน เมื่อเขาทำแบบนั้น ให้สายตาฉันได้เห็นเขา คอก็แห้งขึ้นทันที รู้สึกกระหายน้ำเหมือนไม่ได้ดื่มน้ำมานานแล้วและการกลืนก็กลายเป็นปัญหาใหญ่เกเบรียลใส่เสื้อผ้าชิ้นเดียวคือกางเกงขาสั้นสีเทาที่หลวมต่ำบนสะโพก ผู้ชายคนนั้นเป็นงานศิลปะที่มีร่างกายเหมือนเทพเจ้ากรีก ไหล่กว้าง กล้ามท้องเป็นลอน และเส้นวีไลน์ที่ทำให้ผู้หญิงทุกคนคลั่งไคล้แนวไรขนสีเข้มที่เริ่มจากสะดือแล้วหายไปในกางเกง ราวกับว่าไรขนนั้นชี้ไปยังสวรรค์ฉันอยากจะเบนสายตาออกไปแต่ไม่สามารถทำได้ สายตาฉันดื่มด่ำราวกับเขาเป็นแหล่งน้ำเดียวที่มี สายตาจ้องไปที่ทุกซอกทุกมุมของร่างกายเขา สังเกตเห็นรอยสักแบบชนเผ่าบนหน้าอก นั่นเป็นสิ่งใหม่ มันไม่ได้มีตอนที่เราเคยมีอะไรกันเมื่อหลายปีที่แล้ว และการเห็นมันทำให้ฉันอยากรู้ว่ามันหมายถึงอะไรไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเกเบรียลเป็นผู้ชายที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะตอนนี้ อย่าคิดว่าฉันพูดแบบนี้แค่ตอนนี้ แม้แต่ต

  • ธุลีใจ   บทที่ 399

    เกเบรียลผมยังคงรู้สึกถึงสัมผัสเนียนนุ่มของผิวเธอเหมือนกับมันซึมลึกอยู่ใต้ผิวของผมเอง ชั่วขณะหนึ่งผมอยากใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ไปตามข้อต่อที่เต้นเป็นจังหวะอยู่ด้านในแขนของเธอฮาร์เปอร์คนใหม่นี้น่าสนใจ เธอร้อนแรง และท่าทางแบบใหม่นี้ทำให้ผมรู้สึกติดใจได้ ผมชอบผู้หญิงที่มั่นใจ เร้าอารมณ์ และมีบุคลิกที่ร้อนแรง ผมชอบที่พวกเธอท้าทายและไม่ยอมแพ้เธอกลายเป็นผู้หญิงแบบนั้นและมันทำให้ผมสนใจ เธอเป็นคนที่ร้อนแรงและไม่กลัวที่จะบอกให้ผมไปตายซะ ผมจะไม่สนใจได้อย่างไรเล่า?ตอนที่เราแต่งงานกันนั้นเธอน่าเบื่อ บุคลิกที่น่าเบื่อทำให้เธอดูจืดชืดในสายตาของผม ไม่มีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับเธอเลย ในขณะที่ผมชอบผู้หญิงที่มีเขี้ยวเล็บ เธอกลับเชื่อฟังมากเกินไป คิดแต่จะทำให้ผมพอใจและดึงดูดความสนใจกันอย่างเดียวเธอยอมลดตัวทุกอย่างเพียงเพื่อให้ผมสนใจ หากเพียงเธอผลักผมให้ออกห่างไปผมก็คงจะสนใจเธอแล้ว ฮาร์เปอร์เมื่อก่อนเป็นคนขี้อายและกลัวแถมขาดความมั่นใจในตัวเอง สิ่งนั้นมันทำให้ผมรู้สึกไม่อยากสนใจเธอเลยผมถอนหายใจแล้วก็ผลักความคิดเหล่านั้นออกไป พยายามขับไล่ความสงสัยที่มีต่อฮาร์เปอร์ เบคเกตต์ ที่ตอนนี้เป็นวู้ดออกไป วินาทีถั

  • ธุลีใจ   บทที่ 398

    “คุณต้องการอะไร เกเบรียล? อย่างที่เห็น ฉันไม่อยากคุยตอนนี้” ฉันลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดคำพูดของลิลลี่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของฉัน มันบาดลึกซ้ำไปซ้ำมา ฉันเอามือสางผม พยายามไล่ความเจ็บปวดที่ท่วมท้นออกไป ฉันรู้ว่าสักวันมันต้องเกิดขึ้น และฉันก็รู้ว่าเธออาจจะรับมันไม่ได้ดีนักลองคิดดูสิ คุณจะรับมันไหวไหมถ้าแม่มาบอกว่าผู้ชายที่คุณคิดว่าเป็นพ่อมาตลอดกลับกลายเป็นคนอื่นไป? ว่าคุณถูกหลอกมาตลอด และไม่มีใครคิดจะบอกความจริงจนกระทั่งมันเลี่ยงไม่ได้ ฉันเข้าใจเธอ ฉันเข้าใจปฏิกิริยาของเธอ ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อคำพูดและความเจ็บปวดในดวงตาของเธออย่างไร“ลิลลี่ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นหรอก” เกเบรียลพูดพลางเดินเข้ามาในห้องฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ความรู้สึกบางอย่างที่น่าเกลียดพุ่งขึ้นในใจ “แล้วคุณจะรู้ได้ยังไง? คุณแทบจะไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมาบอกฉันว่าเธอไม่ได้ตั้งใจได้ไง”“แล้วมันเป็นความผิดใครล่ะ?” เขาสวนกลับทันที จ้องฉันด้วยสายตาโกรธจัดฉันทั้งโกรธทั้งเสียใจ ฉันกำลังหาที่ระบาย หาทางที่จะดึงความสนใจตัวเองออกจากความเจ็บปวดที่ถาโถม เกเบรียลจึงกลายเป็นเป้าหมายของฉัน เพราะ

  • ธุลีใจ   บทที่ 397

    ฮาร์เปอร์สัปดาห์นี้วุ่นวายสุด ๆ เหมือนฉันวิ่งทำธุระตั้งแต่กลับมาที่เมืองนี้โดยไม่ได้พักเลยสักนิดอย่างน้อยตอนนี้ลิลลี่ก็ดูสบายขึ้นแล้ว เกเบรียลไม่ยอมส่งที่นอนของเธอมาเพราะบอกว่าที่นอนที่นี่สบายกว่า แต่เขายอมส่งผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มมาให้แทน ซึ่งมันช่วยได้เยอะเลย ตอนนี้เธอหลับสบายตลอดทั้งคืนส่วนเกเบรียล ฉันจะเริ่มจากตรงไหนดี? เขากลับมาบ้านแม้จะดึกดื่นขนาดไหน แต่ก็เท่านั้นเอง เราสองคนพยายามหลบหน้ากัน ต่างทำเหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่ในชีวิต ฉันคิดว่าแบบนี้ดีกว่า อย่างน้อยลิลลี่จะได้ไม่เห็นเราทะเลาะกันตลอดเวลา“แม่คะ แม่อยากคุยกับหนูเหรอ?” เสียงของลิลลี่ดึงฉันกลับมาสู่ปัจจุบันฉันวางผ้าที่กำลังพับอยู่ลง แล้วนั่งลงบนเตียงก่อนจะส่งสัญญาณให้เธอมานั่งด้วยกัน เธอเดินข้ามห้องมาพร้อมขมวดคิ้ว ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ฉันเราอยู่ในห้องของฉัน อย่างที่เดาได้ว่าเกเบรียลกับฉันไม่ได้นอนห้องเดียวกัน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ลิลลี่เข้าใจอย่างไร เพราะเธอต้องสงสัยแน่ ๆ ในเมื่อก่อนหน้านี้ฉันกับเลียมเคยนอนร่วมห้องกัน“แม่คะ?”“ขอโทษนะลูก มีบางอย่างที่แม่อยากจะอธิบายให้หนูฟัง” ฉั

  • ธุลีใจ   บทที่ 396

    แผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้นหันมาทางฉัน รวมถึงกันเนอร์ด้วย ฉันไม่ต้องกังวลเรื่องคาลวินเพราะเขาดูเหมือนตกอยู่ในห้วงความหลงใหล เขาใส่ใจกับทุกสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูด พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนเด่นชัดบนริมฝีปากอีกครั้งที่ความรู้สึกไม่สบายใจจมลึกลงในหัวใจของฉัน ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง? เหมือนมีหินก้อนใหญ่ติดอยู่ในลำคอฉันเพ่งสายตามองไปยังพวกเขา แม้จะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดเพราะโต๊ะอยู่ห่างออกไป แต่ความสงบสุขและความสุขบนใบหน้าของคาลวินก็เพียงพอที่จะบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้น เขากำลังออกเดต และกันเนอร์ก็มาด้วย ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนไม่ได้รังเกียจอะไร แต่ฉันไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่ฉันในชีวิตของลูกชายเด็ดขาดถึงแม้ฉันจะมองไม่เห็นกันเนอร์ แต่ฉันรู้ว่าเขาเหมือนกับคาลวิน กันเนอร์เองก็มีความสุขที่ได้อยู่ที่นั่น เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้น คาลวินคงพาลูกชายกลับไปแล้วแต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ทั้งที่รู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ฉันไม่รู้ว่าฉันนั่งอยู่นานแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว การได้เห็นเขามีความสุขกลับทำให้ฉันเจ็บปวดอย่างประหลาด มันเหมือนหัวใจถูกบดขยี้

  • ธุลีใจ   บทที่ 395

    คำพูดของมอลลี่ยังคงก้องอยู่ในหัว แม้กระทั่งตอนที่เรากำลังกินของหวาน ฉันชอบไอศกรีมมาก แต่วันนี้ฉันกลับไม่สามารถสนุกกับมันได้เลย โดยเฉพาะเมื่อเธอสามารถทำให้ฉันเริ่มสงสัยในทุกสิ่งที่ฉันเชื่อมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา"ทำไมเธอเงียบจัง?" มอลลี่ถามขณะที่วางแก้วมิลค์เชคลง "หรือเธอกำลังคิดถึงสิ่งที่ฉันเพิ่งพูด?"ประโยคสุดท้ายมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่เธอเอนหลังพิงเก้าอี้"เปล่า" ฉันโกหก "แค่กำลังคิดว่าฉันจะทำยังไงให้คาลวินกับกันเนอร์ยกโทษให้ฉัน ไม่ว่าฉันจะมองมุมไหนก็ไม่มีทางออกที่ดีเลย"ในฐานะทนายความ ฉันเคยชินกับการมองสถานการณ์จากหลายมุมมองเวลาปกป้องลูกความของฉัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันเก่งในสิ่งที่ฉันทำ ฉันไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือและพิจารณาทุกผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ ฉันทำแบบนั้นกับสถานการณ์นี้แล้ว แต่กลับไม่พบความหวังเลยฉันอาจไม่ได้รักคาลวิน แต่ฉันรู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาเคยให้โอกาสฉันนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อให้ฉันจัดลำดับความสำคัญของชีวิตให้ถูกต้อง แต่ฉันกลับไม่ทำ คาลวินเป็นคนที่เมื่อเขาถึงจุดที่ทนไม่ไหว มันก็จบ ไม่มีการย้อนกลับ ไม่มีโอกาสอีก ไม่มีการให้อภัยฉันจะนั่งหลอกตัวเองที่นี่ก็ได้ แต่ฉัน

  • ธุลีใจ   บทที่ 394

    "ทำไมฉันถึงยอมให้เธอชวนฉันออกไปกินข้าวกลางวันด้วยนะ?" ฉันบ่นพลางมองทิวทัศน์ด้านนอกที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วฉันไม่ได้ออกจากบริเวณของครอบครัวมานานแล้ว ครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นตอนที่ฉันไปงานแต่งงานของเอวา บอกตามตรง ฉันตกใจมากตอนที่เธอเชิญฉันไปงานนั้น ในบรรดาคนทั้งหมด ฉันคิดว่าฉันน่าจะเป็นคนที่เธอไม่อยากให้ไปร่วมงานแต่งงานมากที่สุด“ก็เพราะเธอจำเป็นต้องออกไปข้างนอกบ้างไง” มอลลี่ตอบพลางดึงฉันกลับมาสู่บทสนทนา“ฉันก็ออกจากบ้านนะ มอลลี่” ฉันพูดปกป้องตัวเองเสียงหัวเราะเยาะของเธอทำให้ฉันหงุดหงิดมาก“เดินไปที่สวนไม่เรียกว่าการออกไปข้างนอกหรอกย่ะ” เธอตอบโต้ “เลิกบ่นแล้วนั่งพักผ่อนเถอะ เธอจะสนุกกับการออกไปเที่ยวเล็ก ๆ ครั้งนี้ รับรองเลย”“ไม่มั้ง”เมื่อพูดจบ ฉันเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลง ความคิดในหัวของฉันวิ่งวุ่นไปเป็นพันเรื่องในแต่ละนาที ฉันจับพวกมันไว้ไม่ได้หรือควบคุมมันไม่ได้เลยตั้งแต่คุยกับมอลลี่ในห้อง ความคิดของฉันก็วิ่งพล่านไปทั่ว ฉันรู้ว่ามันคงไม่ง่าย แต่เธอพูดถูก ฉันจะมัวแต่นั่งอยู่ในห้อง จมปลักและสาปแช่งความโง่ของตัวเองต่อไปไม่ได้ ถ้าฉันยังเป็นแบบนี้ ฉันอาจไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกชา

  • ธุลีใจ   บทที่ 393

    เอมม่า"ออกจากห้องบ้างเถอะนะ เอมม่า ลูกไม่ควรใช้เวลาทั้งวันติดอยู่ในห้องรก ๆ แบบนี้" แม่บอกฉัน แต่ฉันไม่แม้แต่จะเหลือบมอง เฝ้าแต่จดจ้องอยู่ที่ซีรีส์เศร้าที่กำลังดูอยู่ฉันนั่งอยู่บนเตียง ยังสวมชุดนอนอยู่ พร้อมของว่างกระจายอยู่รอบ ๆ ผ้าห่ม มีเครื่องดื่มหลากหลายชนิดและถังไอศกรีมที่ฉันกำลังจมปลักอยู่ ผ้าม่านถูกปิดมืดสนิทเพราะฉันเพิ่งติดตั้งม่านกันแสงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน"นั่นแหละที่หนูพยายามบอกมันอยู่เนี่ย แต่มันไม่ยอมฟังหนูเลยคะแม่" มอลลี่พูดขึ้นฉันรู้สึกได้ว่าเธอกำลังจ้องฉันด้วยสายตาดุดัน แต่ฉันไม่สนใจเลยสักนิด ฉันแค่อยากอยู่คนเดียวเพื่อจมอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉันก็เป็นคนที่ทำให้ตัวเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้"กันเนอร์จะพูดว่ายังไงถ้าหลานเห็นลูกในสภาพนี้? ทั้งตัวเองและห้องก็ดูไม่ได้เลย ไม่รู้เลยว่าลูกหวีผมครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ หรืออาบน้ำครั้งสุดท้ายตอนไหน" แม่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจฉันสะดุ้งขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อกันเนอร์ แล้วหันไปหาแม่ทันที"ลูกถามถึงหนูเหรอ? อยากเจอหนูใช่ไหม?" ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังแม่ใช้เวลาอยู่กับเขา เช่นเดียวกับทราวิส

  • ธุลีใจ   บทที่ 392

    ทันทีที่พวกเราเข้าไปในโบสถ์ ฉันก็สังเกตเห็นโรแวนในทันที เขาอยู่ในชุดสูทสีดำเช่นเดียวกับน้องชายของเขา เราเดินไปยังด้านหน้าของโบสถ์พร้อมกับที่บาทหลวงเดินเข้ามา"สวัสดีครับ คุณฮาร์เปอร์" โรแวนกล่าวทักทายอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นฉันถึงกับตกตะลึง โรแวนดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เหมือนกับคนที่ฉันเคยรู้จักมาก่อน เมื่อก่อนเขามักจะดูเย็นชาและห่างเหิน เหมือนมีบางอย่างคอยถ่วงจิตใจเขาไว้ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้เขากลับดูอบอุ่นราวกับความมืดที่เคยครอบงำเขาได้เลือนหายไป"สะ…สวัสดีค่ะ" ฉันตอบกลับอย่างตะกุกตะกักฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าเขากลับไปคืนดีกับแฟนเก่าหรือยัง เพราะทุกคนรู้ว่าเขาเปลี่ยนไปหลังจากเสียเธอไปและต้องแต่งงานกับเอวา ใช่ นั่นคงจะเป็นเหตุผล เขาเกลียดเอวา การเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะเกี่ยวกับเอมม่า พี่สาวของเอวา"เริ่มกันเลยไหม?" บาทหลวงพูดขัดขึ้นมา และเราสามคนก็พยักหน้าตอบรับฉันยืนอยู่ข้าง ๆ เกเบรียล ในขณะที่โรแวนยืนอยู่ด้านหลังเราฉันพยายามไม่สนใจคำกล่าวของบาทหลวง เพราะฉันไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกับโบสถ์ แต่ฉันคิดว่ามันคงง่ายกว่านี้ถ้าเกเบรียลตกลงทำพิธีที่อำเภอแทนไม่รู้ว่าผ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status