แชร์

บทที่ 88

ผู้เขียน: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
“นี่ล้อเล่นกันใช่ไหม?” ฉันเอ่ยถามแมรี่ โดยหวังว่าเธอเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น

เธอส่ายหน้าปฏิเสธอย่างโศกเศร้าก่อนยื่นโทรศัพท์ของเธอมาให้

“บ้านเอวา ชาร์ปไฟโหมจนวอด หลังเปิดเผยตัวตนว่าเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิโฮป”

ฉันอ่านพาดหัวข่าวนั้นซ้ำไปซ้ำมาโดยหวังว่านี่คงเป็นเพียงการอำกันเล่น ฉันกลับคาดหวังผิดไปเมื่อเลื่อนลงมาพบวิดีโอที่แสดงว่าบ้านกำลังไฟลุกอยู่

ยิ่งฉันไม่ยอมรับมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้เลยว่าบ้านของฉันกำลังไฟไหม้จริง ๆ

หัวใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ่มโดยพลัน ฉันวางโทรศัพท์ของแมรี่ลงและดีดร่างกายลุกขึ้น ทุกการเคลื่อนไหวสั่นสะท้านขณะรีบร้อนออกจากห้องทำงาน

“เอวา เดี๋ยวก่อน” เธอร้องเรียกฉันแต่เสียงนั้นกลับส่งมาไม่ถืงโสตประสาทฉัน

ใบหน้าของเด็กน้อยตรงนั้นกลายเป็นภาพเลือนลาง ขณะฉันเคลื่อนไหวโดยไวขนาดเสือชีตาร์ยังอาย หัวสมองฉันว่างเปล่าขณะพุ่งตัวออกไปข้างนอก

ฉันเดินขึ้นไปบนรถและรีบขับออกจากที่จอด นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่แมรี่พุ่งตัวมาที่ประตู เธอโบกมือราวกับจะให้ฉันหยุดรถ ฉันไม่สนใจเธอและรีบขับรถออกไป

สติของฉันมันยุ่งเหยิงไปหมด ความโกรธและความกังวลกลืนกินฉัน

หรือว่าฉันลืมปิดเตาและนั
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ธุลีใจ   บทที่ 89

    “แล้วรถคุณเล่า?” ฉันเอ่ยถามพลางติดเครื่องยนต์ฉันรู้ว่าเขาต้องขับรถมาเองหรือไม่คงเป็นคนขับรถขับมาส่ง คนอย่างโรแวนไม่มีทางเรียกรถรับจ้างมารับอย่างแน่นอน “เดี๋ยวเดนนิสขับรถผมกลับบ้านเอง…ผมโทรเรียกเขามาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ” เขากล่าวเป็นเวลาเดียวกับที่ฉันถอยรถและขับออกไป“บ้าน…ฉันไม่มีอีกแล้ว” ฉันกระซิบเสียงเบาด้วยความเศร้า“เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” “คิดงั้นหรือ?” ฉันเอ่ยถามด้วยความเศร้าด้วยเหตุผลบางประการ ฉันรู้ว่าไม่มีอะไรดีขึ้นทั้งนั้น มันกลับจะยิ่งแย่ลงไปเรื่อย ๆฉันหยิบโทรศัพท์ออกพร้อมกดโทรไปหานายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เขารับสายตั้งแต่เสียงดังครั้งแรก“ผมเสียใจด้วยจริง ๆ นะครับคุณเอวา ผมเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านของคุณหมดแล้ว” เขาเอ่ยด้วยโทนเสียงที่แตกต่างจากเคย“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันหยุดเพียงครู่ “บอกฉันหน่อยได้ไหมคะว่าคุณเตรียมอะไรไว้ให้ฉันบ้าง อะไรก็ได้ค่ะ เพราะตอนนี้ฉันไม่มีบ้านให้อยู่แล้ว”ฉันไม่ใช่คนที่ชอบนอนค้างอ้างแรมในโรงแรมเสียเท่าไรนัก ยิ่งในเวลาเช่นนี้ด้วย ฉันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรหากเขาตอบกลับมาว่าไม่มีบ้านหลังไหนเหลืออยู่เลย“มีครับ มีอยู่หลังหนึ่ง มันเหมาะกับคุ

  • ธุลีใจ   บทที่ 90

    “แล้วตอนนี้ทุกอย่างก็ดำเนินมามากกว่าห้าปีแล้วใช่ไหม?” เขาเอ่ยถามเสียงเบา“ใช่…ตอนที่ฉันได้เงินล้านก้อนแรก ฉันอยากจะบอกคุณใจจะขาด อยากให้คุณภูมิใจในตัวฉัน อยากให้รู้ไว้ว่าฉันไม่ใช่คนขี้แพ้พวกนั้น” ฉันรู้สึกเหมือนย้อนไปในวันนั้น “ฉันจำได้ว่ารอคุณกลับถึงบ้าน แต่คุณก็ไม่ได้กลับมาบ้าน ฉันจึงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้จนเช้า แต่ฉันก็อยากจะบอกคุณอยู่ดี ตอนที่เห็นคุณอยู๋ในครัววันต่อมา ฉันจึงเดินเข้าไปนั่งข้างคุณ แล้วบอกว่าฉันมีเรื่องจะบอก”ฉันหยุดไปครู่หนึ่งและสูดลมหายใจเข้าลึก ความทรงจำนั้นฝังลึกในสมองฉัน“แทนที่คุณจะตั้งใจฟังฉัน คุณกลับหันหน้ามาแล้วทำสายตาเย็นชาใส่ แล้วก็บอกว่าไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ฉันจะพูด บอกว่าไม่ได้สนใจชีวิตฉันหรือว่าฉันจะทำอะไร คุณยังใจร้ายบอกอีกว่าฉันจะไปตายที่ไหนก็ไป ไม่ว่าจะไปที่ไหนคุณก็ไม่ได้สนใจทั้งนั้น แทนที่จะมานั่งเสียเวลาตรงนี้แล้วทำให้ช่วงเวลาตอนเช้าของคุณเสียเปล่าไป ทำไมออกไปกวนคนอื่นแทนเล่า”ความเงียบสงัดที่ก่อตัวขึ้นในรถคันนี้ช่างหนักอึ้ง ฉันเหลือบเห็นลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงขณะกลืนน้ำลาย“เอวา…” เขาเริ่มพูดออกมา กระนั้นฉันขัดจังหวะเขาเสียก่อน “ดังนั้นฉ

  • ธุลีใจ   บทที่ 91

    ฉันเดินทางมาซื้อเฟอร์นิเจอร์ กระนั้นจิตกลับไม่ได้จดจ่ออยู่มันเลย ฉันซื้อบ้านหลังใหม่ มันเหมาะสมและเข้ากับความชื่นชอบของฉันเป็นอย่างมาก เรียบง่ายแต่ก็อบอุ่น บ้านหลังใหม่อยู่ในระแวกเพื่อนบ้านที่ดีและยังอยู่ใกล้กับโรงเรียนของโนอาอีกด้วย ฉันรู้สึกชอบทันทีที่ได้เห็น อีกทั้งยังมีสนามหญ้าหลังบ้านขนาดใหญ่ซึ่งโนอาสามารถวิ่งเล่นได้เต็มที่ไม่เหมือนบ้านหลังเก่า“คุณตั้งใจเลือกอยู่หรือเปล่าเนี่ย?” เล็ตตี้เอ่ยถามด้วยความหงุดหงิดเธอมาช่วยฉันเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านใหม่ ซึ่งฉันก็ซื้อบ้านมาได้สามวันแล้ว บ้านหลังใหม่ยังเป็นบ้านโล่ง ๆ อยู่เลย พูดกันตามตรงฉันยังไม่มีเตียงนอนเลยด้วยซ้ำ ฉันต้องเอาฟูกมาปูนอนกับพื้นอยู่“ขอโทษทีนะเล็ตตี้…พอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะ” ฉันกล่าวขอโทษเมื่อคิดว่ามีคนจ้องจะเอาชีวิตของคุณอยู่ หลายสิ่งหลายอย่างก็กลายเป็นด้อยความสำคัญไป เรื่องพวกนี้ไม่ได้มีความสำคัญเทียบเท่ากับการมีชีวิตอยู่ให้นานมากพอที่จะเห็นลูกน้อยของคุณเติบโต ฉันยังคงทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่แม้รู้ว่าเพิ่งเฉียดความตายมาได้อีกครั้ง มีใครบางคนตั้งใจลอบวางเพลิงบ้านฉัน คนเหล่านั้นต้องการให้ฉันไฟครอกตายทั้งเป็น

  • ธุลีใจ   บทที่ 92

    ฉันส่งยิ้มให้เธอเราหาร้านน่ารัก ๆ แห่งหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว เมื่อนั่งประจำที่อาหารของพวกเราทั้งสองก็มาเสิร์ฟในเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น เราสั่งอาหารพื้น ๆ เหมือนกัน เฟรนช์ฟรายซ์ เบอร์เกอร์ ปีกไก่ทอดและมิลก์เชคบทสนทนาของเรานั้นลื่นไหลอย่างมาก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องใหญ่อะไรเพียงแค่มุกตลก เพลิดเพลินกับมื้ออาหารและรู้สึกสนุกที่ได้อยู่ด้วยกัน ช่วงเวลานั้นฉันลืมปัญหาที่มีและรู้สึกดีจริง ๆ“โอ้ย อิ่มจนแทบจะคิดอะไรอย่างคนอื่นเขาไม่ได้แล้ว” เล็ตตี้เล่นมุก ฉันจึงหัวเราะออกมา ความสุขเอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่นั้นของเธอ ซึ่งดูน่ารักใช่ย่อย“แหม พูดอย่างกับถึงจุดสุดยอดอย่างนั้นแหละ” ฉันเล่นมุกบ้างเธอหัวเราะตอบโต้ “ใช่เลยจ้า อาหารทำให้ฉันถึงจุดสุดยอด”ฉันหัวเราะพลางบอกเธอว่ามันไม่มีเรื่องแบบนั้นสักหน่อย คำว่าอาหารและจุดสุดยอดไม่ควรมารวมกันในประโยคเดียว“ได้สิ…ก็อาหารทำให้เรามีความสุขใช่ไหมเล่า แม้จะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่ก็เป็นความสุขเดียวกับที่เจ้าหนูน้อยของทราวิส…”ฉันสำลัก “อย่ากล้าพูดจนจบประโยคนะ…ไม่เคยได้ยินหรือว่าปลาหมอน่ะตายเพราะปาก” ฉันมองเธอด้วยสายตาหวาดหวั่น “บอกเอาไว้เลยนะว่าสิ

  • ธุลีใจ   บทที่ 93

    “ก็แกหลงโรแวนขนาดนั้น คิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดของแกลงหรือไง?” เอมม่าเย้ยหยันและฉันก็ตอกกลับ“แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเป็นเธอมากกว่านะที่หลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้น…แล้วถ้าไม่ว่าอะไรฉันขอตัวนะ เธอทำให้ฉันเสียเวลามากเกินพอแล้ว”“ฉันยังพูดไม่จบนะ นางบ้า” ฉันไม่สนใจเธอแต่คำพูดต่อมาทำให้ฉันตัวแข็งทื่อ“ฉันสาบานเอาไว้ตรงนี้เลย เอวา ถ้าแกเดินไปอีกก้าวเดียว ฉันจะตามล่าหาไอ้เด็กเหลือขอลูกชายแกให้มาชดใช้เรื่องนี้ มันเองก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องเสียทุกอย่างไปเหมือนกัน”ฉันได้ยินเสียงสูดหายใจจากทราวิส แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจฉันขยับร่างกายไปโดยไม่ได้คิดฉันหมุนตัวและผลักเธอกระแทกเข้ากับรถตู้คันหนึ่ง ฉันใช่ท่อนแขนกดเข้าที่คอของเอมม่า ตรึงร่างของเธอเอาไว้กับรถตู้และบีบคอเธอจนหายใจไม่ออกหลักสูตรการเรียนป้องกันตัวที่ฉันเสียเงินเรียนไปเมื่ออาทิตย์ก่อนได้ใช้งานเสียที อีกทั้งฉันยังมีใบอนุญาตการครอบครองอาวุธปืนด้วย อีธานแนะนำให้ฉันพกปืนเอาไว้ป้องกันตัวหลังจากที่บ้านเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งนั้นในหัวฉันว่างโล่งตอนที่ฉันควักปืนออกมาจ่อเข้าที่ขมับของเอมม่า“ถ้าหล่อนพูดข่มขู่โนอาอีกแค่ครั้งเดียว ฉันเอาหล่อนตายแน่ ฉันจะ

  • ธุลีใจ   บทที่ 94

    ฉันยังคงรู้สึกหัวเสียอยู่แม้ว่าจะเดินทางถึงบ้านใหม่แล้วก็ตาม อาจต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งเพื่อคุ้นเคยกับการเรียกที่แห่งนี้ว่าบ้านฉันจอดรถและเดินออกมาด้วยความรู้สึกแปลกใจ โรแวนนั่งรอฉันอยู่นอกบ้าน ฉันเดินเข้าใกล้เขาพร้อมกับสายตาของเขาที่กำลังจับจ้องหน้าฉัน“ถ้าอยากจะมาด่าฉันเพราะเรื่องเอมม่า ก็เชิญเดินกลับไปที่รถแล้วขับออกไปเสียเถอะ”ฉันสาบานเลยหากเขามาที่เพื่อสร้างปัญหาแล้วล่ะก็ ฉันก็พร้อมไล่ตะเพิดเขากลับออกไปโดยไวเลย“พูดเรื่องอะไรของคุณ?” เขาเอ่ยถามพร้อมลุกขึ้นยืน ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง“ฉันมั่นใจว่านางผู้หญิงคนนั้นโทรหาคุณแล้วก็เล่าเรื่องโกหกให้ฟังใช่ไหม?” ฉันเดือดพล่านเมื่อนึกถึงคำพูดของเอมม่าฉันกระแทกเท้าและยืนรอเพื่อให้เขายืนยันเรื่องนี้ ไม่งั้นทำไมเขาถึงได้มาอยู่ที่นี่ไม่นานหลังจากที่ฉันกับเอมม่าเพิ่งจะมีปากเสียงกันล่ะ?“ผมไม่รู้นะว่าคุณกำลังพูดเรื่องบ้าบออะไรอยูู่ แต่ผมไม่ได้มาเพราะปัญหาระหว่างคุณทั้งสองนะ” เขาเอ่ยพร้อมนำมือขึ้นมาเสยผม “ถ้างั้นคุณมาที่นี่ทำไม?” ฉันเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“ทราวิสโทรมาหา แล้วบอกว่าคุณอาจต้องการคนช่วยจัดย้ายของเข้าบ้าน” เขาเดินตรงเข้าม

  • ธุลีใจ   บทที่ 95

    ฉันปลดล็อกรถขนของก่อนหันหน้ามองเขาทั้งสอง หกมืออย่างไรเสียก็ดีกว่าสี่มือ ยิ่งกว่านั้นของบางชิ้นก็มีน้ำหนักมากเสียด้วย คงเป็นเรื่องง่ายขึ้นหากให้ชายหนุ่มทั้งสองขนของเหล่านั้นแทนที่จะเป็นฉันและอีธาน “จะเลิกจ้องหน้ากันแล้วมาช่วยฉันขนของได้ไหม?” ฉันเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าไม่มีใครขยับมาช่วยเลย โรแวนเปล่งเสียงฮึดฮัดและเดินกระทืบเท้ามาทางฉัน อีธานเดินตามมาหลังจากนั้น “แล้วจะยกอะไรก่อนดี?” ฉันเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าไม่มีใครขยับตัวยกของเลยชายหนุ่มทั้งสองเริ่มทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิด ฉันมั่นใจเลยหากบอกให้กลับไปก็จะไม่มีใครไปอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่มีใครลงมือช่วยทำงานเลย หากรู้ว่ามันจะออกมาเป็นเช่นนี้ ฉันยอมจ้างคนมาช่วยเสียดีกว่า ในที่สุดอีธานจริงเริ่มขยับก่อนเป็นคนแรกและเดินไปจับปลายด้านหนึ่งของโซฟา หลังจากยืนสบสันกรามอยู่นาน โรแวนจึงเดินไปจับปลายอีกฝั่งพวกเขาย้ายโซฟาเข้าไปในห้องนั่งเล่นโดยไม่พูดอะไรเลย ฉันเดินตามเข้าไปด้วยโดยหยิบของที่ขนได้ไปเราทำงานกันอย่างเงียบเชียบ ฉันพยายามเข้าไปเชื่อมสัมพันธ์ทั้งสอง กระนั้นทั้งสองกลับดูเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ดีอย่างยิ่ง สามสิบนาทีต่อมา ของที่มีน้ำหนักเกือบท

  • ธุลีใจ   บทที่ 96

    โรแวน“ไปโดนใครซัดมา?” เกเบรียลเอ่ยถามพร้อมมองมองถุงน้ำแข็งที่ประคบอยู่บนใบหน้าผม“ไอ้อีธาน” ผมฮึดฮัด และตอนนี้ก็ไม่มีอารมณ์รับมือเจ้าน้องชายด้วยให้ตายสิ! ผมยังไม่อยากเชื่อตัวเองเลยว่าจะไปต่อยกับไอ้เวรนั่น ผมหัวเสียมากจนคล้อยตามไปกับคำพูดมันเสียได้“ตำรวจนั่นน่ะหรือ?” เขาเอ่ยถามอย่างอยากรู้ “แฟนใหม่เอวาใช่หรือเปล่า?”เมื่อคำพูดนั้นจบลง ผมก็ขว้างถุงน้ำแข็งในมือกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจัง“มันไม่ใช่แฟนเธอเว้ย” ผมเอ่ยพร้อมลุกขึ้นยืนอารมณ์ของผมตอนนี้เดือดดาลและพร้อมจะระเบิดออกมา ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเอวาถึงมองไม่เห็นว่าไอ้เวรนั่นมันเป็นจอมหลอกลวงผมไม่สามารถสืบค้นอะไรที่ลึกลงไปได้เลย ตามรายงานบอกว่าเขาเป็นชายที่ดีคนหนึ่ง ไม่มีอะไรผิดจากธรรมดา กระนั้นลางสังหรณ์ของผมบอกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตาเห็น มันต้องมีบางอย่างที่กวนใจผม บางสิ่งที่เขาปิดบังเอาไว้ สังหรณ์ของผมไม่เคยผิดพลาดมาก่อน “แต่จากที่ได้ยินมา เขาเป็นแฟนกันนะ… เกิดอะไรขึ้น?”ผมสูดหายใจเข้าพร้อมระงับไฟความโกรธเกรี้ยวในจิตใจลง“เรากำลังช่วยเอวาขนของเข้าบ้านใหม่อยู่และมันก็บอกให้ฉันเลิกยุ่งเสีย บอกอีกว่าเอวาเป็นของมันและมันจะไ

บทล่าสุด

  • ธุลีใจ   บทที่ 462

    เรียกฉันว่าคนขี้ขลาดก็ได้ ฉันไม่สน แต่ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรเมื่อฉันไปถึงห้องนั่งเล่น ฉันโทรสั่งอาหารเช้าให้มาส่งที่ห้องของเรา ก่อนจะนั่งลงรอฉันรู้ว่านี่จะเป็นหายนะตั้งแต่ตอนที่เกเบรียลบอกว่าเราจะใช้ห้องร่วมกัน ฉันคิดว่าหมอนจะช่วยได้ แต่ฉันแค่หลอกตัวเอง มันไม่ได้ช่วยอะไรได้เลยเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันก็เดินไปเปิด"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณผู้หญิง" พนักงานเสิร์ฟทักทาย พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า"อรุณสวัสดิ์ค่ะ""ให้ดิฉันวางตรงไหนดีคะ?" เธอถามขณะที่ฉันหลีกทางให้เธอเข้ามา"บนโต๊ะอาหารก็ได้ค่ะ" ฉันตอบเธอเธอพยักหน้าและเดินไปที่นั่น เธอเพิ่งวางอาหารเช้าลงและกำลังจะออกไป เกเบรียลก็เดินออกจากห้องนอนพร้อมมือที่กำลังติดกระดุมเสื้อฝีเท้าเธอเริ่มช้าลง และเธอเกือบจะสะดุดเมื่อมองเห็นเขา เกเบรียลเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก ดังนั้นฉันจึงไม่โทษเธอหรอก"ขอบคุณค่ะ" ฉันพูดเมื่อรู้ว่าสายตาของเธอยังคงอยู่ที่เกเบรียล ขณะที่สายตาของชายหนุ่มก็อยู่ที่ฉันเสียงของฉันดึงเธอออกจากภวังค์ เธอพยักหน้าก่อนจากไป เมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็ปิดประตูให้เรียบร้อย"แล้วยังไงดี คุณจะแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเก

  • ธุลีใจ   บทที่ 461

    ให้ตายเถอะ แค่คิดถึงคืนนั้นรวมถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ก็ทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวแล้ว ฉันขยับตัวเล็กน้อย หวังว่าจะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นและบรรเทาความปั่นป่วนในร่างกาย แต่มันกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง เพราะการขยับตัวทำให้ร่างกายแนบชิดกับเกเบรียลมากขึ้นกว่าเดิมเกเบรียลส่งเสียงครางต่ำ แหบพร่า และเร้าอารมณ์ เช่นเดียวกับที่เขาเคยเปล่งออกมาในคืนนั้น ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว เสียงนั้นพุ่งตรงเข้าสู่ความรู้สึกของฉัน ทำให้ฉันหยุดพยายามจะขยับตัวให้สบายขึ้นฉันค่อย ๆ หันไปมองเขา หวังว่าเขาจะยังหลับอยู่ พอเห็นว่าเปลือกตาของเขายังคงปิดสนิท ฉันก็รู้สึกโล่งใจ แต่แล้วหัวใจก็เต้นแรงขึ้นเมื่อได้มองใบหน้าของเขาชัด ๆตอนหลับ เขาดูสงบและงดงามเหลือเกิน ขนตายาวทอดเงาบนแก้ม ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย เพียงแค่มองฉันก็เกิดความรู้สึกอยากสัมผัสเขา อยากแนบจูบลงไปบนริมฝีปากนั้นฉันกำลังจมดิ่งลงไปอีกครั้ง กับผู้ชายที่กุมหัวใจฉันไว้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน คนเดียวกับที่ตอนนี้กำลังขอในสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้ฉันหลงใหลในตัวเขามาก จนกระทั่งฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนสายเกินไปเสียงครางหลุดออกจากริมฝีปากขอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 460

    มื้อค่ำที่เหลือเป็นไปอย่างเงียบสงัด เขาก็ยังต้องขอโทษฉันอยู่แต่ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดี ถ้าจะพูดตามตรง ฉันไม่เคยคิดว่าเกเบรียลจะมาขอโทษฉันเลย ดังนั้นการที่เขาทำแบบนั้นและทำด้วยความจริงใจแบบนี้ทำให้ฉันพูดไม่ออกจริง ๆเรารับประทานมื้อค่ำเสร็จและโทรเรียกพนักงานจากด้านล่างให้มาเก็บจาน"ฉันจะไปนอนแล้วนะ มีอะไรที่คุณอยากได้ก่อนหรือเปล่า?" ฉันถามเมื่อจานอาหารถูกเก็บไปและพนักงานจากโรงแรมก็ออกจากห้องไปแล้วลึก ๆ ในใจฉันกำลังตกใจและกังวลที่จะต้องนอนในห้องเดียวกับเกเบรียล แต่ความเหนื่อยจากการเดินทางก็ทำให้ความวิตกกังวลหายไป"ผมเองก็จะไปนอนเหมือนกัน เหนื่อยสุด ๆ เลย"ฉันพยายามกลั้นความตกใจที่เริ่มปะทุขึ้นมาในใจ ฉันคิดว่าจะนอนก่อนเขาเหมือนที่เคยทำ นั่นจะทำให้ฉันมีเวลาได้ผ่อนคลายและพักผ่อนก่อนที่เขาจะเข้ามานอน ฉันนึกไว้ว่าจะหลับไปแล้วก่อนที่เขาจะขึ้นมานอนฉันกัดฟันอย่างหงุดหงิดและเครียด ก่อนจะพยักหน้าหงุดหงิดแล้วเดินไปห้องนอน"คุณชอบนอนด้านไหน?" เขาถาม ขณะที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง"ฉันไม่ค่อยมีความชอบอะไรหรอก ขอแค่ได้นอน ด้านไหนก็เหมือนกัน"“รู้เรื่อง งั้นผมนอนฝั่งซ้ายนะ คุณก็ฝั่งขวาแล้

  • ธุลีใจ   บทที่ 459

    "อาบน้ำเสร็จแล้ว" ฉันบอกเกเบรียลเมื่อก้าวออกมาที่ห้องนั่งเล่น"ผมสั่งอาหารไว้แล้ว กินก่อน ไม่ต้องรอผมได้เลยนะครับ" เขาพูดก่อนเดินผ่านฉันเข้าไปในห้องนอนมันรู้สึกแปลกที่จะเริ่มรับประทานโดยที่ไม่มีเขาและฉันก็ไม่ได้หิวมากนัก ฉันเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีเมล และดูว่าวันพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้างฉันไม่ต้องรอนาน เพราะไม่ถึงสิบนาทีต่อมา เกเบรียลก็เดินออกมาจากห้องนอนในเสื้อยืดเก่า ๆ และกางเกงวอร์ม“ยังไม่กินเหรอ?” เขาถามพลางเลิกคิ้ว สายตาจ้องมองอาหาร“ก็รู้สึกไม่ดีนี่นาที่กินก่อนคุณแบบนั้น แถมคุณเป็นคนสั่งอาหารมาด้วย”เขาทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะเริ่มเปิดจานอาหาร ฉันตักอาหารเล็กน้อยแล้วเริ่มรับประทาน ความเหนื่อยถาโถมเข้ามา แม้ว่าฉันจะได้นอนบนเครื่องบินแล้วก็ตาม ฉันไม่อาจหยุดคิดถึงเตียงได้ ตอนแรกฉันไม่ชอบใจนักเรื่องการนอนร่วมเตียงกับเกเบรียล แต่ตอนนี้ฉันกลับเอาแต่คิดถึงมันเสียแล้ว ร่างกายร้องหาเพียงการพักผ่อน“แล้วคุณล่ะ เคยตกหลุมรักใครไหม?” คำถามเกเบรียลทำเอาฉันประหม่าฉันหันขวับไปมองเขา เจอสายตาคมกริบที่จ้องตรงมา ฉันกลืนอาหารลงคอและให้ปากทำหน้าที่ ตอนนี้คงมีอยู่แค่สองทางเลือก ไม่โกหกออกไป ก็บอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 458

    ไม่กี่นาทีต่อมา เรามายืนอยู่หน้าห้องสวีท ความรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ จู่โจมฉันทันที เกเบรียลไขกุญแจและผลักประตูเข้าไปโถงทางเข้าต้อนรับเราด้วยพื้นหินอ่อนขัดมันที่เปล่งประกายอยู่ใต้แสงนุ่มนวลของโคมไฟระย้าสุดหรู เงาสะท้อนทอดเป็นลวดลายงดงามบนผนังห้องนั่งเล่นกว้างขวางปรากฎสู่สายตา ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรู และหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดมุมมองสู่ทัศนียภาพของเมืองที่ระยิบระยับราวกับทะเลดาวระบบความบันเทิงล้ำสมัยให้คำมั่นถึงค่ำคืนอันแสนอบอุ่น ขณะที่ครัวสไตล์กูร์เมต์ดึงดูดใจด้วยเครื่องใช้สแตนเลสเงาวาวและเคาน์เตอร์กลางขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับการทำอาหาร ห้องรับประทานอาหารสุดเก๋ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสังสรรค์เล็ก ๆ ที่เป็นกันเอง"ดูท่าทางคุณจะชอบนะ?" เกเบรียลแกล้งเย้าฉันทำได้แค่พยักหน้า อย่างที่บอกไปแล้ว เราเคยรวย และฉันก็เคยพักในโรงแรมดี ๆ มาก่อน แต่ที่นี่คืออีกระดับหนึ่ง มันเป็นนิยามของความหรูหราที่แท้จริงสายตาฉันยังคงกวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง แต่จู่ ๆ ฉันก็ชะงักเท้าเมื่อความจริงบางอย่างตีแสกหน้าเข้ามาเต็ม ๆ"เกเบรียล ห้องฉันอยู่ไหนคะ? ฉันเห็นแค่ห้องนอนเดียวเองนะ" ฉ

  • ธุลีใจ   บทที่ 457

    เครื่องบินลงจอดที่รันเวย์ มือของเกเบรียลจับตัวฉันไว้ไม่ให้กระดอนตอนเครื่องบินลงจอด“ไม่เป็นไรนะ?” เขาเอ่ยถามพลางสบตาฉัน“ค่ะ”หลังจากที่เกเบรียลเล่าเรื่องผู้หญิงที่เขาเคยตกหลุมรัก ก็ไม่มีเรื่องอะไรไปมากกว่านั้น บาดแผลนั้นยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ บาดแผลที่ฝังลึกลงไปข้างในฉันเห็นมันปรากฎอยู่ในดวงตาเขาอย่างชัดเจนขณะที่เล่าทุกอย่างให้ฟัง เขาไม่ต้องการพูดอะไรมากกว่านี้ เขาเพิ่งจะเปิดเผยความลับบางสิ่งเกี่ยวกับตัวเขาที่ใครคนอื่นไม่เคยรู้ แม้แต่พี่ชายฝาแฝดเขาก็ไม่เคยรู้ฉันไม่ได้บังคับให้เขาเล่าออกมามากกว่านั้น ฉันไม่ได้ขอให้เขาเล่าให้ฟังว่าหลังจากรับรู้ความจริงพวกนั้นมันเป็นอย่างไรต่อหรือเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น เขารู้สึกเปราะบาง และฉันก็เข้าใจด้วยว่าเขาต้องการเวลาเพื่อตั้งสติ ดังนั้นฉันจึงให้พื้นที่กับเขาฉันใช้เวลากว่าครึ่งอ่านหนังสือและอีกครึ่งในการนอนหลับพักผ่อน เขายังเอาใจใส่แม้ตอนที่นั่งห่างออกไป เขาถามว่าฉันนั่งสบายไหมหรือต้องการอะไรอีกหรือเปล่าอยู่เป็นระยะมือของเขาเอื้อมมาแตะหน้าท้องฉันจนดึงฉันออกจากภวังค์ ฉันมองลงไปพบว่าเขากำลังปลดเข็มขัดนิรภัยของฉันออก“คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันท

  • ธุลีใจ   บทที่ 456

    ก็เป็นความรักที่สวยงามไม่ใช่เหรอ? แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้น บางสิ่งที่เปลี่ยนไป ถ้าทุกอย่างมันดีจริง ๆ ตอนนี้เขาก็คงเคียงคู่กับเธอคนนั้นไปแล้ว ไม่น่าจะมาแต่งงานกับฉันแบบนี้เสียงของเขาเริ่มแหบพร่าและเริ่มเล่าต่อ “ทุกสิ่งมันดีไปหมดเลย เธอเป็นผู้หญิงที่สุดยอดมากและผมก็รู้สึกว่าหลงรักเธอมากขึ้นทุกวัน แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้แนะนำเธอให้โรแวนรู้จัก เพราะผมอยากเก็บเธอไว้กับตัว ผมไม่ได้เจตนาจะคบหาแบบเงียบ ๆ แต่แค่อยากใช้เวลากับเธอมากกว่านี้ก่อนที่จะพบครอบครัวผม ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาผมนึกว่าตนเองโชคดีขนาดไหนที่ได้พบเจอคนอย่างเธอ อย่างที่คุณรู้ โลกของเรามันหาคู่รักที่เหมาะกันได้ง่ายเสียที่ไหนล่ะ ฮาร์เปอร์”และนั่นแหละก็เป็นสังคมของเรา มันยากมากเลยนะที่จะพบเจอคนที่รักเราจริง บางคู่ที่แต่งกันก็เป็นเพราะเรื่องของธุรกิจ และน้อยคนนักที่จะรักและเคารพจากใจจริง แล้วก็ยังมีพวกหวังรวยทางลัดอีก เป็นพวกที่แต่งงานกับคนรวย ๆ เท่านั้นและฉันว่านี่คงเกิดขึ้นบ่อยด้วย“ผมอยู่ในห้วงความรักเลยและคิดอะไรอย่างมีเหตุผลไม่ค่อยได้ เธอสามารถทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตนเองได้เพราะผมไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอ ไม่อยากให้เ

  • ธุลีใจ   บทที่ 455

    “ฮาร์เปอร์?” เสียงของเขาเรียกฉันกลับมาสู่ความเป็นจริง“โอ๊ะขอโทษที ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ฉันส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป “ค่ะ ฉันเก็บของเสร็จแล้ว”“ดีครับ งั้นไปกันเถอะ”หนึ่งชั่วโมงต่อมา เรานั่งอยู่ในเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเกเบรียล ครั้งนี้ฉันเดินทางไปกับเขาเพื่อเซ็นสัญญาธุรกิจ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม? ต้องการอะไรหรือเปล่า? ผมให้พนักงานต้อนรับเอาอะไรมาให้ได้นะ” กาเบรียลถามขึ้นทันทีที่เครื่องบินเริ่มออกตัวเข้าใจที่ฉันบอกแล้วใช่ไหม? เขาใส่ใจฉันมากเหลือเกินแต่ตอนที่เรายังแต่งงานกัน เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ฉันคิดว่าเขาไม่เคยทำอะไรเพื่อทำให้ฉันมีความสุขเลย จริง ๆ แล้วมันตรงกันข้าม เขาไม่เคยสนใจว่าฉันต้องการอะไร หรือว่าฉันสบายดีไหม ไม่เคยสนใจแม้แต่ฉันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เขาแค่ไม่เคยสนใจฉันเลยแต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป และนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ฉันสับสน มันเหมือนเขาเป็นยักษ์ในตะเกียงวิเศษที่คอยทำให้ความปราถนาของฉันเป็นจริง“ไม่ค่ะขอบคุณ ถ้าต้องการอะไร เดี๋ยวฉันจะบอกพนักงานเองได้ค่ะ” ฉันพึมพำตอบกลับเกเบรียลพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาเปิดฉันเอนตัวลงกับเบาะหน

  • ธุลีใจ   บทที่ 454

    “แม่ต้องไปจริง ๆ เหรอคะ?” ลิลลี่ถาม สายตามองสลับไปมาระหว่างฉันกับกระเป๋าเดินทางที่เปิดอยู่บนเตียงฉันไม่เคยชอบการเก็บกระเป๋าแบบเร่งรีบในนาทีสุดท้ายแบบนี้เลย แต่ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา งานที่ทำงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาหายใจ พอกลับถึงบ้าน สิ่งเดียวที่ฉันคิดได้ก็คือการนอนหลับ ฉันเหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหว ไม่มีแรงจะทำอะไรนอกจากกินแล้วก็นอน“ต้องไปจ้ะ” ฉันตอบเธออย่างอ่อนโยน “งานนี้สำคัญมากเลยลูก แล้วพ่อหนูต้องไปจัดการด้วยตัวเอง…”“แต่หนูยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหนูไปด้วยไม่ได้? หนูอยากเห็นว่าพ่อทำงานยังไง หนูอยากรู้ว่าพ่อจัดการเรื่องงานยังไงค่ะ”ฉันพับเสื้อผ้าชิ้นสุดท้าย ซึ่งเป็นเสื้อไหมสีฟ้า ก่อนจะวางมันลงไปในกระเป๋ากับของที่เหลือ พอทุกอย่างเรียบร้อย ฉันรูดซิปปิดแล้ววางกระเป๋าลงบนพื้น“ลูกก็รู้นี่ ว่าไปไม่ได้” ฉันตอบเธอขณะนั่งลงบนเตียง“ทำไมล่ะคะ?”“เพราะลูกยังเป็นเด็กไง ก็เลยไปไม่ได้ ถูกไหมคะ?”“หนูไม่ใช่เด็กนะคะ หนูจะสิบขวบแล้ว"ฉันกลอกตาให้กับคำโกหกที่ชัดเจน ก่อนจะดึงลิลลี่เข้ามากอดและหอมแก้มเนียนนุ่มของเธอเบา ๆ“หนูก็รู้ดีนะว่าเพิ่งแปดขวบ อีกนานเลยกว่าสิบขวบนะลิลลี่… แล้วอีกอย่าง เด็ก ๆ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status