บุคคลนิรนามฉันเดินไปมารอบห้องในอะพาร์ตเมนต์พร้อมรู้สึกสุดจะทน ฉันพยายามติดต่อไอ้เวรนั่นหลายสาย แต่มันกลับไม่รับเลยสักสายหมอนั่นหายเงียบไปตั้งแต่ไปวางเพลิงเผาบ้านเอวา และนั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันหวาดกลัวมากเพราะไม่รู้เลยว่าหมอนั่นวางแผนทำอะไรอยู่กันแน่หากไม่รู้ว่าหมอนั่นวางแผนทำอะไรอยู่ ฉันก็คงคิดหาหนทางรับมือไม่ทันแน่ หากเขาดันทำแผนพังอย่างเจ้าอสรพิษทมิฬนั่นแน่ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นและโทรหาลูกน้องคนหนึ่ง“ครับนาย?” เบรครับสายเมื่อเสียงเรียกเขาดังครั้งแรก“แกระบุตำแหน่งมันได้แล้วหรือยัง?” ฉันเอ่ยถามฉันไม่ใช่คนที่ต้องมานั่งกังวล ไม่ใช่คนที่ต้องมานั่งเครียดอยู่กับทุกสิ่งเช่นนี้ แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป ฉันมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเอาเสียเลยว่าจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่นอนฉันไม่สามารถสลัดความรู้สึกปลุกเร้าอยู่ภายในที่กำลังกล่าวเตือนถึงหายนะที่จะเกิดขึ้น“ไม่เลยครับ…ดูเหมือนว่าเขาจะหายไปจากการจับตาของเรา” ลูกน้องตอบ ซึ่งทำให้ฉันสบถออกมา “ไม่มีใครสามารถระบุตำแหน่งเขาได้เลยครับ”ตอนที่ฉันรู้ว่าอสรพิษทมิฬถูกตามจับ ฉันรู้ว่าจำเป็นต้องกำจัดมันทิ้งไป เพราะไม่นานตำรวจต้องตามมาถึงตัวมันแน่ ดังนั้นฉั
“ไม่มีอะไร…แค่อยากได้ยินเสียงแม่เฉย ๆ” ฉันเอ่ยตอบ เสียงขาดตอนไปในตอนจบ“ไม่เป็นไรใช่ไหมลูกรัก?” แม่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแสนกังวลฉันยิ้มให้คำเรียกนี้ เธอเรียกฉันเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว “ไม่เป็นไร แค่เหนื่อยจากงานนิดหน่อยก็เท่านั้น” “ทำงานมากไปแล้วมั้งลูก ไปเที่ยวพักผ่อนบ้างอะไรบ้างก็ได้ ทำอย่างกับว่าไม่มีเงินอย่างนั้นแหละ” แม่หัวเราะออกมาฉันได้ยินเสียงเแม่ทำอะไรบางสิ่งอยู่ น่าจะเป็นเสียงหม้อและกระทะกระทบกัน อาจกำลังทำอาหารหรืออบขนมอยู่ก็เป็นได้ ฉันพนันด้วยเงินทั้งหมดที่มีเลยว่าแม่กำลังอบขนมอยู่ แม่รักการทำขนมมากกว่าสิ่งใด“เดี๋ยวพองานจบ ค่อยไปเที่ยวพักผ่อนน่ะ…ตอนนี้มีอะไรเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมดเลย” ฉันโกหกออกไปส่วนหนึ่งตอนนี้มีหายนะลอยอยู่เหนือหัว ฉันสงสัยจริงว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนได้อย่างไร ฉันไม่ฉันคนดีและรู้ตัวมาโดยตลอด แต่ฉันก็อดภาวนาให้เรื่องเป็นไปตามที่ต้องการไม่ได้“ก็ดีจ้ะ” เธอเอ่ยตอบ “แต่อย่างน้อยก็หยุดเสาร์อาทิตย์แล้วไปพักผ่อนบ้างก็ได้ มันดีนะลูก ช่วยทำให้จิตใจปลอดโปร่งด้วยแถมยังให้ลูกได้มีโอกาสเปิดหูเปิดตามีมุมมองใหม่ ๆ” แม่แนะนำนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงได้รักแม่มา
เอวานี่ก็เป็นเวลาสองเดือนแล้วนับตั้งแต่บ้านของฉันถูกเพลิงไหม้จนไม่เหลือซาก นับตั้งแต่ตอนนั้นไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับฉันตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์ถูกโจมตีใด ๆ เลย สงบสุขเป็นอย่างมาก และฉันก็หวังเป็นอย่างยิ่งมากว่าเจ้าหมอนั่นจะเลิกตามไล่ฆ่าฉันเสียทีเจ้าหน้าที่ตำวจหัวหน้าชุดสอบสวนบอกว่าอย่าเพิ่งได้วางใจ เขาแนะนำให้ฉันระมัดระวังตัวและเฝ้าระวังอยู่เสมออ้างอิงจากประสบการณ์ของเขา คนร้ายเหล่านั้นไม่มีวันเลิกลาโดยง่าย เขาเสริมว่าไม่แน่เจ้านั้นอาจกำลังประวิงเวลาอยู่เพื่อวางแผน และรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อโจมตีก็เป็นได้ฉันเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะบอกทั้งหมด แต่มันยากที่จะไม่มีความหวังขึ้นมาบ้างเมื่อเรื่องราวมันเริ่มเงียบลง และเริ่มมีความรู้สึกผ่อนคลายรวมถึงจะระแวดระวังน้อยลงเมื่อพวกคนเหล่านั้นเหมือนจะไม่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตแล้วช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตฉันเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับช่วงเวลาที่อยู่โนอาได้หรอกนะ แต่ก็ถือว่าดีมากสิ่งที่ทำให้มันดีที่สุดก็คืออีธาน ทุกครั้งที่ฉันอยู่กับเขา ฉันได้เรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอฉันรักการที
ฉันควรจะดีใจ นั่นเป็นความคิดของฉันตั้งแต่แรก แต่ฉันกลับรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าเขากำลังเมินฉัน และฉันไม่เข้าใจว่าทำไม ฉันถอนหายใจ “ไม่เลย เขาไม่อยากคุยกับฉัน และฉันจะไม่บังคับเขา... อีกอย่าง ฉันเป็นคนขอให้เขารักษาระยะห่างเอง เขาอาจจะกำลังเคารพความต้องการของฉันเป็นครั้งแรก”“ฉันว่าไม่ใช่” เธอพึมพำพร้อมกับสายตาที่เหม่อลอย“คุณรู้อะไรมาเหรอ?”“ไม่หรอก แต่ฉันสงสัยว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น”ฉันมองเธอด้วยความสงสัย สิ่งเดียวที่อาจเกิดขึ้นได้คือการที่เอมม่าขอให้เขาอยู่ห่างจากฉัน แต่ฉันไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น โรแวนไม่ใช่คนที่จะทำตามที่คนอื่นขอ โดยเฉพาะถ้าสิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับโนอาฉันส่ายหัวเพื่อตั้งสติ “มันไม่สำคัญหรอก เรื่องของเขาไม่สำคัญสำหรับวันนี้ เรามาที่นี่เพื่อสนุกสนานและปลดปล่อย”“คุณพูดถูก” เธอกล่าวอย่างมีความสุขขณะเช็คโทรศัพท์ของเธอ “ตายล่ะ ฉันต้องไปเข้าห้องน้ำ ฉันจะรีบกลับมานะ”เธอไม่ให้โอกาสฉันได้ตอบก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปฉันรอแต่เธอไม่กลับมา ฉันรออีกห้านาทีแต่เธอก็ยังไม่กลับมา ฉันเริ่มกังวลและลุกขึ้นเพื่อเดินไปดูเธอฉันเริ่มตื่นตระหนกเมื่อไม่พบเธอในห้องน้ำ ฉันจึงรีบวิ่งกลับไ
โรแวนผมเป็นคนขี้ขลาด มันชัดเจนและไม่ซับซ้อนอะไร สองเดือนผ่านไปแล้วและผมก็ยังคงไม่สามารถเผชิญหน้ากับเอวาหรือแม้แต่คุยกับเธอได้ผมควรจะพูดอะไรกับเธอ? ผมจะพูดกับผู้หญิงที่ผมคิดว่าหลอกผมได้อย่างไรเมื่อกลายเป็นว่าเธอไม่เคยทำเช่นนั้นเลย?ผมละอายใจตัวเอง ละอายใจในทุกสิ่งที่ทำไว้กับเธอ ละอายใจที่ปล่อยให้เธอต้องรับผิด ผมละอายใจที่ผมยืนดูเฉย ๆ ในขณะที่ทุกคนปฏิบัติกับเธออย่างห่วยแตก เพราะผมคิดว่าเธอสมควรได้รับมันผมไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเธออย่างไร จะต้องมองตาเธอและขอโทษอย่างไร ผมไม่รู้ว่าจะต้องขอโทษใครอย่างไรเพราะผมไม่เคยทำผิด ผมมักจะถูกเสมอ ยกเว้นเมื่อเกี่ยวข้องกับเอวาผมจิบวิสกี้เพื่อพยายามกลบความรู้สึกผิดนั้น มันไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่อย่างน้อยสักสองสามนาทีผมก็จะสามารถแกล้งทำเป็นว่าโลกทั้งใบของผมไม่ได้พลิกผันเพราะความจริงที่เพิ่งจะปรากฏ“ท่านคะ คุณชาร์พมาขอพบคุณค่ะ เขาดูวิตกกังวลเล็กน้อย” แม่บ้านของผมเข้ามาขัดจังหวะ“ให้เขาเข้ามา” ผมตอบอย่างเรียบง่ายก่อนที่จะหันหลังให้เขาเมื่อความจริงถูกเปิดเผย เกเบรียลก็ไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนั้นไว้ได้อีกต่อไป เขาแชร์วิดีโอนั้นให้ทุกคนได้ชม
เอวาฉันจ้องพวกเขา หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะและสมองของฉันเต้นระรัว ฉันมาอยู่จุดนี้ได้ยังไง? ทำไมฉันถึงมองไม่ออกว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น?ฉันชะงัก เสียใจจนพูดอะไรไม่ออก โลกของฉันพังทลายลงและแตกเป็นเสี่ยง ๆ รอบตัวฉัน ‘หัวหน้า’คำ ๆ เดียวนั้นวนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเวลาและทำให้ฉันเกือบคลั่ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันทั้งสงสัย คาดเดาและค้นหาศัตรูของฉัน แต่เขากลับเป็นคนใกล้ตัว“นี่มันเรื่องอะไรกัน” เสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวทำให้ฉันต้องกลับมาสู่ความเป็นจริงที่แสนเจ็บปวดนี้ฉันหันไปข้างหลังเพียงเพื่อตกใจอีกครั้งเล็ตตี้ถูกมัดกับเก้าอี้ เธอดูกลัวและโกรธในเวลาเดียวกัน เธอมีเลือดไหลออกจากหัว ฉันเดาว่าไอ้สารเลวที่ลักพาตัวเรามาคงฟาดหัวเธอเช่นกันฉันมัวแต่กลัวตายและพยายามหาทางออกจนไม่ทันสังเกตว่าเธอก็อยู่ที่นี่ แต่ฉันขอแก้ตัวว่านั่นเป็นเพราะเธออยู่ข้างหลังฉัน ฉันไม่คาดคิดว่าจะมีใครอยู่ข้างหลังฉัน“มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ? ฉันลักพาตัวพวกเธอมาไง” ผู้ที่ลักพาตัวพวกเรากล่าว“ทำไมคุณถึงต้องลักพาตัวเธอในเมื่อฉันคือคนที่คุณต้องการ?” ฉันถามพร้อมกับมองลงฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้ที่ทรยศฉัน การมองใบหน้า
เอวา“เวร” เสียงตะโกนนั้นทำให้ฉันลืมตาขึ้นอีธานจับไหล่ของเขาที่กำลังมีเลือดไหล“ทิ้งปืนซะอีธาน ไม่งั้นฉันระเบิดสมองแกแน่” เสียงโกรธของโรแวนแทรกเข้ามาในสมองที่มึนงงของฉันเขาเป็นคนสุดท้ายที่ฉันอยากเจอในตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าฉันรู้สึกเสียหน้า เขาพยายามเตือนฉันแล้ว แต่ฉันกลับไม่ฟังเขาเลย“คนของฉันล้อมอาคารทั้งหลังไว้แล้วอีธาน นายไปไหนไม่รอดหรอก” โรแวนเสริมทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงไซเรนของตำรวจและถอนหายใจด้วยความโล่งอกอีธานลดปืนลงก่อนที่จะวางมันลงบนพื้น ดวงตาของเขาสบตากับฉัน ฉันอยากจะหลบสายตาเขาแต่กลับทำไม่ได้ ฉันอยากเตือนตัวเองว่าฉันโง่แค่ไหนตลอดเวลาที่ผ่านมา“เอวา ที่รัก มองผมสิ” เสียงของเขาทำให้ฉันละสายตาจากสายตาที่เย็นชาของอีธาน ตอนนั้นเองที่ฉันตระหนักว่าโรแวนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉันการได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างใกล้ชิดทำให้ฉันน้ำตาซึม คำพูดสุดท้ายที่เขาพูดกับฉันเมื่อสองเดือนที่แล้วยังคงก้องอยู่ในหัวของฉันฉันจับตาดูเขาขณะที่เขาปลดโซ่ตรวน เขาราวกับเป็นสมอเรือของฉันในตอนนี้ บางทีถ้าฉันมุ่งความสนใจไปที่เขา ฉันอาจจะไม่จมลงในน้ำแห่งความเจ็บปวดของความทรยศ“ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่นี
ฉันรู้ว่าเธอคงรู้สึกยังไง ฉันแนะนำเธอให้รู้จักกับอีธาน และพวกเราสามคนยังไปเที่ยวด้วยกันหลายครั้งด้วย เธอคงรู้สึกถูกทรยศเช่นเดียวกับฉัน“ใช่ เขายังไม่ยอมพูดอะไรเลย” ไบรอันส่ายหัวฉันหันไปเผชิญหน้ากับอีธานแต่กลับพบว่าเขากำลังจ้องมองฉันอย่างตั้งใจ สายตาไร้อารมณ์ของเขาดึงดูดฉันทันที“ทำไม? ทำไมคุณถึงทำแบบนี้กับฉัน อีธาน?” เสียงของฉันสั่นเครือในขณะที่พูดเขาจ้องมองฉัน สายตาเย็นชาของเขาทำให้ฉันแสบร้อน ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกน้ำแข็งกัด ฉันยังคงไม่รู้ว่าความอบอุ่นทั้งหมดที่เขาเคยมีหายไปไหน เขามีสวิตช์ควบคุมอารมณ์หรือเปล่า และเขาสามารถเปิดและปิดมันได้เมื่อเขาต้องการเหรอ? หรือว่ามันไม่เคยมีอยู่เลย? ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็เป็นนักแสดงที่เก่งมาก ๆ คนหนึ่ง“ผมต้องการบริษัท” เขากล่าวอย่างเรียบง่ายฉันตกใจที่เขาตอบฉัน ฉันไม่คาดคิดว่าเขาจะตอบด้วยซ้ำความตกใจถูกผลักออกไปเมื่อฉันเริ่มเข้าใจสิ่งที่เขาพูด ในไม่ช้าความประหลาดใจของฉันก็กลายเป็นความสับสน“บริษัทอะไร?” ฉันถามฉันไม่มีบริษัท ฉันลงทุนในบริษัทต่าง ๆ แต่ไม่ได้มีบริษัทของตัวเองเหมือนโรแวน สิ่งเดียวที่ฉันมีคือมูลนิธิโฮป และฉันไม่เห็นว่าคนอย
ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา
"ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา
มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ
เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว
ฮาร์เปอร์ฉันขยับตัวไปมาบนเตียงโดยพยายามหาท่าที่สบายที่สุด พูดตามตรงฉันดูเหมือนปลาวาฬและรู้สึกเหมือนปลาวาฬด้วย ฉันกำลังพับผ้าอยู่เพราะดูเหมือนว่านั่นคือสิ่งเดียวที่ฉันได้รับอนุญาตให้ทำเกเบรียลดูแลฉันมากเกินความจำเป็นตั้งแต่เขารู้ว่าฉันตั้งครรภ์ ฉันแทบห้ามขยับร่างกายเลยเพราะอาจทำให้เขาตื่นตระหนกไปหมด ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ฉันแทบบ้า แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันน่ารักดีฉันเผยยิ้มเมื่อนึกถึงตอนตั้งท้องลิลลี่ เลียมดูแลฉันดีเหมือนกัน เขาไม่ได้ดูแลฉันมากเกินความจำเป็นอย่างที่เกเบรียลทำ แต่เขาก็ดูแลฉันอยู่ดี หมายถึงเขาเคยวิ่งไปซื้อของที่ร้านกลางดึกเพราะฉันรู้สึกหิวโดยไม่บ่นสักคำ มีแต่ผู้ชายที่ใส่ใจเท่านั้นที่จะทำแบบนั้นการตั้งครรภ์ครั้งนี้แตกต่างจากการตั้งครรภ์ลิลลี่ในหลาย ๆ ด้าน ตัวอย่างเช่น ตอนท้องลิลลี่ ฉันแทบไม่แพ้ท้องเลย แต่ครั้งนี้ฉันแพ้ท้องตอนเย็นด้วย และมันอยู่ไปถึงช่วงเข้าเดือนที่สี่ มันแย่จริง ๆ ที่ต้องรู็สึกแย่ตลอดเวลาแล้วก็เรื่องความอยากอาหาร ตอนท้องลิลลี่ ฉันอยากกินของหวาน ๆ แต่ครั้งนี้ฉันอยากกินของคาวและเค็มมากกว่า มันบ้ามาก ฉันไม่อยากกินของหวานเลยตั้งแต่รู้ว่าตัวเองท้อง อย่าพูดถึ