บุคคลนิรนามฉันเดินไปมารอบห้องในอะพาร์ตเมนต์พร้อมรู้สึกสุดจะทน ฉันพยายามติดต่อไอ้เวรนั่นหลายสาย แต่มันกลับไม่รับเลยสักสายหมอนั่นหายเงียบไปตั้งแต่ไปวางเพลิงเผาบ้านเอวา และนั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันหวาดกลัวมากเพราะไม่รู้เลยว่าหมอนั่นวางแผนทำอะไรอยู่กันแน่หากไม่รู้ว่าหมอนั่นวางแผนทำอะไรอยู่ ฉันก็คงคิดหาหนทางรับมือไม่ทันแน่ หากเขาดันทำแผนพังอย่างเจ้าอสรพิษทมิฬนั่นแน่ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นและโทรหาลูกน้องคนหนึ่ง“ครับนาย?” เบรครับสายเมื่อเสียงเรียกเขาดังครั้งแรก“แกระบุตำแหน่งมันได้แล้วหรือยัง?” ฉันเอ่ยถามฉันไม่ใช่คนที่ต้องมานั่งกังวล ไม่ใช่คนที่ต้องมานั่งเครียดอยู่กับทุกสิ่งเช่นนี้ แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป ฉันมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเอาเสียเลยว่าจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่นอนฉันไม่สามารถสลัดความรู้สึกปลุกเร้าอยู่ภายในที่กำลังกล่าวเตือนถึงหายนะที่จะเกิดขึ้น“ไม่เลยครับ…ดูเหมือนว่าเขาจะหายไปจากการจับตาของเรา” ลูกน้องตอบ ซึ่งทำให้ฉันสบถออกมา “ไม่มีใครสามารถระบุตำแหน่งเขาได้เลยครับ”ตอนที่ฉันรู้ว่าอสรพิษทมิฬถูกตามจับ ฉันรู้ว่าจำเป็นต้องกำจัดมันทิ้งไป เพราะไม่นานตำรวจต้องตามมาถึงตัวมันแน่ ดังนั้นฉั
“ไม่มีอะไร…แค่อยากได้ยินเสียงแม่เฉย ๆ” ฉันเอ่ยตอบ เสียงขาดตอนไปในตอนจบ“ไม่เป็นไรใช่ไหมลูกรัก?” แม่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแสนกังวลฉันยิ้มให้คำเรียกนี้ เธอเรียกฉันเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว “ไม่เป็นไร แค่เหนื่อยจากงานนิดหน่อยก็เท่านั้น” “ทำงานมากไปแล้วมั้งลูก ไปเที่ยวพักผ่อนบ้างอะไรบ้างก็ได้ ทำอย่างกับว่าไม่มีเงินอย่างนั้นแหละ” แม่หัวเราะออกมาฉันได้ยินเสียงเแม่ทำอะไรบางสิ่งอยู่ น่าจะเป็นเสียงหม้อและกระทะกระทบกัน อาจกำลังทำอาหารหรืออบขนมอยู่ก็เป็นได้ ฉันพนันด้วยเงินทั้งหมดที่มีเลยว่าแม่กำลังอบขนมอยู่ แม่รักการทำขนมมากกว่าสิ่งใด“เดี๋ยวพองานจบ ค่อยไปเที่ยวพักผ่อนน่ะ…ตอนนี้มีอะไรเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมดเลย” ฉันโกหกออกไปส่วนหนึ่งตอนนี้มีหายนะลอยอยู่เหนือหัว ฉันสงสัยจริงว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนได้อย่างไร ฉันไม่ฉันคนดีและรู้ตัวมาโดยตลอด แต่ฉันก็อดภาวนาให้เรื่องเป็นไปตามที่ต้องการไม่ได้“ก็ดีจ้ะ” เธอเอ่ยตอบ “แต่อย่างน้อยก็หยุดเสาร์อาทิตย์แล้วไปพักผ่อนบ้างก็ได้ มันดีนะลูก ช่วยทำให้จิตใจปลอดโปร่งด้วยแถมยังให้ลูกได้มีโอกาสเปิดหูเปิดตามีมุมมองใหม่ ๆ” แม่แนะนำนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงได้รักแม่มา
เอวานี่ก็เป็นเวลาสองเดือนแล้วนับตั้งแต่บ้านของฉันถูกเพลิงไหม้จนไม่เหลือซาก นับตั้งแต่ตอนนั้นไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับฉันตลอดสองสามเดือนที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์ถูกโจมตีใด ๆ เลย สงบสุขเป็นอย่างมาก และฉันก็หวังเป็นอย่างยิ่งมากว่าเจ้าหมอนั่นจะเลิกตามไล่ฆ่าฉันเสียทีเจ้าหน้าที่ตำวจหัวหน้าชุดสอบสวนบอกว่าอย่าเพิ่งได้วางใจ เขาแนะนำให้ฉันระมัดระวังตัวและเฝ้าระวังอยู่เสมออ้างอิงจากประสบการณ์ของเขา คนร้ายเหล่านั้นไม่มีวันเลิกลาโดยง่าย เขาเสริมว่าไม่แน่เจ้านั้นอาจกำลังประวิงเวลาอยู่เพื่อวางแผน และรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อโจมตีก็เป็นได้ฉันเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะบอกทั้งหมด แต่มันยากที่จะไม่มีความหวังขึ้นมาบ้างเมื่อเรื่องราวมันเริ่มเงียบลง และเริ่มมีความรู้สึกผ่อนคลายรวมถึงจะระแวดระวังน้อยลงเมื่อพวกคนเหล่านั้นเหมือนจะไม่เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตแล้วช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตฉันเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับช่วงเวลาที่อยู่โนอาได้หรอกนะ แต่ก็ถือว่าดีมากสิ่งที่ทำให้มันดีที่สุดก็คืออีธาน ทุกครั้งที่ฉันอยู่กับเขา ฉันได้เรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอฉันรักการที
ฉันควรจะดีใจ นั่นเป็นความคิดของฉันตั้งแต่แรก แต่ฉันกลับรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าเขากำลังเมินฉัน และฉันไม่เข้าใจว่าทำไม ฉันถอนหายใจ “ไม่เลย เขาไม่อยากคุยกับฉัน และฉันจะไม่บังคับเขา... อีกอย่าง ฉันเป็นคนขอให้เขารักษาระยะห่างเอง เขาอาจจะกำลังเคารพความต้องการของฉันเป็นครั้งแรก”“ฉันว่าไม่ใช่” เธอพึมพำพร้อมกับสายตาที่เหม่อลอย“คุณรู้อะไรมาเหรอ?”“ไม่หรอก แต่ฉันสงสัยว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น”ฉันมองเธอด้วยความสงสัย สิ่งเดียวที่อาจเกิดขึ้นได้คือการที่เอมม่าขอให้เขาอยู่ห่างจากฉัน แต่ฉันไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น โรแวนไม่ใช่คนที่จะทำตามที่คนอื่นขอ โดยเฉพาะถ้าสิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับโนอาฉันส่ายหัวเพื่อตั้งสติ “มันไม่สำคัญหรอก เรื่องของเขาไม่สำคัญสำหรับวันนี้ เรามาที่นี่เพื่อสนุกสนานและปลดปล่อย”“คุณพูดถูก” เธอกล่าวอย่างมีความสุขขณะเช็คโทรศัพท์ของเธอ “ตายล่ะ ฉันต้องไปเข้าห้องน้ำ ฉันจะรีบกลับมานะ”เธอไม่ให้โอกาสฉันได้ตอบก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปฉันรอแต่เธอไม่กลับมา ฉันรออีกห้านาทีแต่เธอก็ยังไม่กลับมา ฉันเริ่มกังวลและลุกขึ้นเพื่อเดินไปดูเธอฉันเริ่มตื่นตระหนกเมื่อไม่พบเธอในห้องน้ำ ฉันจึงรีบวิ่งกลับไ
โรแวนผมเป็นคนขี้ขลาด มันชัดเจนและไม่ซับซ้อนอะไร สองเดือนผ่านไปแล้วและผมก็ยังคงไม่สามารถเผชิญหน้ากับเอวาหรือแม้แต่คุยกับเธอได้ผมควรจะพูดอะไรกับเธอ? ผมจะพูดกับผู้หญิงที่ผมคิดว่าหลอกผมได้อย่างไรเมื่อกลายเป็นว่าเธอไม่เคยทำเช่นนั้นเลย?ผมละอายใจตัวเอง ละอายใจในทุกสิ่งที่ทำไว้กับเธอ ละอายใจที่ปล่อยให้เธอต้องรับผิด ผมละอายใจที่ผมยืนดูเฉย ๆ ในขณะที่ทุกคนปฏิบัติกับเธออย่างห่วยแตก เพราะผมคิดว่าเธอสมควรได้รับมันผมไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเธออย่างไร จะต้องมองตาเธอและขอโทษอย่างไร ผมไม่รู้ว่าจะต้องขอโทษใครอย่างไรเพราะผมไม่เคยทำผิด ผมมักจะถูกเสมอ ยกเว้นเมื่อเกี่ยวข้องกับเอวาผมจิบวิสกี้เพื่อพยายามกลบความรู้สึกผิดนั้น มันไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่อย่างน้อยสักสองสามนาทีผมก็จะสามารถแกล้งทำเป็นว่าโลกทั้งใบของผมไม่ได้พลิกผันเพราะความจริงที่เพิ่งจะปรากฏ“ท่านคะ คุณชาร์พมาขอพบคุณค่ะ เขาดูวิตกกังวลเล็กน้อย” แม่บ้านของผมเข้ามาขัดจังหวะ“ให้เขาเข้ามา” ผมตอบอย่างเรียบง่ายก่อนที่จะหันหลังให้เขาเมื่อความจริงถูกเปิดเผย เกเบรียลก็ไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนั้นไว้ได้อีกต่อไป เขาแชร์วิดีโอนั้นให้ทุกคนได้ชม
เอวาฉันจ้องพวกเขา หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะและสมองของฉันเต้นระรัว ฉันมาอยู่จุดนี้ได้ยังไง? ทำไมฉันถึงมองไม่ออกว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น?ฉันชะงัก เสียใจจนพูดอะไรไม่ออก โลกของฉันพังทลายลงและแตกเป็นเสี่ยง ๆ รอบตัวฉัน ‘หัวหน้า’คำ ๆ เดียวนั้นวนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเวลาและทำให้ฉันเกือบคลั่ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันทั้งสงสัย คาดเดาและค้นหาศัตรูของฉัน แต่เขากลับเป็นคนใกล้ตัว“นี่มันเรื่องอะไรกัน” เสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวทำให้ฉันต้องกลับมาสู่ความเป็นจริงที่แสนเจ็บปวดนี้ฉันหันไปข้างหลังเพียงเพื่อตกใจอีกครั้งเล็ตตี้ถูกมัดกับเก้าอี้ เธอดูกลัวและโกรธในเวลาเดียวกัน เธอมีเลือดไหลออกจากหัว ฉันเดาว่าไอ้สารเลวที่ลักพาตัวเรามาคงฟาดหัวเธอเช่นกันฉันมัวแต่กลัวตายและพยายามหาทางออกจนไม่ทันสังเกตว่าเธอก็อยู่ที่นี่ แต่ฉันขอแก้ตัวว่านั่นเป็นเพราะเธออยู่ข้างหลังฉัน ฉันไม่คาดคิดว่าจะมีใครอยู่ข้างหลังฉัน“มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ? ฉันลักพาตัวพวกเธอมาไง” ผู้ที่ลักพาตัวพวกเรากล่าว“ทำไมคุณถึงต้องลักพาตัวเธอในเมื่อฉันคือคนที่คุณต้องการ?” ฉันถามพร้อมกับมองลงฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้ที่ทรยศฉัน การมองใบหน้า
เอวา“เวร” เสียงตะโกนนั้นทำให้ฉันลืมตาขึ้นอีธานจับไหล่ของเขาที่กำลังมีเลือดไหล“ทิ้งปืนซะอีธาน ไม่งั้นฉันระเบิดสมองแกแน่” เสียงโกรธของโรแวนแทรกเข้ามาในสมองที่มึนงงของฉันเขาเป็นคนสุดท้ายที่ฉันอยากเจอในตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าฉันรู้สึกเสียหน้า เขาพยายามเตือนฉันแล้ว แต่ฉันกลับไม่ฟังเขาเลย“คนของฉันล้อมอาคารทั้งหลังไว้แล้วอีธาน นายไปไหนไม่รอดหรอก” โรแวนเสริมทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงไซเรนของตำรวจและถอนหายใจด้วยความโล่งอกอีธานลดปืนลงก่อนที่จะวางมันลงบนพื้น ดวงตาของเขาสบตากับฉัน ฉันอยากจะหลบสายตาเขาแต่กลับทำไม่ได้ ฉันอยากเตือนตัวเองว่าฉันโง่แค่ไหนตลอดเวลาที่ผ่านมา“เอวา ที่รัก มองผมสิ” เสียงของเขาทำให้ฉันละสายตาจากสายตาที่เย็นชาของอีธาน ตอนนั้นเองที่ฉันตระหนักว่าโรแวนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉันการได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างใกล้ชิดทำให้ฉันน้ำตาซึม คำพูดสุดท้ายที่เขาพูดกับฉันเมื่อสองเดือนที่แล้วยังคงก้องอยู่ในหัวของฉันฉันจับตาดูเขาขณะที่เขาปลดโซ่ตรวน เขาราวกับเป็นสมอเรือของฉันในตอนนี้ บางทีถ้าฉันมุ่งความสนใจไปที่เขา ฉันอาจจะไม่จมลงในน้ำแห่งความเจ็บปวดของความทรยศ“ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่นี
ฉันรู้ว่าเธอคงรู้สึกยังไง ฉันแนะนำเธอให้รู้จักกับอีธาน และพวกเราสามคนยังไปเที่ยวด้วยกันหลายครั้งด้วย เธอคงรู้สึกถูกทรยศเช่นเดียวกับฉัน“ใช่ เขายังไม่ยอมพูดอะไรเลย” ไบรอันส่ายหัวฉันหันไปเผชิญหน้ากับอีธานแต่กลับพบว่าเขากำลังจ้องมองฉันอย่างตั้งใจ สายตาไร้อารมณ์ของเขาดึงดูดฉันทันที“ทำไม? ทำไมคุณถึงทำแบบนี้กับฉัน อีธาน?” เสียงของฉันสั่นเครือในขณะที่พูดเขาจ้องมองฉัน สายตาเย็นชาของเขาทำให้ฉันแสบร้อน ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกน้ำแข็งกัด ฉันยังคงไม่รู้ว่าความอบอุ่นทั้งหมดที่เขาเคยมีหายไปไหน เขามีสวิตช์ควบคุมอารมณ์หรือเปล่า และเขาสามารถเปิดและปิดมันได้เมื่อเขาต้องการเหรอ? หรือว่ามันไม่เคยมีอยู่เลย? ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็เป็นนักแสดงที่เก่งมาก ๆ คนหนึ่ง“ผมต้องการบริษัท” เขากล่าวอย่างเรียบง่ายฉันตกใจที่เขาตอบฉัน ฉันไม่คาดคิดว่าเขาจะตอบด้วยซ้ำความตกใจถูกผลักออกไปเมื่อฉันเริ่มเข้าใจสิ่งที่เขาพูด ในไม่ช้าความประหลาดใจของฉันก็กลายเป็นความสับสน“บริษัทอะไร?” ฉันถามฉันไม่มีบริษัท ฉันลงทุนในบริษัทต่าง ๆ แต่ไม่ได้มีบริษัทของตัวเองเหมือนโรแวน สิ่งเดียวที่ฉันมีคือมูลนิธิโฮป และฉันไม่เห็นว่าคนอย
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร
“เอานี่ไปสิ” เขาสั่งพลางยื่นแบล็คการ์ดของเขาให้ฉันฉันมองบัตรนั้นอย่างลังเล “โรแวน…”“เอาไปเถอะ เอวา ตอนนี้คุณเป็นของผมแล้ว หมายความว่าทุกอย่างที่ผมมีก็เป็นของคุณ คุณอาจจะมีเงิน แต่ตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกัน คุณไม่จำเป็นต้องใช้มัน”ฉันขมวดคิ้วด้วยความสับสน สายตาของฉันเลื่อนไปที่เขา ฉันไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรที่บอกว่า ‘ฉันมีเงิน’ ฉันไม่มีเวลาซักถามเขา และฉันจะไม่เถียง เพราะจากแววตาที่เขามองมาที่ฉัน ฉันรู้ว่าเขาจะไม่เปลี่ยนใจ “โอเค” ฉันพึมพำพลางรับบัตร “ขอบคุณนะ”ฉันไม่ได้คิดจะใช้บัตรใบนั้นหรอก แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องรู้ หลังจากบอกลากัน ฉันก็ออกจากบ้าน เราตัดสินใจใช้รถหนึ่งคัน บอดี้การ์ดคนหนึ่งจึงขับรถพาเราไปที่ห้างสรรพสินค้าฉันตื่นเต้นมากจนแทบจะห้ามใจไม่อยู่ ไม่นานเราก็มาถึง และหลังจากจอดรถเราก็ตรงไปที่ร้านค้าทันที โดยมีบอริสเดินตามอยู่ข้างหลัง“ว่าแต่เธอกำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ” เล็ตตี้ถามขณะเราเข้าไปในร้านแบรนด์หรูแห่งหนึ่งฉันมองร้านด้วยความกังวล รู้สึกตกตะลึงกับป้ายราคา“เล็ตตี้ ฉันไม่คิดว่าจะซื้ออะไรที่นี่ได้หรอก” ฉันเอ่ยขึ้นเสียงแหลม “ราคาที่นี่ทำฉันหัวใจวายได้เลย”พว
“ได้สิ แน่นอน”หลังจากนั้นเขาก็วางสาย ฉันถอนหายใจ รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยที่เขาไม่ได้หาทางออกให้ ในตอนนี้ฉันคิดว่าจะรับข้อเสนอของโครินหรือไม่ก็พาไอริสไปด้วยแทน ซึ่งคงปวดหัวไม่น้อย การไปช้อปปิ้งกับลูกมักจะเป็นแบบนั้นฉันถือโทรศัพท์แล้วเดินลงไปชั้นล่าง ไอริสยังหลับอยู่ ส่วนโครินกับเล็ตตี้กำลังคุยกัน ขนมที่เทเรซาเอามาให้ก็เกือบจะหมดแล้ว“แล้วเขาว่าไงบ้าง” เล็ตตี้ถามหลังจากกลืนคุกกี้ลงคอฉันตอบพร้อมยักไหล่ “ไม่มีอะไรมาก เขาแค่บอกให้ฉันรอให้เขาคิดหาวิธีแก้ปัญหาก่อน” ฉันนั่งลงและหยิบคุกกี้ขึ้นมา ฉันเคี้ยวมันอย่างเอร็ดอร่อยจนเกือบร้องครางออกมา เทเรซาบอกฉันว่าเธอใช้สูตรลับที่สืบทอดมาจากคุณย่าทวดของเธอ ฉันเองยังพยายามโน้มน้าวให้เธอแบ่งปันสูตรที่ว่านั้นให้เลย“บ้าจริง เทเรซาสร้างความฟินด้วยอาหารเก่งชะมัด... นี่มันอร่อยสุด ๆ เลย” โครินชมขณะที่หยิบคุกกี้ขึ้นมาอีกชิ้นฉันได้แต่ยิ้มเพราะรู้ว่าเธอพูดถูก โนอาหลงใหลคุ้กกี้ของเธอมาก ฉันก็เช่นกัน โรแวนไม่ชอบของหวานเท่าไร แต่เขาเคยลองกินครั้งหนึ่งและก็ต้องยอมรับว่ามันอร่อย ถ้าเทเรซาคิดจะทำธุรกิจคุกกี้ เธอต้องขายได้แน่นอน เธอทำได้อร่อยถึงขั้นนั้นเชียวล
“นี่เอาจริงเหรอ” เล็ตตี้ถามด้วยความตกตะลึง“ใช่” ฉันตอบ “วันนี้ฉันค้นตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัว แต่ไม่มีอะไรที่เหมาะจะใส่ออกเดตเลย แม้แต่เดรสสั้นสีดำเล็ก ๆ สักตัวก็ยังไม่มี” พูดตามตรงว่าเรื่องนี้ค่อนข้างน่าแปลกใจ ฉันจำความทรงจำครั้งหนึ่งกับอีธานได้ เราไปเดตกันและฉันมีชุดเดรสสีแดงรัดรูปตัวหนึ่ง ไม่ใช่ว่าฉันคิดจะใส่มันหรอก แต่ตอนนี้มันหายไปจากตู้เสื้อผ้า ฉันมีแค่กางเกงยีนส์กับเดรสฤดูร้อนไม่กี่ตัวเท่านั้น“ไม่ต้องกังวลหรอก เพื่อนรัก เราจะช่วยเธอเอง... จริง ๆ แล้ว ฉันคิดว่าเราควรไปช้อปปิ้งกัน” โครินพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงฟังดูน่าสนุก แต่ฉันอดกังวลเกี่ยวกับไอริสไม่ได้ ฉันไม่อยากพาเธอไปด้วยเพราะเรารู้กันดีว่าการช้อปปิ้งมันทั้งยาวนานและเหนื่อยล้า แต่ฉันก็ไม่อยากทิ้งเธอไว้ที่นี่เช่นกัน“ไม่รู้สิ” ฉันพึมพำพลางกัดริมฝีปากไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจเทเรซา แต่ฉันแค่รู้สึกไม่สบายใจที่จะทิ้งเธอไว้กับหล่อน มันคงไม่เป็นไรถ้าโนอาหรือโรแวนอยู่แถวนี้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่“เกี่ยวกับเรื่องไอริสงั้นเหรอ?” เล็ตตี้ถามขณะมองลึกเข้ามาในดวงตาฉันแทนที่จะตอบ ฉันแค่พยักหน้า ฉันอยากไปช้อปปิ้งจริง ๆ ฉันถูกขังอย
“แล้วเธอคิดว่าฉันควรทำยังไง” โครินถามพร้อมมองพวกเราอย่างต้องการคำตอบ“ก่อนอื่นเลย เธอต้องการเขาไหม” ฉันถามด้วยความอยากรู้นั่นคือคำถามแรกที่เธอต้องถามตัวเอง เราทำอะไรต่อไม่ได้เลยจนกว่าเธอจะตอบคำถามนั้น “ฉันหลงใหลเขาอย่างโงหัวไม่ขึ้น แต่ฉันไม่รู้ว่าควรยุ่งเกี่ยวกับเขาหรือเปล่า ตำรวจยังคงตามล่าเขาอยู่ และฉันไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองในภายหลังและทำลายทุกอย่างที่ฉันทุ่มเทมา” ครู่หนึ่งเธอก็เอ่ยตอบฉันเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร รีเปอร์ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นอาชญากร ซึ่งหมายความว่าการยุ่งเกี่ยวกับเขาจะมีผลร้ายแรง ซึ่งทำให้ฉันสงสัยว่าฉันคิดอะไรอยู่ถึงได้เป็นเพื่อนกับผู้ชายคนนั้น ฉันเข้าใจว่าเขาเป็นลุงของไอริส แต่ผู้ชายคนนั้นเป็นอันตรายและตำรวจก็กำลังต้องการตัวเขา“ฉันคิดว่าเธอควรลองดูนะ ฟันเขาสักครั้งแล้วค่อยตัดสินใจ” เล็ตตี้บอกเธอ ฉันกำลังจะขัดจังหวะเธอเพราะคิดว่าเธอเสียสติ แต่เธอตัดบทฉันเสียก่อน “ฟังฉันก่อนน่า เราทั้งคู่รู้ว่าเอวาไม่ใช่คนที่เชื่อใจใครโดยไม่ลืมหูลืมหา ยกเว้นอีธานล่ะนะ เธอเป็นคนที่ดูคนเก่งทีเดียว”“แม้แต่กับอีธาน เราก็ยอมรับว่าเขาเป็นคนดี เขาแค่ยอมให้คว