แชร์

บทที่ 433

ผู้เขียน: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
“นั่นเด็กผู้หญิงที่โนอาเกลียดไม่ใช่เหรอ?” เกเบรียลเลิกคิ้วถาม

ฉันแปลกใจกับคำถามของเขา เลยถามกลับไป “คุณรู้จักเธอด้วยเหรอ?”

“รู้จักสิ จำได้ว่าโนอาเคยเชิญทุกคนไปงานวันเกิดยกเว้นเธอ เอวาไม่พอใจมากเลยด้วย แล้วเอวากับโนอาก็ทะเลาะกันใหญ่โต สุดท้ายโนอาก็ยอมเพราะนี่คือเอวา เขาก็รักแม่มาก เซียร่าเลยได้มางานวันเกิด แต่โนอาก็เมินเธอตลอดงาน เธอเลยเดินสำรวจหรือไม่ก็อยู่ข้าง ๆ เอวาตลอดทั้งงาน”

ด้วยนิสัยอย่างลิลลี่ เธอกลอกตาก่อนจะพูดแทรกขึ้นมา “ที่โนอ่เกลียดเธอก็เพราะเซียร่าชอบเขา หนูไม่เข้าใจเลยแต่เธอเจ๋งดีนะและหนูก็ชอบเธอ เมื่อวานนี้พวกเรากลายเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างเป็นทางการแล้วด้วยค่ะ”

เกเบรียลส่งยิ้มอบอุ่นให้เธอ “ลูกจะชวนเธอมาค้างบ้านได้ทุกเมื่อเลยลิลลี่ อะไรก็ได้ที่ลูกชอบ”

คราวนี้เป็นฉันที่กลอกตาใส่ เกเบรียลกำลังจะทำให้ลิลลี่กลายเป็นเด็กที่ถูกตามใจเกินไป โชคดีที่ฉันอยู่ตรงนี้เพื่อคอยดูแลไม่ให้เธอกลายเป็นเด็กนิสัยเสีย

หลังจากนั้นเราไม่ได้พูดอะไรมาก อาหารเช้ามาพร้อมและเราก็เริ่มรับประทาน ลิลลี่ทานเสร็จก่อนพวกเราแล้วก็กลับไปที่ห้อง

ฉันรับประทานอาหารเช้าเสร็จและนำจานชามไปที่อ่างล้างจานและกำลั
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ธุลีใจ   บทที่ 434

    “ใช่ค่ะ พ่อ” ลิลลี่ตอบพร้อมรอยยิ้มหวาน ก่อนหันกลับไปสนใจหนังสือของเธอ“โอเค งั้นไม่กี่ชั่วโมงเจอกันนะ” ฉันบอก“ไปพักผ่อนดูแลตัวเองนะฮาร์เปอร์ ถ้าอยากไปสปาก็ไปได้เลย” กาเบรียลตะโกนบอกจากด้านหลังฉันโบกมือให้เขา ก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟต์ ไม่กี่นาทีต่อมาฉันก็เดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าเมื่อไปถึงห้าง ฉันลงจากรถหลังจากขอบคุณคนขับ จากนั้นก็เริ่มเดินสำรวจจากชั้นล่างสุดขึ้นไปยังชั้นบน ฉันตัดสินใจไม่ไปสปา อยากแค่ช้อปปิ้งแล้วกลับบ้านเท่านั้นสี่ชั่วโมงผ่านไป มือฉันก็เต็มไปด้วยถุงช้อปปิ้งแต่ก็ยังไม่ได้ชุดสำหรับเดตคืนนี้ ฉันตัดสินใจหยุดพักก่อนจะเดินต่อและสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับคาเฟ่เล็ก ๆ ที่ดูอบอุ่น เป็นที่ที่เหมาะกับการดื่มมิลค์เชคเย็น ๆ ในอากาศร้อนแบบนี้บ้าจริง ฉันแค่อยากวางถุงพวกนี้ลง คนขับรถบอกว่าจะรอจนกว่าฉันจะเสร็จ บางทีฉันอาจโทรหาเขาให้มาเอาของพวกนี้ไปก่อน เพราะถ้าต้องลากของพวกนี้เดินซื้อของต่อไปคงจะไม่ไหวฉันเดินเข้าไปในคาเฟ่ ตั้งใจมองหาที่นั่ง ฉันได้ยินเสียงผู้หญิงกลุ่มหนึ่งคุยกันอยู่ขณะที่ฉันเดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์เพื่อสั่งเครื่องดื่ม แต่ฉันไม่ได้สนใจ จนกระทั่งมีคนเรียกชื่อฉันขึ้นมา

  • ธุลีใจ   บทที่ 435

    “ส่วนแม่กับทราวิสกลับปฏิบัติกับฉันเหมือนกับขยะอยู่หลายปี เข้าใจใช่ไหมว่าฉันหมายความว่ายังไง? เกือบสิบปีที่ฉันต้องอดทนกับการที่พวกเขาทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน แล้วเรื่องไหนที่ให้อภัยได้ง่ายกว่ากันล่ะ? เวลาสองสามเดือนที่ถูกปฏิบัติแย่ ๆ หรือหลายปีที่ถูกทำร้ายแบบนั้น?”เธอหยุดพูดสูดลมหายใจลึกก่อนจะพูดต่อ “สำหรับครอบครัวของโรแวน มันไม่ง่ายที่จะให้อภัยพวกเขาก็จริงนะ แต่เราก็พยายามกันอยู่ มันง่ายกว่าที่จะปล่อยผ่าน เพราะถึงยังไงพวกเขาแค่ต้องการปกป้องโรแวน ฉันก็ไม่ใช่ครอบครัวของพวกเขา พวกเขาเลยไม่มีความรู้สึกรักใคร่อะไรฉัน ฉันไม่ได้บอกว่าสิ่งที่พวกเขาทำมันถูก พวกเขาแค่ทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนแต่แม่กับทราวิสที่เป็นครอบครัวจริง ๆ กลับไม่แยแสฉันเลย หลายปีที่พวกเขาปฏิบัติกับฉันเหมือนฉันไม่มีความหมาย หลายปีที่พวกเขาทำลายฉันเพราะเห็นแก่เอมม่า ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันแย่ แต่ฉันก็ได้รับกรรมของฉันแล้ว และถึงจะเป็นอย่างนั้น แม้พวกเขาจะรับรู้ แต่พวกเขาก็ยังคงสร้างกรรมของตัวเอง ทั้งหยาบคาย เย็นชา และจงใจทำร้ายฉันซ้ำ ๆ อีก และฉันขอย้ำว่ามันเป็นแบบนี้อยู่หลายปี แล้วฉันจะก้าวข้ามเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน?”ทุกคนเงี

  • ธุลีใจ   บทที่ 436

    ฉันเครียดจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ทุกสิ่งในใจฉันเหมือนจะกรีดร้องออกมา และฉันไม่รู้เลยว่าจะสงบตัวเองได้อย่างไร“ฉันดูเป็นไงบ้าง?” ฉันถามเพื่อนสาวทั้งสามที่กำลังวิดีโอคอลกับฉันมันตลกดีนะที่ฉันเข้ากับพวกเธอได้ง่ายขนาดนี้ ฉันไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงมาก่อนเลย แต่เอวา เล็ตตี้ และคอนนี่ กลายเป็นเพื่อนสนิทกับฉันได้อย่างรวดเร็ว ฉันแปลกใจมากที่ทุกอย่างกับพวกเธอดูเป็นธรรมชาติ และฉันก็สามารถเปิดใจได้ง่ายเหลือเกินตอนที่ฉันบอกพวกเธอว่าฉันจะออกเดตกับเกเบรียล พวกเธอตื่นเต้นแทนฉันและช่วยกันคิดว่าแต่งหน้าแบบไหนและทำผมแบบไหนดี“ร้อนฉ่า” เอวาตอบพร้อมรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าเล็ตตี้พูดแทรกทันที “เซ็กซี่มาก”“ถ้าฉันชอบผู้หญิง ฉันคงหม่ำเธอไปแล้ว” คอนนี่พูดอย่างจริงจังจนทำให้ฉันหลุดขำเพื่อนใหม่ของฉันช่วยฉันเลือกชุดสำหรับเดตนี้ทันทีที่รู้เรื่องเดตและฉันยังไม่มีชุดเลย พวกเธอเสนอตัวพาฉันไปดูร้านต่าง ๆ เพื่อหาเดรสที่สมบูรณ์แบบฉันมองตัวเองในกระจกและอดชมตัวเองไม่ได้ ฉันไม่ได้หลงตัวเอง แต่ฉันก็ดูดีมากจริง ๆพวกเราตกลงเลือกเดรสแดงรัดรูปความยาวระดับกลาง มีคอเสื้อแบบกลม แขนยาว และโชว์หลัง ฉันอยากได้อะไรที่ดูเซ็กซี

  • ธุลีใจ   บทที่ 437

    ฉันอยากให้ลิลลี่ได้ตกหลุมรัก รักลึกซึ้งและหัวปักหัวปำกับใครสักคนในสักวัน ฉันเกลียดที่เลียมจากไป และฉันยังคงคิดถึงเขา แต่ถ้าเรายังแต่งงานกันต่อไป ฉันคงทำลายภาพลักษณ์ของความรักและการแต่งงานในสายตาของลิลลี่แต่ตอนนี้เธอก็กำลังทำแบบเดียวกันอยู่ไม่ใช่เหรอ? เธอตกลงกับชีวิตแต่งงานที่เป็นแค่ข้อตกลงนี่นา เสียงเล็ก ๆ ในหัวบอกฉันสลัดความคิดนั้นออกไป แล้วหันไปจดจ่อกับลิลลี่แทน ขณะนั้นเองเกเบรียลก็เดินเข้ามาในห้อง เขาหยุดกึกทันทีเมื่อสายตาจับจ้องมาที่ฉัน ปากอ้าค้างเหมือนสมองไม่ทำงาน“พ่อคะ ถ้าอ้าปากค้างอย่างนั้น ระวังแมลงบินเข้าปากนะ” ลิลลี่พูดพร้อมหัวเราะคิกคักฉันยิ้มเมื่อเห็นเขาพยายามรวบรวมสติกลับคืนมา“คุณสวยมากเลย ฮาร์เปอร์” เขาพูดพร้อมกลืนน้ำลายลงคอ“ขอบคุณค่ะ”เพื่อนทั้งสามคนพูดถูกเรื่องชุดนี้จริง ๆ สายตาของเกเบรียลกวาดไล่ไปตามส่วนโค้งเว้าของฉันด้วยความชื่นชม“เราไปกันเถอะค่ะ” ฉันพึมพำ พยายามเม้มปากเพื่อไม่ให้หลุดหัวเราะกับปฏิกิริยาของเขาเขากระแอมเสียงในลำคอแล้วพยายามตั้งสติ “ใช่ เราไม่อยากไปถึงช้าเพราะจองโต๊ะเอาไว้”หลังจากบอกลาลิลลี่ เราก็ออกจากบ้านระหว่างทางไปที่ร้านอาหาร ทุ

  • ธุลีใจ   บทที่ 438

    “แล้วคุณต้องการอะไรกันแน่? เพราะตอนนี้คุณกำลังทำให้ฉันสับสนจริง ๆ แล้วนะ” ฉันพูดกับเขาตรง ๆ“คุณ ผมต้องการคุณนะ ฮาร์เปอร์”ฉันดึงมือออกจากเขาและนั่งตัวตรงบนเก้าอี้ ขณะมองเขาอย่างสงสัย“คุณต้องตระหนักนะว่าคำพูดของคุณตอนนี้มันฟังดูไม่น่าเชื่อขนาดไหน เมื่อก่อนคุณไม่ต้องการฉันคุณไม่เคยต้องการฉันเลย แถมยังพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อย้ำประเด็นนี้ คุณคาดหวังให้ฉันเชื่อได้ยังไงว่าจู่ ๆ ตอนนี้คุณกลับต้องการฉันขึ้นมา?”มันผิดไหมที่ฉันรู้สึกสงสัยในตัวเขา? ที่ฉันสงสัยในจุดประสงค์ของเขา? ที่ฉันกลัวว่าเขาอาจจะกำลังหลอกล่อฉันเพื่อจะได้นอนกับฉัน? ที่เขาอาจแค่ปั่นหัวฉัน? ฉันคิดว่าฉันคงทนไม่ได้ถ้ามันกลายเป็นเรื่องจริง มันจะทำให้ฉันพังทลายเขาจ้องมองฉันด้วยสายตาที่จริงจัง ดวงตาของเขามองตรงมาที่ฉันนานหลายนาที เหมือนว่าเขากำลังพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม“ผมไม่รู้จะพูดอะไร ฮาร์เปอร์ ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าผมจะอธิบายมันให้คุณเข้าใจได้ เพราะตัวผมเองก็แทบจะไม่เข้าใจเหมือนกัน” เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “สิ่งเดียวที่ผมรู้คือผมต้องการคุณ และไม่ใช่แค่ร่างกายของคุณเท่านั้น”เนื่องจากเราเคยแต่งงานกันมาก่อน ฉันอดที่จะส

  • ธุลีใจ   บทที่ 439

    เอมม่าฉันนั่งอยู่ในครัว กำลังรับประทานอาหารเช้า แต่ไม่ว่าจะพยายามกลืนแค่ไหน อาหารก็เหมือนติดค้างอยู่ในลำคอ ทุกครั้งที่พยายามกลืน ความกังวลและความวิตกกดทับจนมันไม่ยอมผ่านลงไป"ลูกเป็นอะไรไหม?" แม่ถาม เมื่อฉันหมดความพยายาม ปล่อยมีดและส้อมหล่นจากมือ"หนูไม่รู้เลยค่ะแม่ หนูเครียดไปหมดเลย" เสียงของฉันสั่นจนแม้แต่ตัวเองยังได้ยินชัดพระเจ้า ฉันคิดอะไรอยู่? นี่มันเป็นความคิดที่ดีจริงหรือเปล่า? ฉันพร้อมสำหรับเรื่องนี้แล้วใช่ไหม? หรือฉันแค่พยายามถ่วงเวลาออกไปเท่านั้น?คำถามเหล่านี้วิ่งวนอยู่ในหัว ฉันมองอาหารตรงหน้าด้วยความรู้สึกขยะแขยง ความอยากอาหารลดลงไปมากตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา แต่วันนี้มันแย่กว่าทุกวันแม่จับมือฉันไว้ก่อนจะลูบมันเบา ๆ สายตาอ่อนโยนขณะที่มองฉัน"แม่รู้ว่ามันน่ากลัว ที่รัก แต่ลูกต้องทำ" แม่พูดอย่างอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ "มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับลูกนะ ลูกจะก้าวต่อไปไม่ได้จนกว่าลูกจะเยียวยาบาดแผลของตัวเอง"ฉันได้ยินสิ่งที่แม่พูดและฉันก็รู้ว่าแม่พูดถูก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นเลยมอลลี่กลับไปเมื่อสองสามวันก่อน แต่ก่อนเธอไป เธอจองแผนการบำบัดให้ฉันไว้แล้ว ฉันสัญ

  • ธุลีใจ   บทที่ 440

    ฉันบีบและบิดมือตัวเองไปมา ขณะที่นั่งรอให้หมอตรวจคนไข้ก่อนหน้าเสร็จ ความคิดที่จะหนีแล่นเข้ามาในหัว ฉันอยากลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากที่นี่ แต่ถ้าทำแบบนั้น มันก็จะทำให้ฉันดูเป็นคนขี้ขลาด และฉันเหนื่อยกับการเป็นแบบนั้นเต็มทีแล้วเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นดึงฉันออกจากห้วงความคิด ฉันถอนหายใจโล่งอก รู้สึกขอบคุณและดีใจที่มีอะไรมาขัดจังหวะ ฉันปัดหน้าจอแล้วกดรับสายโดยไม่แม้แต่จะดูเบอร์ “ถึงคลีนิกหรือยัง?” เสียงเธอดังขึ้นจากปลายสายฉันไม่จำเป็นต้องเดาเลยว่าเป็นใคร เสียงนี้ฝังอยู่ในสมอง จะได้ยินที่ไหนฉันก็จำได้แม้แต่ในความฝัน"สวัสดีด้วยเหมือนกัน" ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ รู้สึกว่าตัวเองเริ่มผ่อนคลายลงห้องนี้ทาด้วยสีส้มอุ่น ๆ ถ้ามองเผิน ๆ อาจคิดว่ามันคงดูน่าเกลียด แต่เปล่าเลย สีนี้ทำให้ห้องรู้สึกอบอุ่นและเป็นมิตร มันให้ความรู้สึกเหมือนแสงอาทิตย์ยามอัสดงไม่ใช่แค่สีเท่านั้นที่ทำให้ห้องนี้ดูเป็นมิตร มีหมอนนุ่ม ๆ ฟู ๆ กระถางต้นไม้สดชื่น ดอกไม้สวยงาม และงานศิลปะที่น่าสนใจ ฉันคิดว่าการตกแต่งทั้งหมดถูกออกแบบมาเพื่อให้คนที่เข้ามารู้สึกสบายใจ“แล้วตอนนี้เธออยู่ที่นั่นจ

  • ธุลีใจ   บทที่ 441

    เรากำลังพูดถึงเอวาที่ฉันมองเธอเป็นคู่แข่งมาตลอด ตั้งแต่วันที่รู้ว่าเธอมีใจให้โรแวน ฉันไม่เคยเกลียดเธอ แต่ก็ไม่ได้รักเธอเหมือนพี่สาวน้องสาว แม้ว่าครั้งหนึ่งฉันจะคิดว่าเธอเป็นครอบครัวเดียวกันก็ตาม สำหรับฉัน เธอก็แค่เอวา เป็นเพียงใครสักคนที่ไม่ได้มีอยู่ในโลกของฉัน แต่ความเกลียดชังเริ่มต้นขึ้นเมื่อฉันรู้ว่าเธอนอนกับโรแวนเอวาส่ายศีรษะเหมือนพยายามสะบัดความตกใจออกไป จากนั้นเธอก็ก้าวเข้ามาหาฉัน “มาทำอะไรที่นี่เหรอ?”“ฉันมีนัดเข้ารับการบำบัดน่ะ” รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากขณะที่เธอเอียงศีรษะจ้องมองฉัน “งั้นเธอก็มาถูกที่แล้วล่ะ คุณหมอมีอาเป็นนักบำบัดที่ดีที่สุดในเมือง เธอช่วยฉันมาตลอดตั้งแต่อีธานถูกจับ”ฉันคาดหวังว่าจะเห็นความเกลียดชังหรือความขมขื่นในแววตาของเธอเมื่อพูดถึงอีธานเพราะสิ่งที่เขาทำลงไป แต่เปล่าเลย เธอกลับยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นเมื่อเอ่ยชื่อเขาพนักงานต้อนรับด้านหลังเอ่ยขึ้นว่า คุณหมอพร้อมแล้ว ฉันเริ่มกระสับกระส่าย ความมั่นใจที่มีเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหายไปหมดสิ้นฉันสะดุ้งจากอาการตื่นตระหนกเล็ก ๆ เมื่อมือที่อ่อนนุ่มและอบอุ่นเข้ามาประกบมือของฉันไว้ ฉันเงยหน้าขึ้นมองและพบว่าเ

บทล่าสุด

  • ธุลีใจ   บทที่ 462

    เรียกฉันว่าคนขี้ขลาดก็ได้ ฉันไม่สน แต่ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรเมื่อฉันไปถึงห้องนั่งเล่น ฉันโทรสั่งอาหารเช้าให้มาส่งที่ห้องของเรา ก่อนจะนั่งลงรอฉันรู้ว่านี่จะเป็นหายนะตั้งแต่ตอนที่เกเบรียลบอกว่าเราจะใช้ห้องร่วมกัน ฉันคิดว่าหมอนจะช่วยได้ แต่ฉันแค่หลอกตัวเอง มันไม่ได้ช่วยอะไรได้เลยเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันก็เดินไปเปิด"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณผู้หญิง" พนักงานเสิร์ฟทักทาย พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า"อรุณสวัสดิ์ค่ะ""ให้ดิฉันวางตรงไหนดีคะ?" เธอถามขณะที่ฉันหลีกทางให้เธอเข้ามา"บนโต๊ะอาหารก็ได้ค่ะ" ฉันตอบเธอเธอพยักหน้าและเดินไปที่นั่น เธอเพิ่งวางอาหารเช้าลงและกำลังจะออกไป เกเบรียลก็เดินออกจากห้องนอนพร้อมมือที่กำลังติดกระดุมเสื้อฝีเท้าเธอเริ่มช้าลง และเธอเกือบจะสะดุดเมื่อมองเห็นเขา เกเบรียลเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก ดังนั้นฉันจึงไม่โทษเธอหรอก"ขอบคุณค่ะ" ฉันพูดเมื่อรู้ว่าสายตาของเธอยังคงอยู่ที่เกเบรียล ขณะที่สายตาของชายหนุ่มก็อยู่ที่ฉันเสียงของฉันดึงเธอออกจากภวังค์ เธอพยักหน้าก่อนจากไป เมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็ปิดประตูให้เรียบร้อย"แล้วยังไงดี คุณจะแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเก

  • ธุลีใจ   บทที่ 461

    ให้ตายเถอะ แค่คิดถึงคืนนั้นรวมถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ก็ทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวแล้ว ฉันขยับตัวเล็กน้อย หวังว่าจะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นและบรรเทาความปั่นป่วนในร่างกาย แต่มันกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง เพราะการขยับตัวทำให้ร่างกายแนบชิดกับเกเบรียลมากขึ้นกว่าเดิมเกเบรียลส่งเสียงครางต่ำ แหบพร่า และเร้าอารมณ์ เช่นเดียวกับที่เขาเคยเปล่งออกมาในคืนนั้น ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว เสียงนั้นพุ่งตรงเข้าสู่ความรู้สึกของฉัน ทำให้ฉันหยุดพยายามจะขยับตัวให้สบายขึ้นฉันค่อย ๆ หันไปมองเขา หวังว่าเขาจะยังหลับอยู่ พอเห็นว่าเปลือกตาของเขายังคงปิดสนิท ฉันก็รู้สึกโล่งใจ แต่แล้วหัวใจก็เต้นแรงขึ้นเมื่อได้มองใบหน้าของเขาชัด ๆตอนหลับ เขาดูสงบและงดงามเหลือเกิน ขนตายาวทอดเงาบนแก้ม ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย เพียงแค่มองฉันก็เกิดความรู้สึกอยากสัมผัสเขา อยากแนบจูบลงไปบนริมฝีปากนั้นฉันกำลังจมดิ่งลงไปอีกครั้ง กับผู้ชายที่กุมหัวใจฉันไว้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน คนเดียวกับที่ตอนนี้กำลังขอในสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้ฉันหลงใหลในตัวเขามาก จนกระทั่งฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนสายเกินไปเสียงครางหลุดออกจากริมฝีปากขอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 460

    มื้อค่ำที่เหลือเป็นไปอย่างเงียบสงัด เขาก็ยังต้องขอโทษฉันอยู่แต่ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดี ถ้าจะพูดตามตรง ฉันไม่เคยคิดว่าเกเบรียลจะมาขอโทษฉันเลย ดังนั้นการที่เขาทำแบบนั้นและทำด้วยความจริงใจแบบนี้ทำให้ฉันพูดไม่ออกจริง ๆเรารับประทานมื้อค่ำเสร็จและโทรเรียกพนักงานจากด้านล่างให้มาเก็บจาน"ฉันจะไปนอนแล้วนะ มีอะไรที่คุณอยากได้ก่อนหรือเปล่า?" ฉันถามเมื่อจานอาหารถูกเก็บไปและพนักงานจากโรงแรมก็ออกจากห้องไปแล้วลึก ๆ ในใจฉันกำลังตกใจและกังวลที่จะต้องนอนในห้องเดียวกับเกเบรียล แต่ความเหนื่อยจากการเดินทางก็ทำให้ความวิตกกังวลหายไป"ผมเองก็จะไปนอนเหมือนกัน เหนื่อยสุด ๆ เลย"ฉันพยายามกลั้นความตกใจที่เริ่มปะทุขึ้นมาในใจ ฉันคิดว่าจะนอนก่อนเขาเหมือนที่เคยทำ นั่นจะทำให้ฉันมีเวลาได้ผ่อนคลายและพักผ่อนก่อนที่เขาจะเข้ามานอน ฉันนึกไว้ว่าจะหลับไปแล้วก่อนที่เขาจะขึ้นมานอนฉันกัดฟันอย่างหงุดหงิดและเครียด ก่อนจะพยักหน้าหงุดหงิดแล้วเดินไปห้องนอน"คุณชอบนอนด้านไหน?" เขาถาม ขณะที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง"ฉันไม่ค่อยมีความชอบอะไรหรอก ขอแค่ได้นอน ด้านไหนก็เหมือนกัน"“รู้เรื่อง งั้นผมนอนฝั่งซ้ายนะ คุณก็ฝั่งขวาแล้

  • ธุลีใจ   บทที่ 459

    "อาบน้ำเสร็จแล้ว" ฉันบอกเกเบรียลเมื่อก้าวออกมาที่ห้องนั่งเล่น"ผมสั่งอาหารไว้แล้ว กินก่อน ไม่ต้องรอผมได้เลยนะครับ" เขาพูดก่อนเดินผ่านฉันเข้าไปในห้องนอนมันรู้สึกแปลกที่จะเริ่มรับประทานโดยที่ไม่มีเขาและฉันก็ไม่ได้หิวมากนัก ฉันเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีเมล และดูว่าวันพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้างฉันไม่ต้องรอนาน เพราะไม่ถึงสิบนาทีต่อมา เกเบรียลก็เดินออกมาจากห้องนอนในเสื้อยืดเก่า ๆ และกางเกงวอร์ม“ยังไม่กินเหรอ?” เขาถามพลางเลิกคิ้ว สายตาจ้องมองอาหาร“ก็รู้สึกไม่ดีนี่นาที่กินก่อนคุณแบบนั้น แถมคุณเป็นคนสั่งอาหารมาด้วย”เขาทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะเริ่มเปิดจานอาหาร ฉันตักอาหารเล็กน้อยแล้วเริ่มรับประทาน ความเหนื่อยถาโถมเข้ามา แม้ว่าฉันจะได้นอนบนเครื่องบินแล้วก็ตาม ฉันไม่อาจหยุดคิดถึงเตียงได้ ตอนแรกฉันไม่ชอบใจนักเรื่องการนอนร่วมเตียงกับเกเบรียล แต่ตอนนี้ฉันกลับเอาแต่คิดถึงมันเสียแล้ว ร่างกายร้องหาเพียงการพักผ่อน“แล้วคุณล่ะ เคยตกหลุมรักใครไหม?” คำถามเกเบรียลทำเอาฉันประหม่าฉันหันขวับไปมองเขา เจอสายตาคมกริบที่จ้องตรงมา ฉันกลืนอาหารลงคอและให้ปากทำหน้าที่ ตอนนี้คงมีอยู่แค่สองทางเลือก ไม่โกหกออกไป ก็บอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 458

    ไม่กี่นาทีต่อมา เรามายืนอยู่หน้าห้องสวีท ความรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ จู่โจมฉันทันที เกเบรียลไขกุญแจและผลักประตูเข้าไปโถงทางเข้าต้อนรับเราด้วยพื้นหินอ่อนขัดมันที่เปล่งประกายอยู่ใต้แสงนุ่มนวลของโคมไฟระย้าสุดหรู เงาสะท้อนทอดเป็นลวดลายงดงามบนผนังห้องนั่งเล่นกว้างขวางปรากฎสู่สายตา ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรู และหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดมุมมองสู่ทัศนียภาพของเมืองที่ระยิบระยับราวกับทะเลดาวระบบความบันเทิงล้ำสมัยให้คำมั่นถึงค่ำคืนอันแสนอบอุ่น ขณะที่ครัวสไตล์กูร์เมต์ดึงดูดใจด้วยเครื่องใช้สแตนเลสเงาวาวและเคาน์เตอร์กลางขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับการทำอาหาร ห้องรับประทานอาหารสุดเก๋ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสังสรรค์เล็ก ๆ ที่เป็นกันเอง"ดูท่าทางคุณจะชอบนะ?" เกเบรียลแกล้งเย้าฉันทำได้แค่พยักหน้า อย่างที่บอกไปแล้ว เราเคยรวย และฉันก็เคยพักในโรงแรมดี ๆ มาก่อน แต่ที่นี่คืออีกระดับหนึ่ง มันเป็นนิยามของความหรูหราที่แท้จริงสายตาฉันยังคงกวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง แต่จู่ ๆ ฉันก็ชะงักเท้าเมื่อความจริงบางอย่างตีแสกหน้าเข้ามาเต็ม ๆ"เกเบรียล ห้องฉันอยู่ไหนคะ? ฉันเห็นแค่ห้องนอนเดียวเองนะ" ฉ

  • ธุลีใจ   บทที่ 457

    เครื่องบินลงจอดที่รันเวย์ มือของเกเบรียลจับตัวฉันไว้ไม่ให้กระดอนตอนเครื่องบินลงจอด“ไม่เป็นไรนะ?” เขาเอ่ยถามพลางสบตาฉัน“ค่ะ”หลังจากที่เกเบรียลเล่าเรื่องผู้หญิงที่เขาเคยตกหลุมรัก ก็ไม่มีเรื่องอะไรไปมากกว่านั้น บาดแผลนั้นยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ บาดแผลที่ฝังลึกลงไปข้างในฉันเห็นมันปรากฎอยู่ในดวงตาเขาอย่างชัดเจนขณะที่เล่าทุกอย่างให้ฟัง เขาไม่ต้องการพูดอะไรมากกว่านี้ เขาเพิ่งจะเปิดเผยความลับบางสิ่งเกี่ยวกับตัวเขาที่ใครคนอื่นไม่เคยรู้ แม้แต่พี่ชายฝาแฝดเขาก็ไม่เคยรู้ฉันไม่ได้บังคับให้เขาเล่าออกมามากกว่านั้น ฉันไม่ได้ขอให้เขาเล่าให้ฟังว่าหลังจากรับรู้ความจริงพวกนั้นมันเป็นอย่างไรต่อหรือเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น เขารู้สึกเปราะบาง และฉันก็เข้าใจด้วยว่าเขาต้องการเวลาเพื่อตั้งสติ ดังนั้นฉันจึงให้พื้นที่กับเขาฉันใช้เวลากว่าครึ่งอ่านหนังสือและอีกครึ่งในการนอนหลับพักผ่อน เขายังเอาใจใส่แม้ตอนที่นั่งห่างออกไป เขาถามว่าฉันนั่งสบายไหมหรือต้องการอะไรอีกหรือเปล่าอยู่เป็นระยะมือของเขาเอื้อมมาแตะหน้าท้องฉันจนดึงฉันออกจากภวังค์ ฉันมองลงไปพบว่าเขากำลังปลดเข็มขัดนิรภัยของฉันออก“คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันท

  • ธุลีใจ   บทที่ 456

    ก็เป็นความรักที่สวยงามไม่ใช่เหรอ? แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้น บางสิ่งที่เปลี่ยนไป ถ้าทุกอย่างมันดีจริง ๆ ตอนนี้เขาก็คงเคียงคู่กับเธอคนนั้นไปแล้ว ไม่น่าจะมาแต่งงานกับฉันแบบนี้เสียงของเขาเริ่มแหบพร่าและเริ่มเล่าต่อ “ทุกสิ่งมันดีไปหมดเลย เธอเป็นผู้หญิงที่สุดยอดมากและผมก็รู้สึกว่าหลงรักเธอมากขึ้นทุกวัน แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้แนะนำเธอให้โรแวนรู้จัก เพราะผมอยากเก็บเธอไว้กับตัว ผมไม่ได้เจตนาจะคบหาแบบเงียบ ๆ แต่แค่อยากใช้เวลากับเธอมากกว่านี้ก่อนที่จะพบครอบครัวผม ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาผมนึกว่าตนเองโชคดีขนาดไหนที่ได้พบเจอคนอย่างเธอ อย่างที่คุณรู้ โลกของเรามันหาคู่รักที่เหมาะกันได้ง่ายเสียที่ไหนล่ะ ฮาร์เปอร์”และนั่นแหละก็เป็นสังคมของเรา มันยากมากเลยนะที่จะพบเจอคนที่รักเราจริง บางคู่ที่แต่งกันก็เป็นเพราะเรื่องของธุรกิจ และน้อยคนนักที่จะรักและเคารพจากใจจริง แล้วก็ยังมีพวกหวังรวยทางลัดอีก เป็นพวกที่แต่งงานกับคนรวย ๆ เท่านั้นและฉันว่านี่คงเกิดขึ้นบ่อยด้วย“ผมอยู่ในห้วงความรักเลยและคิดอะไรอย่างมีเหตุผลไม่ค่อยได้ เธอสามารถทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตนเองได้เพราะผมไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอ ไม่อยากให้เ

  • ธุลีใจ   บทที่ 455

    “ฮาร์เปอร์?” เสียงของเขาเรียกฉันกลับมาสู่ความเป็นจริง“โอ๊ะขอโทษที ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ฉันส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป “ค่ะ ฉันเก็บของเสร็จแล้ว”“ดีครับ งั้นไปกันเถอะ”หนึ่งชั่วโมงต่อมา เรานั่งอยู่ในเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเกเบรียล ครั้งนี้ฉันเดินทางไปกับเขาเพื่อเซ็นสัญญาธุรกิจ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม? ต้องการอะไรหรือเปล่า? ผมให้พนักงานต้อนรับเอาอะไรมาให้ได้นะ” กาเบรียลถามขึ้นทันทีที่เครื่องบินเริ่มออกตัวเข้าใจที่ฉันบอกแล้วใช่ไหม? เขาใส่ใจฉันมากเหลือเกินแต่ตอนที่เรายังแต่งงานกัน เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ฉันคิดว่าเขาไม่เคยทำอะไรเพื่อทำให้ฉันมีความสุขเลย จริง ๆ แล้วมันตรงกันข้าม เขาไม่เคยสนใจว่าฉันต้องการอะไร หรือว่าฉันสบายดีไหม ไม่เคยสนใจแม้แต่ฉันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เขาแค่ไม่เคยสนใจฉันเลยแต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป และนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ฉันสับสน มันเหมือนเขาเป็นยักษ์ในตะเกียงวิเศษที่คอยทำให้ความปราถนาของฉันเป็นจริง“ไม่ค่ะขอบคุณ ถ้าต้องการอะไร เดี๋ยวฉันจะบอกพนักงานเองได้ค่ะ” ฉันพึมพำตอบกลับเกเบรียลพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาเปิดฉันเอนตัวลงกับเบาะหน

  • ธุลีใจ   บทที่ 454

    “แม่ต้องไปจริง ๆ เหรอคะ?” ลิลลี่ถาม สายตามองสลับไปมาระหว่างฉันกับกระเป๋าเดินทางที่เปิดอยู่บนเตียงฉันไม่เคยชอบการเก็บกระเป๋าแบบเร่งรีบในนาทีสุดท้ายแบบนี้เลย แต่ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา งานที่ทำงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาหายใจ พอกลับถึงบ้าน สิ่งเดียวที่ฉันคิดได้ก็คือการนอนหลับ ฉันเหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหว ไม่มีแรงจะทำอะไรนอกจากกินแล้วก็นอน“ต้องไปจ้ะ” ฉันตอบเธออย่างอ่อนโยน “งานนี้สำคัญมากเลยลูก แล้วพ่อหนูต้องไปจัดการด้วยตัวเอง…”“แต่หนูยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหนูไปด้วยไม่ได้? หนูอยากเห็นว่าพ่อทำงานยังไง หนูอยากรู้ว่าพ่อจัดการเรื่องงานยังไงค่ะ”ฉันพับเสื้อผ้าชิ้นสุดท้าย ซึ่งเป็นเสื้อไหมสีฟ้า ก่อนจะวางมันลงไปในกระเป๋ากับของที่เหลือ พอทุกอย่างเรียบร้อย ฉันรูดซิปปิดแล้ววางกระเป๋าลงบนพื้น“ลูกก็รู้นี่ ว่าไปไม่ได้” ฉันตอบเธอขณะนั่งลงบนเตียง“ทำไมล่ะคะ?”“เพราะลูกยังเป็นเด็กไง ก็เลยไปไม่ได้ ถูกไหมคะ?”“หนูไม่ใช่เด็กนะคะ หนูจะสิบขวบแล้ว"ฉันกลอกตาให้กับคำโกหกที่ชัดเจน ก่อนจะดึงลิลลี่เข้ามากอดและหอมแก้มเนียนนุ่มของเธอเบา ๆ“หนูก็รู้ดีนะว่าเพิ่งแปดขวบ อีกนานเลยกว่าสิบขวบนะลิลลี่… แล้วอีกอย่าง เด็ก ๆ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status