ผมปฏิเสธมันไม่ได้อีกต่อไป ผมต้องการเธอจริง ๆ แต่ด้วยการกระทำที่ผ่านมา ผมไม่คิดว่าเธอจะอยากมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับผมอีก ไม่มีใครต้องเตือนผมว่าความรักที่ผมเคยเห็นเปล่งประกายในดวงตาของเธอได้หายไปแล้ว ตอนนี้เธอยอมทนผมเพื่อโนอาเท่านั้น“คุณวูดส์” ผมหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อมีคนเรียกชื่อผมผมเงยหน้าขึ้นและพบพยาบาลคนเดิมมองมาที่ผม“เธอเป็นยังไงบ้าง?” ผมหวังกับคำตอบไว่มาก“เธอปลอดภัยดี ทารกก็เช่นกัน... แต่เราต้องเฝ้าเธอสักสองสามชั่วโมง เพราะเธอขาดน้ำตอนที่มาถึงค่ะ”ผมได้ยินเสียงตกใจดังมาจากด้านหลัง บ้าจริง! เคทไม่รู้เรื่องการตั้งครรภ์ของเอวา แต่ตอนนี้เธอได้รับการยืนยันแล้ว ผมไม่สนใจเธอและมุ่งความสนใจไปที่พยาบาล“ผมขอพบเธอได้ไหม?”เธอพยักหน้าและโบกมือเรียกให้ผมตามไป เราไปถึงห้องหนึ่ง เธอเปิดประตูให้ผมเข้าไป เมื่อผมเข้าไปแล้ว เธอก็ออกไปและปิดประตูเอวากำลังรับน้ำเกลือ ข้อมือของเธอถูกพันผ้าไว้ ร่างกายของเธอถูกปกปิดจากเอวลงไป และแผลที่ริมฝีปากของเธอก็ถูกเย็บปิดแล้ว“เอมม่าเป็นยังไงบ้าง?” เป็นสิ่งแรกที่เธอถามผมผู้หญิงคนนี้เป็นนางฟ้าจริง ๆ“เรายังไม่ได้ยินอะไรจากแพทย์เลย แต่ผมแน่ใจว่าเธอ
เอวา“อะไรนะ?” ฉันพูดตะกุกตะกักขณะที่มองโรแวนด้วยความตกใจสุดขีดฉันฟังเขาพูดไม่ชัด โรแวนที่ฉันรู้จักจะทำทุกอย่างเพื่อเอมม่า รวมถึงการเสียสละฉันด้วยหัวใจของฉันเต้นแรงเมื่อจ้องมองใบหน้าว่างเปล่าของเขา“คุณได้ยินถูกแล้วเอวา” เขาพูดซ้ำ ไม่มีร่องรอยของการโกหกในเสียงของเขา “ถ้ามันต้องเกิดขึ้นจริง ผมจะปล่อยให้เธอตายอย่างเต็มใจ ถ้ามันหมายถึงการช่วยชีวิตคุณ”ตอนแรกฉันคิดว่าเขาโกหกเพื่อที่ฉันจะไม่รู้สึกแย่ ท้ายที่สุดแล้ว ใครจะชอบที่จะรู้ว่าผู้ชายที่เธอใช้เวลาร่วมเกือบสิบปีด้วยจะยินดีช่วยชีวิตผู้หญิงอีกคนล่ะฉันคิดว่าเขาพูดแบบนั้นเพียงเพื่อปกป้องความรู้สึกของฉัน แต่เมื่อมองสีหน้าของเขา ฉันก็รู้ว่าเขากำลังพูดความจริง สีหน้าและแววตาของเขาชัดเจนมาก นอกจากนี้ โรแวนเคยปกป้องความรู้สึกของฉันซะเมื่อไหร่? เขาไม่เคยกลัวที่จะบอกความจริง แล้วทำไมเขาถึงเริ่มโกหกตอนนี้?ฉันหายใจเข้าลึก ๆ แล้วคลายมือออกจากมือเขา มันรู้สึกใกล้ชิดเกินไป ฉันมีความคิดมากมายเต้นระบำอยู่ในหัวอยู่แล้ว ฉันไม่ต้องการมืออุ่น ๆ ของเขามาทำให้ฉันสับสนไปมากกว่านี้แล้ว“คุณไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริง ๆ หรอก” ฉันบอกเขาหลังจากนั้นไม่น
เขาเอาส่วนไหนมาคิดว่าฉันจะหลงเชื่อเขา? เก้าปีที่ผ่านมา ทั้งโรแวนและทุกคนต่างก็บอกเสมอว่าฉันนั้นไร้ค่า ไร้ความหมายในชีวิตเขา จู่ ๆ เขาก็คิดจะกลับลำทุกอย่างและคิดให้ฉันเชื่อเขาอย่างนั้นหรือ?ฉันมีคำถามเต็มหัวไปหมด กลับหาคำตอบไม่ได้ คำถามเหล่านี้ชวนปวดหัวเกินไป ฉันเลยพยายามผลักพวกมันออกไป ไม่ว่าโรแวนคิดอย่างไร นั่นก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉัน เรื่องระหว่างเราสองจบลงไปแล้ว มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่จะพยายามทำความเข้าใจตานั่นอีกความเหนื่อยล้าทำให้ฉันเผลอหลับไปอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ฉันพบว่าพ่อแม่อยู่ในห้องกับฉัน พวกเขาดูเหนื่อยล้าไม่แพ้กันเลย มือของทั้งสองกุมมือทั้งสองข้างของฉันเอาไว้ และในวินาทีนั้นเอง ฉันรู้สึกได้รับความรักมากกว่าครั้งไหน ๆ นี่คือสิ่งที่ฉันโหยหาจากโรแวนและคนตระกูลชาร์พ ในตอนนี้ฉันได้รับสิ่งที่โหยหาเสียที ความรู้สึกมากมายต่างเอ่อล้นออกมาฉันอาจส่งเสียงดังเกินไป พวกท่านจึงเงยหน้าขึ้นมามอง“เอวา” แม่เรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เป็นไงบ้างลูก?”น้ำตาเอ่อล้นขึ้นในดวงตา ฉันกะพริบตาเพื่อกลั้นไว้ แต่ก็ไร้ผล“หนูรักพ่อกับแม่จังเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นทุ
ผ่านมาแล้วสองวันนับตั้งแต่ที่เอมม่าและฉันถูกลักพาตัวไป เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบพยายามตามล่าตัวเจ้ารีเปอร์ ทว่าเขากลับหายเข้ากลีบแมฆไปอีกครั้ง พวกเขาไม่สามารถตามหาตัวเจอได้เพราะลูกน้องของมันที่ถูกจับมาไม่ยอมเปิดปากพูดสิ่งใดเลย ฉันใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัวนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำสองอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่อยากให้ตนเองตกเป็นเป้าหมายของพวกมันเพราะเหตุผลบางประการที่ฉันไม่มีส่วนข้องเกี่ยวด้วยเลย “แม่ครับ ผมขอเล่นเกมได้ไหม?” โนอาเอ่ยถาม ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์มีสติกับงานในมือฉันทำงานบ้านจนเสร็จหมดทุกอย่างเพราะหวังว่าจะไม่คิดมากกับเรื่องนี้ ขณะที่พูดอยู่ ก็กำลังพับเสื้อผ้า หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใดต่อดี“ได้จ้ะ แล้วหนุ่มน้อยกันเนอร์บอกว่าจะมากี่โมงนะ?”เด็กน้อยทั้งสองแทบจะตัวติดกันตลอดเวลา พวกเขาทำทุกสิ่งด้วยกันเสมอ แม้แต่ตอนที่อยู่โรงเรียนก็ตามมิตรภาพของเด็กน้อยช่างวิเศษซึ่งย้ำเตือนฉันถึงความสัมพันธ์ระหว่างโรแวน เกเบรียล และทราวิส พวกเขาก็เป็นเช่นนี้ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว“บ่ายสามมั้งครับ”“จ้ะ เดี๋ยวแม่เตรียมขนมเอาไว้ให้นะ”เด็กน้อยจูบแก้มฉัน “แม่น่ารักท
หลังจากที่ไม่ได้เจอกับคาลวินมาตั้งแต่คราวก่อน กันเนอร์มาแทบทุกวันและบางครั้งโนอาก็ไปที่บ้านพวกเขาด้วย แต่ฉันแทบไม่ได้เจอหรือพูดคุยกับคาลวินเลย ดูเหมือนว่าเขาพยายามหลบหน้าฉันเพราะเหตุผลบางอย่างที่ฉันไม่รู้“เข้ามาไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองเท้าสลับไปมา ดูท่าทางไม่มั่นใจ“ถ้าไม่รบกวน ก็ได้ครับ”ฉันหลบไปด้านข้างเพื่อให้เขาเข้ามา แม้ดูไม่มั่นใจในตอนแรก แต่เขาก็เดินพ้นธรณีประตูเข้ามาภายในบ้านในที่สุดฉันนำทางเขามายังห้องครัวพร้อมผายมือเชิญให้นั่งลง ฉันจึงเดินไปเตรียมขนมให้กับเด็กทั้งสอง“ผมรู้แล้วนะครับว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แค่อยากมาดูว่าคุณไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” เขาเอ่ยหลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ไม่ถึงกับเป็นข่าวไปทั้งเมืองหรอก แต่มีใครบางคนสังเกตเห็นและตั้งข้อสงสัย ในเย็นวันนั้นเอมม่าและฉันก็กลายเป็นข่าวดัง ไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นคนในตระกูลโฮเวลล์ และฉันก็ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้นเพราะว่ายังไม่พร้อมรับสายตาทั้งมวลที่จะจับจ้องมายังตระกูลนี้ พวกเขาต่างเชื่อว่าฉันยังเป็นคนของตระกูลชาร์พอยู่ และตอนนี้ทุกคนต่างคาดเดากันไปว่าทำไมลูกสาวตระกูลชาร์พทั้งสองคนถึงได้ถูกลักพาตัวไปได้“เอ่อ…ข
ฉันรู้สึกเบื่อมาก เบื่อสุด ๆ แต่ละวันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ไม่ค่อยแย่เท่าไรเพราะโนอาอยู่ด้วย แต่พอถึงวันธรรมดา มันแทบทนไม่ไหวเล็ตตี้กับโครินทำงานตลอดทั้งวัน เช่นเดียวกับพ่อแม่ของฉัน ฉันได้จ้างแมรี่ให้มาดูแลงานประจำวันของมูลนิธิโฮป แม้ว่าจะไปที่นั่น ก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ นอกจากเซ็นเอกสารที่ต้องการการอนุมัติจากฉันเท่านั้นฉันและคาลวินกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันได้รู้ว่าเขามีบริษัทรับเหมาก่อสร้างของตัวเอง ซึ่งเริ่มก่อตั้งเมื่อสองปีที่แล้วมาจนถึงตอนนี้ เขาบอกว่ากิจการกำลังไปได้ดี นั่นหมายความว่าเขาก็ไม่ว่างในช่วงกลางวันเช่นกันฉันเบื่อจนคิดจะกลับไปทำงาน อายุครรภ์ห้าเดือนแล้วยังพอมีเวลาอีกสักพักก่อนจะถึงกำหนดคลอด แต่แทนที่จะกลับไปทำงาน ฉันหยิบโทรศัพท์แล้วกดโทรออก“สวัสดีค่ะ คุณเดอร์รี่ เป็นยังไงบ้างคะ?” ฉันเอ่ยถามเราทั้งสองอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน และเธอคิดต่อมาหาเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอมีลูกวัยแตกเนื้อสาวซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เธอไม่ค่อยถนัดวิชาชีววิทยามากนัก คุณเดอร์รี่จึงถามฉันว่าพอจะช่วยติวให้ได้ไหม“ดีค่ะ ดีใจจังเลยที่คุณโทรมา เป็นยังไงบ้างคะ?” เ
วันนี้ฉันตัดสินใจแต่งหน้าสักหน่อยเลือกลุคสีนู้ด หลังจากนั้น ก็ม้วนผมให้เป็นลอนแทนที่จะปล่อยตรงธรรมดา ฉันพอใจกับภาพลักษณ์นี้มาก ก่อนหยิบรองเท้าทรงสวยมาใส่แล้วกำลังจะออกจากบ้าน แต่แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นฉันไม่รู้จักเบอร์นั้น แต่ก็รับสายอยู่ดี“สวัสดีค่ะ?”“สวัสดี เอวา อีธานนะ” เสียงทุ้มดังมาจากปลายสายแม้ไม่แนะนำตัว ฉันก็ยังรู้ว่าเป็นเขาอยู่ดี ฉันจำเสียงของเขาได้จากช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขมาก ๆ กับเขา มันเป็นช่วงเวลาที่เขาพูดคุยกับฉันอย่างอบอุ่นและใส่ใจจนฉันรู้สึกว่าตนเองมีค่า แต่นั่นไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเพียงแค่เกมที่สร้างขึ้นฉันสลัดความคิดพวกนั้นออกไป พยายามผลักไล่ความทรงจำอันเจ็บปวดออกไป“สวัสดีค่ะ อีธาน เป็นยังไงบ้าง?” ฉันเอ่ยถามพลางควบคุมน้ำเสียงอยู่ฉันไม่ได้ไปเยี่ยมเขาอีกเลย เราคุยกันผ่านจดหมายเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องอัพเดตการตั้งครรภ์ของฉันให้เขารู้“เรื่อย ๆ ครับ” เขาตอบ จากนั้นจึงเงียบเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดน่าดู เขาเคยเป็นชายที่ฉันสะดวกใจพูดออกไปทุกอย่าง แต่ตอนนี้ทุกสิ่งกับอึดอัดไปหมด“ได้คุยกับแม่พ่อหรือยัง?” ฉันถามหลังจากเงียบไปพักใหญ่ เพียงต้องการทำลายความเงียบ
โรแวนผมนั่งรอเอวาอยู่บริเวณม้านั่งอย่างร้อนใจ ผมรู้ดีว่าเธอต้องหัวเสียมากเป็นแน่ แต่ก็ห้ามความรู้สึกที่อยากจะอยู่ใกล้ ๆ และคอยอยู่เคียงข้างเธอไว้ไม่ได้เธอไม่ยอมบอกวันนัดหมอครั้งต่อไปให้ผมรู้ ดังนั้นจึงต้องสืบหาข้อมูลเอง รู้ดีว่ามันทำให้ผมดูเหมือนพวกเอาแต่ใจ แต่ผมเคยชินกับการได้ในสิ่งที่ต้องการ และสิ่งที่ผมต้องการในตอนนี้ก็คือการได้อยู่ข้างเธอหากเป็นไปได้ ผมคงไปรับเธอด้วยตนเอง แต่ก็เลือกที่จะมารออยู่ที่นี่แทน เพราะรู้ตัวว่าการทำแบบนี้ก็ถือว่าฝืนใจเธอมากพอแล้วนานมาแล้วที่ผมไม่เคยประหม่าแบบนี้ ครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมเคยรู้สึกประหม่าขนาดนี้ก็คือตอนมีเซ็กซ์ครั้งแรก ผมอายุแค่สิบสามและยังไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรเลย ตอนนั้นมันแย่มากเพราะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แค่ไม่กี่วินาทีก็เสร็จเสียแล้ว ปล่อยให้ผู้หญิงที่กำลังมีอะไรกันด้วยไม่พอใจเท่าไรผมสะบัดความคิดนั้นออกจากหัวแล้วจ้องมองประตู ผมมารอก่อนเวลา และรู้ว่าต้องรออีกสักพักกว่าเธอจะมาถึง“โรแวน? คุณมาทำอะไรที่นี่?” เสียงของเธอดึงผมออกจากห้วงความคิดผมไม่รู้เลยว่านั่งรอนานขนาดไหนแล้ว ผมจดจ่อมากจนไม่ได้สังเกตว่าเธอมาถึงแล้วเมื่อหันไปห
"ผมไม่ได้ใช้คุณ เอวา ผมต้องการคุณจริง ๆ" เขาพูดขณะเก็บกุญแจเข้ากระเป๋า ดูท่าว่าฉันคงออกจากห้องนี้ไม่ได้ง่าย ๆ แล้ว"คุณต้องการฉันจริง ๆ เหรอ? แล้วทำไมทันทีที่คุณเสร็จก็รีบลุกไปอาบน้ำละ? ทำไมคุณถึงไม่เคยมีอะไรกับฉันโดยไม่ใส่ถุงยาง? ทำไมคุณถึงไม่เคยปล่อยตัวไปกับฉันเลย? โอ๊ย! คุณแทบจะไม่เคยจูบฉันที่ปากด้วยซ้ำ แล้วคุณมาบอกว่าคุณต้องการฉัน? เชื่อก็บ้าแล้วเถอะ?"ความรู้สึกทั้งหมดที่ฉันพยายามกลบซ่อนมานานทะลักออกมา ฉันเกลียดตัวเองที่ปล่อยให้มันทำให้ฉันรู้สึกอ่อนแอ ฉันเลยแทนที่มันด้วยความโกรธ“หนึ่งในความทรงจำที่ฉันนึกขึ้นได้หลังจากเดตของเราคือการนอนกับอีธาน มันคือสิ่งที่เซ็กส์ควรจะเป็น เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและอารมณ์ กับอีธานฉันรู้สึกเหมือนเป็นที่ต้องการ รู้สึกว่าตัวเองมีค่า แต่กับคุณ มันเหมือนเป็นหน้าที่ เป็นการบ้าน คุณบอกว่าคุณต้องการฉัน แต่ทั้งหมดนั้นมันโกหก อีธานทำให้ฉันเห็นว่าการเป็นที่ต้องการของผู้ชายจริง ๆ เป็นยังไง"ความทรงจำเกี่ยวกับอีธานโผล่เข้ามาในหัวอย่างไม่ทันตั้งตัว เหมือนกับความทรงจำอื่น ๆ มันยังแสดงให้ฉันเห็นว่าสิ่งที่ขาดหายไปในความสัมพันธ์ทางกายระหว่างฉันกับโรแวนคืออะไร ฉั
“ผมก็ยังไม่ชอบเธอ และคงจะไม่มีวันชอบเธอได้หรอก แต่ผมก็เข้าใจแม่แล้วเหมือนกัน” เขาพูดขึ้นหลังจากเงียบไปพักใหญ่ “ผมชวนเธอมาก็ได้ แต่ไม่ต้องคาดหวังว่าผมจะเป็นเพื่อนกับเธอได้นะ”ฉันพยักหน้า ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม “ขอบคุณนะ ลูกรัก”เขากอดฉันไว้และหัวใจก็สงบลงเสียที ฉันไม่ได้กอดลูกชายตัวน้อยมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว การได้กอดเขาอีกครั้งทำให้หัวใจอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก. “ผมรักแม่นะครับ” เขาพึมพำพลางซบอกฉันหัวใจฉันพองโต มีบางสิ่งที่พิเศษมากเมื่อได้ยินลูกเรียกเราว่าแม่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เจ้าตัวน้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ฉันอธิบายไม่ได้ แต่มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง“แม่ก็รักลูกเหมือนกันจ้ะ ตัวน้อยของแม่” ฉันกระซิบตอบเบา ๆ “เอาล่ะ รีบไปเตรียมตัวเถอะ ไม่งั้นจะไปโรงเรียนสายนะ”เราถอนตัวออกจากอ้อมกอดของกันและกัน ฉันจูบหน้าผากเขาเบา ๆ ก่อนจะออกจากห้องและเดินลงไปชั้นล่าง ฉันทักทายเทเรซาที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเช้า ก่อนจะหยิบน้ำหนึ่งแก้วกับยาแก้ปวด แล้วเดินขึ้นบันไดไปอีกครั้งเมื่อฉันเปิดประตูห้องนอนใหญ่ หวังว่าโรแวนจะยังหลับอยู่และฉันจะวางน้ำกับยาไว้ให้เฉย ๆ แต่โชคไม่ดี เขาตื่นแล้ว
ฉันตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของโรแวนที่นอนกอดฉันจากด้านหลัง เมื่อวานนี้ไม่รู้เพราะอะไร แต่หลังจากที่เขาขอให้ฉันอยู่ต่อ ฉันก็ไม่สามารถลุกหนีไปได้ ทั้งที่ฉันอยากจะไป ฉันพยายามต่อสู้กับความรู้สึกนั้น แต่สุดท้ายฉันก็แพ้ เมื่อฉันตัดสินใจจะนอนร่วมเตียงกับเขา โรแวนก็กลับหลับไปเสียแล้ววงแขนของเขาโอบรอบเอวฉันไว้แน่น ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไป แม้ในยามหลับสนิท ในอ้อมกอดนี้ ฉันรู้สึกเหมือนได้รับความรักและการดูแล รู้สึกปลอดภัย และความเจ็บปวดในอดีตทั้งหลายก็พลันจางหายไป ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเขาที่ไล่แตะต้นคอ ส่งผลให้ขนทั่วร่างลุกซู่ฉันพยายามอย่างระมัดระวังไม่ให้เขาตื่น ขยับตัวลุกจากเตียงช้า ๆ เพราะต้องไปดูให้แน่ใจว่าโนอาตื่นแล้ว จะได้ไม่ไปโรงเรียนสายฉันย่องข้ามห้องและออกจากห้องนอนของเราอย่างเงียบเชียบ หลังจากแวะไปตรวจดูไอริส ฉันก็ตรงไปยังห้องของโนอา“โนอา” ฉันเรียก แต่ดูเหมือนไม่จำเป็นเลย เพราะเขาตื่นอยู่แล้วเขามองฉันโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะกลับไปติดกระดุมเสื้อเชิ้ตนักเรียนต่อ“ยังโกรธแม่อยู่หรือเปล่า?” ฉันจึงถามขณะเดินเข้าไปในห้อง จากนั้นนั่งลงบนเตียงเขาจ้องมองฉันหรือจะพูดให้ถูกคื
เอวา“หนูอยากเข้าไปหาพรุ่งนี้ได้ไหม? พอดีว่ามีเรื่องอยากคุยด้วยนิดหน่อยค่ะ”ฉันกำลังคุยโทรศัพท์กับโนราอยู่พอดี หรือฉันควรเรียกว่าแม่ดีล่ะ ฉันคิดไม่ตกกับเรื่องนี้อยู่หลายวันและตัดสินใจลองให้โอกาสพวกเขาดูทั้งโนราและธีโอดูเป็นคนดี และตัวฉันเองก็เรียกร้องหาความรักจากพ่อแม่อยู่เช่นกัน ตอนนี้อาจถึงเวลาแล้วก็ได้ที่จะเปิดใจ ฉันต้องการทำความรู้สึกทั้งสองให้มากขึ้นและต้องการส้รางความสัมพันธ์ด้วยมันก็ไม่ใช่ความผิดอะไรของเคทและเจมส์ที่เป็นพ่อและแม่แสนแย่ และฉันเองก็ไม่สามารถเอาประสบการณ์สมัยเด็กแสนทุกข์ทรมานมาเป็นเครื่องตัดสินทั้งสองด้วย“ดีเลยสิจ๊ะ เอวา เราคิดถึงลูกกับหลาน ๆ มากเลยนะ แม่อยากโทรคุยหรือไม่ก็ไปหาเลย แต่ก็ยังไม่อยากเร่งรีบอะไรถ้าหนูยังรู้สึกไม่พร้อม” เธอเอ่ยอย่างยินดีฉันเผยยิ้มออกมา พูดตามตรง ฉันไม่ยิ้มออกมาเลยสักครั้งนับตั้งแต่คืนนั้น“กี่โมงดีคะ?”“เอวา ลูกเป็นลูกสาวเรานะจ๊ะ หนูจะมาตอนกลางวันหรือกลางคืน หรือเวลาไหน ๆ เราก็สะดวกหมดแหละ”หลังจากคุยกับเธออยู่สักพัก เราจึงวางสายไป ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนพร้อมวางโทรศัพท์ลงพลางจ้องมองโทรทัศน์อย่างว่างเปล่าจิตใจของฉ
“แล้วทำไมมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเอวา” เกเบรียลเอ่ยถามขณะเข้ามานั่งข้างผมตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีมากนักถึงขั้นที่มองว่าสิ่งต่าง ๆ จากบริษัทน่ารำคาญ รวมถึงน้องชายตนเองด้วย ผมจึงเมินเฉยต่อคำถามเขาและดื่มวิสกี้เข้าไปอีกหนึ่งอึกผมนั่งอยู๋ในโซนวีไอพีของหนึ่งในร้านเหล้าที่เราชื่นชอบ เพลงเปิดเสียงดังกระหึ่ม ผีเสื้อราตรีต่างพากันโยกย้านและออกลวดลายกันอย่างสนุกสนาน พร้อมน้ำเมาที่ลอยล่อง และไม่สิ่งใดเป็นผลกับผมเลยค่ำคืนนี้ผมเพียงต้องการลืมเลือน ลืมภาพแห่งความทุกข์ระทมของเอวา ผมรู้ดึว่าอาจเป็นเป็นเพิ่งเรื่องเพ้อเจ้อหากคิดจะลืมเลือนนั้นเพราะว่าภาพนั้นยังคงฝังแน่นในจิตใจ แต่ผมก็อยากลองลืมภาพเหล่านั้นการอยู่บ้านกลายเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา บรรยากาศแห่งความรื่นรมย์น่ายินดีไม่มีอีกต่อไปแล้ว ผมปรารถนาให้มันกลายไปเป็นอย่างเดิมที่ควร แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า จะต้องแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างไรดีคำพูดที่เคยออกจากปากไม่มีวันหวนกลับและไม่มีวันลบออกไปได้ ผมไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขความผิดพลาดได้ หากเป็นไปได้ ผมคงรีบลงมือทำไปแล้วเพราะผมรักเธอเหลือเ
หัวใจของผมแทบหยุดเต้นลง เมื่อความกลัวว่าเธอจำเรื่องทุกอย่างแล้วประดังเข้ามา“บอกผมหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น เอวา ผมช่วยไม่ได้ถ้าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมวิงวอนเธอน้ำตาของเธอยังคงไหลรินลงมาบนใบหน้า ความเจ็บปวดรวดร้าวบดบังดวงตาของเธอ มันทำให้หัวใจผมสลายจริง ๆ ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้“ความทรงจำฉันกลับมาแล้ว” เธอกล่าวก่อนจะเริ่มหัวเราะราวกับเป็นบ้า “รู้ไหม ฉันอยากมีเซ็กส์กับคุณ ฉันอยากนอนกับคุณ แถมฉันยังบอกให้ตัวเองคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฉันต้องการคุณมาก พอฉันเห็นคุณช่วยตัวเองในห้องน้ำ ฉันก็อยากจะร่วมด้วย ฉันถึงกับจินตนาการว่าตัวเองกำลังออรัลเซ็กส์กับคุณในขณะที่คุณหลั่งบนหน้าอกของฉัน”ผมขมวดคิ้วแต่ก็เงียบไว้ อะไรบางอย่างบอกผมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น และผมจะไม่ชอบสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป “ฉันเคยรู้สึกกระหายคุณ โหยหาคุณ แต่สมองของฉันกลับย้ำเตือนบางสิ่งที่คุณเคยพูด” เธอสะอื้น “คุณอยากรู้ไหมว่ามันคืออะไร”ผมไม่อยากรู้ เพราะผมรู้ว่ามันจะทำลายการพัฒนาเล็ก ๆ ที่เรามีร่วมกัน แต่ผมก็ยังพยักหน้าตอบ“คุณพยายามจะทำให้ดีในการมีเซ็กส์ แต่คุณไม่เก่งเลย ทุกครั้งที่ผมอยู่ข้างในคุณ คนที่ผมต้องการคือเอ
โรแวนการเดตนั้นสมบูรณ์แบบ ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไม่อยากให้มันจบลง ทุกช่วงเวลาที่ผมอยู่กับเธอเหมือนอยู่ในสวรรค์ และผมหวังว่าผมจะได้อยู่กับเธอเร็วกว่านี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมผมถึงไม่เคยให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขกับเอวาเลย ผมรู้สึกแย่ที่เราอาจจะได้มีความสุขกันมาตลอดหลายปีนี้ถ้าผมปล่อยเอมม่าไปความรักที่ผมมีต่อเอมม่าคือความรักของวัยรุ่น มันคงไม่ยืนยาว เมื่อมันถูกทดสอบก็พังทลายลง สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอวานั้นเป็นแบบผู้ใหญ่ แข็งแกร่งและลึกซึ้งกว่าสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือความรักตอนอายุสิบเจ็ดผมเริ่มเชื่อว่าเกเบรียลพูดถูก ความรักไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนอย่างที่เขาพูด ผมคิดว่าลึก ๆ แล้วผมรักเอวา ผมแค่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดที่ทำร้ายเอมม่าครอบงำผม ผมยื้อเอมม่าไว้เพราะรู้สึกว่าผมต้องการควบคุม ซึ่งการแต่งงานกับเอวาและอยู่กับเธอก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของผมผมยังเชื่อด้วยว่าการปล่อยให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อเอวาเติบโตขึ้นนั้นเหมือนกับการทรยศต่อความรักที่ผมมีต่อเอมม่า สิ่งที่ผมไม่รู้ในตอนนั้นก็คือความรักนั้นได้ตายไปนานแล้วผมถอนหายใจและถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะมุ่งหน้าไปอา
“งั้นก็ตกลงตามนี้ เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในบ้านนี้” โรแวนพูดขณะที่ฉันจ้องมองเขาฉันรู้สึกตกใจ แต่ก็มีความสุขไปพร้อม ๆ กัน ฉันอยากเปลี่ยนอะไรหลายอย่างมานานแล้ว แต่ฉันก็รู้ว่าเขาคงไม่ยอมแน่ไม่รู้สิ เหมือนกับว่านี่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยวางจากเอมม่าได้จริง ๆ และแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจฉันจริง“โอเค” ฉันยิ้มให้เขา ปล่อยให้ความจริงนั้นซึมลึกเข้าไปในใจ"เราสามารถปรึกษากับนักออกแบบตกแต่งภายในได้พรุ่งนี้ ผมมั่นใจว่าเบียงก้า เมเยอร์ส จะสามารถรับงานเราได้ แม้เธอจะมีตารางงานแน่นแค่ไหนก็ตาม คุณสามารถบอกเธอได้เลยว่าอยากได้อะไรแล้วปล่อยให้เธอจัดการ หรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณ"และเซอร์ไพรส์ก็ยังไม่หมด ทุกคนรู้จักเบียงก้า เมเยอร์ส เธอเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่เก่งที่สุดในประเทศ และเธอทำงานเฉพาะให้กับคนรวยและผู้มีอิทธิพลเท่านั้น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะได้ร่วมงานกับเธอ“ตกลง” ฉันบอกเขาโดยพยายามเก็บความตื่นเต้นไม่ให้ล้นจนเกินไป “แต่ฉันอยากให้คุณกับโนอามีส่วนร่วม เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกคุณเหมือนกัน และฉันก็อยากให้พวกคุณรู้สึกสบายใจที่นี่”"ผ
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท