โรแวนผมนั่งรอเอวาอยู่บริเวณม้านั่งอย่างร้อนใจ ผมรู้ดีว่าเธอต้องหัวเสียมากเป็นแน่ แต่ก็ห้ามความรู้สึกที่อยากจะอยู่ใกล้ ๆ และคอยอยู่เคียงข้างเธอไว้ไม่ได้เธอไม่ยอมบอกวันนัดหมอครั้งต่อไปให้ผมรู้ ดังนั้นจึงต้องสืบหาข้อมูลเอง รู้ดีว่ามันทำให้ผมดูเหมือนพวกเอาแต่ใจ แต่ผมเคยชินกับการได้ในสิ่งที่ต้องการ และสิ่งที่ผมต้องการในตอนนี้ก็คือการได้อยู่ข้างเธอหากเป็นไปได้ ผมคงไปรับเธอด้วยตนเอง แต่ก็เลือกที่จะมารออยู่ที่นี่แทน เพราะรู้ตัวว่าการทำแบบนี้ก็ถือว่าฝืนใจเธอมากพอแล้วนานมาแล้วที่ผมไม่เคยประหม่าแบบนี้ ครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมเคยรู้สึกประหม่าขนาดนี้ก็คือตอนมีเซ็กซ์ครั้งแรก ผมอายุแค่สิบสามและยังไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรเลย ตอนนั้นมันแย่มากเพราะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แค่ไม่กี่วินาทีก็เสร็จเสียแล้ว ปล่อยให้ผู้หญิงที่กำลังมีอะไรกันด้วยไม่พอใจเท่าไรผมสะบัดความคิดนั้นออกจากหัวแล้วจ้องมองประตู ผมมารอก่อนเวลา และรู้ว่าต้องรออีกสักพักกว่าเธอจะมาถึง“โรแวน? คุณมาทำอะไรที่นี่?” เสียงของเธอดึงผมออกจากห้วงความคิดผมไม่รู้เลยว่านั่งรอนานขนาดไหนแล้ว ผมจดจ่อมากจนไม่ได้สังเกตว่าเธอมาถึงแล้วเมื่อหันไปห
“อย่างที่เราเคยทำกันนะ เดี๋ยวไปเปลี่ยนชุดแล้วกลับมานั่งบนเตียง เราจะได้ตรวจดูกันว่าเจ้าตัวน้อยเป็นยังไงบ้างนะคะ”เอวาเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมเสื้อคลุมท้อง ไม่กี่นาทีต่อมา เธอก็ออกมาและนอนลงบนเตียง“วันนี้เราจะทำการตรวจอัลตราซาวนด์แบบผ่านช่องคลอดก่อนนะคะ แล้วค่อยแสกนปกตินะ” คุณหมอเรเวนบอก“มีอะไรที่ผมควรกังวลไหมครับ?” ผมถามขึ้น“ไม่มีค่ะ ดิฉันทำแบบนี้ให้กับคนไข้ทุกคน เป็นการตรวจดูว่าปากมดลูกยังแข็งแรงดีอยู่หรือเปล่าค่ะ” เธอยิ้มให้เอวา “เดี๋ยวจะใส่เครื่องมือนี้เข้าไปในช่องคลอดแล้วนะคะ ถ้ามีอะไรไม่สบายตัว บอกหมอเลยนะ”เอวามองผมตาขวางก่อนจะพยักหน้าตอบรับ ผมไม่เข้าใจว่ามีอะไรให้อาย หากเธอลืมไป ผมก็เคยเห็นเธอเปลือยกายมาก่อนแล้วเธอยกขาขึ้นแล้วคุณหมอเรเวนก็เริ่มทำการตรวจ พอตรวจเสร็จ เธอก็ทำการแสกนปกติก่อนจะปิดเครื่อง“ทุกอย่างเรียบร้อยนะคะ ทั้งคุณและเด็กในครรภ์สุขภาพดี หมอดีใจนะคะที่ท้องรอบนี้เป็นเรื่องง่ายกว่าตอนท้องน้องโนอามากเลย” คุณหมอเรเวนพูดขณะที่เอวานั่งขึ้น“หมายความว่าไงที่ว่าตอนที่ท้องโนอา เอวามีปัญหาตอนท้องเหรอครับ?” ให้ตายสิ ตอนนั้นผมกำลังจมอยู่กับแอลกอฮอล์เพรา
ผมยิ้มออกมา “ผมไล่เธออกไปแล้ว ตอนนี้ก็จ้างเลขาใหม่มาทำงานแล้ว”“ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”“ก็ตั้งแต่งานกินเลี้ยงกาล่าตอนเย็นวันนั้นไง ผมไม่ชอบที่เธอพูดกับคุณอย่างนั้น”เธอดูตกใจมาก ผมจ้างคริสตินเป็นเลขานุการส่วนตัวเป็นเวลาหลายปี และไม่รู้เลยว่าเธอเป็นตัวปัญหาโดยแท้ หากพูดให้ตรงกว่านั้นคือ ผมไม่ได้สนใจเลยว่าเธอทำตัวน่ารังเกียจใส่เอวาอย่างไรบ้างรอยยิ้มผมมืดลงเมื่อตระหนักได้ว่าผมยอมให้คนอื่นรวมถึงตนเองดูถูกเธอมากขนาดนี้ได้อย่างไร เธอเป็นทั้งภรรยาและแม่ของลูกชายผม ผมไม่ควรปล่อยผ่านเรื่องเลวร้ายแบบนี้ไปง่าย ๆ เลยเธอไม่ได้พูดอะไรเลยหลังจากนั้น เพียงแค่จ้องมองผมราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน“แล้วคุณหมอเรเวนพูดถึงเรื่องที่คุณท้องครั้งแรกน่ะ มันมีอะไรเหรอ?” ผมเอ่ยถามเมื่อนึกเรื่องที่พูดกันในคลินิกขึ้นมาได้“คุณช่วยปล่อยผ่านไปได้ไหม? มันไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอก โนอาก็แข็งแรงสมบูรณ์ดีและทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี มันก็เป็นแค่อดีตไปแล้ว” เธอหลบสายตา ทว่าน้ำเสียงของเธอสั่นเครือและรู้ได้ทันทีว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน“เอวา? บอกผมมาเถอะ ผมอยากรู้จริง ๆ” ผมยืนกราน และรู้สึกสิ้นหวังเหลือเกินการที่ได้มา
เอวาฉันยังรู้สึกสะเทือนใจไม่หายเลยเมื่อเห็นความหน้าทนของโรแวนที่โผล่หน้าไปวันนัดหมอแบบนั้น ฉันหมายถึงเขากล้าดีอย่างไรถึงทำเป็นไม่รับรู้ว่าตอนตั้งท้อง ฉันต้องผ่านอะไรมาบ้างทั้งเขา ทั้งคนตระกูลชาร์พและพ่อแม่ของเขาต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมด ฉันเกือบต้องสูญเสียลูกในท้องไปเพราะพวกเขา และยังมีหน้ามาสงสัยว่าทำไมฉันถึงให้อภัยพวกเขาไม่ได้กันอีก?เมื่อคิดเช่นนั้นก็ทำให้ฉันหัวเสียเป็นอย่างมาก ฉันจะเป็นจะตายอย่างไร พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ และไม่สะทกสะท้านอะไร เอาแต่ก่นด่าฉันเรื่องเมื่อคืนนั้น ฉันขย่มเขาคนเดียวมั้ง? ฉันบังคับลากโรแวนไปถึงเตียงนอนเลยล่ะสิ? เขาเองก็เต็มใจแต่กลับก่นด่าแต่ฉัน ลงโทษฉันเพียงคนเดียวเมื่อฉันมองย้อนกลับไปบางครั้ง ก็คิดว่ามันเป็นเพียงข้ออ้าง พวกเขาใช้เรื่องคืนนั้นและผลที่เกิดขึ้นผลักไสฉันออกไป พวกเขาไม่เคยปฏิบัติกับฉันเช่นคนในครอบครัวเลย และนี่เองก็เป็นข้ออ้างแสนสมบูรณ์แบบที่จะตัดความสัมพันธ์กับฉันสิ่งที่ฉันบอกโรแวนไปนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ฉันไม่เคยกล่าวโทษเขาเลยเพราะเขาเป็นคนทำให้โนอาเกิดมา แต่ฉันต้องการหนีไปให้ไกลเมื่อรู้ว่าตนเองตั้งท้อง ไม่แน่หากเป็นเช่นนั้น ชี
สังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งฉายอยู่ในดวงตาเขาแวบหนึ่ง แต่มันก็หายไปก่อนที่ฉันจะสามารถตีความได้ว่ามันสื่อถึงสิ่งใด“ฉันไม่ทำร้ายเด็กหรอกนะ คนในองค์กรของเราเห็นพ้องต้องกันแบบนั้น”ฉันประหลาดเมื่อได้ยินเช่นนั้น อย่างไรก็ตามก็สามารถซ่อนได้ทัน มันก็ไม่ใช่ประเด็นเลยเพราะเขาต้องใช้ฉันเป็นเครื่องมือต่อกรกับโรแวนแน่“แกมาทำอะไรที่นี่ แล้วต้องการอะไรกันแน่?” ฉันถามกลับ“เอามีดลงก่อน” เขาสั่ง“ไม่มีวัน ฉันไม่ได้โง่นะ มีอะไรก็พูดออกมาเลยดีกว่า แต่อย่าหวังว่ามีดมันจะกลับไปอยู่ที่ของมันเชียวล่ะ”“ใจกล้าดี ฉันชอบ”นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากได้ยินจากคนอย่างรีปเปอร์เลยแม้แต่น้อย เขาดูผิดปกติจนเรียกได้ว่าอันตรายและน่ากลัวมาก“แกต้องการอะไร?” ฉันเอ่ยถามซ้ำบ้าเอ๊ย! ทำไมถึงไม่หยิบโทรศัพท์มือถือในห้องนั่งเล่นมาด้วยนะ ไม่แน่ ฉันอาจแอบส่งข้อความไปหาโรแวนได้แล้ว“ฉันได้ข้อความจากแฟนเธอน่ะสิ” เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆฉันจ้องมองเขาอย่างสับสน กำลังพูดเรื่องบ้าอะไรอยู่กันแน่?“แฟนเฟินที่ไหน? ฉันไม่มีแฟน” “ก็อีธานไง นึกออกยังล่ะ?”ร่างกายฉันนิ่งไป อีธานทำบ้าอะไรอีกล่ะเนี่ย? เขารู้บ้างไหมว่ากำลังเล่นกับใครอ
ว่าอะไรนะ? ฉันต้องหูฝาดไปแล้วแน่ ๆ เพราะมั่นใจว่ามันไม่ใช่สิ่งที่คาดหวังว่าจะได้ยินมาก่อน“เป็นไปไม่ได้…ฉันไม่มีพี่น้องสักคน ดังนั้นเด็กคนนี้จะเป็นหลานแกไม่ได้หรอก หรือว่า…”และนั่นเป็นสิ่งที่กระทบจิตใจอย่างมาก ราวกับว่าถูกค้อนปอนด์ฟาดเข้าอย่างจัง ทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้ตลอดเลยนะ แค่นี้ฉันยังเครียดยังไม่มากพอจนตอนนี้ส่งไอ้โรคจิตนี่มาเกี่ยวข้องกับลูกฉันอีก“คงเข้าใจขึ้นมาแล้วสินะ” เขาโน้มตัวเข้ามา “ฉลาดไม่เบา”“แล้วเขารู้ไหม?” ฉันค่อย ๆ เอ่ยถาม ภายในสมองยังคงสับสนอยู่“ไม่นะ มันจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนั้นอีธานเพิ่งขวบหนึ่งเอง ฉันก็ถูกส่งตัวไปสถานพินิจเพราะภารกิจที่พ่อสั่งให้ทำ ฉันไม่รู้เลยว่ามันเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย หรือไม่รู้ว่าพ่ออยากให้ฉันสืบทอดกันแน่ ตอนที่ออกมาได้ พ่อก็ตายแล้วเจ้าอีธานก็ถูกรับเลี้ยงไปแล้ว”รีปเปอร์เงียบไปชั่วครู่ ความทรงจำต่าง ๆ ไหลผ่านแววตา ไม่เหมือนกับชายที่โรแวนพรากชีวิตไป รอนนี่เกิดและเติบขึ้นมาอย่างทั่วไปแต่กลับถูกบังคับให้เดินเส้นทางนี้ตั้งแต่เด็ก ฉันเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง“ตอนที่แกออกมาก็น่าจะอายุมากพอแล้วนี่ ทำไมไม่ไปรับเขามาอยู่ด้วยล่ะ?” ฉันเอ่ยถาม และเขาก็
โรแวนผมจ้องมองประตูพลางนึกสงสัยว่ามาทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้กันแน่ ผมควรให้เอวาได้มีเวลาอยู่กับตนเอง แต่ให้ตายสิ ดูเหมือนว่าผมไม่สามารถอยู่ห่างจากเธอได้เลย มันมีอะไรบางอย่างดึงดูดผมให้มาหา ซึ่งผมเองก็ไม่สามารถอธิบายได้เลยผมเคาะประตูและเฝ้ารออย่างร้อนใจว่าเมื่อไหร่ประตูจะถูกเปิดออก นาทีหนึ่งหลังจากนั้น โนอาก็เปิดประตูออกมา“พ่อนี่” ลูกชายพุ่งตัวมากอดผม “คิดว่าจะต้องรอเจอพ่อวันเสาร์แล้วนะเนี่ย”พ่อกอดเขาอย่างแนบแน่น รู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่นอย่างมาก “ไง หนุ่มน้อย”ผมนึกสงสัยตัวเองขึ้นมาว่าทำไมเคยเกลียดชังเอวาขนาดนั้น เธอคลอดโนอาที่เป็นดั่งของขวัญที่ดีที่สุดแก่ผม ผมควรจะเห็นคุณค่าเธอตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ใช่ไปลงโทษเธอ คืนนั้นที่ผมคิดว่าเป็นคืนที่เลวร้ายที่สุด กลับกลายเป็นคืนที่มอบสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดแทนตอนนั้นผมมองไม่เห็นสิ่งนี้เลยเพราะเอาแต่มุดหัวอยู่ในหลืบจนมองไม่เห็นอะไรเลย แต่ตอนนี้ดวงตาของผมเปิดกว้างจนเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน เอวาพูดถูกเสมอ ผมเสียใจเพราะเรื่องคืนนั้นเสมอ โดยที่ไม่เคยคิดเลยว่าหากไม่มีเรื่องคืนนั้นเกิดขึ้น โนอาคงไม่อยู่ตรงนี้ และไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่มีวันเสียใจที่ม
มันเป็นความรู้สึกที่มากกว่าความต้องการทางกาย เป็นความรู้สึกที่รุนแรงเป็นอย่างมาก“ปล่อยมือออกจากฉันเดี๋ยวนี้” เอวาตวาดเสียงใส่ แต่ผมก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไป ผมกลับดันร่างเข้าหาเธอมากขึ้น และระวังไม่กระทบท้องเธอมากจนเกินไปเธอพยายามผลักผมออกไป แต่ผมก็แข็งแรงกว่านั้นมากจนเธอไม่สามารถขยับร่างผมเลยได้แม้แต่น้อย ไม่ใช่เพียงเพราะความแข็งแรง แต่เพราะผมไม่ยอมปล่อยเธออกไปแม้ต้องการขนาดไหนก็ตาม เธอช่างเหมาะสมกับอ้อมแขนนี้มาก ผมอยากอยู่แบบนี้ไปตลอดกาล“ไม่มีวันซะหรอก เอวา ทำไมผมถึงต้องไปจากที่ที่ผมอยากอยู่กับคุณด้วยล่ะ? คุณเป็นของผมนะ”“พูดบ้าบออะไรออกมา? ฉันไม่ใช่ของของคุณ ไม่เคยเป็นเลยสักครั้ง ตอนนี้ก็ปล่อยฉันได้แล้ว ก่อนที่โนอาจะมาเจอเราในสภาพแบบนี้แล้วคิดไปเองว่าเราคืนดีกันแล้ว”“โนอาจะได้มีความสุขสักทีไง ส่วนเรื่องอื่นก็ช่างมัน คุณเป็นของผม และจะเป็นของผมเสมอ ผมไม่มีวันปล่อยให้คุณไปมั่วกับผู้ชายที่ไหนหรอก”ดวงตาเธอสั่นไหว เปลวเพลิงกำลังลุกไหม้ในนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้น ผมไม่ทันสังเกตว่ามือของเธอขยับ หมัดนั้นต่อยเข้ามาอย่างจัง และเพราะความตกใจผมถึงปล่อยเธอ“มั่วเหรอ? อันดับแรกเผื่อลืมนะ ตอนท
ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต
ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา
"ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา
มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ
เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว