“ได้โปรด” เธอตอบพร้อมมองมาที่ผมอย่างเหนื่อยล้าผมก้มตัวลงและอุ้มเธอขึ้นมา กอดเธอแนบชิดหน้าอกแล้วเริ่มเดิน“ฉันหมายถึง ฉันต้องการความช่วยเหลือในการยืนขึ้น ไม่ใช่ให้อุ้ม” ข้อโต้แย้งของเธอขาดความกระตือรือร้นตามปกติของเธอ มันแสดงให้เห็นว่าเธอเหนื่อยล้าแค่ไหนผมไม่ตอบ แค่ดึงเธอเข้ามาใกล้ขึ้น การที่เธออยู่ในอ้อมแขนของผมแบบนี้ มันรู้สึกถูกต้อง เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลกำลังเข้าที่เข้าทาง หากผมสามารถอยู่แบบนี้ตลอดไปได้ นั่นก็เป็นชะตากรรมที่ผมยินดีที่จะรับขณะที่ผมเดินไปที่รถกับเธอ ผมก็อดสงสัยไม่ได้ ผมไม่เคยยอมให้ตัวเองอยู่ใกล้เธอขนาดนี้มาก่อน กอดเธอหรือจูบเธอ ผมมักจะซ่อนส่วนหนึ่งของตัวเองจากเธอเสมอ ดังนั้นมันจึงทำให้ผมสงสัยว่าถ้าเมื่อก่อนผมยอมให้ตัวเองเป็นแบบนี้ มันจะรู้สึกแบบนี้ไหม? เหมือนกับว่าเธอคือชิ้นส่วนที่ขาดหายไปของจิตวิญญาณของผมผมกำลังจะถึงรถเมื่อไบรอันหยุดผม“มีอะไร?” ผมขู่เขา เขาไม่เห็นเหรอว่าผมกำลังอุ้มของมีค่าอยู่?“เราสามารถจับพวกผู้เพรียกหาความตายได้เกือบหมด แต่ตัวผู้เพรียกหาความตายเองหนีไปได้” เขากล่าวเพื่อแจ้งข่าวร้ายมันทำให้ผมอยากจะทำร้ายใครสักคน ความจริง
ผมปฏิเสธมันไม่ได้อีกต่อไป ผมต้องการเธอจริง ๆ แต่ด้วยการกระทำที่ผ่านมา ผมไม่คิดว่าเธอจะอยากมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับผมอีก ไม่มีใครต้องเตือนผมว่าความรักที่ผมเคยเห็นเปล่งประกายในดวงตาของเธอได้หายไปแล้ว ตอนนี้เธอยอมทนผมเพื่อโนอาเท่านั้น“คุณวูดส์” ผมหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อมีคนเรียกชื่อผมผมเงยหน้าขึ้นและพบพยาบาลคนเดิมมองมาที่ผม“เธอเป็นยังไงบ้าง?” ผมหวังกับคำตอบไว่มาก“เธอปลอดภัยดี ทารกก็เช่นกัน... แต่เราต้องเฝ้าเธอสักสองสามชั่วโมง เพราะเธอขาดน้ำตอนที่มาถึงค่ะ”ผมได้ยินเสียงตกใจดังมาจากด้านหลัง บ้าจริง! เคทไม่รู้เรื่องการตั้งครรภ์ของเอวา แต่ตอนนี้เธอได้รับการยืนยันแล้ว ผมไม่สนใจเธอและมุ่งความสนใจไปที่พยาบาล“ผมขอพบเธอได้ไหม?”เธอพยักหน้าและโบกมือเรียกให้ผมตามไป เราไปถึงห้องหนึ่ง เธอเปิดประตูให้ผมเข้าไป เมื่อผมเข้าไปแล้ว เธอก็ออกไปและปิดประตูเอวากำลังรับน้ำเกลือ ข้อมือของเธอถูกพันผ้าไว้ ร่างกายของเธอถูกปกปิดจากเอวลงไป และแผลที่ริมฝีปากของเธอก็ถูกเย็บปิดแล้ว“เอมม่าเป็นยังไงบ้าง?” เป็นสิ่งแรกที่เธอถามผมผู้หญิงคนนี้เป็นนางฟ้าจริง ๆ“เรายังไม่ได้ยินอะไรจากแพทย์เลย แต่ผมแน่ใจว่าเธอ
เอวา“อะไรนะ?” ฉันพูดตะกุกตะกักขณะที่มองโรแวนด้วยความตกใจสุดขีดฉันฟังเขาพูดไม่ชัด โรแวนที่ฉันรู้จักจะทำทุกอย่างเพื่อเอมม่า รวมถึงการเสียสละฉันด้วยหัวใจของฉันเต้นแรงเมื่อจ้องมองใบหน้าว่างเปล่าของเขา“คุณได้ยินถูกแล้วเอวา” เขาพูดซ้ำ ไม่มีร่องรอยของการโกหกในเสียงของเขา “ถ้ามันต้องเกิดขึ้นจริง ผมจะปล่อยให้เธอตายอย่างเต็มใจ ถ้ามันหมายถึงการช่วยชีวิตคุณ”ตอนแรกฉันคิดว่าเขาโกหกเพื่อที่ฉันจะไม่รู้สึกแย่ ท้ายที่สุดแล้ว ใครจะชอบที่จะรู้ว่าผู้ชายที่เธอใช้เวลาร่วมเกือบสิบปีด้วยจะยินดีช่วยชีวิตผู้หญิงอีกคนล่ะฉันคิดว่าเขาพูดแบบนั้นเพียงเพื่อปกป้องความรู้สึกของฉัน แต่เมื่อมองสีหน้าของเขา ฉันก็รู้ว่าเขากำลังพูดความจริง สีหน้าและแววตาของเขาชัดเจนมาก นอกจากนี้ โรแวนเคยปกป้องความรู้สึกของฉันซะเมื่อไหร่? เขาไม่เคยกลัวที่จะบอกความจริง แล้วทำไมเขาถึงเริ่มโกหกตอนนี้?ฉันหายใจเข้าลึก ๆ แล้วคลายมือออกจากมือเขา มันรู้สึกใกล้ชิดเกินไป ฉันมีความคิดมากมายเต้นระบำอยู่ในหัวอยู่แล้ว ฉันไม่ต้องการมืออุ่น ๆ ของเขามาทำให้ฉันสับสนไปมากกว่านี้แล้ว“คุณไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริง ๆ หรอก” ฉันบอกเขาหลังจากนั้นไม่น
เขาเอาส่วนไหนมาคิดว่าฉันจะหลงเชื่อเขา? เก้าปีที่ผ่านมา ทั้งโรแวนและทุกคนต่างก็บอกเสมอว่าฉันนั้นไร้ค่า ไร้ความหมายในชีวิตเขา จู่ ๆ เขาก็คิดจะกลับลำทุกอย่างและคิดให้ฉันเชื่อเขาอย่างนั้นหรือ?ฉันมีคำถามเต็มหัวไปหมด กลับหาคำตอบไม่ได้ คำถามเหล่านี้ชวนปวดหัวเกินไป ฉันเลยพยายามผลักพวกมันออกไป ไม่ว่าโรแวนคิดอย่างไร นั่นก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉัน เรื่องระหว่างเราสองจบลงไปแล้ว มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่จะพยายามทำความเข้าใจตานั่นอีกความเหนื่อยล้าทำให้ฉันเผลอหลับไปอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ฉันพบว่าพ่อแม่อยู่ในห้องกับฉัน พวกเขาดูเหนื่อยล้าไม่แพ้กันเลย มือของทั้งสองกุมมือทั้งสองข้างของฉันเอาไว้ และในวินาทีนั้นเอง ฉันรู้สึกได้รับความรักมากกว่าครั้งไหน ๆ นี่คือสิ่งที่ฉันโหยหาจากโรแวนและคนตระกูลชาร์พ ในตอนนี้ฉันได้รับสิ่งที่โหยหาเสียที ความรู้สึกมากมายต่างเอ่อล้นออกมาฉันอาจส่งเสียงดังเกินไป พวกท่านจึงเงยหน้าขึ้นมามอง“เอวา” แม่เรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เป็นไงบ้างลูก?”น้ำตาเอ่อล้นขึ้นในดวงตา ฉันกะพริบตาเพื่อกลั้นไว้ แต่ก็ไร้ผล“หนูรักพ่อกับแม่จังเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นทุ
ผ่านมาแล้วสองวันนับตั้งแต่ที่เอมม่าและฉันถูกลักพาตัวไป เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบพยายามตามล่าตัวเจ้ารีเปอร์ ทว่าเขากลับหายเข้ากลีบแมฆไปอีกครั้ง พวกเขาไม่สามารถตามหาตัวเจอได้เพราะลูกน้องของมันที่ถูกจับมาไม่ยอมเปิดปากพูดสิ่งใดเลย ฉันใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัวนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำสองอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่อยากให้ตนเองตกเป็นเป้าหมายของพวกมันเพราะเหตุผลบางประการที่ฉันไม่มีส่วนข้องเกี่ยวด้วยเลย “แม่ครับ ผมขอเล่นเกมได้ไหม?” โนอาเอ่ยถาม ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์มีสติกับงานในมือฉันทำงานบ้านจนเสร็จหมดทุกอย่างเพราะหวังว่าจะไม่คิดมากกับเรื่องนี้ ขณะที่พูดอยู่ ก็กำลังพับเสื้อผ้า หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใดต่อดี“ได้จ้ะ แล้วหนุ่มน้อยกันเนอร์บอกว่าจะมากี่โมงนะ?”เด็กน้อยทั้งสองแทบจะตัวติดกันตลอดเวลา พวกเขาทำทุกสิ่งด้วยกันเสมอ แม้แต่ตอนที่อยู่โรงเรียนก็ตามมิตรภาพของเด็กน้อยช่างวิเศษซึ่งย้ำเตือนฉันถึงความสัมพันธ์ระหว่างโรแวน เกเบรียล และทราวิส พวกเขาก็เป็นเช่นนี้ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว“บ่ายสามมั้งครับ”“จ้ะ เดี๋ยวแม่เตรียมขนมเอาไว้ให้นะ”เด็กน้อยจูบแก้มฉัน “แม่น่ารักท
หลังจากที่ไม่ได้เจอกับคาลวินมาตั้งแต่คราวก่อน กันเนอร์มาแทบทุกวันและบางครั้งโนอาก็ไปที่บ้านพวกเขาด้วย แต่ฉันแทบไม่ได้เจอหรือพูดคุยกับคาลวินเลย ดูเหมือนว่าเขาพยายามหลบหน้าฉันเพราะเหตุผลบางอย่างที่ฉันไม่รู้“เข้ามาไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองเท้าสลับไปมา ดูท่าทางไม่มั่นใจ“ถ้าไม่รบกวน ก็ได้ครับ”ฉันหลบไปด้านข้างเพื่อให้เขาเข้ามา แม้ดูไม่มั่นใจในตอนแรก แต่เขาก็เดินพ้นธรณีประตูเข้ามาภายในบ้านในที่สุดฉันนำทางเขามายังห้องครัวพร้อมผายมือเชิญให้นั่งลง ฉันจึงเดินไปเตรียมขนมให้กับเด็กทั้งสอง“ผมรู้แล้วนะครับว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แค่อยากมาดูว่าคุณไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” เขาเอ่ยหลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ไม่ถึงกับเป็นข่าวไปทั้งเมืองหรอก แต่มีใครบางคนสังเกตเห็นและตั้งข้อสงสัย ในเย็นวันนั้นเอมม่าและฉันก็กลายเป็นข่าวดัง ไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นคนในตระกูลโฮเวลล์ และฉันก็ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้นเพราะว่ายังไม่พร้อมรับสายตาทั้งมวลที่จะจับจ้องมายังตระกูลนี้ พวกเขาต่างเชื่อว่าฉันยังเป็นคนของตระกูลชาร์พอยู่ และตอนนี้ทุกคนต่างคาดเดากันไปว่าทำไมลูกสาวตระกูลชาร์พทั้งสองคนถึงได้ถูกลักพาตัวไปได้“เอ่อ…ข
ฉันรู้สึกเบื่อมาก เบื่อสุด ๆ แต่ละวันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ไม่ค่อยแย่เท่าไรเพราะโนอาอยู่ด้วย แต่พอถึงวันธรรมดา มันแทบทนไม่ไหวเล็ตตี้กับโครินทำงานตลอดทั้งวัน เช่นเดียวกับพ่อแม่ของฉัน ฉันได้จ้างแมรี่ให้มาดูแลงานประจำวันของมูลนิธิโฮป แม้ว่าจะไปที่นั่น ก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ นอกจากเซ็นเอกสารที่ต้องการการอนุมัติจากฉันเท่านั้นฉันและคาลวินกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันได้รู้ว่าเขามีบริษัทรับเหมาก่อสร้างของตัวเอง ซึ่งเริ่มก่อตั้งเมื่อสองปีที่แล้วมาจนถึงตอนนี้ เขาบอกว่ากิจการกำลังไปได้ดี นั่นหมายความว่าเขาก็ไม่ว่างในช่วงกลางวันเช่นกันฉันเบื่อจนคิดจะกลับไปทำงาน อายุครรภ์ห้าเดือนแล้วยังพอมีเวลาอีกสักพักก่อนจะถึงกำหนดคลอด แต่แทนที่จะกลับไปทำงาน ฉันหยิบโทรศัพท์แล้วกดโทรออก“สวัสดีค่ะ คุณเดอร์รี่ เป็นยังไงบ้างคะ?” ฉันเอ่ยถามเราทั้งสองอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน และเธอคิดต่อมาหาเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอมีลูกวัยแตกเนื้อสาวซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เธอไม่ค่อยถนัดวิชาชีววิทยามากนัก คุณเดอร์รี่จึงถามฉันว่าพอจะช่วยติวให้ได้ไหม“ดีค่ะ ดีใจจังเลยที่คุณโทรมา เป็นยังไงบ้างคะ?” เ
วันนี้ฉันตัดสินใจแต่งหน้าสักหน่อยเลือกลุคสีนู้ด หลังจากนั้น ก็ม้วนผมให้เป็นลอนแทนที่จะปล่อยตรงธรรมดา ฉันพอใจกับภาพลักษณ์นี้มาก ก่อนหยิบรองเท้าทรงสวยมาใส่แล้วกำลังจะออกจากบ้าน แต่แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นฉันไม่รู้จักเบอร์นั้น แต่ก็รับสายอยู่ดี“สวัสดีค่ะ?”“สวัสดี เอวา อีธานนะ” เสียงทุ้มดังมาจากปลายสายแม้ไม่แนะนำตัว ฉันก็ยังรู้ว่าเป็นเขาอยู่ดี ฉันจำเสียงของเขาได้จากช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขมาก ๆ กับเขา มันเป็นช่วงเวลาที่เขาพูดคุยกับฉันอย่างอบอุ่นและใส่ใจจนฉันรู้สึกว่าตนเองมีค่า แต่นั่นไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเพียงแค่เกมที่สร้างขึ้นฉันสลัดความคิดพวกนั้นออกไป พยายามผลักไล่ความทรงจำอันเจ็บปวดออกไป“สวัสดีค่ะ อีธาน เป็นยังไงบ้าง?” ฉันเอ่ยถามพลางควบคุมน้ำเสียงอยู่ฉันไม่ได้ไปเยี่ยมเขาอีกเลย เราคุยกันผ่านจดหมายเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องอัพเดตการตั้งครรภ์ของฉันให้เขารู้“เรื่อย ๆ ครับ” เขาตอบ จากนั้นจึงเงียบเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดน่าดู เขาเคยเป็นชายที่ฉันสะดวกใจพูดออกไปทุกอย่าง แต่ตอนนี้ทุกสิ่งกับอึดอัดไปหมด“ได้คุยกับแม่พ่อหรือยัง?” ฉันถามหลังจากเงียบไปพักใหญ่ เพียงต้องการทำลายความเงียบ
ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต
ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา
"ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา
มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ
เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว