“ได้โปรด” เธอตอบพร้อมมองมาที่ผมอย่างเหนื่อยล้าผมก้มตัวลงและอุ้มเธอขึ้นมา กอดเธอแนบชิดหน้าอกแล้วเริ่มเดิน“ฉันหมายถึง ฉันต้องการความช่วยเหลือในการยืนขึ้น ไม่ใช่ให้อุ้ม” ข้อโต้แย้งของเธอขาดความกระตือรือร้นตามปกติของเธอ มันแสดงให้เห็นว่าเธอเหนื่อยล้าแค่ไหนผมไม่ตอบ แค่ดึงเธอเข้ามาใกล้ขึ้น การที่เธออยู่ในอ้อมแขนของผมแบบนี้ มันรู้สึกถูกต้อง เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลกำลังเข้าที่เข้าทาง หากผมสามารถอยู่แบบนี้ตลอดไปได้ นั่นก็เป็นชะตากรรมที่ผมยินดีที่จะรับขณะที่ผมเดินไปที่รถกับเธอ ผมก็อดสงสัยไม่ได้ ผมไม่เคยยอมให้ตัวเองอยู่ใกล้เธอขนาดนี้มาก่อน กอดเธอหรือจูบเธอ ผมมักจะซ่อนส่วนหนึ่งของตัวเองจากเธอเสมอ ดังนั้นมันจึงทำให้ผมสงสัยว่าถ้าเมื่อก่อนผมยอมให้ตัวเองเป็นแบบนี้ มันจะรู้สึกแบบนี้ไหม? เหมือนกับว่าเธอคือชิ้นส่วนที่ขาดหายไปของจิตวิญญาณของผมผมกำลังจะถึงรถเมื่อไบรอันหยุดผม“มีอะไร?” ผมขู่เขา เขาไม่เห็นเหรอว่าผมกำลังอุ้มของมีค่าอยู่?“เราสามารถจับพวกผู้เพรียกหาความตายได้เกือบหมด แต่ตัวผู้เพรียกหาความตายเองหนีไปได้” เขากล่าวเพื่อแจ้งข่าวร้ายมันทำให้ผมอยากจะทำร้ายใครสักคน ความจริง
ผมปฏิเสธมันไม่ได้อีกต่อไป ผมต้องการเธอจริง ๆ แต่ด้วยการกระทำที่ผ่านมา ผมไม่คิดว่าเธอจะอยากมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับผมอีก ไม่มีใครต้องเตือนผมว่าความรักที่ผมเคยเห็นเปล่งประกายในดวงตาของเธอได้หายไปแล้ว ตอนนี้เธอยอมทนผมเพื่อโนอาเท่านั้น“คุณวูดส์” ผมหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อมีคนเรียกชื่อผมผมเงยหน้าขึ้นและพบพยาบาลคนเดิมมองมาที่ผม“เธอเป็นยังไงบ้าง?” ผมหวังกับคำตอบไว่มาก“เธอปลอดภัยดี ทารกก็เช่นกัน... แต่เราต้องเฝ้าเธอสักสองสามชั่วโมง เพราะเธอขาดน้ำตอนที่มาถึงค่ะ”ผมได้ยินเสียงตกใจดังมาจากด้านหลัง บ้าจริง! เคทไม่รู้เรื่องการตั้งครรภ์ของเอวา แต่ตอนนี้เธอได้รับการยืนยันแล้ว ผมไม่สนใจเธอและมุ่งความสนใจไปที่พยาบาล“ผมขอพบเธอได้ไหม?”เธอพยักหน้าและโบกมือเรียกให้ผมตามไป เราไปถึงห้องหนึ่ง เธอเปิดประตูให้ผมเข้าไป เมื่อผมเข้าไปแล้ว เธอก็ออกไปและปิดประตูเอวากำลังรับน้ำเกลือ ข้อมือของเธอถูกพันผ้าไว้ ร่างกายของเธอถูกปกปิดจากเอวลงไป และแผลที่ริมฝีปากของเธอก็ถูกเย็บปิดแล้ว“เอมม่าเป็นยังไงบ้าง?” เป็นสิ่งแรกที่เธอถามผมผู้หญิงคนนี้เป็นนางฟ้าจริง ๆ“เรายังไม่ได้ยินอะไรจากแพทย์เลย แต่ผมแน่ใจว่าเธอ
เอวา“อะไรนะ?” ฉันพูดตะกุกตะกักขณะที่มองโรแวนด้วยความตกใจสุดขีดฉันฟังเขาพูดไม่ชัด โรแวนที่ฉันรู้จักจะทำทุกอย่างเพื่อเอมม่า รวมถึงการเสียสละฉันด้วยหัวใจของฉันเต้นแรงเมื่อจ้องมองใบหน้าว่างเปล่าของเขา“คุณได้ยินถูกแล้วเอวา” เขาพูดซ้ำ ไม่มีร่องรอยของการโกหกในเสียงของเขา “ถ้ามันต้องเกิดขึ้นจริง ผมจะปล่อยให้เธอตายอย่างเต็มใจ ถ้ามันหมายถึงการช่วยชีวิตคุณ”ตอนแรกฉันคิดว่าเขาโกหกเพื่อที่ฉันจะไม่รู้สึกแย่ ท้ายที่สุดแล้ว ใครจะชอบที่จะรู้ว่าผู้ชายที่เธอใช้เวลาร่วมเกือบสิบปีด้วยจะยินดีช่วยชีวิตผู้หญิงอีกคนล่ะฉันคิดว่าเขาพูดแบบนั้นเพียงเพื่อปกป้องความรู้สึกของฉัน แต่เมื่อมองสีหน้าของเขา ฉันก็รู้ว่าเขากำลังพูดความจริง สีหน้าและแววตาของเขาชัดเจนมาก นอกจากนี้ โรแวนเคยปกป้องความรู้สึกของฉันซะเมื่อไหร่? เขาไม่เคยกลัวที่จะบอกความจริง แล้วทำไมเขาถึงเริ่มโกหกตอนนี้?ฉันหายใจเข้าลึก ๆ แล้วคลายมือออกจากมือเขา มันรู้สึกใกล้ชิดเกินไป ฉันมีความคิดมากมายเต้นระบำอยู่ในหัวอยู่แล้ว ฉันไม่ต้องการมืออุ่น ๆ ของเขามาทำให้ฉันสับสนไปมากกว่านี้แล้ว“คุณไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริง ๆ หรอก” ฉันบอกเขาหลังจากนั้นไม่น
เขาเอาส่วนไหนมาคิดว่าฉันจะหลงเชื่อเขา? เก้าปีที่ผ่านมา ทั้งโรแวนและทุกคนต่างก็บอกเสมอว่าฉันนั้นไร้ค่า ไร้ความหมายในชีวิตเขา จู่ ๆ เขาก็คิดจะกลับลำทุกอย่างและคิดให้ฉันเชื่อเขาอย่างนั้นหรือ?ฉันมีคำถามเต็มหัวไปหมด กลับหาคำตอบไม่ได้ คำถามเหล่านี้ชวนปวดหัวเกินไป ฉันเลยพยายามผลักพวกมันออกไป ไม่ว่าโรแวนคิดอย่างไร นั่นก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉัน เรื่องระหว่างเราสองจบลงไปแล้ว มันไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่จะพยายามทำความเข้าใจตานั่นอีกความเหนื่อยล้าทำให้ฉันเผลอหลับไปอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ฉันพบว่าพ่อแม่อยู่ในห้องกับฉัน พวกเขาดูเหนื่อยล้าไม่แพ้กันเลย มือของทั้งสองกุมมือทั้งสองข้างของฉันเอาไว้ และในวินาทีนั้นเอง ฉันรู้สึกได้รับความรักมากกว่าครั้งไหน ๆ นี่คือสิ่งที่ฉันโหยหาจากโรแวนและคนตระกูลชาร์พ ในตอนนี้ฉันได้รับสิ่งที่โหยหาเสียที ความรู้สึกมากมายต่างเอ่อล้นออกมาฉันอาจส่งเสียงดังเกินไป พวกท่านจึงเงยหน้าขึ้นมามอง“เอวา” แม่เรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เป็นไงบ้างลูก?”น้ำตาเอ่อล้นขึ้นในดวงตา ฉันกะพริบตาเพื่อกลั้นไว้ แต่ก็ไร้ผล“หนูรักพ่อกับแม่จังเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นทุ
ผ่านมาแล้วสองวันนับตั้งแต่ที่เอมม่าและฉันถูกลักพาตัวไป เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบพยายามตามล่าตัวเจ้ารีเปอร์ ทว่าเขากลับหายเข้ากลีบแมฆไปอีกครั้ง พวกเขาไม่สามารถตามหาตัวเจอได้เพราะลูกน้องของมันที่ถูกจับมาไม่ยอมเปิดปากพูดสิ่งใดเลย ฉันใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัวนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำสองอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่อยากให้ตนเองตกเป็นเป้าหมายของพวกมันเพราะเหตุผลบางประการที่ฉันไม่มีส่วนข้องเกี่ยวด้วยเลย “แม่ครับ ผมขอเล่นเกมได้ไหม?” โนอาเอ่ยถาม ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์มีสติกับงานในมือฉันทำงานบ้านจนเสร็จหมดทุกอย่างเพราะหวังว่าจะไม่คิดมากกับเรื่องนี้ ขณะที่พูดอยู่ ก็กำลังพับเสื้อผ้า หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใดต่อดี“ได้จ้ะ แล้วหนุ่มน้อยกันเนอร์บอกว่าจะมากี่โมงนะ?”เด็กน้อยทั้งสองแทบจะตัวติดกันตลอดเวลา พวกเขาทำทุกสิ่งด้วยกันเสมอ แม้แต่ตอนที่อยู่โรงเรียนก็ตามมิตรภาพของเด็กน้อยช่างวิเศษซึ่งย้ำเตือนฉันถึงความสัมพันธ์ระหว่างโรแวน เกเบรียล และทราวิส พวกเขาก็เป็นเช่นนี้ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว“บ่ายสามมั้งครับ”“จ้ะ เดี๋ยวแม่เตรียมขนมเอาไว้ให้นะ”เด็กน้อยจูบแก้มฉัน “แม่น่ารักท
หลังจากที่ไม่ได้เจอกับคาลวินมาตั้งแต่คราวก่อน กันเนอร์มาแทบทุกวันและบางครั้งโนอาก็ไปที่บ้านพวกเขาด้วย แต่ฉันแทบไม่ได้เจอหรือพูดคุยกับคาลวินเลย ดูเหมือนว่าเขาพยายามหลบหน้าฉันเพราะเหตุผลบางอย่างที่ฉันไม่รู้“เข้ามาไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองเท้าสลับไปมา ดูท่าทางไม่มั่นใจ“ถ้าไม่รบกวน ก็ได้ครับ”ฉันหลบไปด้านข้างเพื่อให้เขาเข้ามา แม้ดูไม่มั่นใจในตอนแรก แต่เขาก็เดินพ้นธรณีประตูเข้ามาภายในบ้านในที่สุดฉันนำทางเขามายังห้องครัวพร้อมผายมือเชิญให้นั่งลง ฉันจึงเดินไปเตรียมขนมให้กับเด็กทั้งสอง“ผมรู้แล้วนะครับว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แค่อยากมาดูว่าคุณไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” เขาเอ่ยหลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ไม่ถึงกับเป็นข่าวไปทั้งเมืองหรอก แต่มีใครบางคนสังเกตเห็นและตั้งข้อสงสัย ในเย็นวันนั้นเอมม่าและฉันก็กลายเป็นข่าวดัง ไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นคนในตระกูลโฮเวลล์ และฉันก็ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้นเพราะว่ายังไม่พร้อมรับสายตาทั้งมวลที่จะจับจ้องมายังตระกูลนี้ พวกเขาต่างเชื่อว่าฉันยังเป็นคนของตระกูลชาร์พอยู่ และตอนนี้ทุกคนต่างคาดเดากันไปว่าทำไมลูกสาวตระกูลชาร์พทั้งสองคนถึงได้ถูกลักพาตัวไปได้“เอ่อ…ข
ฉันรู้สึกเบื่อมาก เบื่อสุด ๆ แต่ละวันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ไม่ค่อยแย่เท่าไรเพราะโนอาอยู่ด้วย แต่พอถึงวันธรรมดา มันแทบทนไม่ไหวเล็ตตี้กับโครินทำงานตลอดทั้งวัน เช่นเดียวกับพ่อแม่ของฉัน ฉันได้จ้างแมรี่ให้มาดูแลงานประจำวันของมูลนิธิโฮป แม้ว่าจะไปที่นั่น ก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ นอกจากเซ็นเอกสารที่ต้องการการอนุมัติจากฉันเท่านั้นฉันและคาลวินกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันได้รู้ว่าเขามีบริษัทรับเหมาก่อสร้างของตัวเอง ซึ่งเริ่มก่อตั้งเมื่อสองปีที่แล้วมาจนถึงตอนนี้ เขาบอกว่ากิจการกำลังไปได้ดี นั่นหมายความว่าเขาก็ไม่ว่างในช่วงกลางวันเช่นกันฉันเบื่อจนคิดจะกลับไปทำงาน อายุครรภ์ห้าเดือนแล้วยังพอมีเวลาอีกสักพักก่อนจะถึงกำหนดคลอด แต่แทนที่จะกลับไปทำงาน ฉันหยิบโทรศัพท์แล้วกดโทรออก“สวัสดีค่ะ คุณเดอร์รี่ เป็นยังไงบ้างคะ?” ฉันเอ่ยถามเราทั้งสองอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน และเธอคิดต่อมาหาเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอมีลูกวัยแตกเนื้อสาวซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เธอไม่ค่อยถนัดวิชาชีววิทยามากนัก คุณเดอร์รี่จึงถามฉันว่าพอจะช่วยติวให้ได้ไหม“ดีค่ะ ดีใจจังเลยที่คุณโทรมา เป็นยังไงบ้างคะ?” เ
วันนี้ฉันตัดสินใจแต่งหน้าสักหน่อยเลือกลุคสีนู้ด หลังจากนั้น ก็ม้วนผมให้เป็นลอนแทนที่จะปล่อยตรงธรรมดา ฉันพอใจกับภาพลักษณ์นี้มาก ก่อนหยิบรองเท้าทรงสวยมาใส่แล้วกำลังจะออกจากบ้าน แต่แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นฉันไม่รู้จักเบอร์นั้น แต่ก็รับสายอยู่ดี“สวัสดีค่ะ?”“สวัสดี เอวา อีธานนะ” เสียงทุ้มดังมาจากปลายสายแม้ไม่แนะนำตัว ฉันก็ยังรู้ว่าเป็นเขาอยู่ดี ฉันจำเสียงของเขาได้จากช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขมาก ๆ กับเขา มันเป็นช่วงเวลาที่เขาพูดคุยกับฉันอย่างอบอุ่นและใส่ใจจนฉันรู้สึกว่าตนเองมีค่า แต่นั่นไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเพียงแค่เกมที่สร้างขึ้นฉันสลัดความคิดพวกนั้นออกไป พยายามผลักไล่ความทรงจำอันเจ็บปวดออกไป“สวัสดีค่ะ อีธาน เป็นยังไงบ้าง?” ฉันเอ่ยถามพลางควบคุมน้ำเสียงอยู่ฉันไม่ได้ไปเยี่ยมเขาอีกเลย เราคุยกันผ่านจดหมายเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องอัพเดตการตั้งครรภ์ของฉันให้เขารู้“เรื่อย ๆ ครับ” เขาตอบ จากนั้นจึงเงียบเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดน่าดู เขาเคยเป็นชายที่ฉันสะดวกใจพูดออกไปทุกอย่าง แต่ตอนนี้ทุกสิ่งกับอึดอัดไปหมด“ได้คุยกับแม่พ่อหรือยัง?” ฉันถามหลังจากเงียบไปพักใหญ่ เพียงต้องการทำลายความเงียบ
เมื่อเกเบรียลบอกฉันว่าเราจะไปเยี่ยมครอบครัวของเขาในงานบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ ฉันไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้เมื่อวานนี้ที่ออฟฟิศวุ่นวายมาก มันชัดเจนเลยว่าเกเบรียลมีพนักงานผู้หญิงหลายคนที่อยากได้เขาไปครอบครอง พูดตามตรงฉันไม่ถือหรอก ช่วยไม่ได้ที่เขาหล่อและเซ็กซี่ขนาดนั้น สิ่งที่ฉันไม่ชอบคือสายตาอิจฉาและเกลียดชังที่ฉันได้รับจากผู้หญิงพวกนั้นบางคนฉันเคยคิดว่ามิลลี่เป็นคนเดียวที่อยากครองเขาไว้ ฉันคิดผิดแน่นอน นับไม่ถ้วนเลยว่าฉันถูกผู้หญิงหยุดไว้กี่ครั้งตอนที่คริสโตเฟอร์ส่งฉันไปทำงานบางอย่างดูเหมือนว่าผู้หญิงสองคนที่เกเบรียลเคยต่อว่าคือคนที่แพร่ข่าวว่าฉันคือผู้หญิงคนใหม่ของเกเบรียล ฉันเดาว่ามือของเขาที่แตะแผ่นหลังของฉันคงบอกชัดเจนแล้ว ข่าวดีคือพวกเขาทุกคนคิดว่าฉันเป็นแค่ความสัมพันธ์ชั่วคราวและเขาจะเบื่อฉันในไม่ช้าพวกเธอรู้สึกว่าควรเตือนฉันว่าอย่าทำตัวสบายเกินไปที่นี่ เพราะเกเบรียลจะเบื่อฉันในไม่กี่สัปดาห์ ฉันสงสัยจังว่าพวกเธอจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อรู้ว่าฉันเป็นภรรยาของเขาตอนห้าโมงเย็น เกเบรียลทำให้ฉันประหลาดใจด้วยการกลับบ้านมาพร้อมฉัน ตอนนั้นเองที่เขาบอกเรื่องบาร์บีคิวประจำสัปดาห์ที่บ้
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณนายวู้ด” เขาพูดออกมาหลังจากนั้นครู่หนึ่งพร้อมรอยยิ้มเจื่อน“ยินดีเช่นกันค่ะ” ฉันตอบ พร้อมจับมือทักทาย “แล้วก็เรียกฉันว่าฮาร์เปอร์ดีกว่าค่ะ”“คริสโตเฟอร์ตั้งแต่ตอนนี้ ฮาร์เปอร์จะค่อยช่วยงานคุณ รบกวนคุณช่วยสอนงานสองสามอย่าง แล้วก็แนะนำทุกเรื่องที่พอจะแนะได้ด้วย” เกเบรียลพูดพร้อมมุ่งเป้าไปยังเลขา“ได้ครับ บอส”เขากำลังหันหลังกลับไปแต่ก็หยุดลง “แล้วช่วยปิดเรื่องที่เธอเป็นภรรยาผมเอาไว้ก่อน ถ้าใครถามก็เงียบเอาไว้” เขาเสริม ก่อนหมุนเก้าอี้ให้เข้าตำแหน่งสายตาคริสโตเฟอร์มองสลับไปมาระหว่างฉันกับเกเบรียล ซึ่งฉายแววความสับสนปนอยู่ด้วย แต่ฉันก็ไม่สามารถทำให้เรื่องนี้กระจ่างชัดให้เขาได้“ทั้งสองคนออกไปได้แล้ว” เกเบรียลบอกเราด้วยน้ำเสียงห่างเหิน ในมือถือเอกสาร และเราก็ไม่มีตัวตนสำหรับเขาอีก“ไปกันเถอะครับ ฮาร์เปอร์” คริสโตเฟอร์เปิดประตูรอฉันอยู่ “ผมจะช่วยพาคุณเยี่ยมชมแต่ละแผนกก่อน พนักงานคนอื่นจะได้รู้จักคุณเอาไว้ด้วย”ฉันเดินผ่านประตูและคริสโตเฟอร์ก็เดินตามหลังฉันมา เขาเดินนำหน้าและฉันก็เดินตามเขาไปติด ๆ“คุณเป็นเลขาของเกเบรียลนานแค่ไหนแล้วเหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามด้วยค
เขาเริ่มเดินอีกครั้ง และฉันก็เดินตามเขาไปข้างหลัง"นี่เป็นห้องทำงานของโรแวน" เขาพูดเมื่อเราหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่งที่ประตูมีชื่อของพี่ชายเขาติดอยู่ ฉันพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่แน่ใจว่าทำไมฉันต้องรู้เรื่องนี้ แน่นอนว่าฉันจะมาทำงานให้เขา แต่ฉันจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนในระดับสูงคนอื่น ๆ ด้วยเหรอ?"ห้องทำงานผมอยู่ถัดจากของเขา แต่ให้ผมพาคุณชมรอบ ๆ สักเดี๋ยวหนึ่งก่อนจะให้ผู้ช่วยผมอีกคนแนะนำส่วนที่เหลือและอธิบายงานที่คุณต้องทำ""ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ค่ะ... ฉันมั่นใจว่าผู้ช่วยของคุณสามารถพาชมได้ คุณคงมีอะไรต้องทำเยอะแยะ" ฉันบอกเขาด้วยน้ำเสียงหวานเลี่ยนเกเบรียลขึ้นชื่อเรื่องการมีความสัมพันธ์กับผู้ช่วยส่วนตัวของเขา และเขาก็ไม่เคยพยายามปิดบังความจริงสกปรกนี้เลยมันทำให้ฉันรำคาญใจมากในตอนที่เรายังแต่งงานกัน ฉันเกลียดที่รู้ว่าเขาเป็นสามีของฉันแต่ไม่ยอมหยุดเที่ยวนอนไปทั่ว ทั้งที่เขาสามารถมีอะไรกับฉันได้ตลอด แต่ฉันก็รู้ดีกว่าเขาไม่มีทางต้องการนอนกับฉันนอกจากจะเป็นคนเจ้าชู้ที่ชอบผู้หญิงหลายแบบแล้ว กาเบรียลยังชอบความจริงที่ว่ามันทำให้ฉันเจ็บปวด เขาใช้มันเป็นเครื่องมือในการลงโทษฉันเพราะการแต่งง
“ฮาร์เปอร์ คุณจะลงจากรถได้หรือยัง? มันเสียเวลาผมนะ” เกเบรียลตวาดใส่ฉันฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา คิ้วของเขาขมวดมุ่น แสดงถึงความหงุดหงิดและไม่พอใจ ฉันถอนหายใจก่อนจะลงจากรถ นี่แหละเกเบรียลที่ฉันคุ้นเคย เย็นชา หยิ่งผยอง และหยาบคายฉันจัดกระโปรงให้เรียบร้อยก่อนจะหยิบกระเป๋าถือขึ้นมา เขาเริ่มเดินนำไป และฉันก็เดินตามหลังเขาเหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปสู่โรงฆ่าสัตว์ ฉันประหม่าเสียจนรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะกระเด็นออกมาจากอกฉันกำลังย่างเท้าเข้าสู่โลกของเกเบรียล เข้าสู่ดินแดนของเขา มันทั้งอึดอัดและน่ากลัวที่จะอยู่ในที่ที่เขามีอำนาจควบคุมทุกอย่างโดยสิ้นเชิงเกเบรียลกดปุ่มลิฟต์ พอลิฟต์เปิด เขาก้าวเข้าไป ฉันเดินตามและยืนอยู่ข้าง ๆ พยายามสงบใจที่เต้นรัวเกินควบคุม“คนที่สามารถใช้ลิฟต์นี้ได้มีแค่ครอบครัวผม มันจะพาเราขึ้นตรงไปยังชั้นบนสุดซึ่งเป็นห้องทำงานของเรา” เขาเริ่มพูดต่อ “ผมจะเพิ่มชื่อคุณในระบบ จะได้ไม่ต้องใช้ลิฟต์ธรรมดา”ฉันประหลาดใจกับระดับความพิเศษนี้ ครอบครัวของฉันก็ร่ำรวย แต่เราไม่เคยมีลิฟต์ส่วนตัวในตึกเลย ทุกคน รวมถึงประธานและครอบครัวผู้ก่อตั้ง ต้องใช้ลิฟต์สองตัวที่มีร่วมกัน“ค่ะ” ฉันตอบกลับ
ฮาร์เปอร์แจ็คสัน หนึ่งในคนขับรถของเกเบรียลเปิดประตูให้ฉัน ฉันก้าวขึ้นไปในรถโดยมีเกเบรียลตามเข้ามานั่งข้างฉันฉันยังคงไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองตกลงเรื่องนี้ แต่ในส่วนลึกฉันรู้ว่ามันสมเหตุสมผล เกเบรียลพูดถูกว่าจะมีอะไรที่เหมาะสมไปกว่าการได้เรียนรู้จากคนที่เก่งที่สุดในธุรกิจล่ะ เกเบรียลกับโรแวนเป็นคนที่เก่งที่สุดในวงการ พวกเขายังเก่งกว่าพ่อของพวกเขาเอง ซึ่งตอนนี้เกษียณไปแล้วแต่ยังคงเป็นหัวหน้าคณะกรรมการบริหารฉันใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะใส่อะไรดี ฉันเคยทำงานจากที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ และเวลาที่ต้องไปบริษัท ฉันก็มักจะใส่ชุดลำลอง เพราะบริษัทที่ฉันเคยทำงานให้มีบรรยากาศในการทำงานที่ผ่อนคลายฉันอยากดูดีและสร้างความประทับใจแรกให้ได้ดี ฉันไม่มีเสื้อผ้าสำหรับทำงานมากนักและวางแผนจะไปช้อปปิ้งสุดสัปดาห์นี้ ถึงแม้เงินจะตึงมือ แต่ฉันคิดว่าซื้อกระโปรงกับเสื้อเชิ้ตเพิ่มอีกสักสองสามชุดก็คงเป็นเรื่องจำเป็นหลังจากเลือกชุดเสร็จ ฉันลงไปกินอาหารเช้า เกเบรียลมองฉันผ่าน ๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจโทรศัพท์ พอกินเสร็จ ก็ถึงเวลาที่เราต้องออกจากบ้าน ลิลลี่ยังไม่ตื่น ฉันเลยฝากข้อความไว้กับชารอน“คุณจะให้
เกเบรียลผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงครางเบา ๆ และความรู้สึกว่าตัวเองกำลังแข็งตัวอย่างกับหินแกรนิต บ้าเอ้ย ตอนที่ผมตัดสินใจเซ็นสัญญาแต่งงานกับฮาร์เปอร์ ผมไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันจะยากขนาดนี้ และไม่ได้คาดคิดเลยว่าเธอจะส่งต่อผมได้ขนาดนี้ผมมีปัญหาแบบผู้ชายที่เจ็บปวดที่สุด และไอ้นั่นของผมก็แข็งจนแทบระเบิดผมลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ห้องน้ำด้วยระยะทางสั้น ๆ โดยที่ไอ้นั่นชี้ทางให้ ผมยังคงไม่เข้าใจว่ามันเป็นไปได้อย่างไร หมายถึงว่าผมไม่ใช่วัยรุ่นที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้วนี่ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่ตื่นมาแบบนี้คือตอนไหน แต่ตั้งแต่ฮาร์เปอร์กลับมายังไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ ผมกลับทำตัวเหมือนเด็กหนุ่มไร้เดียงสาอีกครั้งผมไม่เข้าใจเลยว่าเธอทำแบบนี้กับผมได้ยังไง ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยส่งผลอะไรแบบนี้กับผมเลย เธอก็ยังคงเป็นฮาร์เปอร์คนเดิมที่ผมรู้จัก มีเพียงรูปร่างกับท่าทีที่เปลี่ยนไป แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงมีผลกับผมขนาดนี้ผมสลัดความคิดพวกนั้นออกจากหัวก่อนก้าวเข้าไปในห้องน้ำ น้ำเย็น ๆ น่าจะช่วยแก้ปัญหาสุดแข็งตัวนี้ได้ผ่านไปหลายสิบนาที ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยความรู้สึกที่ยังอัดอ
ฮาร์เปอร์"ดึกดื่นปานนี้ กำลังมองอะไรอยู่เหรอ?" เสียงทุ้มทำให้ฉันสะดุ้งจากด้านหลัง"ตกใจหมดเลย" ฉันพึมพำขณะพยายามสงบใจที่เต้นแรง "อย่าโผล่มาจากข้างหลังอย่างนั้นสิ"เกเบรียลเดินวนรอบเคาน์เตอร์ครัวและมายืนตรงข้ามกับฉัน เมื่อเขาทำแบบนั้น ให้สายตาฉันได้เห็นเขา คอก็แห้งขึ้นทันที รู้สึกกระหายน้ำเหมือนไม่ได้ดื่มน้ำมานานแล้วและการกลืนก็กลายเป็นปัญหาใหญ่เกเบรียลใส่เสื้อผ้าชิ้นเดียวคือกางเกงขาสั้นสีเทาที่หลวมต่ำบนสะโพก ผู้ชายคนนั้นเป็นงานศิลปะที่มีร่างกายเหมือนเทพเจ้ากรีก ไหล่กว้าง กล้ามท้องเป็นลอน และเส้นวีไลน์ที่ทำให้ผู้หญิงทุกคนคลั่งไคล้แนวไรขนสีเข้มที่เริ่มจากสะดือแล้วหายไปในกางเกง ราวกับว่าไรขนนั้นชี้ไปยังสวรรค์ฉันอยากจะเบนสายตาออกไปแต่ไม่สามารถทำได้ สายตาฉันดื่มด่ำราวกับเขาเป็นแหล่งน้ำเดียวที่มี สายตาจ้องไปที่ทุกซอกทุกมุมของร่างกายเขา สังเกตเห็นรอยสักแบบชนเผ่าบนหน้าอก นั่นเป็นสิ่งใหม่ มันไม่ได้มีตอนที่เราเคยมีอะไรกันเมื่อหลายปีที่แล้ว และการเห็นมันทำให้ฉันอยากรู้ว่ามันหมายถึงอะไรไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเกเบรียลเป็นผู้ชายที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะตอนนี้ อย่าคิดว่าฉันพูดแบบนี้แค่ตอนนี้ แม้แต่ต
เกเบรียลผมยังคงรู้สึกถึงสัมผัสเนียนนุ่มของผิวเธอเหมือนกับมันซึมลึกอยู่ใต้ผิวของผมเอง ชั่วขณะหนึ่งผมอยากใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ไปตามข้อต่อที่เต้นเป็นจังหวะอยู่ด้านในแขนของเธอฮาร์เปอร์คนใหม่นี้น่าสนใจ เธอร้อนแรง และท่าทางแบบใหม่นี้ทำให้ผมรู้สึกติดใจได้ ผมชอบผู้หญิงที่มั่นใจ เร้าอารมณ์ และมีบุคลิกที่ร้อนแรง ผมชอบที่พวกเธอท้าทายและไม่ยอมแพ้เธอกลายเป็นผู้หญิงแบบนั้นและมันทำให้ผมสนใจ เธอเป็นคนที่ร้อนแรงและไม่กลัวที่จะบอกให้ผมไปตายซะ ผมจะไม่สนใจได้อย่างไรเล่า?ตอนที่เราแต่งงานกันนั้นเธอน่าเบื่อ บุคลิกที่น่าเบื่อทำให้เธอดูจืดชืดในสายตาของผม ไม่มีอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับเธอเลย ในขณะที่ผมชอบผู้หญิงที่มีเขี้ยวเล็บ เธอกลับเชื่อฟังมากเกินไป คิดแต่จะทำให้ผมพอใจและดึงดูดความสนใจกันอย่างเดียวเธอยอมลดตัวทุกอย่างเพียงเพื่อให้ผมสนใจ หากเพียงเธอผลักผมให้ออกห่างไปผมก็คงจะสนใจเธอแล้ว ฮาร์เปอร์เมื่อก่อนเป็นคนขี้อายและกลัวแถมขาดความมั่นใจในตัวเอง สิ่งนั้นมันทำให้ผมรู้สึกไม่อยากสนใจเธอเลยผมถอนหายใจแล้วก็ผลักความคิดเหล่านั้นออกไป พยายามขับไล่ความสงสัยที่มีต่อฮาร์เปอร์ เบคเกตต์ ที่ตอนนี้เป็นวู้ดออกไป วินาทีถั
“คุณต้องการอะไร เกเบรียล? อย่างที่เห็น ฉันไม่อยากคุยตอนนี้” ฉันลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดคำพูดของลิลลี่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของฉัน มันบาดลึกซ้ำไปซ้ำมา ฉันเอามือสางผม พยายามไล่ความเจ็บปวดที่ท่วมท้นออกไป ฉันรู้ว่าสักวันมันต้องเกิดขึ้น และฉันก็รู้ว่าเธออาจจะรับมันไม่ได้ดีนักลองคิดดูสิ คุณจะรับมันไหวไหมถ้าแม่มาบอกว่าผู้ชายที่คุณคิดว่าเป็นพ่อมาตลอดกลับกลายเป็นคนอื่นไป? ว่าคุณถูกหลอกมาตลอด และไม่มีใครคิดจะบอกความจริงจนกระทั่งมันเลี่ยงไม่ได้ ฉันเข้าใจเธอ ฉันเข้าใจปฏิกิริยาของเธอ ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะตอบสนองต่อคำพูดและความเจ็บปวดในดวงตาของเธออย่างไร“ลิลลี่ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นหรอก” เกเบรียลพูดพลางเดินเข้ามาในห้องฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ความรู้สึกบางอย่างที่น่าเกลียดพุ่งขึ้นในใจ “แล้วคุณจะรู้ได้ยังไง? คุณแทบจะไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมาบอกฉันว่าเธอไม่ได้ตั้งใจได้ไง”“แล้วมันเป็นความผิดใครล่ะ?” เขาสวนกลับทันที จ้องฉันด้วยสายตาโกรธจัดฉันทั้งโกรธทั้งเสียใจ ฉันกำลังหาที่ระบาย หาทางที่จะดึงความสนใจตัวเองออกจากความเจ็บปวดที่ถาโถม เกเบรียลจึงกลายเป็นเป้าหมายของฉัน เพราะ