โรแวนบ้าเอ้ย! ผมมองดูเอวาวิ่งหนีออกจากร้านไป แม้อยากจะตามไป แต่ก็รู้ดีว่าตนเองทำพลาดครั้งใหญ่แล้วผมเห็นความตื่นตระหนกในแววตาเธอ แต่ผมราวกับตกอยู่ในภวังค์ ความคิดหยุดนิ่งทันทีเมื่อเห็นร่างเกือบโป๊เปลือยของเธอผมไม่รู้สึกตัวเลยว่าตนเองเคลื่อนไหวหรือต้อนเธอให้จนมุม จนกระทั่งเธอผลักผมออก นั่นแหละผมถึงรู้ว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรเธอเคยเป็นภรรยาของผมแท้ ๆ แต่กลับไม่เคยทำให้ผมรู้สึกอะไรในระดับนี้มาก่อน แม้เห็นร่างเปลือยของเธอมานับครั้งไม่ถ้วน แต่นี่มันแตกต่างออกไป ผมอธิบายสิ่งใดไม่ได้ ทว่ามันราวกับว่าผมเพิ่งเห็นเธอในสภาพเช่นนี้เป็นครั้งแรกเรื่องบนเตียงของเรานับได้ว่าดี แต่ผมก็ได้แต่เก็บกดความรู้สึกไว้เสมอ ผมยังรักเอมม่าในตอนนั้น และทุกครั้งที่ผมต้องการจะอิงแอบแนบชิดกับเอวา ผมรู้สึกเหมือนทรยศเอมม่าในช่วงแรกของชีวิตแต่งงาน ผมรู้สึกจมลึกลงไปในความผิดทุกครั้งที่สัมผัสเอวา ผมมักจะเมาจนหมดสติหลังจากเราเสร็จกิจเรียบร้อย หลังจากนั้นผมเรียนรู้ที่จะละเลยความรู้สึกผิดนั้น เก็บมันไว้ลึก ๆ เพื่อให้ร่างกายได้สนองความต้องการแม้ไม่ได้รักเอวา แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะนอกใจ เพราะหลังจากที่ได้เห็นชีวิตสมรสขอ
“คะ คุณโรแวน?” เธอรับสายอย่าวรวดเร็ว“มันมีข่าวเกี่ยวกับผมกับเอวาเผยแพร่อยู่ตอนนี้ ลบมันทิ้งไปเดี๋ยวนี้” ผมคำรามลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว“รับทราบค่ะ ขอเวลาสิบนาที”“แล้วบอกให้รู้เลยนะว่าถ้ามีใครหน้าไหนกล้าพาดหัวข่าวเกี่ยวกับชีวิตส่วนของเอวาแบบนี้อีกล่ะก็ พวกมันล้มจมแน่”“รับทราบค่ะ”ผมตัดสายเธอทิ้ง และยังคงเดือดดาลอยู่เอวาเป็นคนรักความเป็นส่วนตัวเสมอ ผมจะคอยปกป้องชีวิตส่วนของเธอไม่ว่าต้องแลกกับอะไร หรือต้องเสียอะไรไปก็ตาม“โรลูก เกิดอะไรขึ้นระหว่างลูกกับเอวาหรือเปล่า?” แม่เอ่ยถามจากนั้นเพียงครู่ สายตาของเธอพุ่งตรงมายังผมราวกับว่ากำลังควานหาคำตอบจากภายในจิตใจของผมผมดีใจมากที่เธอไม่เอ่ยถามว่าข่าวเอวาตั้งครรภ์เป็นเรื่องจริงหรือไม่ แม้ว่าจะไม่ใช่ความลับอะไร แต่ผมเองก็ไม่อยากบอกแม่อยู่ดี“ไม่รู้ครับ” ผมตอบแม่ด้วยความหงุดหงิด“เคทเล่าให้แม่ฟังว่าลูกตีตัวออกหากจากเอมม่า หนูเอมม่าเล่าว่าลูกเลิกรากับเธอแล้ว และไม่ต้องการคุยกันอีก นั่นเป็นเพราะเอวาหรือเปล่าลูก?”ผมคิดว่าจะโกหกแม่ไป แต่นั่นมันจะเป็นประโยชน์อะไรเล่า“ก็มีส่วนครับ”ผมได้ยินเสียงแม่ถอนหายใจเสียงดัง ผมไม่ได้มองใบหน้าเธอ
เอวาทันทีที่เห็นพ่อแม่ยืนรออยู่หน้าประตูบ้าน ฉันรู้เลยว่าพวกท่านต้องได้เห็นพาดหัวข่าวนั่นแล้วอย่างแน่นอนเล็ตตี้ส่งลิงก์ข่าวนั้นมาให้ฉันเพียงไม่กี่นาทีหลังจากกลับถึงบ้าน มันทำให้ฉันหงุดหงิดมากกว่าเดิม เพราะฉันยังไม่พร้อมที่จะบอกใคร แต่พวกปาปารัซซี่กลับปล่อยข่าวลงอินเทอร์เน็ตซะแล้วฉันไม่ได้กังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ความกังวลของฉันมีเพียงพ่อกับแม่เท่านั้น ฉันยังไม่รู้จะบอกพวกท่านอย่างไรว่าฉันตั้งครรภ์ สถานการณ์ยิ่งซับซ้อนขึ้นเพราะอีธานยังไม่ยอมคุยกับพวกท่านเลยบทความนั้นถูกลบออกไปไม่กี่นาทีก่อนที่พ่อแม่จะมาถึง ฉันมีลางสังหรณ์ว่าโรแวนต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่ เพียงชื่อของเขา ฉันก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันสะบัดความคิดเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องลองเสื้อออกไป แล้วหันมาให้ความสนใจกับพ่อแม่ที่กำลังมองฉันด้วยความสงสัย“อ่านข่าวนั่นแล้วใช่ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาบ้านเงียบสนิท ส่วนหนึ่งก็เพราะโนอายังไม่กลับจากโรงเรียน“ใช่ลูก” พ่อกล่าวตอบ สายตาเขาจับจ้องมายังฉัน"แม่รู้ว่าเราไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันนานมากขนาดนั้นนะ เอวา แต่ทำไมลูกถึงไม่บอกเราเลยล่ะ? " แม่เอ่ยด้วยเสี
นี่เป็นหนึ่งในเรื่องกังวลแสนหนักอึ้งเสมอมา ฉันไม่อยากให้ลูกมองฉันในแง่ลบ ฉันสามารถบอกความจริงกับเขาได้ แต่การทำแบบนั้นจะทำให้พ่อของลูกดูเหมือนคนป่วยทางจิตแม่ลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ และดึงฉันเข้าสู่อ้อมกอดแน่น ฉันสัมผัสได้ถึงน้ำตาที่เริ่มจะเอ่อล้นออกมาจากดวงตาทั้งสองฮอร์โมนนี่นะ“ไม่เป็นไรนะลูก อย่ากังวลไปเลย เรายังรักลูกเสมอ รวมถึงรักหลานคนนี้ด้วย” พ่อเสริมขึ้นมาพร้อมกับเข้ามาร่วมกอดพวกเราโอบกอดกันอยู่นานก่อนจะผละออกจากกัน“หลานอีกคน วิเศษไปเลย เดี๋ยวแม่ออกไปหาซื้อของดีกว่า” แม่พูดอย่างตื่นเต้น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอแทบจะกระโดดโลดเต้นเหมือนสาวน้อยเลยเชียว“มันจะมีสักกี่คนกันเชียวที่ได้เป็นคุณยายตอนอายุสี่สิบสามเนี่ย? แม่คงเป็นคุณยายสาวสุดเลิศเลยแหละ พลังงานล้นเหลือพอจะวิ่งเล่นกับหลาน ๆ ได้สบาย”พ่อกับฉันหัวเราะอย่างสนุกสนานเมื่อแม่หมุนตัวรอบห้องนั่งเล่นเหมือนนักบัลเลต์ พ่อยืนขึ้นและดึงแม่เข้าสู่อ้อมกอดแล้วจูบเธอ จากนั้นเขาหมุนเธอในอากาศขณะที่แม่หัวเราะด้วยความสุขฉันส่งรอยยิ้มเมื่อเห็นทั้งสอง นี่แหละคือชีวิตแต่งงานที่ใฝ่หา ความรักที่ฉันปรารถนา หัวใจรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา แต
“ขอบคุณมากนะลูกรัก” ฉันฝืนส่งยิ้มออกมา “เดี๋ยวแม่ไปเตรียมข้าวเย็นให้นะ รีบทำอะไรให้เสร็จแล้วไปอาบน้ำให้เรียบร้อยนะลูก”ฉันทิ้งกล่องเสื้อผ้านั้นเอาไว้และเดินตรงไปยังห้องครัว ฉันไม่ยังไม่มั่นใจว่าควรทำอย่างไรดีกลับเสื้อผ้าพวกนั้น ฉันไม่ต้องการสิ่งใดจากโรแวน หากพูดกันตามตรง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้สิ่งของจากผู้ชายเสื้อผ้านั้นทำให้ฉันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องลองชุดวันนั้น ฉันยังไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ บางสิ่งมันไม่ถูกต้อง เขาทำตัวแปลกประหลาดไม่ใช่อย่างที่เคยเป็นฉันเกลียดที่ได้เห็นความปรารถนาในดวงตาคู่นั้น ฉันเกลียดที่สัมผัสได้ถึงน้องน้อยของโรแวนกำลังแข็งปั๋งทิ่มหน้าท้องฉันอยู่ โรแวนไม่เคยมองว่าฉันนั้นเร้าอารมณ์เลยสักครั้ง ไม่เคยจ้องมองราวกับว่าจะกลืนกินฉันมาก่อน แล้วอะไรกันที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปแบบนี้“เอวา”ฉันหันขวับไปตามเสียงเขา ฉันจ้องมองเขาด้วยความตกตะลึง ชายหนุ่มปรากฎตัวอยู่ตรงประตูห้องครัว“นี่คุณมาทำบ้าอะไรที่นี่มิทราบ แล้วเข้ามาได้ยังไง?” ฉันเอ่ยถาม พร้อมกับความเดือดดาลพุ่งสูงขึ้น“โนอาเปิดให้ผมเข้ามา” เขาตอบพร้อมเดินเข้ามาใกล้ฉันไม่ต้องการให้เขาเข้ามาในบ้าน ฉันไ
วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก สาเหตุหลักคือโนอายังโกรธฉันที่ไล่โรแวนไป ฉันคิดว่าฉันปิดบังเรื่องทั้งหมดไว้ดีแล้ว ปรากฏว่าเขารู้ทันฉันช่วงเวลาแบบนี้ทำให้ฉันเสียใจที่พวกเราเสแสร้งต่อหน้าโนอามาเสมอ พวกเราคิดว่าพวกเรากำลังปกป้องเขา ว่าเรากำลังมอบวัยเด็กที่มีความสุขให้กับเขา แต่ในความเป็นจริงคือพวกเราหลอกลวงเขา ตอนนี้เขาเลยเข้าใจว่าเราเคยรักกันและสามารถกลับมารักกันได้อีกครั้งฉันไม่รู้ว่าจะบอกความจริงกับเขาอย่างไรโดยไม่ทำให้หัวใจน้อย ๆ ของเขาแตกสลาย ฉันไม่รู้ว่าจะบอกเขาอย่างไรว่าทุกอย่างที่เขาเชื่อเกี่ยวกับฉันและโรแวนเป็นเรื่องโกหกที่ฉันกลัวที่สุดคือเขาจะเกลียดเราที่โกหกเขาเมื่อความจริงถูกเปิดเผย แต่เราก็ไม่อาจทำอย่างนี้ต่อไปได้ เราไม่สามารถปล่อยให้เขาเชื่อต่อไปได้ว่ายังมีโอกาสสำหรับฉันและโรแวนฉันถอนหายใจแล้วลุกออกจากเตียง ฉันกลับมานอนต่อหลังจากที่โนอาไปโรงเรียน ยิ่งท้องแก่ฉันก็ตัวใหญ่ขึ้นและรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นฉันลากเท้าไปที่ห้องน้ำและอาบน้ำ แต่มันก็ยังไม่สามารถบรรเทาความเมื่อยล้าถึงกระดูกของฉันได้ ฉันตัดสินใจเลือกชุดเดรสโดยสวมชุดสายเดี่ยวสีขาวที่มีดอกไม้สีน้ำเงิน ชุดยาวเลยเข่าขึ้นมา
“เอวา..”ฉันตัดบทเขา ฉันไม่อยากได้ยินอะไรจากปากของเขาอีก“นายเข้าข้างเอมม่าทุกครั้ง นายปฏิบัติกับฉันเหมือนขยะมาตลอด ทุกครั้งที่นายหัวเราะเมื่อโรแวนฉีกหัวใจฉันเป็นชิ้น ๆ เพราะฉันทำร้ายน้องสาวสุดที่รักของนาย นายคิดว่าฉันเป็นครอบครัวของนายไหม? แล้วทุก ๆ ครั้งที่นายบอกว่าฉันสมควรได้รับความเจ็บปวดที่ฉันกำลังเผชิญล่ะ? หรือตอนที่คุณพ่อกับคุณแม่เพิกเฉยต่อฉันราวกับว่าฉันไม่มีความสำคัญอะไร? แล้วทุกครั้งที่ทุกคนเมินฉันล่ะ? ตอนนั้นเคยมองฉันเป็นครอบครัวหรือเปล่า?”เขาไม่ได้พูดอะไรเลย คงเป็นเพราะเขาไม่มีอะไรให้พูดด้วย เขารู้ความจริงดี ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดว่าฉันเป็นครอบครัวเขา สำหรับเขาและคนอื่น ๆ ฉันเป็นเพียงตัวก่อกวนที่ไม่มีใครต้องการเท่านั้น พวกเขาพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อกำจัดฉันด้วยซ้ำ“บอกฉันหน่อยว่า ถ้าตอนนั้นนายไม่ถือว่าฉันเป็นครอบครัว แล้วทำไมถึงคิดว่าตอนนี้ฉันจะเห็นนายเป็นครอบครัวของฉันล่ะ? ไม่ว่านายจะพยายามอ้างถึงการเป็นครอบครัวเดียวกันกับฉันยังไง มันไม่เป็นผลหรอก”ฉันจ้องเขาอย่างพิศวง ฉันเคยสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างเรา ทราวิสกับเอมม่าไม่ได้หน้าตาเหมือนกัน แต่แค่เห็นพวกเขา คุณก็จะเด
“ตื่น!”ฉันครางแต่ไม่ได้ลืมตา เสียงนั้นดังมาแต่ไกลจนฉันคิดว่าฉันกำลังฝันอยู่ เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้น เสียงนั้นก็จะฟังดูคุ้นเคยได้อย่างไร?“เอวา ตื่นสิ!”คราวนี้ฉันลืมตาขึ้น เสียงนั้นฟังดูสมจริงเกินกว่าที่จะเป็นความฝันได้ แล้วทำไมฉันจะต้องฝันถึงเธอด้วย?สายตาของฉันพร่ามัวขณะที่ฉันพยายามปรับสายตาเมื่อเวลาผ่านไป ความทรงจำฉันก็กลับคืนมาบ้าเอ้ย! ฉันโดนลักพาตัวอีกแล้วสมองของฉันยังคงเบลอจากสิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นคลอโรฟอร์มที่ฉันสูดดมเข้าไป ฉันรีบจดจำทุกอย่างอย่างรวดเร็วโดยหวังว่าสารเคมีนั้นจะไม่ส่งผลต่อลูกน้อยของฉันฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้และถูกมัดมือไว้ข้างหลัง การพยายามเคลื่อนไหวพิสูจน์แล้วจะไม่เป็นผล เชือกนั้นแน่นและบาดผิวหนังของฉัน ใครก็ตามที่พาฉันมาอาจไม่ต้องการเสี่ยงให้ฉันหนีได้“ตื่นหรือยัง?” เธอถามฉันคิดว่านั่นเป็นแค่จินตนาการของฉันเท่านั้น แต่ไม่ใช่ ฉันหันไปทางซ้ายอย่างรวดเร็วและพบว่าเอมม่าถูกมัดกับเก้าอี้เช่นกัน เธอดูตื่นตัวมากกว่าฉัน ซึ่งหมายความว่าเธออยู่ที่นี่นานกว่าฉัน“เธอมาทำอะไรที่นี่?” ฉันถามเธออย่างงุนงงฉันสำรวจพื้นที่ มันเป็นห้องใหญ่ห้องเดียวที่ไม่มีอะไรเลย ไม่ม
ฉันหยุดหายใจเเพราะความตกใจ และผละออกจากเขา ในขณะที่ร่างเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาบนตัวเรา"สุขสันต์วันคริสต์มาส!" เขาตะโกนอย่างมีความสุขด้วยเสียงร้องเพลง“หัวจะปวด” ทั้งกาเบรียลและฉันครางอย่างหงุดหงิดจะมาช้ากว่านี้สักชั่วโมงไม่ได้หรืออย่างไร? ถ้ามีใครสักคนในครอบครัวนี้ที่ชอบขัดจังหวะเรา มันก็ต้องเป็นลูกคนที่สอง แอนดรูว์ คนนี้แน่นอน เราเรียกเขาว่าดรูว์เขาอาจจะไม่รู้ว่าเขาเป็นตัวขัดจังหวะแค่ไหน แต่ก็ไม่สำคัญยังไงเขาก็ทำอยู่ดี"ตื่นครับ! ตื่น!" เขาตะโกนเสียงดัง จนชั่วขณะหนึ่งฉันไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงก้องของเจ้าลูกชาย"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ ดรูว์" เกเบรียลบ่น "พ่อแม่ได้ยินชัดเจนโดยที่หนูไม่ต้องทำให้แก้วหูพ่อแม่แตกก็ได้"ดูเหมือนดรูว์จะไม่ฟังเลย เขาเด้งขึ้นเด้งลงบนเตียง มีความสุขแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาเกเบรียลขยับตัวใต้ผ้าห่ม คงพยายามขยับทุกอย่างให้เข้าที ฉันขยับร่างกายขึ้นและพิงหัวเตียง ก่อนจะคว้าลูกชายที่กระตือรือร้นและอยู่ไม่นิ่งมา สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือเขาทำร้ายพ่อของเขาด้วยการเผลอเหยียบเข้ากลางตัวเขาหรืออะไรทำนองนั้น"หนูพยายามห้ามเลียมแล้วนะคะ แต่แม่ก็รู้ว่าเขาเป็นยังไงเวลาต
ฮาร์เปอร์ฉันกำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวนุ่มฟูแห่งการนอนหลับ ฉันรู้สึกอบอุ่น รู้สึกสงบ และรู้สึกได้รับความรักฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทีละน้อย เกเบรียลนอนอยู่ข้างหลังฉัน แขนโอบกอดฉันไว้ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่เรานอนหลับด้วยกัน เขากอดฉันไว้แน่นในอ้อมแขน ราวกับว่าเขากลัวว่าฉันจะหายไปหากไม่ทำเช่นนี้ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของสามี ทว่าแทนที่จะปล่อยฉันไป เขากลับกระชับมือแน่นขึ้น ซึ่งดันฉันเข้าไปแนบชิดมากขึ้นฉันหยุดขยับเมื่อรู้สึกถึงเขา ฉันรู้สึกถึง น้องน้อยที่ตื่นมาเคารพธงชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ฮอร์โมนของฉันพลุ่งพล่าน และฉันก็ต้องการเขาขึ้นมาทันที ฉันอยากให้เขาสอดแทรกเข้ามาในร่างนี้เรื่องบนเตียงของเราสองช่างสมบูรณ์ แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องการมากกว่านี้ อาจเพราะมีลูกด้วยกันถึงสามคนแล้ว บางเวลามันก็ยากที่จะมีเวลาส่วนตัวที่ไม่ถูกรบกวนได้"อืม" เกเบรียลร้องครางเมื่อฉันถูบั้นท้ายกับเป้าของเขาเสียงนั้นเดินทางลงไปจนถึงจุดนั้นของฉัน ฉันถูอีกครั้ง กระตุ้นเสียงครางแสนเร้าอารมณ์จากเขาอีกเกเบรียลเริ่มประทับจูบตามหลัง ไหล่ และคอ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว และฉันก็โหยหาเขา
"ใช่เลยครับ" เขาตอบรับรอยยิ้มของฉัน ขณะที่คิลเลียนเดินเข้ามาหาเรา"ผมมาขโมยภรรยาแสนสวยของผมคืนแล้วครับ" เสียงเขาแหบพร่า และฉันอดไม่ได้ที่จะละลายไปกับโทนเสียงนั้น มันเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย“เธอเป็นของคุณแล้วนะ” คาลวินปล่อยมือจากฉันและหลีกทาง ก่อนจะเดินจากไปคิลเลียนดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างเรา "เป็นยังไงบ้าง? ปวดหลังหรือเปล่า? ขาเป็นยังไง?"เห็นไหม ฉันบอกแล้วไง เขาเป็นเสือร้ายในคราบทนายความ แต่ดูแลเอาใจใส่และรักใคร่ในฐานะคู่ครอง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันมีสเปคแบบไหน จนกระทั่งฉันได้พบเขา"สบายดีค่ะ ที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้นก็ได้" ฉันหัวเราะเบา ๆ ดันตัวเองเข้าไปใกล้เขามากขึ้น"ผมเคยบอกว่าผมรักคุณแล้วหรือยัง?" เขาถามฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่เขย่งปลายเท้าและกระซิบชิดริมฝีปากของเขา "ประมาณพันครั้งแล้วค่ะวันนี้ แต่ฉันไม่ได้บ่นอะไรนะ""คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยนะครับ เอมม่า ผมนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตผมจะเป็นยังไงหากไม่มีคุณ ผมรู้ว่าเราได้กล่าวคำสาบานกันไปแล้ว แต่ผมสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมคุณเสมอ เพราะคุณคือของขวัญที่เบื้องบนประทานมา ผมสัญญา
มอลลี่เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาว เช่นเดียวกับเอวา คอนนี่ เล็ตตี้ ฮาร์เปอร์ และคินลีย์ พวกเธอเป็นเพื่อนสาวกันมาสี่ปีแล้วตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุวันนั้น แน่นอนว่าฉันไม่มีวันหาใครมาแทนมอลลี่ได้ เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุด แต่ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่มีพวกเธออยู่เช่นกันอีกอย่างเมื่อวานนี้มอลลี่บอกฉันว่าเธอกำลังคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่ ฉันตื่นเต้นมาก ฉันรักเธอ แต่เรายอมรับว่าเป็นเพื่อนระยะไกลกันมันรักษาความสัมพันธ์กันได้ยาก ฉันมีความสุขมากที่เธอจะย้ายมาอยู่ใกล้ ๆเสียงเพลงช้าลง และกันเนอร์ก็เดินเข้ามา ตัดบทสนทนาทั้งหมด“เต้นรำกันหน่อยไหมครับ แม่?”มีเสียง ว้าว ดังขึ้นเป็นระลอก และฉันสาบานได้ว่าหัวใจฉันละลายไปตรงนั้นเลย"แน่นอนสิจ๊ะ สุดหล่อของแม่" ฉันตอบก่อนจะจับมือเขาตอนนี้กันเนอร์อายุสิบสี่ เป็นวัยรุ่นแล้วเชื่อไหมล่ะ? เขาสูงเท่าฉันแล้ว และฉันมั่นใจว่าอีกไม่กี่ปีเขาจะสูงกว่าฉัน ฉันไม่ว่าอะไรหรอก เขาก็จะเป็นลูกชายตัวน้อยของฉันเสมอคาลวินและฉันตัดสินใจส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดทันทีที่ฉันออกจากโรงพยาบาล เราเข้าร่วมการบำบัดร่วมกันบ้าง และพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา และเกี่ยวกับวันที่เกิดอุบัติเหตุ
เอมม่าฉันเต้นรำกับมอลลี่ ปล่อยให้เสียงเพลงโอบล้อมตัวไว้ ฉันรู้สึกปวดหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่สำคัญอะไรเลยเมื่อฉันมีความสุขสุด ๆ แบบนี้ชุดเดรสสะบัดไปมาขณะที่เราตะโกนเนื้อเพลง หน้าร้อนแสนสาหัส ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ออกมาสุดเสียง เอวาที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ก็เข้าร่วมกับเราด้วย ฉันหัวเราะเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังเต้นอยู่เลยแต่เปล่าเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเรียกสิ่งที่เธอกำลังทำว่าอะไรดีจำนวนครั้งที่ฉันเรียกว่าตนเองมีความสุขนั้นสามารถนับนิ้วได้เลย หนึ่งคือตอนที่ฉันสอบเนติบัณฑิตได้ สองคือตอนที่กันเนอร์เรียกฉันว่าแม่เป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน และสามคือวันนี้ งานแต่งของฉันคุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันแต่งงานแล้วและฉันมีความสุขอย่างที่สุดจำทนายหนุ่มน่ารักที่ฉันเล่าให้เอวาฟังในวันเกิดของเจมส์ได้ไหมคะ? จะว่าอย่างไรดี เขาไม่เคยละความพยายามเลยค่ะ ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธเขากี่ครั้งก็ตาม เขาขอฉันคบหาอยู่เรื่อย ๆ และที่ฉันบอกว่าเรื่อย ๆ ก็คือเขาขอเกือบทุกวัน ฉันเบื่อที่จะได้ยินคำถามเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งฉันก็ตอบตกลง ปรากฏว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตนี้เลยฉันชะลอฝีเท้าลง ดวงตามองหาเจ้าบ
กันเนอร์มีน้องชายแล้ว งงกันอยู่ใช่ไหมคะ? เพราะเมื่อกี้ฉันกับเอวากำลังคุยเรื่องแฟนกันอยู่เลย เชสไม่ใช่ลูกชายของฉันค่ะ เขาเป็นลูกชายตัวน้อยของคาลวินและคินลีย์ พวกเขาแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วแล้วมีเชสตัวน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกน้อยคาลวินและฉันสนิทกันมากขึ้นตั้งแต่อุบัติเหตุ เหมือนกับกันเนอร์ เขายกโทษให้ฉัน และพวกเราก็สามารถสร้างมิตรภาพที่สวยงามได้คินลีย์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เธอเข้ากับพวกเราทุกคนได้ เธอใจดีและน่ารัก และที่สำคัญที่สุด เธอทำให้คาลวินมีความสุขและปฏิบัติต่อกันเนอร์เหมือนลูกชายของเธอเอง"ไม่จ้ะ ไม่เคยเกินจริงเลย" เอวาแก้ตัว "น้าแค่อยากให้แม่หนูเล่าเรื่องทนายความน่ารักที่ที่ทำงานให้ฟังมากกว่านี้""ผมขอจบตรงนี้นะครับ ไปดีกว่า" เขาพูด ดูเหมือนจะขยะแขยงเล็กน้อย "แม่ดูน้องได้ใช่ไหมครับ หรือผมควรจะพาน้องไปด้วย?"“แม่สบายมากจ้ะ…ไปเล่นกับเพื่อน ๆ เถอะ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งไปหาโนอาและคนอื่น ๆ คาลวินใจดีพอที่จะแก้ไขข้อตกลงเรื่องการดูแลบุตร ตอนนี้พวกเราดูแลกันเนอร์ร่วมกัน ลูกอยู่กับคาลวินวันธรรมดาและใช้วันหยุดสุดสัปดาห์กับฉัน"เอาล่ะ กลับมาเรื่องผู้ชายน่ารักคนนั้นก่อนนะ
สามปีต่อมาเอมม่า"จริงจังนะ เอมม่า เมื่อไหร่เธอจะหาแฟนสักที?" เอวาเอ่ยถามพร้อมนั่งลงข้าง ๆ ฉันฉันมองออกไปที่สวนหลังบ้านและยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเจมส์ลูกชายของทราวิสและเล็ตตี้ ซึ่งตั้งชื่อตามพ่อของพวกเราและเจมส์กำลังจะอายุครบหนึ่งขวบเล็ตตี้และทราวิสแต่งงานกันเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ทราวิสคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันทีที่ฉันได้สติขึ้นหลังจากอุบัติเหตุที่เกือบจะพรากชีวิตฉันไป คุณอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนขับรถคนนั้น เขาถูกจำคุกห้าปีในข้อหาขับรถโดยประมาท ฉันหวังว่าเขาจะได้รับบทเรียนนะกลับมาที่ทราวิสและเล็ตตี้ ฉันคิดว่าการเห็นฉันอยู่ในโรงพยาบาลทำให้เขารู้ว่าชีวิตสั้นแค่ไหน เขาขอเธอแต่งงานและเล็ตตี้ก็ตอบตกลง พวกเขาแต่งงานกันซึ่งเป็นงานแต่งงานฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามตอนนี้ัฉันได้กลายเป็นเพื่อนกับเอวาก็เลยถูกดึงเข้ามาในวงจรนี้ด้วย คอนนี่และรีเปอร์แต่งงานกันแบบงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่เป็นกันเองกับเพื่อนสนิทและครอบครัว สี่เดือนต่อมาทั้งสองก็อ้าแขนรับลูกสาวของพวกเขา เฮเวน ตอนนี้คอนนี่ก็กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองซึ่งเป็นลูกสาวอีกคนฮาร์เปอร์และเกเบรียลก็กำลังจะมีลูกด้วยกันอีก
"ไม่ไหวแล้ว! ฉันต้องเบ่งเดี๋ยวนี้" ฉันคำรามพร้อมจับเสื้อเกเบรียลไว้ฉันรู้สึกบ้าไปแล้ว เหมือนฉันเสียสติไปแล้ว ความเจ็บปวดกำลังทำให้ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆโชคดีที่พวกเราไปถึงห้องคลอดก่อนที่ฉันจะคลอดลูกตรงทางเดินของโรงพยาบาล ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเดินไปถึงห้องคลอด และเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมพร้อมให้ฉันเอวาอยู่ในห้องเรียบร้อย ฉันรู้สึกขอบคุณที่มีคนเข้าใจความรู้สึกตอนที่ช่องคลอดฉีกออกเป็นสองส่วนเพื่อให้เด็กตัวน้อย ๆ ออกมาดูโลก"ฉันไม่ไหวแล้ว" ฉันกัดฟันพูด ก่อนที่จะยกตัวขึ้นและเบ่งสุดแรงฉันสาบานว่าฉันรู้สึกเหมือนก้นจะแตกและมันก็เพิ่มความเจ็บปวดให้ฉันมากขึ้น"ความผิดคุณเลย!" ฉันกรีดร้องใส่เกเบรียลขณะที่จับมือเขาไว้แน่นฉันจ้องเขม็งไปที่เขา ลมหายใจถี่กระชั้น และรูจมูกบานออกเพื่อพยายามสูดอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด"เตรียมนะ เธอ เบ่งเลย" เอวาเร่งเร้าฉันขณะที่เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากให้ฉัน "เกเบรียลไม่สำคัญแล้วตอนนี้""อ้าว ใจร้ายนะ เอวา" เกเบรียลพึมพำพร้อมจ้องเขม็งไปยังเอวา เธอจ้องเขม็งกลับราวกับจะบอกให้เขาหุบปากและทำตามน้ำไปฉันบีบมือพวกเขาเมื่อมดลูกหดตัวอีกครั้ง และฉันก็ออ
"สบายมากจ้ะ หมีน้อยลิลลี่ แม่กำลังจะคลอดลูก... จำที่แม่บอกหนูได้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนถึงเวลาแบบนี้?"เธอพยักหน้า "ค่ะ แม่บอกว่าแม่จะเจ็บท้อง แต่หนูไม่ต้องห่วง เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้น้องเกิดมาค่ะ""ดีมากจ้ะ" ฉันเบ้หน้าเมื่อการหดเกร็งตัวจู่โจมฉันอีกครั้ง "นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ดังนั้นอย่ากลัวไปนะจ๊ะ"เกเบรียลจับมือและช่วยให้ฉันเดินออกจากห้อง ฉันหายใจเข้าทางจมูกและหายใจออกทางปาก แต่พูดตามตรงมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย"หนูแค่ไม่เข้าใจน่ะค่ะ ทำไมแม่ต้องเจ็บด้วย? ทำไมเด็กถึงออกมาจากท้องแม่ไม่ได้โดยไม่ทำให้แม่เจ็บล่ะคะ?"สิ่งที่ฉันไม่ต้องการที่สุดคือทำให้ลูกสาวหวาดกลัวโดยต้องอธิบายให้เธอฟังว่าความเจ็บปวดนั้นจำเป็นสำหรับการออกแรงเบ่งเด็กออกมาจากร่างกายฉัน เธอจะอยากรู้ว่าทำไมต้องเบ่งลูกออกมาด้วย และฉันจะต้องอธิบายว่าเพราะลูกตัวใหญ่และทางออกเล็กกว่า ดังนั้นการหดเกร็งตัวเหล่านั้นจึงจำเป็นสำหรับการเบ่งลูกออกมา จากนั้นเธอจะอยากรู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร และฉันจะต้องบอกเธอว่าลูกออกมาทางนั้นอย่างไรเล่าอย่างที่คุณเห็น นั่นไม่ใช่บทสนทนาที่เธอเตรียมใจรับได้นัก เธอจะตกใจกลัวเมื่อรู้ว