วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก สาเหตุหลักคือโนอายังโกรธฉันที่ไล่โรแวนไป ฉันคิดว่าฉันปิดบังเรื่องทั้งหมดไว้ดีแล้ว ปรากฏว่าเขารู้ทันฉันช่วงเวลาแบบนี้ทำให้ฉันเสียใจที่พวกเราเสแสร้งต่อหน้าโนอามาเสมอ พวกเราคิดว่าพวกเรากำลังปกป้องเขา ว่าเรากำลังมอบวัยเด็กที่มีความสุขให้กับเขา แต่ในความเป็นจริงคือพวกเราหลอกลวงเขา ตอนนี้เขาเลยเข้าใจว่าเราเคยรักกันและสามารถกลับมารักกันได้อีกครั้งฉันไม่รู้ว่าจะบอกความจริงกับเขาอย่างไรโดยไม่ทำให้หัวใจน้อย ๆ ของเขาแตกสลาย ฉันไม่รู้ว่าจะบอกเขาอย่างไรว่าทุกอย่างที่เขาเชื่อเกี่ยวกับฉันและโรแวนเป็นเรื่องโกหกที่ฉันกลัวที่สุดคือเขาจะเกลียดเราที่โกหกเขาเมื่อความจริงถูกเปิดเผย แต่เราก็ไม่อาจทำอย่างนี้ต่อไปได้ เราไม่สามารถปล่อยให้เขาเชื่อต่อไปได้ว่ายังมีโอกาสสำหรับฉันและโรแวนฉันถอนหายใจแล้วลุกออกจากเตียง ฉันกลับมานอนต่อหลังจากที่โนอาไปโรงเรียน ยิ่งท้องแก่ฉันก็ตัวใหญ่ขึ้นและรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นฉันลากเท้าไปที่ห้องน้ำและอาบน้ำ แต่มันก็ยังไม่สามารถบรรเทาความเมื่อยล้าถึงกระดูกของฉันได้ ฉันตัดสินใจเลือกชุดเดรสโดยสวมชุดสายเดี่ยวสีขาวที่มีดอกไม้สีน้ำเงิน ชุดยาวเลยเข่าขึ้นมา
“เอวา..”ฉันตัดบทเขา ฉันไม่อยากได้ยินอะไรจากปากของเขาอีก“นายเข้าข้างเอมม่าทุกครั้ง นายปฏิบัติกับฉันเหมือนขยะมาตลอด ทุกครั้งที่นายหัวเราะเมื่อโรแวนฉีกหัวใจฉันเป็นชิ้น ๆ เพราะฉันทำร้ายน้องสาวสุดที่รักของนาย นายคิดว่าฉันเป็นครอบครัวของนายไหม? แล้วทุก ๆ ครั้งที่นายบอกว่าฉันสมควรได้รับความเจ็บปวดที่ฉันกำลังเผชิญล่ะ? หรือตอนที่คุณพ่อกับคุณแม่เพิกเฉยต่อฉันราวกับว่าฉันไม่มีความสำคัญอะไร? แล้วทุกครั้งที่ทุกคนเมินฉันล่ะ? ตอนนั้นเคยมองฉันเป็นครอบครัวหรือเปล่า?”เขาไม่ได้พูดอะไรเลย คงเป็นเพราะเขาไม่มีอะไรให้พูดด้วย เขารู้ความจริงดี ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดว่าฉันเป็นครอบครัวเขา สำหรับเขาและคนอื่น ๆ ฉันเป็นเพียงตัวก่อกวนที่ไม่มีใครต้องการเท่านั้น พวกเขาพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อกำจัดฉันด้วยซ้ำ“บอกฉันหน่อยว่า ถ้าตอนนั้นนายไม่ถือว่าฉันเป็นครอบครัว แล้วทำไมถึงคิดว่าตอนนี้ฉันจะเห็นนายเป็นครอบครัวของฉันล่ะ? ไม่ว่านายจะพยายามอ้างถึงการเป็นครอบครัวเดียวกันกับฉันยังไง มันไม่เป็นผลหรอก”ฉันจ้องเขาอย่างพิศวง ฉันเคยสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างเรา ทราวิสกับเอมม่าไม่ได้หน้าตาเหมือนกัน แต่แค่เห็นพวกเขา คุณก็จะเด
“ตื่น!”ฉันครางแต่ไม่ได้ลืมตา เสียงนั้นดังมาแต่ไกลจนฉันคิดว่าฉันกำลังฝันอยู่ เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้น เสียงนั้นก็จะฟังดูคุ้นเคยได้อย่างไร?“เอวา ตื่นสิ!”คราวนี้ฉันลืมตาขึ้น เสียงนั้นฟังดูสมจริงเกินกว่าที่จะเป็นความฝันได้ แล้วทำไมฉันจะต้องฝันถึงเธอด้วย?สายตาของฉันพร่ามัวขณะที่ฉันพยายามปรับสายตาเมื่อเวลาผ่านไป ความทรงจำฉันก็กลับคืนมาบ้าเอ้ย! ฉันโดนลักพาตัวอีกแล้วสมองของฉันยังคงเบลอจากสิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นคลอโรฟอร์มที่ฉันสูดดมเข้าไป ฉันรีบจดจำทุกอย่างอย่างรวดเร็วโดยหวังว่าสารเคมีนั้นจะไม่ส่งผลต่อลูกน้อยของฉันฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้และถูกมัดมือไว้ข้างหลัง การพยายามเคลื่อนไหวพิสูจน์แล้วจะไม่เป็นผล เชือกนั้นแน่นและบาดผิวหนังของฉัน ใครก็ตามที่พาฉันมาอาจไม่ต้องการเสี่ยงให้ฉันหนีได้“ตื่นหรือยัง?” เธอถามฉันคิดว่านั่นเป็นแค่จินตนาการของฉันเท่านั้น แต่ไม่ใช่ ฉันหันไปทางซ้ายอย่างรวดเร็วและพบว่าเอมม่าถูกมัดกับเก้าอี้เช่นกัน เธอดูตื่นตัวมากกว่าฉัน ซึ่งหมายความว่าเธออยู่ที่นี่นานกว่าฉัน“เธอมาทำอะไรที่นี่?” ฉันถามเธออย่างงุนงงฉันสำรวจพื้นที่ มันเป็นห้องใหญ่ห้องเดียวที่ไม่มีอะไรเลย ไม่ม
“เธอไม่เห็นจะต้องปริปากพูดอะไรเลย หุบปากไปได้ไหม?”ฉันยังคงดิ้นรนอยู่บนเก้าอี้ หวังว่าจะคลายเชือกได้ ไม่มีทางที่ฉันจะอยู่ตรงนี้กับเธอตลอดเวลาได้ จะต้องมีเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้นระหว่างเราแน่ ๆ“ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการทะเลาะระหว่างผู้หญิงอีกแล้ว ให้ฉันแก้เชือกพวกเธอให้ไหม? พวกเธอจะได้สะสางเรื่องของพวกเธอได้?” ชายคนหนึ่งพูดขณะเดินมาหาเราฉันมัวแต่ยุ่งอยู่กับเอมม่าจนไม่ทันสังเกตว่าประตูถูกเปิดออก ฉันสาปแช่งตัวเองในใจสำหรับความโง่นั้น“ได้สิ ทำไมคุณไม่แก้เชือกฉัน แล้วเมื่อฉันเสร็จเรื่องกับเธอแล้ว ฉันจะได้จัดการกับคุณเป็นคนต่อไป” ฉันเดือดดาล ปล่อยให้ความโกรธของฉันออกมาผู้ชายคนนั้นหัวเราะ แน่นอนว่าเขาคิดว่ามันตลกดี เขาดูยิ่งใหญ่มากเมื่อเทียบกับฉัน สำหรับเขา การสู้กับฉันก็เหมือนกับการสู้กับเด็ก“ฉันก็อยากเห็นเธอพยายามนะ”ฉันเยาะเย้ยเขา “นี่คือสิ่งที่คุณทำยามว่างเหรอ? ลักพาตัวผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้? มันทำให้คุณรู้สึกยิ่งใหญ่กว่าผู้ชายที่วางยาผู้หญิงจนหมดสติหรือเปล่า?”“หุบปาก!” เขาตะโกนใส่ฉัน ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจนน่าเกลียดเขาเดินเข้ามาหาฉัน ท่าทางการเดินและการเคลื่อนไหวของเขาดูน่ากลัว ร
โรแวน“นายจะนั่งเศร้าตลอดไปเลยหรือไง?” เกเบรียลถามด้วยความรำคาญผมไม่ได้สนใจเขาเลย ผมแค่นั่งมองของเหลวสีเหลืองอำพันในแก้วของผมต่อไปพลางคิดทบทวนว่าทุกอย่างกับเอวาแย่ลงอย่างรวดเร็วได้อย่างไรผมไม่ได้เห็นแก่ตัวมากพอที่จะคิดว่าเธอทำตัวไร้เหตุผล เธอทำตัวเหมือนคนปกติทั่วไปนั่นแหละ คน ๆ หนึ่งที่ถูกคนที่เธอรักทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ผมมีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะบรรเทาความเจ็บปวดของเธอ ขจัดความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอ เยียวยาเธอ แต่ผมจะทำได้อย่างไรในเมื่อผมเป็นคนที่ทำให้เธอต้องรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่แรก?“นายทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะโร ถ้าเธอไม่สนใจนาย ก็ปล่อยเธอไปซะ! เอมม่ารอนายอยู่ ขอร้องเถอะ ใช่ว่าจะไม่มีผู้หญิงคนไหนต้องการนายสักหน่อย” เขาบ่นพึมพำแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ผมไม่รับรู้การโวยวายโง่ ๆ ของเขา แต่กลับจ้องเขาเขม็ง “ถ้าอารมณ์ของฉันในตอนนี้ทำให้นายหงุดหงิดมากขนาดนั้น ก็เชิญออกไปได้เลย”เขาไม่เข้าใจ และผมก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทำให้เขาเข้าใจ ผมเพิ่งตัดสินใจได้ว่าผมไม่ต้องการเอมม่า หรือผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เอวาผมเคยเกลียดเธอ เคยคิดว่าไม่มีทางที่ผมจะต้องการเธอ แต่ตอนนี้เธอคือคนเดียวที่ผมนึกถ
เหตุผลเดียวที่บริษัทของเรายังคงยืนหยัดอยู่ได้ก็เพราะว่าเราแข็งแกร่งพอ ๆ กับตระกูลโฮเวลล์ การที่พวกเขาถอนตัวและโน้มน้าวให้นักลงทุนที่ภักดีทำเช่นเดียวกันนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเราสักเท่าไรผมไม่โง่พอที่จะคิดว่ามันจะจบลงตรงนั้น พวกเขาอาจไม่สามารถทำลายบริษัทของเราได้ แต่ผมแน่ใจว่าพวกเขาจะหาทางอื่นเพื่อแก้แค้น ผมจะไม่สู้กับพวกเขาด้วยซ้ำ พวกเขาทำถูกต้องแล้วที่ตามเล่นงานผม ผมสมควรได้รับทุกสิ่งที่พวกเขาวางแผนจะทำกับผมสำหรับวิธีที่ผมทำต่อลูกสาวของพวกเขา“นั่นคือเหตุผลที่นายท้อแท้แบบนี้เหรอ? เพราะเธอปฏิเสธที่จะช่วยนาย?” เกเบรียลมองเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจทราวิสถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อยล้า “เปล่า เป็นเพราะสิ่งที่เธอพูด เธอบอกว่าเธอไม่คิดว่าฉันเป็นครอบครัวของเธอ พูดอีกนัยก็คือ ฉันไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับเธอ”ผมเห็นความเจ็บปวดของเขา แต่ผมไม่รู้สึกเห็นใจเขาเลย พวกเราทำแย่ไว้กับเธอมาก ที่เธอปฏิบัติต่อเราแบบนี้ยังน้อยกว่าที่เราสมควรได้รับ“แล้วนายคาดหวังอะไร? ฉันต้องถามพวกนายอยู่เรื่อยเลย” เกเบรียลบ่น“ฉันรู้ ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงคาดหวังให้เธอเป็นเหมือนเดิม ร่องรอยของเอวาคนเก่าหายไปหมดแล้ว เวลาเด
“นี่คุณไม่ได้พูดจริงใช่ไหม?” เอมม่าถามด้วยความตกใจสุดขีดเช่นเดียวกับฉันหัวใจของฉันเต้นแรงมาก ความตื่นตระหนกเข้าครอบงำฉัน ทำให้ฉันหายใจลำบาก ถ้าฉันคิดว่าการลักพาตัวพวกเราของรอนนี่หรือผู้เพรียกหาความตาย ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม นั่นเลวร้ายแล้ว ฉันคิดผิด เพราะสิ่งที่เขาวางแผนไว้แย่กว่านั้นมาก“โอ้ จริงแน่นอน พ่อของคุณไม่ควรยุ่งกับผม เช่นเดียวกับโรแวน ถึงเวลาแก้แค้นแล้ว” รอนนี่ยิ้มร้ายจนฉันขนลุกเขาโทรหาโรแวนต่อหน้าเราและบอกให้เขาเลือก ฉันยังคงไม่อยากเชื่อเลยว่าแผนของเขาคือให้มีเพียงเราคนเดียวเท่านั้นที่จะเดินออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยฉันรู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบดขยี้ฉัน ความกลัวกำลังทำลายล้างฉัน และฉันไม่สามารถคิดอะไรได้อย่างชัดเจน ฉันแน่ใจว่าใบหน้าของฉันต้องบวมจากไอ้สารเลวที่ตบฉัน และริมฝีปากของฉันก็แตก ฉันเลือกที่จะจดจ่อกับความเจ็บปวดนั้นแทนที่จะคิดถึงหายนะที่กำลังใกล้เข้ามา“คุณไม่มีอะไรจะพูดเหรอเอวา?” รอนนี่ถามด้วยรอยยิ้มเย็นชาฉันเบือนสายตาไป ฉันคิดอะไรไม่ออก นับประสาอะไรกับการพูดอะไร นี่เป็นครั้งที่ห้าที่ฉันต้องเผชิญกับความตาย ด้วยความรู้สึกที่ไร้สติของรอนนี่ ฉันกล
“ฉันไม่เชื่อเลยว่าเธอเพิ่งจะพูดแบบนั้นเกี่ยวกับคุณพ่อ!”“โชคดีที่ฉันไม่สนใจว่าเธอจะคิดยังไง” ฉันตวาดเธออยู่เงียบ ๆ และปล่อยให้ฉันใช้สมาธิไม่ได้หรือไง? ทุกวินาทีที่ผ่านไปโดยที่ฉันยังไม่เป็นอิสระ ความวิตกกังวลของฉันก็เพิ่มมากขึ้นเธอจ้องมาที่ฉันแต่ก็เงียบไว้ ฉันโล่งใจ ตอนนี้ฉันสามารถจดจ่อกับการแก้มือให้เป็นอิสระได้แล้ว ถ้าฉันทำได้ ทุกอย่างก็จะราบรื่น ฉันหวังว่าอย่างนั้นฉันไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้วเมื่อฉันยอมแพ้ มือของฉันสั่น ข้อมือของฉันร้อนผ่าว และฉันรู้สึกได้ว่าเลือดกำลังไหลออกมา ราวกับว่ายิ่งฉันพยายามเท่าไร เชือกก็ยิ่งบาดลึกลงไปในผิวหนังของฉันมากขึ้นเท่านั้นฉันถอนหายใจแรง ๆ ฉันเกลียดที่จะทำแบบนี้ แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ณ จุดนี้ ฉันต้องเลือกระหว่างทางนั้นหรือเสี่ยงที่จะเป็นคนถูกฆ่า“ฉันมีแผนที่อาจจะได้ผล” ฉันหันไปหาเอมม่าและบอกเธออย่างไม่เต็มใจ มันรู้สึกเหมือนมันเป็นการกระทบต่ออัตตาของฉัน แต่เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงในตอนนี้ ก็ช่างทิฐิฉันเถอะ“ทีนี้อยากได้ความช่วยเหลือจากฉันขึ้นมาแล้วเหรอ? เธอเพิ่งบอกฉันว่าฉันควรหุบปาก และว่าเธอไม่ได้สนใจว่าฉันจะคิดยังไงไม่ใช่เหรอ?” เ
“แล้วทำไมมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเอวา” เกเบรียลเอ่ยถามขณะเข้ามานั่งข้างผมตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีมากนักถึงขั้นที่มองว่าสิ่งต่าง ๆ จากบริษัทน่ารำคาญ รวมถึงน้องชายตนเองด้วย ผมจึงเมินเฉยต่อคำถามเขาและดื่มวิสกี้เข้าไปอีกหนึ่งอึกผมนั่งอยู๋ในโซนวีไอพีของหนึ่งในร้านเหล้าที่เราชื่นชอบ เพลงเปิดเสียงดังกระหึ่ม ผีเสื้อราตรีต่างพากันโยกย้านและออกลวดลายกันอย่างสนุกสนาน พร้อมน้ำเมาที่ลอยล่อง และไม่สิ่งใดเป็นผลกับผมเลยค่ำคืนนี้ผมเพียงต้องการลืมเลือน ลืมภาพแห่งความทุกข์ระทมของเอวา ผมรู้ดึว่าอาจเป็นเป็นเพิ่งเรื่องเพ้อเจ้อหากคิดจะลืมเลือนนั้นเพราะว่าภาพนั้นยังคงฝังแน่นในจิตใจ แต่ผมก็อยากลองลืมภาพเหล่านั้นการอยู่บ้านกลายเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา บรรยากาศแห่งความรื่นรมย์น่ายินดีไม่มีอีกต่อไปแล้ว ผมปรารถนาให้มันกลายไปเป็นอย่างเดิมที่ควร แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า จะต้องแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างไรดีคำพูดที่เคยออกจากปากไม่มีวันหวนกลับและไม่มีวันลบออกไปได้ ผมไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขความผิดพลาดได้ หากเป็นไปได้ ผมคงรีบลงมือทำไปแล้วเพราะผมรักเธอเหลือเ
หัวใจของผมแทบหยุดเต้นลง เมื่อความกลัวว่าเธอจำเรื่องทุกอย่างแล้วประดังเข้ามา“บอกผมหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น เอวา ผมช่วยไม่ได้ถ้าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมวิงวอนเธอน้ำตาของเธอยังคงไหลรินลงมาบนใบหน้า ความเจ็บปวดรวดร้าวบดบังดวงตาของเธอ มันทำให้หัวใจผมสลายจริง ๆ ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้“ความทรงจำฉันกลับมาแล้ว” เธอกล่าวก่อนจะเริ่มหัวเราะราวกับเป็นบ้า “รู้ไหม ฉันอยากมีเซ็กส์กับคุณ ฉันอยากนอนกับคุณ แถมฉันยังบอกให้ตัวเองคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฉันต้องการคุณมาก พอฉันเห็นคุณช่วยตัวเองในห้องน้ำ ฉันก็อยากจะร่วมด้วย ฉันถึงกับจินตนาการว่าตัวเองกำลังออรัลเซ็กส์กับคุณในขณะที่คุณหลั่งบนหน้าอกของฉัน”ผมขมวดคิ้วแต่ก็เงียบไว้ อะไรบางอย่างบอกผมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น และผมจะไม่ชอบสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป “ฉันเคยรู้สึกกระหายคุณ โหยหาคุณ แต่สมองของฉันกลับย้ำเตือนบางสิ่งที่คุณเคยพูด” เธอสะอื้น “คุณอยากรู้ไหมว่ามันคืออะไร”ผมไม่อยากรู้ เพราะผมรู้ว่ามันจะทำลายการพัฒนาเล็ก ๆ ที่เรามีร่วมกัน แต่ผมก็ยังพยักหน้าตอบ“คุณพยายามจะทำให้ดีในการมีเซ็กส์ แต่คุณไม่เก่งเลย ทุกครั้งที่ผมอยู่ข้างในคุณ คนที่ผมต้องการคือเอ
โรแวนการเดตนั้นสมบูรณ์แบบ ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไม่อยากให้มันจบลง ทุกช่วงเวลาที่ผมอยู่กับเธอเหมือนอยู่ในสวรรค์ และผมหวังว่าผมจะได้อยู่กับเธอเร็วกว่านี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมผมถึงไม่เคยให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขกับเอวาเลย ผมรู้สึกแย่ที่เราอาจจะได้มีความสุขกันมาตลอดหลายปีนี้ถ้าผมปล่อยเอมม่าไปความรักที่ผมมีต่อเอมม่าคือความรักของวัยรุ่น มันคงไม่ยืนยาว เมื่อมันถูกทดสอบก็พังทลายลง สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอวานั้นเป็นแบบผู้ใหญ่ แข็งแกร่งและลึกซึ้งกว่าสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือความรักตอนอายุสิบเจ็ดผมเริ่มเชื่อว่าเกเบรียลพูดถูก ความรักไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนอย่างที่เขาพูด ผมคิดว่าลึก ๆ แล้วผมรักเอวา ผมแค่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดที่ทำร้ายเอมม่าครอบงำผม ผมยื้อเอมม่าไว้เพราะรู้สึกว่าผมต้องการควบคุม ซึ่งการแต่งงานกับเอวาและอยู่กับเธอก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของผมผมยังเชื่อด้วยว่าการปล่อยให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อเอวาเติบโตขึ้นนั้นเหมือนกับการทรยศต่อความรักที่ผมมีต่อเอมม่า สิ่งที่ผมไม่รู้ในตอนนั้นก็คือความรักนั้นได้ตายไปนานแล้วผมถอนหายใจและถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะมุ่งหน้าไปอา
“งั้นก็ตกลงตามนี้ เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในบ้านนี้” โรแวนพูดขณะที่ฉันจ้องมองเขาฉันรู้สึกตกใจ แต่ก็มีความสุขไปพร้อม ๆ กัน ฉันอยากเปลี่ยนอะไรหลายอย่างมานานแล้ว แต่ฉันก็รู้ว่าเขาคงไม่ยอมแน่ไม่รู้สิ เหมือนกับว่านี่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยวางจากเอมม่าได้จริง ๆ และแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจฉันจริง“โอเค” ฉันยิ้มให้เขา ปล่อยให้ความจริงนั้นซึมลึกเข้าไปในใจ"เราสามารถปรึกษากับนักออกแบบตกแต่งภายในได้พรุ่งนี้ ผมมั่นใจว่าเบียงก้า เมเยอร์ส จะสามารถรับงานเราได้ แม้เธอจะมีตารางงานแน่นแค่ไหนก็ตาม คุณสามารถบอกเธอได้เลยว่าอยากได้อะไรแล้วปล่อยให้เธอจัดการ หรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณ"และเซอร์ไพรส์ก็ยังไม่หมด ทุกคนรู้จักเบียงก้า เมเยอร์ส เธอเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่เก่งที่สุดในประเทศ และเธอทำงานเฉพาะให้กับคนรวยและผู้มีอิทธิพลเท่านั้น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะได้ร่วมงานกับเธอ“ตกลง” ฉันบอกเขาโดยพยายามเก็บความตื่นเต้นไม่ให้ล้นจนเกินไป “แต่ฉันอยากให้คุณกับโนอามีส่วนร่วม เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกคุณเหมือนกัน และฉันก็อยากให้พวกคุณรู้สึกสบายใจที่นี่”"ผ
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร